ค่ายทหารซีเหลียงด้านนอกกระโจมทหาร แสงคบเพลิงวูบไหวราตรีล่วงลึกเหล่าทหารต่างเข้าสู่นิทรา เหลือเพียงกองลาดตระเวนกลุ่มเล็กๆ เดินตรวจตราไปตามแนวค่าย เพื่อป้องกันข้าศึกจู่โจมยามค่ำคืนแม้ทัพซีเหลียงจะเพิ่งบดขยี้ทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ จนแตกพ่ายยับเยิน ต้องหนีกระเซอะกระเซิงไปก็ตาม ทว่ายิ่งอยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ยิ่งมิอาจประมาทแม้เพียงน้อยนิดกุก กุก...พิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินเข้าไปในค่ายทหาร ลงเกาะบนยอดกระโจมหลังหนึ่งมือใหญ่หยาบกร้านข้างหนึ่งปลดกระบอกสาส์นลับออก จากนั้นจึงรีบรุดไปยังกระโจมของรองแม่ทัพทันทีรองแม่ทัพโจวทงคือแม่ทัพคู่ใจคนสำคัญภายใต้บัญชาของซีเหลียงอ๋องหลี่เฟิงอวิ๋น ครั้งนี้ที่ซีเหลียงอ๋องเสด็จเข้าเมืองหลวงเพื่อรับพระราชทานรางวัล ก็ได้มอบหมายอำนาจในการดูแลกิจการซีเหลียงให้แก่โจวทง ทรงไว้วางพระทัยในตัวเขาอย่างยิ่งภายในกระโจมของรองแม่ทัพโจวทง สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ราวกับกำลังรอคอยสิ่งใดอยู่ “ท่านรองแม่ทัพ มีสาส์นจากเมืองหลวงขอรับ!”ทหารนายนั้นยื่นสาส์นพิราบส่งให้โจวทงเขาเหลือบมองเพียงปราดเดียว ก็โบกมือให้ทหารคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนในไ
วาจาเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนผู้หนึ่งได้แม้ฮ่องเต้หวู่จะทรงกุมอำนาจสูงสุด แต่ก็ทรงถูกเหล่าขุนนางกังฉินในราชสำนักใช้เป็นหอกดาบโจวทงกุมกระบี่ประจำกายไว้แน่น กล่าวเสียงเย็นชา “แม้ข้าจะไม่ถนัดการใช้คารม แต่กระบี่ยาวเล่มนี้อยู่ในมือข้า ข้าจะเข้าเมืองหลวงไปสังหารเจ้าพวกกังฉินนั่น! ใช้เลือดสดๆ ของพวกมันเซ่นไหว้ดวงวิญญาณท่านอ๋อง!”ความเยือกเย็นของโจวทง บ่งบอกว่าเขาได้ครุ่นคิดมานานแล้ว มิใช่คำพูดที่พลั้งปากออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบแววตาของหวังหมิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ท่านแม่ทัพโจว ท่านเสียสติไปแล้วหรือ! รู้หรือไม่ว่านี่ต้องโทษสถานใด?”“การก่อกบฏเคลื่อนทัพ มีโทษถึงประหารเก้าชั่วโคตรนะ!”โจวทงแค่นเสียงเย็นชา “ก่อกบฏรึ?”“ข้าเพียงกำจัดขุนนางชั่ว ชำระสะสางข้างฮ่องเต้!”“จะปล่อยให้ฝ่าบาททรงถูกปิดหูปิดตาต่อไปมิได้! ข้าจะทำให้พระองค์ทรงตาสว่าง มองเห็นว่าต้าเซี่ยที่แท้จริงเป็นเช่นไร!”กล่าวจบ โจวทงก็กระชับกระบี่แน่น เดินออกไปนอกกระโจม เตรียมเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวงทันที!หวังหมิงรีบเข้ามาขวางหน้าโจวทง “ไม่ได้เด็ดขาด! ท่านแม่ทัพโจว! อย่าได้วู่วามเป็นอันขาด!”“หากท่านเคล
“ประหารขุนนางกังฉิน ชำระล้างข้างพระองค์!”“ประหารขุนนางกังฉิน ชำระล้างข้างพระองค์!”“...”ซีเหลียงอ๋องเป็นที่รักและเคารพอย่างยิ่งในหมู่ทหารเหล่าทหารจึงขานรับอย่างพร้อมเพรียงทันที!เหล่าทหารหรือจะทนให้ขุนนางกังฉินในราชสำนักทำร้ายแม่ทัพผู้ภักดีเยี่ยงนี้ได้?ทหารยอมตายได้ แต่ไม่อาจถูกหยาม!สุดสายตาของโจวทง ล้วนเป็นเหล่าทหารผู้เปี่ยมด้วยเลือดร้อนแห่งวัยหนุ่มบัดนี้ กองทัพซีเหลียงย่อมต้องฟังคำบัญชาเคลื่อนพลจากเขาอยู่แล้วเพียงมีเหตุผลอันชอบธรรม เหล่าทหารย่อมไม่สงสัยว่าเขามีใจคิดกบฏโจวทงอยู่ในชุดขาวไว้ทุกข์ ราวกับกำลังสวมผ้าป่านแสดงความกตัญญูเขายกชามสุราโลหิตขึ้นเหนือศีรษะ จ้องมองท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิดดุจผืนน้ำ กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง หากดวงวิญญาณท่านรับรู้ได้บนสวรรค์ โปรดอภัยให้ความหุนหันพลันแล่นของข้าน้อยด้วย!”“หากมิอาจล้างแค้นทวงคืนความยุติธรรมให้ท่านอ๋องได้ ข้าน้อยก็ไม่มีหน้าไปพบท่านในปรโลก!”“วันนี้ ข้าน้อยจะนำเหล่าทหาร บุกเข้าเมืองหลวงกำจัดขุนนางกังฉิน แม้ต้องลุยน้ำลุยไฟเพื่อท่านอ๋อง ก็หาได้ลังเลไม่!”“ขอท่านอ๋องโปรดพักผ่อนอย่างสงบ ณ ปรโลกด้วยเถิด!”กล่าว
“เจ้ารวบรวมทหารในกองทัพด้วยเหตุใด!”“หรือว่าเจ้าคิดจะก่อกบฏกันแน่!”หลี่เฟิงอวิ๋นเหงื่อผุดซึมเรื่องราวเป็นไปดังที่หลี่หลงหลินกล่าวไว้จริงๆข่าวการตายของตนเองหากแพร่กลับไปถึงซีเหลียง จะต้องทำให้เกิดการกบฏในกองทัพอย่างแน่นอน!ยังดีที่หลี่หลงหลินคาดการณ์แม่นยำราวเทพยดา มิฉะนั้นจะต้องก่อให้เกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงเป็นแน่!ตนเองส่งข่าวสารด่วนแปดร้อยลี้ เดินทางทั้งวันทั้งคืน ม้าเร็วชั้นดีต้องเหนื่อยตายไปถึงสามตัว กว่าจะตามมาทันได้อย่างหวุดหวิดเพียงพอที่จะเห็นได้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนเพียงใด!หลี่เฟิงอวิ๋นตวาดสั่ง “ทหาร! ยึดกระบี่ประจำตัวของเขามา!”บัดนี้ แม้แต่รองแม่ทัพที่ตนไว้วางใจที่สุดก็ยังมีใจคิดกบฏหลี่เฟิงอวิ๋นไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อยต้องแสดงอำนาจเด็ดขาดปานสายฟ้าฟาด มิฉะนั้นเกรงว่าจะมีคนฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้นอีก!ทหารสองสามนายก้าวไปข้างหน้า จับกุมตัวโจวทงไว้จากนั้นก็ปลดกระบี่ประจำตัวของเขาออกแม้โจวทงจะไม่เต็มใจอย่างยิ่งแต่บัดนี้ตัวคนเดียว คิดจะต่อกรกับกองทัพใหญ่ซีเหลียงทั้งหมด ก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน ไม่ประมาณตน!โจวทงกล่าวเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกใส่ร้าย
