ทันทีที่เจ้ากรมอาญาเอ่ยจบ ทั่วทั้งท้องพระโรงก็เกิดเสียงฮือฮา! องค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์กลับใช้อำนาจโดยมิชอบ ปกป้องผู้กระทำผิด! คนตระกูลต่งทั้งเจ้านายและบ่าวไพร่หลายร้อยชีวิตถูกสังหารในคืนเดียว นี่เป็นเรื่องใหญ่สะเทือนขวัญไปทั้งเมืองหลวง! จะต้องถูกสอบสวนอย่างเข้มงวด! ฮ่องเต้หวู่สีหน้าบึ้งตึง เอ่ยด้วยความกริ้วโกรธ: “เหลวไหลสิ้นดี! รีบไปตามตัวองค์รัชทายาทเข้าวัง! ข้าจะไต่สวนเรื่องนี้ด้วยตนเอง!” หลี่เทียนฉี่ไม่อาจปิดบังรอยยิ้มที่มุมปากได้ วันนี้หลี่หลงหลินถึงคราวเคราะห์แล้ว! “หลี่หลงหลิน ไม่นึกว่าเจ้าจะมีวันนี้! ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความพ่ายแพ้ ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า!” หลี่เทียนฉี่ได้เตรียมการเกลี้ยกล่อมเหล่าขุนนางในราชสำนักไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อเตรียมนำทัพหน้า ริมฝีปากเป็นหอก ลิ้นเป็นดาบ! ในสงครามไร้ดินปืนนี้ ต่อให้หลี่หลงหลินมีสามเศียรหกกร ก็ไม่มีทางชนะ! องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความโกรธหรือยินดีออกมา “มิน่าเล่าถึงพ่ายแพ้ต่อหลี่หลงหลินครั้งแล้วครั้งเล่า พี่ใหญ่ช่างไม่มีความสุขุมรอบคอบ ไม่อาจทำการใหญ่ได้!” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น ในใจก
เขายังคงสามารถมอบตำแหน่งฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยให้แก่หลี่หลงหลินได้อย่างวางใจ แต่เรื่องนี้เขายังคงต้องสืบสวนให้กระจ่าง จับตัวผู้บงการเบื้องหลังออกมาให้ได้! นี่มิใช่เพียงเพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่คนตระกูลต่งหลายร้อยชีวิต! แต่ยังเป็นการปูทางให้หลี่หลงหลินก่อนขึ้นครองราชย์ แม้ว่าคดีฆ่าล้างตระกูลจะถือเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนขวัญไปทั้งเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่เหล่าขุนนางจะต้องมาโต้เถียงกันในท้องพระโรง! ต้องรู้ว่า ในสมรภูมิชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่ไม่ไกล ทุกวันมีคนตายหลายร้อยหลายพันคน แต่ในราชสำนักกลับไม่มีใครสนใจทหารที่ตายไปเหล่านั้น! ฮ่องเต้หวู่ย่อมรู้ถึงเล่ห์กลเบื้องหลังคดีนี้! ตระกูลต่งเป็นเพียงเหยื่อ เบื้องหลังซ่อนเงื่อนงำที่ใหญ่กว่า! ฮ่องเต้หวู่หรี่ตามองเจ้ากรมอาญา ร่างกายแผ่รัศมีแห่งจักรพรรดิ “อ้ายชิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ฮ่องเต้หวู่เอนกายเล็กน้อย นั่งดูเสือสู้กัน เจ้ากรมอาญาไม่คาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล้าแข็งข้อเช่นนี้ ทำให้คำใส่ร้ายที่เตรียมไว้ล่วงหน้ากลายเป็นฟองสบู่ จำต้องเผชิญหน้ากับหลี่หลงหลินโดยตรง: “หลี่หลงหลิน พระองค์ยังกล้าปฏิเสธหรือ!” “จากก
