เสิ่นชิงโจวพาท่านข่านแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเดินนำหน้าสุดของทหารเผ่าหมานระยะห่างระหว่างพวกเขาและเมืองเสวี่ยหลางใกล้เข้ามาทุกทีท่านข่านเห็นทหารต้าเซี่ยที่เดินออกมาจากเมือง ทุกคนมีสภาพมอมแมมเหมือนทหารพ่ายศึก ก็ดีใจมาก “ท่านราชครู! ครั้งนี้ข้าได้ล้างแค้นครั้งใหญ่! สะสางความแค้นในอกได้สาแก่ใจ!”“ทหารต้าเซี่ยพวกนั้นก็แค่นี้เอง ก่อนหน้านี้ที่ตีเมืองของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือข้าได้หลายเมืองติดๆ กัน ก็เป็นเพียงความโชคดีของพวกเขาเท่านั้น ที่ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้เยี่ยงท่านราชครูเสิ่น!”“หากพวกเขาได้เจอท่านราชครูก่อนหน้านี้ เกรงว่าคงจะพ่ายแพ้ยับเยินไปนานแล้ว!”เสิ่นชิงโจวแย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “แผนการล้างแค้นของพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้น ของดี ๆ ยังไม่ทันได้เริ่มแสดงเลย”ท่านข่านมองเมืองเสวี่ยหลางที่กลายเป็นซากปรักหักพังอยู่ไม่ไกล “เพียงแต่ว่าแผนการของท่านราชครูช่างโหดเหี้ยมเกินไป!”“ฆ่าศัตรูได้พัน แต่ตนเองก็เสียหายแปดร้อย”เสิ่นชิงโจวกล่าวว่า “ท่านข่าน มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า เมื่อยอมสละ จึงจะได้มา”“ท่านดูเหมือนจะสูญเสียเมืองเสวี่ยหลางไปหนึ่งเมือง แต่นี่คือสถานที่ฝังศพของหลี่หลงหลินและจ
หลี่หลงหลินกล่าวเสียงเข้ม “เตรียมตัวออกเดินทางเถอะ ฉวยโอกาสที่กองซุ่มของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือยังไม่ลงมือ”“มิฉะนั้นหากถูกปิดล้อมอยู่ในเมืองคงจะยุ่งยากแน่”เหล่าทหารทำตามคำสั่งของหลี่หลงหลิน นำเถ้าถ่านมาทาบนใบหน้าและชุดเกราะของตนมีสภาพเหมือนทหารพ่ายศึกโดยสิ้นเชิงหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงก็ทาหน้าทาตัวให้เหมือนเหล่าทหาร จากนั้นก็ปะปนเข้าไปในกลุ่มส่วนจางไป่เจิงถูกหลี่หลงหลินจัดให้พาทหารชั้นยอดสองสามนายไปซุ่มโจมตีที่ป่าสนล่วงหน้าในขณะนี้นอกเมืองท่านข่านขี่ม้าหยุดอยู่บนเนินเขาไม่ไกลนัก มองสำรวจเมืองเสวี่ยหลางด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ท่านราชครู! ต้องให้ท่านวางแผนเองจริง ๆ!”“ครั้งนี้ถือว่าเก็บเกี่ยวได้งดงามยิ่งนัก!”“ตามข่าวที่สายลับรายงานมา ตอนนี้ทั้งหลี่หลงหลินและจางไป่เจิงล้วนอยู่ในเมืองเสวี่ยหลาง!”“ไฟไหม้ครั้งนี้กำจัดหนามยอกอกของข้าไปได้ถึงสองคน ช่างสะใจเสียจริง!”เสิ่นชิงโจวยืนกอดอก สีหน้าเย็นชา “ท่านข่าน หากไม่กล้าเสียลูก ก็จับหมาป่าไม่ได้”“ขอเพียงท่านกล้าที่จะเสี่ยง อย่างไรเสียก็ต้องจับหมาป่าได้แน่นอน!”“เพียงแต่ว่า ด้วยนิสัยของหลี่หลงหลิน แม้กระทั่งตอนนี้ พวกเรา
หลี่หลงหลินยิ้มบาง “องค์ชายเจ็ด เดี๋ยวตอนออกจากเมือง ข้าต้องการให้เจ้าเดินนำหน้าขบวน”องค์ชายเจ็ดรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี “มันจะไม่อันตรายถึงชีวิตข้าใช่หรือไม่?”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “วางใจเถอะ มีข้าอยู่ ทุกอย่างอยู่ในแผนของข้า ขอเพียงเจ้าทำตามที่ข้าบอก รับรองว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น”องค์ชายเจ็ดมองหลี่หลงหลินอย่างครึ่งเชื่อครึ่งสงสัย “แล้วจากนั้นล่ะ?”“สิ่งที่ข้าต้องทำคงไม่ใช่แค่เรื่องง่าย ๆ อย่างการเดินนำหน้าสุดกระมัง?”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินหนักขึ้น “ถูกต้อง ข้าต้องการให้เจ้าเป็นเหยื่อล่อ ล่อกองทหารม้าเหล็กของทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกมา”จางไป่เจิงขัดจังหวะหลี่หลงหลินขึ้นมาทันที “องค์รัชทายาท ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว!”“หากองค์ชายเจ็ดเป็นอะไรไป ข้ากลับไปจะทูลรายงานฝ่าบาทได้อย่างไร!”หลี่หลงหลินอธิบาย “ท่านแม่ทัพ วางใจเถอะ ข้าไม่โง่พอที่จะให้องค์ชายเจ็ดเอาชีวิตไปเสี่ยงหรอก”“ข้ารับรองความปลอดภัยในชีวิตของเขาได้อย่างแน่นอน”องค์ชายเจ็ดถาม “แล้วจากนั้นล่ะ? หรือว่าข้าจะต้องถูกทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจับเป็นเชลย?”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ไม่ นี่ไม่
หลี่หลงหลินยิ้มอย่างมั่นใจ “เช่นนั้นก็ไม่ต้องต้านทาน”ทุกคนชะงัก“ไม่ต้านทาน?”“นั่นก็เท่ากับเป็นทหารหนีทัพน่ะสิ?”“องค์รัชทายาทคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง”จางไป่เจิงมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “องค์รัชทายาท ที่ท่านบอกว่าไม่ต้านทาน หรือว่าจะให้ทหารใต้บังคับบัญชาของข้าเป็นเต่าหัวหด?”“ข้าจางไป่เจิงทำศึกสงครามมาครึ่งชีวิต ยังไม่เคยเอ่ยคำว่าหนีแม้แต่ครั้งเดียว!”“ทหารม้าเหล็กแห่งต้าเซี่ย ต่อให้ต้องตายในสนามรบ ก็จะไม่ท้อถอยแม้แต่น้อย!”“ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องตายอย่างสมเกียรติในสนามรบ!”“ขอยืนหยัดอย่างองอาจ ดีกว่าตายอย่างอับอายไร้เกียรติ!”“ดังนั้นข้าจะไม่หนี และทหารของข้าก็จะไม่หนีเช่นกัน!”หลี่หลงหลินยิ้มบาง “ท่านแม่ทัพจาง ในตำราพิชัยสงครามมีกลยุทธ์หนึ่งเรียกว่าถอยเพื่อรุก”“ดูเหมือนท่านจะยังไม่เข้าใจ”“ลูกผู้ชายเกิดมาใต้ฟ้าดิน ต้องยืดได้หดเป็น”“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะใช้อารมณ์ การถอยในตอนนี้ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรุกที่ดีกว่า”จางไป่เจิงทำหน้าสงสัย “การรุกที่ดีกว่า?”หลี่หลงหลินอธิบาย “ในเมื่อท่านบอกว่านอกเมืองเสวี่ยหลางล้วนเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ
หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า “อย่างไรเสีย ที่องค์ชายเจ็ดโลภในผลงานจนบุกเข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่น อย่างน้อยในใจก็ยังคิดที่จะสร้างคุณงามความดีให้แก่ต้าเซี่ย”“เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ จึงได้ก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้น”“อย่างน้อยก็มีความจงรักภักดีต่อต้าเซี่ยอย่างเต็มเปี่ยม”แม้ว่าปกติหลี่หลงหลินจะไม่ได้ติดต่อกับองค์ชายเจ็ดบ่อยนักแต่เขาก็พอจะเข้าใจนิสัยขององค์ชายเจ็ดอยู่บ้างโดยเนื้อแท้แล้วเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ทำอะไรบุ่มบ่ามไปหน่อย จึงได้ก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมาองค์ชายเจ็ดได้ยินหลี่หลงหลินช่วยพูดแก้ต่างให้ ในแววตาก็ฉายแววซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”“ต่อไปข้ารับรอง จะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด!”หลี่หลงหลินกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ เรื่องขององค์ชายเจ็ดค่อยว่ากันหลังกลับค่าย ตอนนี้ยังมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ”จางไป่เจิงพยักหน้า “องค์รัชทายาทตรัสมีเหตุผล ตอนนี้เมืองเสวี่ยหลางแห่งนี้เป็นสถานที่อันตราย ไม่ควรอยู่นาน พวกเราควรรีบออกจากเมืองให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”หลี่หลงหลินกล่าวเสียงเข้ม “เพียงแต่ว่าตอนนี้การจะออกจากเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นนั้น”จา
หลี่หลงหลินหลับตาแน่น ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวเรียบ “ข้ากำลังรอให้ลมมา”ทันใดนั้นลมกระโชกหนึ่งก็พัดมาเสียงดังหวีดหวิวหลี่หลงหลินเบิกตาโพลงแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้แหละ จุดไฟเลย!”องค์ชายเจ็ดไม่ลังเลแม้แต่น้อย โยนคบเพลิงลงบนกองผ้าสักหลาดและกระโจมในทันทีในชั่วพริบตาเปลวไฟกลุ่มหนึ่งก็ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรงองค์ชายเจ็ดกระโดดกลับมาอย่างรวดเร็วถึงกระนั้น เปลวไฟก็ยังคงลามไปติดชายเสื้อของเขา ทำให้เขาร้อนจนต้องกลิ้งไปมาบนพื้นเหล่าทหารรีบวิ่งเข้าไป ช่วยกันดับไฟอย่างทุลักทุเลส่วนหลี่หลงหลินยืนนิ่งอยู่กับที่ มองเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่เบื้องหน้า บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ “สำเร็จแล้ว”ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง “สำเร็จแล้ว?”“นี่มันสำเร็จตรงไหน?”“ไฟก็ยังโหมเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ?”องค์ชายเจ็ดกำลังจะอ้าปากด่าเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า แนวไฟที่เมื่อครู่เคลื่อนที่มาข้างหน้าอย่างรวดเร็วตอนนี้กลับเหมือนถูกหยุดนิ่งไว้ หยุดอยู่ด้านนอกของหลุมลึก ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงชี้ไปที่กองไฟแล้วพูดว่า “เร็วเข้า! ไฟกำลังอ่อนลงแบบที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!”ทุกคนมองไป ก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