“ตอนนี้เสนาธิการทัพหวังอยู่ที่ใด!”หลี่เฟิงอวิ๋นเป็นห่วงสถานการณ์ของหวังหมิงอย่างยิ่งแผนการล่อลวงคนป่าเถื่อนทางตอนเหนือเข้าสู่กับดัก แล้วทำลายล้างเสียให้สิ้นในคราวเดียว ล้วนเป็นกลอุบายของหวังหมิง!ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของซีเหลียงครั้งนี้ ความดีความชอบของหวังหมิงมิอาจลบเลือนได้!บัดนี้ รางวัลที่ตนเคยรับปากหวังหมิงไว้ก็ยังไม่ได้มอบให้ แต่เขากลับตกอยู่ในสภาวะเป็นตายเท่ากันเสียแล้ว!ทหารผู้ส่งข่าวประสานมือคำนับกล่าวว่า “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้เสนาธิการถูกส่งตัวไปรักษาแล้ว สถานการณ์โดยละเอียดข้าน้อยก็ไม่ค่อยทราบชัดเจนขอรับ”“พบเขาในกระโจมทหารหลังใด!”แม้ในใจหลี่เฟิงอวิ๋นจะคาดเดาได้แล้ว แต่เขายึดถือหลักฐานก่อนที่หลักฐานจะชัดเจน จะไม่ด่วนสรุปอย่างเด็ดขาด!ทหารผู้นั้นมองโจวทงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นกัน โกรธแต่ไม่กล้าพูด หลี่เฟิงอวิ๋นตวาด “อย่างไร! หรือเจ้ายังกลัวว่าข้าอยู่ในกองทัพนี้แล้วจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าไม่ได้หรือ?”“พูดมา!”ทหารผู้นั้นพยักหน้า “ข้าพบเสนาธิการหวังในกระโจมของแม่ทัพโจวขอรับ ยังดีที่ไปทัน ร่างกายยังพอมีไออุ่นหลงเหลืออยู่บ้าง”หลี่เฟิงอวิ๋นถลึงตามองโจวทงแว
หลี่เฟิงอวิ๋นกล่าวเสียงกร้าว “ตัดหัวเขา ส่งม้าเร็วแปดร้อยลี้ไปยังเมืองหลวง ส่งไปยังจวนองค์รัชทายาททันที!”“ขอรับ!”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยในฐานะบุคคลที่อยู่ใจกลางวังวนเขาสัมผัสได้แล้วว่า สถานการณ์ที่พลิกผันคาดเดาไม่ได้ในขณะนี้ หากพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกดึงเข้าไปสู่หายนะที่มิอาจฟื้นคืนขอเพียงสามารถส่งศีรษะของผู้ก่อกบฏและจดหมายลับที่สมคบกับศัตรูไปถึงมือของหลี่หลงหลินได้คันชั่งสถานการณ์ในราชสำนักจะต้องเอียงมาทางหลี่หลงหลินอย่างแน่นอนสถานการณ์ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันอภิเษกสมรสของหลี่หลงหลินแล้วเกรงว่าในราชสำนักคงมีคลื่นใต้น้ำปั่นป่วน เตรียมพร้อมที่จะลงมือกับหลี่หลงหลินได้ทุกเมื่อ!“หวังว่าจดหมายฉบับนี้และศีรษะของผู้ก่อกบฏจะช่วยองค์รัชทายาทได้”หลี่เฟิงอวิ๋นเงยหน้ามองจันทร์ ถอนหายใจยาว “ความสามารถขององค์รัชทายาทเหนือกว่าจินตนาการของข้าไปนานแล้ว ความสำเร็จในภายหน้าจะต้องเหนือกว่าเสด็จพ่ออย่างแน่นอน!”“สามารถขึ้นตรงต่อประมุขผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ข้าหลี่เฟิงอวิ๋นยอมรับจากใจจริง”...เมืองหลวงกำหนดการอภิเษกสมรสใกล้เข้ามาเรื่