เมื่อคำพูดนี้ดังออกมา ทำให้ทั้งราชสำนักแตกตื่น! เจ้ากรมอาญาตื่นตระหนก และตะโกนว่า: “ยังกล้าบิดเบือนความจริง! หากพิจารณาตามหลักเหตุผล หากนางมิใช่ฆาตกร เหตุใดพระองค์จึงรีบร้อนนำตัวพยานออกจากที่ว่าการอำเภอ!” “ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม แม้องค์รัชทายาทหลี่หลงหลินจะบิดเบือนความจริง กลบเกลื่อนความผิด!” “แต่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาปกป้องฆาตกรไปได้!” เจ้ากรมอาญาตื่นเต้นอย่างมาก เขาก็เพียงรับเงินมาทำงาน ไม่สนใจว่าฆาตกรตัวจริงคือใคร ขอเพียงโค่นล้มหลี่หลงหลินผู้เป็นกำแพงสูงนี้ได้ ก็เพียงพอ! เหล่าบัณฑิตต่างออกมาแสดงตัว ใช้คำสอนของนักปราชญ์วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของหลี่หลงหลิน หวังจะยัดเยียดข้อกล่าวหานี้ให้เขา! หลี่เทียนฉี่ทูลว่า: “เสด็จพ่อ โปรดทรงพิจารณาอย่างถี่ถ้วน! หากยังทรงปล่อยปละละเลยองค์รัชทายาทเช่นนี้ เกรงว่าวันหน้าจะไม่เห็นแม้แต่พระองค์อยู่ในสายตา นี่เป็นการกระทำที่ล่วงเกินเบื้องสูง! ไม่อาจให้อภัยได้!” เขาจงใจละเว้นเรื่องของตระกูลต่ง ยังคิดจะใส่ร้ายหลี่หลงหลินว่าไม่เคารพพระบิดาอีก ฮ่องเต้หวู่มิใช่คนโง่ ก่อนที่หลักฐานจะชัดเจน เขาจะไม่ด่วนสรุป! ฮ่องเต
ไม่ว่าอย่างไร หลี่เทียนฉี่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากความเกี่ยวข้องได้! หลี่เทียนฉี่ยืนตะลึงงัน สายตาเหม่อลอย ราวกับไก่ไม้ “เป็นนางได้อย่างไร?” หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเย็นชา: “เสด็จพ่อ ลูกรู้มานานแล้วว่าเรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง คอยยุยง หวังจะใช้คดีฆ่าล้างตระกูลต่งมาใส่ร้ายลูก” “ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตระกูลต่งยังมีผู้รอดชีวิต จึงรีบไปที่ที่ว่าการอำเภอเพื่อนำพวกนางมาคุ้มครองที่จวนตระกูลซู! ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายลอบทำร้าย กำจัดตระกูลต่งให้สิ้นซาก!” “ดังนั้นลูกจึงจงใจปล่อยข่าว ประกาศให้โลกรู้ เพื่อล่อให้นักฆ่ามา” “เมื่อคืน พระชายาปลอมตัวเป็นผู้รอดชีวิตจากตระกูลต่ง จับตัวนักฆ่าผู้นี้ได้! จึงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลูกได้!” หลี่หลงหลินเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด ความจริงปรากฏ! ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า แสดงว่าเขารู้เรื่องราวคร่าว ๆ แล้ว ทุกคำพูดของเขา ทำให้ใจขององค์ชายใหญ่สั่นสะท้าน มิใช่เพียงเพราะเฟิงถูกจับได้ แต่เป็นเพราะก่อนที่เฟิงจะถูกจับได้ ตนเองได้จัดงานเลี้ยงแขก เหล่าบัณฑิตที่มาร่วมงานล้วนรู้ว่านี่คือพระชายาคนใหม่ของตน! หลี่เทียนฉี่มองไปที่องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ยังคงสงบนิ่ง
ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วอย่างมาก! “ไม่ต้อง! คดีนี้ข้าตัดสินแล้ว!” ในท้องพระโรง ลมพายุโหมกระหน่ำ! ฮ่องเต้หวู่แสดงพระราชอำนาจ ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายต่างก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าเคลื่อนไหว “พวกเจ้าเหล่าคนชั่ว รีบสารภาพมาโดยเร็ว! สารภาพตามตรง แล้วจะจบเรื่องอย่างรวดเร็ว!” ฮ่องเต้หวู่ประทับยืนบนแท่นบัลลังก์ มองลงมายังเหล่าขุนนาง! เฟิงถูกมัดตรึงแน่น เป็นดังปลาบนเขียง ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไร้ประโยชน์ ดวงตาเฟิงสงบนิ่งราวกับน้ำตาย นางตัดสินใจแล้ว เฟิงเอ่ยเสียงเรียบ: “คนตระกูลต่งทั้งเจ้านายและบ่าวไพร่ตายด้วยน้ำมือข้า จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ท่าน!” ทั่วทั้งท้องพระโรงฮือฮา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น คำตอบของเฟิง ทำให้หลี่หลงหลินพ้นผิด ผู้บงการเบื้องหลังบัดนี้ชัดเจนยิ่งนัก! สายตาของผู้คนมองไปยังหลี่เทียนฉี่ หลี่เทียนฉี่ราวกับคนโง่กินใบ้ มีแต่ความขมขื่นที่ไม่อาจพูด ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็นชา: “ใครอยู่เบื้องหลังสั่งการให้เจ้าทำเช่นนี้!” เฟิงเอ่ยเสียงเรียบ: “ข้ารับคำสั่งจากองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ ให้ฆ่าล้างตระกูลต่ง เพียงเพื่อใส่ร้ายองค์รัชทายาทหลี่หลงหลิน!” ในท้องพระโรง เงียบสงัด เ
“ไม่ได้เป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”บัณฑิตทรงคุณวุฒิทั้งหลายรีบลุกขึ้นร้องห้าม“ฝ่าบาท เสือร้ายไม่กินลูกของตน หากพระองค์ทรงประหารองค์ชายและแขวนศีรษะไว้ที่หน้าประตูอู่เหมิน ใต้หล้าจะมองพระองค์เยี่ยงไร? คนรุ่นหลังจะมองพระองค์เยี่ยงไร!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว แม้รู้ว่าเหล่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิจะเข้าข้างหลี่เทียนฉี่แต่เขาย่อมใส่ใจว่าคนรุ่นหลังจะเขียนหนังสือถึงตนเองเยี่ยงไรจริง ๆเขาไม่อยากกลายเป็นกษัตริย์ทรราชคนหนึ่งฮ่องเต้หวู่ลังเลอยู่บ้าง “ขุนนางผู้ภักดีทุกท่านคิดเห็นเช่นไร?”เห็นว่าฮ่องเต้หวู่หวั่นไหวบ้างแล้ว ขุนนางบุ๋นที่ปกติมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายใหญ่ก็รีบลุกขึ้นพูด“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิพูดมีเหตุผล เรื่องนี้องค์ชายใหญ่สมควรประหารก็จริง แต่กระหม่อมคิดว่าคดีฆ่าล้างสกุลต่งมีความซับซ้อนมากเกินไป ยังไม่ควรรีบร้อนในตอนนี้ ควรจะวางแผนระยะยาวพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่แล้ว ฝ่าบาท! วางแผนระยะยาวเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“.....”ขุนนางทั้งหลายขอความเมตตาให้หลี่เทียนฉี่อีกทั้งยังเป็นการมอบทางลงให้ฮ่องเต้หวู่ทางฝั่งนี้ใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลาที่ราชสำนักมักใช้บ่อยๆวันนี้เลื่อนไปพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ไม่
ทุกคนล้วนกระวนกระวายใจขึ้นมาไม่ว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้องค์หญิงใหญ่พูดอันใด ก็ล้วนสามารถสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ได้!ชนิดที่ว่าแม้แต่ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่อยากสืบต่อไปหากสืบทั้งหมดออกมาอย่างกระจ่างชัด ย่อมเป็นภัยต่อราชสำนักครั้นเข้มงวดเกินไปย่อมไม่มีใครทนอยู่ได้ฮ่องเต้หวู่ย่อมเข้าใจหลักการนี้เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงใหญ่ขอกราบทูลโดยไม่ดูเวลาเช่นนี้ จะต้องมีแผนของนางฮ่องเต้หวู่ตั้งสติ เอ่ยเสียงเครียด “อนุญาต”องค์หญิงใหญ่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็นได้ “ลูกเห็นว่าเสด็จพ่อจัดการงานราชกิจทุกวันอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า จึงอยากออกแรงช่วยให้เสด็จพ่อคลายกังวล”“แต่ลูกมีคำขอที่ไม่มีเหตุผล หวังว่าเสด็จพ่อจะพิจารณาเพคะ”ขุนนางทั้งหลายล้วนแปลกใจขุนนางบุ๋นคนใดไม่รู้บ้างว่าองค์หญิงใหญ่และหลี่เทียนฉี่เป็นพวกเดียวกัน?มาถึงตอนนี้กลับไม่บ่น แต่กลับเริ่มหาทางคลายกังวลให้บ้านเมืองกระนั้น?ผิดปกติอย่างยิ่ง!หลี่หลงหลินยิ้มเย็น ลอบบ่นภายในใจ “พังพอนมาอวยพรปีใหม่ให้ไก่ ไม่มีเจตนาดี!”แต่ฮ่องเต้หวู่กลับไม่คิดมากหากขุนนางเข้าใจฮ่องเต้เช่นนี้ เช่นนั้นต้าเซี่ยจะต้องเจริญรุ่งเรื
องค์หญิงใหญ่มองไปทางหลี่หลงหลิน พูดประชดประชันกลับไป “รัชทายาทโปรดชี้แจงให้ชัดเจนด้วย ต้าเซี่ยอันยิ่งใหญ่จะทนนั่งนิ่งดูดายไม่สนใจเรื่องโจรสลัดแคว้นโวกั๋วกระนั้นหรือ? ชีวิตของราษฎรไร้ค่าดุจหญ้าหรืออย่างไร? หากราชสำนักต้าเซี่ยไร้เมตตาเช่นนี้ ไฉนเลยจะก่อตั้งแคว้นได้ ไฉนเลยจะรักษาความสงบเอาไว้ได้!”ถ้อยคำนี้ขององค์หญิงใหญ่ล่วงเกินขุนนางในราชสำนักไม่น้อยแต่เหล่าขุนนางกลับไม่กล้าพูดก่อนหน้านี้มีคดีฆ่าล้างสกุลต่ง ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเรื่องนี้หนีไม่พ้นองค์หญิงใหญ่องค์หญิงใหญ่ก็คือคนบ้าอย่างสมบูรณ์คนหนึ่งหากเป็นศัตรูกับนาง ย่อมไม่มีจุดจบที่ดี!องค์หญิงใหญ่สบมองฮ่องเต้หวู่ พูดเสียงดัง “ฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยด้วย! วันนี้ลูกเห็นที่ดินศักดินาตงไห่ตกอยู่ในความลำบากเพราะโจรสลัดแคว้นโวกั๋วมานาน ไม่อาจอดทนไหวอีกต่อไปเพคะ!”“หาไม่แล้ว ไฉนเลยลูกจะยอมหักใจไปจากเสด็จพ่อ ออกจากเมืองหลวง ไปยังสถานที่ทุรกันดารแห่งนั้น?”องค์หญิงใหญ่พูดจาเลื่อนลอยไร้สาระ มิหนำซ้ำยังคุยโวโอ้อวดถึงความยิ่งใหญ่และอุดมคติอันน่าเลื่อมใสของตนแต่นี่ไม่อาจหนีสายตาของหลี่หลงหลินพ้นองค์หญิงใหญ่จะต้องมีแผนที่ไม่อาจปล่อยให้คนรับร
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค