ห้องทรงพระอักษรแสงจันทร์สว่างไสวภายนอกหน้าต่าง ลมหนาวพัดผ่านอย่างเงียบงันแสงจันทร์สายหนึ่งสะท้อนผ่านหน้าต่างกระทบใบหน้าฮ่องเต้หวู่ฮ่องเต้หวู่ยกจอกสุรา ดื่มสุราเข้มๆ ในจอกรวดเดียวจนหมด!เดิมทีวันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทบัดนี้สมควรเริ่มงานเลี้ยงต้อนรับญาติมิตร มีความสุขกันทั่วแคว้น!แต่ตอนนี้มีเพียงฮ่องเต้หวู่กำลังดื่มสุราเว่ยซวินยืนเงียบงันอยู่ข้างกาย ไม่กล้ากระทั่งหายใจแรงแต่ลงท้ายเขายังไม่อาจอดทนไหว สืบเท้าขึ้นมาข้างหน้า “ฝ่าบาท พระวรกายสำคัญยิ่ง ท่านดื่มลงไปเช่นนี้จะส่งผลต่อร่างกายเอาได้พ่ะย่ะค่ะ!”เว่ยซวินเป็นสหายข้างกายฮ่องเต้หวู่มานานหลายปี ไม่เคยเห็นเขาทุกข์ใจเช่นนี้มาก่อนสามารถมองออกได้ว่าเรื่องซีเหลียงในครั้งนี้เพียงพอให้เขารู้สึกทุกข์ใจอย่างมากภายในใจฮ่องเต้หวู่พูดเสียงเย็นชา “เว่ยซวิน เราถามเจ้า! หากเจ้าเป็นเรา เจ้าจะจัดการคนทรยศเยี่ยงไร?”แม้ว่าเว่ยซวินไม่รู้ว่ารายงานการศึกที่หลี่หลงหลินมอบขึ้นมาพูดว่าอะไรแต่เขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี สัญชาตญาณที่สมควรมีก็ยังมีอยู่เว่ยซวินคุกเข่าบนพื้น หมอบตัวแนบพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมจะสามารถเทียบกับฝ่าบาทท่านได้
ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง หากยังไม่จัดการเรื่องนี้ภายภาคหน้าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน!จู่ๆ สายตาองค์หญิงใหญ่ก็ตกลงบนลายพระนามของฮองเฮาหลู่ ไหวพริบทำงานในทันใดคล้ายหญ้าช่วยชีวิตกำลังพลิ้วไหวอยู่เบื้องหน้า“เสด็จพ่อ! ลูกถูกปรักปรำเพคะ!”“ปรักปรำ? ล้วนมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังแก้ตัว ข้าว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่เจอทางตันก็ไม่คิดหันหลังกลับ!”องค์หญิงใหญ่ยกจดหมายลับตัวสั่นเทา พูดว่า “เสด็จพ่อ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนของเสด็จแม่ ไม่เกี่ยวอันใดกับลูกเพคะ!”“อะไรนะ?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วองค์หญิงใหญ่อธิบายต่อ “ลูกออกไปเป็นทูตมานานหลายปี ต่อให้มีความสามารถยิ่งใหญ่ ก็ไม่สามารถสมคบคิดกับรองแม่ทัพโจวทงแห่งซีเหลียงได้ ลูกโจมตีหลี่หลงหลินในราชสำนัก ก็เพื่อระบายโทสะให้องค์ชายสามเท่านั้น”“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...”องค์หญิงใหญ่บีบน้ำตาออกมาสองสาย พูดพลางสะอื้นไห้ “แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะถูกเสด็จแม่หลอกใช้...”“นี่ล้วนเป็นแผนของเสด็จแม่เพียงคนเดียวเพคะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น “เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าถูกฮองเฮาหลู่บงการกระนั้น?”องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า “ลูกไม่ได้หมายความเช่นน