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วหรูเยียนซึ่งกำลังแต่งหน้าให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันอภิเษกสมรสของน้องเล็กแล้ว...”น้ำเสียงของหลิ่วหรูเยียนแฝงแววเศร้าสร้อยอยู่บ้างซูเฟิ่งหลิงมองผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์ เห็นสีหน้ายินดีแต่เดิมของหลิ่วหรูเยียนพลันแข็งค้างบนใบหน้าซูเฟิ่งหลิงวางมือลงบนหลังมือของหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านไม่ต้องอาลัยอาวรณ์ข้านักหรอกหลังแต่งงานก็แค่ย้ายเข้าไปอยู่ในวัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตระกูลซูเท่าใดนัก ท่านแวะเวียนไปหาข้าที่วังได้เสมอ”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้ารับส่วนหนึ่งนางอาลัยอาวรณ์น้องเล็กแต่ส่วนใหญ่คือความอิจฉาเมื่อใดกันที่หลี่หลงหลินจะสามารถตบแต่งตนเองเข้าจวนอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมได้?หลิ่วหรูเยียนมองไม่เห็นความหวังหลิ่วหรูเยียนฝืนยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรหรอกน้องเล็ก ขอเพียงเจ้ากับองค์รัชทายาทมีความสุข ก็ดีกว่าสิ่งใดแล้ว”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตั้งใจมองดูกระดาษสีแดงในมือที่เขียนไว้แน่นขนัดแผ่นนั้นตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน การแต่งงานล้วนเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตยิ่งไปกว่านั้น คู่หมายของซูเฟิ่งหลิงคือองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน จึงยิ่งให้ค
ลั่วอวี้จู๋ส่ายศีรษะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ขอเพียงพรุ่งนี้น้องเล็กสามารถออกเรือนไปได้อย่างราบรื่น ความปรารถนาของข้าก็สมบูรณ์แล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าซูมองลั่วอวี้จู๋ แล้วถามว่า “สินสอดและของใช้ต่างๆ ที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ เตรียมไปถึงไหนแล้ว?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า ยื่นรายการที่รวบรวมไว้แล้วให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูม “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ของทุกชิ้นได้ตรวจนับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”ที่สำคัญที่สุดคือชุดอันงดงามที่ปักลายไก่ฟ้าและกวานหงส์ทองหนึ่ง ที่ประดับด้วยไข่มุกยอดกวานหงส์เป็นผลงานที่พี่สะใภ้สี่ หลิ่วหรูเยียน สร้างขึ้นด้วยมือตนเองใช้อัญมณีไปนับไม่ถ้วน เฉพาะเวลาในการทำงานอย่างเดียวก็กินเวลาของหลิ่วหรูเยียนไปทั้งปี!ที่เหลือก็เป็นเครื่องประดับ ทองคำ และของใช้ทั่วไปอื่นๆตระกูลซูส่งลูกสาวออกเรือน เรียกได้ว่าสินสอดนั้นมากมายมหาศาลอย่างยิ่งไม่เพียงเพราะความสัมพันธ์ที่หลี่หลงหลินเป็นองค์รัชทายาทแต่ยังเป็นเพราะราชวงศ์ต้าเซี่ยปฏิบัติต่อตระกูลซูเป็นอย่างดีตระกูลซูต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้ ย่อมไม่กล้าทำให้ดูน่าขันหรือเสียหน้าเด็ดขาดดังนั้นฮูหยินผู้เฒ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค