จวนอ๋ององค์ชายเจ็ดหลี่หยวนกำลังฝึกยิงธนูอยู่ภายในลานฝึกเขาอายุไล่เลี่ยกับองค์ชายแปด แต่เพราะตากแดดตากลมอยู่เสมอ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก ผิวพรรณดำมืด ไว้หนวดเครา สวมใส่เกราะทั้งตัว ขับเน้นให้องอาจยิ่งขึ้นบ่าวจวนอ๋องวิ่งเหยาะๆ มาหยุดข้างกายองค์ชายเจ็ด พูดรายงานว่า “ท่านอ๋อง รัชทายาทมาเยี่ยม พูดว่ามีเรื่องต้องการพบท่าน...”องค์ชายเจ็ดไม่ตอบ ปล่อยลูกธนูออกจากคันศรแล้วสวบ!ยิงตรงกลางเป้าพอดีองค์ชายเจ็ดพูดเสียงเคร่งขรึม “ให้เขาเข้ามาเถอะ”หลังเวลาครึ่งก้านธูปผ่านไปองค์ชายแปดพาหลี่หลงหลิเข้าลานฝึกเขาก้าวเดินด้วยท่าทางยโสโอหัง ร้องตะโกนว่า “พี่เจ็ด ข้าพารัชทายาทมาเยี่ยมท่าน!”องค์ชายเจ็ดวางธนูในมือลง กล่าวทักทาย “กระหม่อมคารวะรัชทายาท”หลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “ลุกขึ้นเถอะ”องค์ชายเจ็ดลุกขึ้น จัดเกราะให้เรียบร้อยแล้วเอ่ยถาม “องค์ชาย วันนี้ลมอะไรหอบท่านมาได้เล่า?”องค์ชายเจ็ดและหลี่หลงหลินไม่เคยติดต่อกันมาก่อนต่อให้พูดว่าล้วนเป็นองค์ชาย แต่หลี่หลงหลินคนเสเพลคนนี้มีเพียงองค์ชายแปดยอมขลุกอยู่กับเขาต่อให้สุดท้ายเขาได้เป็นรัชทายาท แต่ก็ทำเรื่องเหลวเหลวมากมายอ
องค์ชายแปดแปลกใจ พูดล้อเล่นขึ้นมา “องค์ชาย ท่านถามละเอียดเพียงนี้ คงไม่ใช่ต้องการช่วยจางไป่เจิงพลิกคดีหรอกกระมัง?”“ตอนนี้เขาเป็นคนใกล้ตายแล้ว ขวัญกล้าล่วงเกินเสด็จแม่ ได้รับโทษก็สมควรแล้ว ใครช่วยพูดแทนเขาก็ไม่มีประโยชน์ ท่านอย่าเสียแรงเปล่าเลย ยังไม่สู้คิดเรื่องหาความสำราญ เหตุใดต้องเสียเวลาอยู่กับคนตายคนหนึ่งด้วยเล่า?”หลี่หลงหลินพูดเสียงเครียด “ไม่ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าจางไป่เจิงกำลังถูกปรักปรำ เหล้าของเขาถูกวางยาพิษ”“เหล้าของเขาถูกวางยาพิษ?!” เหงื่อเย็นผุดบนแผ่นหลังองค์ชายแปด “นึกถึงการกระทำของจางไป่เจิงในวันนั้นก็ผิดปกติอยู่บ้างจริงๆ ด้วยความคอแข็งของเขาดื่มเหล้าเพียงสองสามจอกย่อมไม่เมามายถึงขั้นนั้น”แววตาหลี่หลงหลินทอประกาย สบมององค์ชายแปด “ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ข้ายังกล้ายืนยัน ตอนนี้คนร้ายก็คือหนึ่งในพวกเจ้าบรรดาองค์ชายทั้งสาม”องค์ชายแปดชะงักไป สีหน้าเผือดซีด รีบอธิบาย “องค์ชาย ต่อให้มอบความกล้าให้ข้ามากเพียงใด ข้าก็ไม่กล้าวางแผนปรักปรำจางไป่เจิง ต่อให้ข้าไม่อยากออกรบ ก็ไม่มีความคิดปรักปรำทำลายเขา...”หลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “ข้าไม่ได้พูดว่าเป็นเจ้าเสียหน่อย ตลอดงานเลี้
องค์ชายแปดตอบโดยไม่ยั้งคิดว่า “องค์ชาย วันนั้นเสด็จแม่เรียกพวกเราเหล่าองค์ชายสองสามคนไปยังตำหนักฉางเล่อ พูดว่าตอนนี้พวกเราอายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาคลายกังวลให้ต้าเซี่ยเสียที”“ถามพวกเราว่าหากภายภาคหน้าต้าเซี่ยและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเปิดศึกอีกครั้ง ยินดีติดตามแม่ทัพจางไป่เจิงไปออกรบร่วมกัน สร้างผลงานคุณูปการให้ต้าเซี่ย ตนเองก็สามารถสร้างผลงานความดีความชอบได้!”หลี่หลงหลินเอ่ยถาม “เช่นนั้นพวกเจ้าตอบเสด็จแม่เยี่ยงไร?”องค์ชายแปดเผยสีหน้าเก้อกระดาก “องค์ชาย พูดออกมาแล้วท่านอย่าได้หัวเราะข้าเล่า ตั้งแต่เด็กจนโตข้าไม่กล้ามองเลือด ชนิดที่ว่ายามนึกถึงเลือดก็จะเวียนหัวสะอิดสะเอียน ยิ่งไม่ต้องพูดว่าออกศึกห้ำหั่นศัตรู นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”“ดังนั้นข้าย่อมไม่ตกลงต่อข้อเสนอของเสด็จแม่ ก็เพราะเรื่องนี้ เสด็จแม่ยังตะคอกสั่งสอนข้าอย่างแรงหนึ่งรอบ...”หลี่หลงหลินลอบใคร่ครวญเงียบๆ ภายในใจเรื่ององค์ชายแปดเห็นเลือดแล้วเวียนหัวเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างแต่เขารักตัวกลัวตายก็ไม่ใช่เรื่องเท็จปกติกินดื่มอย่างสุขสำราญ เพียงพูดว่าออกศึกก็จะกลายเป็นพวกเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ท่าทางคล้ายกำลัง
หลี่หลงหลินออกคำสั่ง “ไปแจ้งหน่อย ข้ามาพบองค์ชายแปด”องครักษ์ชะงักไป พูดว่า “องค์ชาย องค์ชายแปดไม่อยู่ตำหนักบรรทมพ่ะย่ะค่ะ....”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นเขาอยู่ที่ใด?”องครักษ์ส่ายหน้า “ข้าน้อยเองก็ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ช่วงนี้องค์ชายแปดไม่กลับมาค้างแรมบ่อยๆ พวกเราเองก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเขา ยิ่งไม่กล้าถาม...”หลี่หลงหลินใคร่ครวญดูแล้วก็พยักหน้า จากนั้นพาซูเฟิ่งหลิงกลับขึ้นรถม้าซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเครียด “องค์ชาย องค์ชายแปดนี้คงไม่ใช่ได้รับข่าวจึงหนีไปเพราะกลัวความผิดแล้วกระมัง?”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “เกรงว่าไม่ใช่...”ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย สถานการณ์ในตอนนี้แจ่มแจ้งถึงเพียงนี้แล้ว นอกจากเขาหนีไปยังจะเป็นอันใดได้อีกเล่า? อิงตามที่หม่อมฉันเห็น เขาคือคนร้ายทำร้ายแม่ทัพจางเพคะ”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าองค์ชายแปดอยู่ที่ใด”พูดไป หลี่หลงหลินสั่งให้รถม้ามุ่งหน้าไปนอกวังหลังผ่านไปครึ่งชั่วยามรถม้าจอดบนถนนเจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงหลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “สนมรัก เจ้ารอข้าด้านนอกสักครู่ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”พูดไป หลี่หลงหลินก็ลงจากรถม้าซูเฟิ่ง
หน้าประตูอู๋เหมินเว่ยซวินรีบถลันขึ้นมา ประกบมือ สีหน้าเปี่ยมความเลื่อมใส “รัชทายาท ท่านช่างเป็นผู้เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องโดยแท้ เพียงไม่กี่คำก็สามารถสลายเหล่าทหารที่มาก่อความวุ่นวายได้แล้ว”“นี่ช่วยบ่าวได้อย่างใหญ่หลวงเลยพ่ะย่ะค่ะ! หากปล่อยให้คนเหล่านี้ก่อความวุ่นวายหน้าประตูอู๋เหมินต่อไป ก็ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะลงโทษบ่าวเยี่ยงไร”“ขอบพระทัยรัชทายาทมากพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่หลงหลินเหล่มองเว่ยซวินแวบหนึ่ง “เว่ยกงกง เจ้าซาบซึ้งใจต่อข้าจริงหรือ?”เว่ยซวินเอ่ยตอบ “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! องค์ชาย ท่านช่วยบ่าวมากถึงเพียงนี้ ไฉนเลยบ่าวจะไม่รู้สึกจากใจจริงพ่ะย่ะค่ะ?”หลี่หลงหลินพูดเสียงเรียบ “เว่ยกงกง ปกติผู้อื่นมาขอร้องเจ้าทำงาน น่ากลัวว่าคงไม่ได้ตอบแทนเจ้าเช่นนี้กระมัง?”“หรือเจ้าคิดว่าหน้าตาของตนใหญ่มากถึงเพียงนั้น พูดเพียงไม่กี่คำก็ผ่านพ้นไปแล้ว?”ตึง!เว่ยซวินรีบคุกเข่าบนพื้น พูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ...”หลี่หลงหลินพูดว่า “ในเมื่อไม่ได้หมายความเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมายความเช่นไร?”เว่ยซวินคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มบนพื้น หวาดกลัวจนไม่กล้ากระทั่งผายลมหลี่หลงหลินพูด
หลี่หลงหลินกวาดตามองทุกคน เหล่าทหารที่ทีแรกยังโวยวายสงบลงในทันใด เงียบงันไร้เสียงเขาพูดเสียงเคร่งขรึม “ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูป รีบหายไปจากหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”“หาไม่แล้ว วันนี้ข้าจะทำให้โลหิตเจิ่งนองประตูอู๋เหมิน พวกเจ้ามาแล้วจะไม่มีวันกลับไปได้อีก!”ทุกคนชะงักไป ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงหลี่หลงหลินเป็นคนกล้าพูดกล้าทำ ในเมื่อเขากล้าพูดเช่นนี้ เขาก็กล้าทำเช่นนี้!แต่ไม่มีใครคิดว่าหลี่หลงหลินจะโอหังเผด็จการถึงเพียงนี้!ผู้เก่งกล้าเพียงหนึ่งเดียว ศัตรูนับหมื่นก็ยากจะทะลวงเข้าไปได้!ทหารทั้งหมดรู้สึกเพียงร่างกายหนักขึ้นมานับพันชั่ง ถูกกดดันจนหายใจไม่ออก สีหน้าแดงก่ำสายตาทุกคนล้วนตกลงบนแม่ทัพเฒ่าผู้เป็นหัวหน้าเขาเป็นรองแม่ทัพของจางไป่เจิง อีกทั้งยังเป็นแม่ทัพเก่าแก่ที่สุดภายในกลุ่ม มาร้องขอความเป็นธรรมหน้าประตูอู๋เหมินให้จางไป่เจิงก็เป็นความคิดของเขาแม่ทัพเฒ่าสืบเท้าขึ้นมาเบื้องหน้า ประกบมือเบาๆ พูดเสียงเคร่งขรึม “รัชทายาท ต่อให้ปีนั้นท่านมีบุญคุณต่อพวกเรา พวกเราล้วนจดจำไว้ภายในใจ แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เรื่องในวันนี้ท่านไม่มีเหตุผลได้หรือ?”สีหน้าหลี่หลงหลินเคร