เว่ยซวินปรนนิบัติฮ่องเต้หวู่มานานหลายปีรู้อุปนิสัยใจคอของเขาอย่างลึกซึ้งแม้ว่าฮองเฮาหลู่ถูกขังในตำหนักเย็นแล้วแต่ก็เคยเป็นสนมรักที่สุดมาก่อนบัดนี้จุดจบที่ดีที่สุดของฮองเฮาหลู่ก็คือหายไปจากสายตาทุกคนอย่างเงียบๆฮ่องเต้หวู่สบถเสียงเย็น “จำไว้ว่าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เว่ยซวินประสานมือถอยออกไปอย่างเชื่องช้าเขาเชี่ยวชาญเรื่องพรรค์นี้ยิ่งนักฮ่องเต้หวู่ทอดสายตามองสีท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิดดุจสายน้ำ สุราเริ่มออกฤทธิ์“ช่างเถอะ เตรียมเกี้ยว! เราจะไปตำหนักฉางเล่อ!”สุดท้ายบางคนก็เป็นเพียงอดีต.....จวนสกุลซูภายในห้องหอเทียนมงคลลายดอกไม้สว่างไสว สะท้อนลงบนใบหน้ารูปไข่ที่กำลังแดงก่ำของซูเฟิ่งหลิง ขับเน้นให้งดงามดุจเทพธิดาหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ ทอดสายตามองซูเฟิ่งหลิงอย่างลึกซึ้ง ภายในสายตาเปี่ยมความรักใคร่เอ็นดูซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าน้อยๆ พลางเอ่ยปาก “องค์ชาย ไม่ได้เห็นท่านยิ้มดีใจเช่นนี้มานานมากแล้ว”งานราชการรัดตัว ต่อให้หลี่หลงหลินอยากอารมณ์ดี ก็มีเรื่องทำให้เขาไม่อาจอารมณ์ดีขึ้นได้แต่วันนี้ต่างออกไปหลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “สนมรัก เจ้ารู้ว่าสี่เรื่องน่ายินดียิ่งใหญ่ท
พูดว่าไม่แปลกใจ ก็ดูจะโกหกแสงเทียนมงคลในคืนเข้าหอ ยามมังกรขี่หงส์แต่จะให้สะใภ้เหล่านี้ไปฟังความเคลื่อนไหวหน้าห้องหอนี่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้อยู่บ้างทว่าเดิมทีหลิ่วหรูเยียนก็คือนางคณิกาในสำนักการสังคีต ย่อมรู้เรื่องระหว่างชายหญิงเหล่านี้อยู่บ้างดังนั้นนางจึงแปลกใจมาก!คืนนี้จะต้องไปสำรวจดูให้ได้ลั่วอวี้จู๋หน้าแดงด้วยความเขินอาย ก้มหน้าลงพลางพูด “น้องหญิงสี่ หากเจ้าอยากไป เจ้าก็ไปด้วยตนเองเถอะ!”หลิ่วหรูเยียนรับคำ “ข้าต้องไปแน่นอน อย่างไรเสียเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิงก่อนคืนแต่งงานก็เป็นข้าชี้แนะน้องหญิงเล็กเอง”“ในฐานะอาจารย์ข้าย่อมต้องรับประกันคุณภาพการบ้านของนักเรียน ไม่สามารถเรียนรู้เพียงทฤษฎีได้ จะต้องปฏิบัติจริงถึงจะใช้ได้”“ปฏิบัติจริง?”กงซูหว่านหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกแล้วสายตาหลิ่วหรูเยียนกวาดมองสะใภ้เหล่านี้ ใบหน้าแต่ละคนล้วนแดงก่ำ“พี่สะใภ้ทั้งหลาย ตอนนี้พวกท่านตัดสินใจไปก็ยังทัน หากยังช้ากว่านี้ก็สายไปแล้ว!”ท่าทีของลั่วอวี้จู๋หนักแน่น ส่ายหน้าคล้ายป๋องแป๋งก็มิปาน “ไม่ไปๆ!”สะใภ้รองกงซูหว่านขบเม้มกลีบปากสีอิงเบาๆ สายตาลังเลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายนางก็ส่ายหน้า
ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ ไม่อาจรับมือในทันทีเลยได้ยามตนเองเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้เริ่มแอบดูก็ถูกหลิ่วหรูเยียนจับได้แล้วหลิ่วหรูเยียนจับจ้องลั่วอวี้จู๋อย่างสงสัย ลดเสียงให้เบาลง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านคงไม่ใช่อยากมาแอบดูหรอกกระมัง?”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงยิ่งขึ้น พูดอ้ำอึ้ง “ข้าเพียงดื่มชาตอนกลางคืนมากไปจึงตื่นขึ้นมากลางดึกก็เท่านั้น! บังเอิญผ่านมา!”หลิ่วหรูเยียนเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “พี่สะใภ้ใหญ่ หากข้าจำไม่ผิด ห้องที่ท่านอยู่คล้ายไม่ได้มาทางนี้กระมัง?”ลั่วอวี้จู๋ทำเป็นไม่รับรู้ แสร้งไม่ได้ยิน ย่อตัวลงข้างหลิ่วหรูเยียน “ในเมื่อมาแล้ว แอบฟังสักหน่อยจะเป็นไรไป”หลิ่วหรูเยียนยิ้มน้อยๆ หลีกทางให้ลั่วอวี้จู๋อย่างรู้ความสองคนได้ยินเสียงหยอกเย้าภายในห้องหอ เพลิดเพลินอย่างมาก“หรูเยียน ยังเป็นเจ้ารู้จักเลือกที่ คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะได้ยินชัดถึงเพียงนี้”ฟังเพียงเสียงที่ดังออกมาจากห้องหอ ทั้งสองคนก็สามารถนึกภาพออกได้ว่าเกิดอันใดขึ้นภายในห้องหอแล้วเพียะ!เสียงอิฐบนกำแพงด้านหนึ่งหล่นลงมา“มีคน!”เสียงร้องเตือนของซูเฟิ่งหลิงภายในห้องหอดังขึ้นหลิ่วหรูเยียนและลั่วอวี้จู๋ต่างตึงเครียดขึ้นม
กงซูหว่านสำรวจลั่วอวี้จู๋และหลิ่วหรูเยียน “เหตุใดทั้งสองท่านถึงมาอยู่ที่นี่...”หลิ่วหรูเยียนพูดว่า “ข้ามาเก็บผลการเรียนของนักเรียน...”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋แดงเรื่อ “ข้าเพียงตื่นกลางดึก บังเอิญผ่านมา เจ้าอย่าเข้าใจผิดเล่า”หลิ่วหรูเยียนพูดยิ้มๆ “ตอนนี้ก็เหลือเพียงพี่สะใภ้สามแล้ว...”กงซูหว่านส่ายหน้าและพูดว่า “ชิงไต้ไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน น่ากลัวว่านางคงนอนหลับฝันไปตั้งนานแล้ว...”“ชู่ว์!”“อย่าดัง!”“ข้าได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขาสองคนกำลังพูดอะไร!”เสียงคุ้นหูสายหนึ่งดังขึ้นทางด้านบนแต่กลับได้ยินเพียงเสียง มองไม่เห็นคนหลิ่วหรูเยียนพูดเสียงเครียด “ข้าได้ยินไม่ผิดไปกระมัง เมื่อครู่คล้ายเสียงของพี่สะใภ้สาม”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าลง ชี้ไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น “เจ้าได้ยินไม่ผิดจริงนั่นล่ะ คนก็อยู่บนนั้นอย่างไรเล่า...”หันมองตามนิ้วมือของลั่วอวี้จู๋ไม่รู้ซุนชิงไต้ปรากฏตัวบนต้นไม้ตั้งแต่ยามใด บัดนี้อยู่เหนือศีรษะตนหลิ่วหรูเยียนพูดเบาๆ “เลื่อมใส เลื่อมใสจริงๆ ยังเป็นพี่สะใภ้สามฝีมือเหนือชั้น”ซุนชิงไต้กระโดดลงจากต้นไม้ มาหยุดข้างกายทั้งสามคนสบสายตากัน ทำเพียงยิ้มรับ
หลังสะใภ้ทั้งสี่จากไปภายนอกห้องหอก็กลับมาเงียบลงดังเดิมหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ “เห็นทีพวกพี่สะใภ้ล้วนไปทั้งหมดแล้ว”ภายใต้แสงเทียนพลิ้วไหว ใบหน้ารูปไข่ของซูเฟิ่งหลิงมองดูแล้วอ่อนโยนงดงามมากยิ่งขึ้นหลี่หลงหลินเป่าเทียน โอบซูเฟิ่งหลิงไว้ในอ้อมกอดซูเฟิ่งหลิงอิงแอบอยู่ภายในอ้อมกอดของหลี่หลงหลิน พูดพึมพำ “พวกพี่สะใภ้นี่จริงๆ เลย...ทำให้ข้าอายแทบแย่”หลี่หลงหลินหัวเราะ “พวกพี่สะใภ้ก็แค่กังวล หวังว่าพวกเราจะมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหลี่โดยเร็วก็เท่านั้น”มีทายาทสืบสกุลคือเรื่องใหญ่ของการแต่งงานก่อนแต่งงานซูเฟิ่งหลิงเคยได้ยินพี่สะใภ้สี่กำชับมาก่อนซูเฟิ่งหลิงช้อนดวงตาใสซื่อไร้พิษสงขึ้นและถามว่า “จะทำเช่นไร จูบปากตอนนี้หรือ?”หลี่หลงหลินมีเหงื่อผุด รู้สึกระอาภายในใจ “หรือว่าพี่สะใภ้สี่สอนเพียงแค่นี้? ดูท่าแล้วยังต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างข้าสอนด้วยตนเอง”คืนนั้นทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันตลอดคืน เสียงเตียงสั่นไหวไม่หยุดตำหนักเย็นตำหนักเย็นที่เคยถูกไฟไหม้มาก่อนมีซากปรักหักพังทั่วทุกหนแห่งฮ่องเต้หวู่ตัดสินใจลืมที่แห่งนี้ไปจนสิ้นไม่มีวันส่งคนมาซ่อมแซมนอกจากตำหนักเย็นแล้ว พระร
พูดพลาง ฮองเฮาหลู่เดินออกไปภายนอกด้วยตนเองชั่วขณะนั้น นางรู้สึกราวกับได้อำนาจกลับคืนมา!ชิ้ง!แสงเงินสายหนึ่งวูบไหวองครักษ์เสื้อแพรสองคนชักดาบออกจากฝัก คมดาบขวางหน้าฮองเฮาหลู่เอาไว้สีหน้าฮองเฮาหลู่ตกตะลึงพรึงเพริด “เว่ยกงกง นี่หมายความอะไร?”เว่ยซวินยิ้มจางๆ “ฮองเฮาหลู่ น่ากลัวว่าท่านเข้าใจความนัยของกระหม่อมผิดไปแล้ว”เสียงฮองเฮาหลูสั่นเครือ “เจ้าไม่ได้มารับข้ากลับตำหนักเฟิ่งซีหรือ?”เว่ยซวินส่ายหน้า “เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมาส่งท่านออกเดินทาง”“เดิน...เดินทาง?”ฮองเฮาหลู่เซถลาไปหนึ่งก้าว ล้มลงบนพื้นแสงเทียนสลัวตัดกับแสงเย็นของดวงจันทร์สะท้อนลงบนใบหน้าเผือดซีดของฮองเฮาหลู่“นี่เป็นไปไม่ได้!”“ใครส่งเจ้ามา!”“บังอาจ! เจ้าเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งข้างกายข้าเท่านั้น เจ้าก็กล้าคิดเอาชีวิตฆ่า! หรือเจ้าไม่กลัวฮ่องเต้หวู่ลงโทษเจ้า?”เว่ยซวินผลิยิ้มขมปร่า โยนผ้าแพรขาวยาวสามฉื่อลงบนตัวฮองเฮาหลู่“ฮองเฮาหลู่ เป็นท่านลงมือด้วยตนเอง หรือจะให้กระหม่อมช่วยท่าน?”ยามได้เห็นผ้าแพรขาวพระราชทานนั้นสมองของฮองเฮาหลู่ขาวโพลนในทันใดนางไม่เข้าใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตกลงเกิดเรื่องใดข
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค