เจ้าคนไร้ประโยชน์ที่มือสะอาด?หลี่หลงหลินอับอายเหลือทน!คำพูดนี้ไม่ว่าจะฟังอย่างไร ก็ไม่ได้คล้ายว่ากำลังชื่นชมเขาอยู่เลยไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องทำตัวดีๆ ต่อหน้าพี่สะใภ้ใหญ่เอาไว้ ขุดรากถอนโคนความรู้สึกแย่ๆ ที่นางมีต่อเขาอย่างลึกซึ้งนั่นทิ้งไปให้ได้!“ข้าเข้าใจแล้ว!”“ในเมื่อข้าเป็นเขยตระกูลซู กิจของตระกูลซูก็เป็นกิจของข้า!”“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านบอกให้ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้เลย เรื่องของตระกูลซูข้าดูแลเอง!”หลี่หลงหลินตบหน้าอก เอ่ยปากสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะลั่วอวี้จู๋งงงวย มองไปที่หลี่หลงหลินอย่างว่างเปล่าองค์ชายเก้าพระองค์นี้ โง่จริงๆ หรือไร?ตนพูดอยู่นานจนน้ำลายแห้ง แต่เขาดูเหมือนจะไม่ได้เข้าใจเลย!และตอนนี้ ตระกูลซูตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากจำนวนเงินที่ต้องการนั้นมากเกินไปจริงๆ อย่างน้อยก็หนึ่งล้านตำลึง!ต่อให้ฮ่องเต้จะเสด็จมาเอง แต่หากไร้ฟืนฟาง สตรีหลักแหลมก็ยากจะทำอาหาร[footnoteRef:1]! [1: หมายความว่าหากไม่มีเงื่อนไขหรือวัตถุสิ่งของที่จำเป็น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความสามารถเพียงใด ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ] ยิ่งกว่านั้น หลี่หลงหลินยังเป็นเพียงองค์ชายไร้ประ
ซูเฟิ่งหลิงโกรธอย่างยิ่ง นางชี้ไปที่จมูกของหลี่หลงหลินแล้วตะโกน “ข้าเป็นบุตรีภรรยาเอกของตระกูลซู เจ้าคิดจะขายบ้านบรรพบุรุษของตระกูลซู เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับข้าเช่นนั้นหรือ?”“ข้าจะฆ่าเจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงไม่พูดไม่จาก็หยิบหอกเงินขึ้นมา พุ่งเข้าแทงหลี่หลงหลินทันที!เมื่อเหล่าเจ้าของหอเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็ตกใจกลัว หน้าซีดเผือดซูเฟิ่งหลิงผู้นี้เป็นสิงโตเหอตง[footnoteRef:1]ดังคำว่าจริงๆ ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว! [1: หมายถึง ภรรยาที่ขี้หึง อารมณ์ร้าย] โชคดีที่องค์ชายของพวกตนไม่ได้ตกลงอภิเษกตามที่ฮ่องเต้ประทานให้หากเหล่าองค์ชายเลอะเลือนไปชั่วครู่ แต่งเสือโคร่งตัวนี้ไป ไม่เพียงแต่ตนเองต้องทุกข์ทรมาน แต่ยังกระทบไปถึงผู้น้อยใต้อาณัติด้วยเฮ้อ!องค์ชายเก้าน่าอนาถโดยแท้!พวกเขาหลับตากันทีละคน คร่ำครวญถึงหลี่หลงหลินอยู่ในใจควั่บ!หลี่หลงหลินใจเย็นไม่เร่งร้อน หยิบโฉนดที่ดินขององค์ชายหกออกมาจากอ้อมแขน แล้วกางออกต่อหน้าธารกำนัล “ซูเฟิ่งหลิง เจ้าเบิกตาแล้วดูให้ชัด! ข้าในนามของเสด็จพ่อ กำลังทำการขายจวนของพี่หก! นี่มันกิจของเจ้าหรืออย่างไร?!”หอกเงินในมือของซูเฟิ่งหลิงฉายแสงเย็นเยียบ กำ
ซูเฟิ่งหลิงที่ถูกชมจนเขินอาย ใบหน้างดงามแดงก่ำขึ้นกว่าเดิมนางมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้งหนึ่งครั้ง รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งคิดไม่ถึงในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เป็นหลี่หลงหลินที่ก้าวเข้ามาช่วยนางแก้ปัญหาเขาคนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด...หลี่หลงหลินสองมือเท้าเอว ดูราวบุรุษที่ชอบออกคำสั่ง และตะโกนว่า “ข้าให้เจ้ารำหอก เจ้ายังยืนนิ่งอยู่ด้วยเหตุใด?”จมูกของซูเฟิ่งหลิงเกือบจะบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่นี้หายวันไปทันที!ควั่บ ควั่บ ควั่บ...ซูเฟิ่งหลิงพลิกตัวไปมา หอกเงินในมือพลิ้วไหวเริงระบำจนไม่เหลือช่องว่างอากาศ ถ่ายเทเจตนาฆ่าทั้งหมดที่มีต่อหลี่หลงหลินลงไปในการแสดงรำหอกครั้งนี้!หลังจากนั้นไม่นานหลังจากการรำหอกเสร็จสิ้น ซูเฟิ่งหลิงก็ยืนถือหอกไว้ในมือ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ดวงตามองเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน!หลี่หลงหลินไม่ไหวติง “รำเสร็จแล้วหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าหลี่หลงหลินดุเข้าว่า “รำเสร็จแล้วยังไม่รีบออกไปอีก? นิ่งอยู่เป็นเสาไม้หรือ? ไปเฝ้าประตูเสีย อย่ารบกวนการค้าขายของข้ากับบรรดาเจ้าของหอทั้งหลาย”“ท่าน...”ซูเฟ
แม้แต่องค์ชายเก้าก็ไม่อยู่ในสายตาเช่นนั้นหรือ?มันจะมากเกินไปแล้วนะ!ลั่วอวี้จู๋ระงับความโกรธในใจ “เจ้าของหอทุกท่าน! จวนขององค์ชายหก ไม่ว่าจะในแง่ของจุดยุทธศาสตร์หรือตำแหน่งที่ตั้ง ล้วนยอดเยี่ยมทั้งสิ้น! ศาลา ระเบียง หอคอย ชายคาโต๋วก่ง[footnoteRef:1] วิจิตรงดงาม แม้ว่าจะไม่ดีเท่าเมืองต้องห้าม แต่ก็ห่างกันไม่ไกล” [1: โครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของสิ่งปลูกสร้างหรือสถาปัตยกรรมจีนโบราณ เป็นวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน] “มูลค่าอย่างน้อยก็ต้องห้าหมื่นตำลึงเงิน”“แต่พวกท่านกลับยอมออกเงินประมูลเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง นี่ก็รังแกกันเกินไปแล้ว…”เจ้าของหอทั้งแปดได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที“เจ้าของร้านลั่ว ท่านเป็นก็เป็นนักพาณิชย์ เช่นนั้นก็พูดให้กระจ่างกันเถอะ!”“ในช่วงเวลาปกติ จวนขององค์ชายหกไม่ต้องพูดถึงห้าหมื่นตำลึง แม้แต่หนึ่งแสนตำลึงก็ยังซื้อไม่ได้!”“แต่ท่านก็รู้ดี ว่านั่นคือราคาของยามปกติ!”“ตอนนี้มันยามใดกันแล้ว? กองทัพใหญ่ของหมานอี๋ก็เกือบจะมาถึงเมืองหลวงอยู่แล้ว!”“ท่านเองก็ไม่ลืมตาดูเล่า? แต่ละวันมีคนหนีออกจากเมืองหลวงไปกับครอบครัวแล้วกี่ครัว?!
ห้าแสนตำลึง!ได้ยินราคาที่สูงเสียดฟ้านี้ เจ้าของหอทั้งแปดก็ตกตะลึง!จวนพังๆ ที่ไม่คุ้มค่าแม้แต่ตำลึงเดียว กลับคิดจะขายออกไปในราคานี้หรือ?องค์ชายเก้าข้นแค้นจนเป็นบ้าไป!เจ้าของหอคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “องค์ชายเก้า นี่พระองค์ปล้นกันชัดๆ!”หลี่หลงหลินยิ้ม “คำพูดนั้นผิดไปแล้ว! นี่เร็วกว่าปล้นเสียอีก...”“องค์ชายเก้าไม่มีความจริงใจเลยแม้เพียงนิด การหารือครานี้ ก็ช่างมันปะไร!”“เหอะ! เดิมทีข้ายังอยากช่วยยื้อตระกูลซูไว้อีกสักหน่อย สุดท้ายเจตนาดีก็กลายเป็นตับและปอดลา[footnoteRef:1]เสียได้!” [1: เจตนาไม่ดี หรือไร้ค่า] “องค์ชายเก้า เจ้าของร้านลั่ว ขอตัวก่อน!”แน่นอนว่า เหล่าเจ้าของหอย่อมไม่ยอมถูกผู้อื่นเอาเปรียบ พวกเขายืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เตรียมตัวออกไปจากที่นี่หลี่หลงหลินยกยิ้มเย็น แล้วพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เฝ้าหน้าประตูเอาไว้! ข้าบอกว่าห้าแสนตำลึง ไม่อาจขาดแม้เพียงตำลึงเดียว! ไม่เช่นนั้น ใครก็ไม่อาจก้าวออกไปจากตระกูลซูได้!”เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยิน ใบหน้างามก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่อาจห้ามให้นางเฝ้าประตู?หลี่หลงหลินคิดว่านางเป็นสุนัขเฝ้าบ้านไปแล้วจริงๆ หรือไร?ซูเฟิ่งหลิงโก
องค์ชายเก้าพระองค์นี้ ตกลงแล้วขายยาอะไรในน้ำเต้า[footnoteRef:1]กันแน่? [1: ขายยาในน้ำเต้า แปลว่า มีพิรุธ หรือวางแผนเอาไว้] ช่างเถอะ!รอให้องค์ชายพระองค์อื่นๆ รู้ว่าพวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่ จะต้องหาทางช่วยพวกเราแน่นอน!หากเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้บู๊ หลี่หลงหลินจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!เหล่าเจ้าของหอเริ่มรู้สึกโล่งใจ จึงเริ่มดันแก้วเปลี่ยนจาน[footnoteRef:2] เฝ้ารออย่างเงียบๆ [2: หมายถึง คนที่ดื่มสุราร่วมกันแล้วชนแก้วกัน เป็นการดื่มอวยพร ต่อมา โดยทั่วไปหมายถึงความสัมพันธ์อันดี] .......จวนขององค์ชายสี่หลี่จือกำลังเอนตัวลงบนเตียง ในมือถือข่าวที่เพิ่งส่งมาจากในวัง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยพระชายาตู้ซื่อ[footnoteRef:3] ริมฝีปากแดงสด ฟันขาวสะอาด คิ้วโก่งงดงาม สวมผ้าคลุมหน้า รูปร่างสง่างาม คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลี่จือ ทุบนวดขาให้เขาเบาๆ [3: 氏 ซื่อ แปลว่า แซ่ ณ ที่นี้ใช้แทนเป็นชื่อสกุล] “องค์ชาย...” ตู้ซื่อถามเบาๆ “พระองค์ทรงสรวลด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ?”หลี่จือยิ้มเย็นและพูดว่า “ข้ากำลังหัวเราะเยาะเว่ยซวินคนนั้น ตนไปยึดค้นบ้านจนไม่เหลือน้ำเหลือน้ำมันก็แล้วไป แต่กลับยังต้
หลี่จือสวมเสื้อผ้า “ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้ ทูลต่อเสด็จพ่อ ให้ลงโทษเจ้าเก้าเสีย!”ตู้ซือรีบหยุดหลี่จือ “องค์ชาย อดพระทัยรอก่อนเพคะ! หรือพระองค์ไม่คิดว่านี่เรื่องนี้ผิดปกติอย่างยิ่งหรือเพคะ? องค์ชายเก้าเสียสติไปแล้วหรือ? จวนโทรมๆ ที่ถูกรื้อค้นหลังหนึ่ง กลับกล้าที่จะขายออกในราคาห้าแสนตำลึง?”หลี่จือหัวเราะหยัน “ข้าโตมากับเจ้าเก้า รู้จักนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ได้บ้า แต่โง่! เขาเป็นคนโง่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว!”ตู้ซื่อเตือน “แต่คนโง่คนนี้ ปราบกบฏองค์ชายหกได้สำเร็จ ทั้งยังได้รับการยกย่องจากเสด็จพ่อ ถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพเจิงเป่ย มีกำลังทหาร...”“เสด็จแม่เองก็เคยเตือนว่าให้พระองค์ระวังเจ้าเก้าเอาไว้นี่เพคะ!”หลี่จือตกตะลึงทันทีใช่แล้วการกระทำที่ผ่านมาของเจ้าเก้า ดูจะไม่ใช่การกระทำของคนโง่หรือว่าเขากำลังซ่อนสามารถรอเวลาไว้จริง?ไม่มีทาง!ต่อให้เจ้าเก้าจะกำลังเสแสร้งแกล้งอยู่โง่ต่อหน้าเขา เล่นเป็นหมูกินเสือ[footnoteRef:1] [1: เป็นคำอุปมาว่าใช้อุบายหลอกลวง จงใจแกล้งอ่อนแอ ให้คู่ต่อสู้เมินเฉย แล้วฉวยโอกาสคว้าชัยนัดสุดท้าย] ไม่มีทางจวนของเจ้าหกจะมีค่าถึงห้าแสนตำลึง
“รอให้เสด็จพ่อระงับโทสะลง พายุพัดผ่าน ข้าก็ค่อยไปหาเจ้าหก ถามเขาว่าซ่อนเงินไว้ที่ใด!”“ข้าคือพี่ชายแท้ๆ ร่วมบิดามารดาเดียวกับเขา!”“ข้าไม่เชื่อ ว่าเขาจะไม่พูดออกมา!”ตู้ซื่อได้ยินก็รู้สึกว่าคำอธิบายนี้สมเหตุสมผลเพียงแต่ว่า นางมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกพิลึก ไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนัก“องค์ชาย...”“เงินห้าแสนตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!”“ไม่เช่นนั้น พระองค์ลองปรึกษากับบิดาของหม่อมฉันก่อน รอฟังความเห็นของเขา...”ตู้ซื่อแนะนำหลี่จือพลันโมโหขึ้นมา พูดด้วยความโกรธ “นั่นก็ปรึกษา นี่ก็ปรึกษา! ภายภาคหน้าข้าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ เหตุใดถึงต้องเชื่อฟังพ่อเจ้าไปเสียทุกเรื่องด้วย?! ถึงตอนนั้นใครจะขึ้นนั่งบัลลังก์กัน? เป็นข้าหรือพ่อของเจ้า”ตู้ซื่อตกใจสะดุ้ง ลนลานคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เพียงเพื่อความปลอดภัย...”หลี่จือแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ถ้าองค์ชายคนอื่นวิ่งม้าเร็วได้ไป[footnoteRef:1]ก่อน เช่นนั้นก็เสียเปรียบครั้งใหญ่แล้ว! เอาเป็นว่า เรื่องนี้อย่าบอกพ่อของเจ้า ข้าจะตัดสินใจเอง!” [1: ได้สิ่งที่ตนต้องการไปครอบครอง] อันที่จริง หลี่จือไม่ให้บอกเรื่องนี้กับตู้เหวินยวน
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค