หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือของพวกเจ้า มีสิทธิ์อะไรเจรจากับต้าเซี่ย? ที่ให้คณะทูตของพวกเจ้ามาต้าเซี่ย ล้วนเป็นเพราะฝ่าบาทใจกว้างมีเมตตา ไว้หน้าพวกเจ้า!”“แข่งตำราพิชัยยุทธ์ พวกเจ้าแพ้แล้ว!”“แข่งบทกวี พวกเจ้าแพ้แล้ว!”“แข่งทหารม้า พวกเจ้าแพ้แล้ว!”“แข่งรถขนอาวุธปืน พวกเจ้าก็แพ้อีกแล้ว!”“ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมีสิทธิ์อะไรต่อสู้กับต้าเซี่ย?”“ไม่ยอมถอยใช่หรือไม่?”“จงรีบไสหัวออกจากต้าเซี่ยบัดเดี๋ยวนี้ บอกหัวหน้าชนเผ่าของพวกเจ้า!”“สักวันหนึ่ง ข้าจะนำทัพไปด้วยตนเอง เหยียบย่ำท้องพระโรงของเจ้า ทำให้บ้านเมืองของพวกเจ้าล่มสลาย บดขยี้ให้กลายเป็นเถ้าธุลี!”เจรจา?เจรจาบ้าบอนะสิ!นับตั้งแต่เริ่ม หลี่หลงหลินก็ไม่คิดเจรจากับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!ต่อให้ต้าเซี่ยต้องจ่ายเงินชดเชยสงคราม แลกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกจากตอนเหนือก็เป็นเรื่องน่าคับแค้นใจเกินพอแล้ว!สกุลซูจงรักภักดีทั้งตระกูล จะอธิบายเยี่ยงไร?ทหารตายในสนามรบของต้าเซี่ย จะอธิบายเยี่ยงไร?ราษฎร์ถูกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือสังหารหมู่ จะอธิบายเยี่ยงไร?หลี่หลงหลินแสดงแสนยานุภาพทางทหารของต
เสียงโห่ร้องปีติยินดีดังไปทั่วทั้งภูเขาทิศประจิม“องค์ชายเก้า! วันนี้ ท่านสร้างบารมีให้ต้าเซี่ย ตบหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ คลายโทสะได้จริงๆ! โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!”“หลังผ่านวันนี้ไป ชื่อเสียงขององค์ชายเก้าจะโด่งดังก้องหู สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแว่นแคว้น!”“องค์ชายเก้า คือวีรบุรุษของต้าเซี่ยโดยแท้!”เหล่าขุนนางชนชั้นสูงต่างพากันคารวะชื่นชมหลี่หลงหลินเสียงชื่นชม ดังกึกก้องไม่มีที่สิ้นสุดมีคนจริงใจจริงๆ ช่างรู้สึกมีความสุขยิ่งยังมีคนอย่างเช่นตู้เหวินยวนและคนอื่นๆ ที่กำลังยกย่องสรรเสริญ แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังสรรเสริญให้หลงระเริงจนตายไปหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ จับข้อมือซูเฟิ่งหลิง เดินออกจากกลุ่มคนต้าเซี่ยยอมนานเกินไปแล้ว!แต่นี่เป็นเพียงชัยชนะทางการทูตเท่านั้นก็เรียกว่าวีรบุรุษแล้วหรือ?หลี่หลงหลินไม่มีความคิดตื้นเขินเพียงนั้นในสายตาของเขา มีเพียงสกุลซูจงรักภักดียอมรบจนตายเพื่อบ้านเมือง นี่ต่างหากเรียกว่าวีรบุรุษ!ตนเองยังไม่คู่ควร!กลุ่มคนหลีกทางออกเป็นสองฝั่ง เสียงปรบมือดังก้อง ไม่มีที่สิ้นสุดต่อให้หลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิง กลับห้องหัวหน้าสำนักศึกษาของภูเขาทิศป
ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือสมเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!ครู่ต่อมา ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยปากว่า “แต่ ฝ่าบาทสั่งให้คณะทูตของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจากไปภายในสามวัน หรือพวกเขาจะกล้าขัดพระบัญชา?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าเบาๆ อธิบาย “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กล้าหรือไม่กล้า! แต่เป้าหมายในการเดินทางมาต้าเซี่ยของคณะทูตของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือยังไม่เสร็จสมบูรณ์! เซียวเซวียนเช่อไม่มีวันยอมกลับไปอย่างง่ายดาย!”ซูเฟิ่งหลิงงุนงง “ท่านกำลังพูดถึงการเจรจา?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ไม่! เงื่อนไขที่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเสนอ ไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย! ตั้งแต่เริ่มต้น ก็คือปิดบังเป้าหมายที่แท้จริง! เพียงแต่ ภายในราชสำนักมีแต่คนชั่วอยู่ในอำนาจ เหล่าขุนนางล้วนเป็นพวกโง่กลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดถูกหลอกแล้ว!”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง “หา? คณะทูตของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเดินทางมาต้าเซี่ย มิใช่เพื่อเจรจา? นั่นเพราะอะไร? คงมิใช่เพื่อหาราชบุตรเขยให้องค์หญิงเซียวเซวียนเช่อหรอกกระมัง?”แม้นางไม่เชี่ยวชาญกลยุทธ์แต่อาศัยเพียงสัญชาตญาณของผู้หญิง ก็สังเกตได้ว่าภายในนี้ต้องมีปัญหา!หลี่หลงหลินมองซูเฟิ่งหลิงแวบหนึ่ง “เจ้
“เว้นเสียแต่เรื่องนี้...”ดวงตาหลี่หลงหลินทอประกายวาวโรจน์เขาเกิดลางสังหรณ์บางอย่างคนบงการอยู่เบื้องหลัง ใกล้จะเผยตัวออกมาแล้ว!จากนี้ไป สถานการณ์ของเมืองหลวง จะเปลี่ยนแปลงจนไม่อาจคาดการณ์ได้ อันตรายอย่างมาก!วันต่อมาหลี่หลงหลินถูกเรียกตัวเข้าวัง เข้าเฝ้าฮ่องเต้หวู่ที่ตำหนักหยั่งซิน “เสด็จพ่อ!”หลี่หลงหลินทำความเคารพฮ่องเต้หวู่โบกมือ ออกคำสั่งเว่ยซวิน “ไปเฝ้าหน้าประตู!”เว่ยซวินไม่พูดมาก สบมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง แล้วจึงออกไปตำหนักหยั่งซินกว้างใหญ่ มีเพียงสองพ่อลูก“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่ยิ้มกว้าง “เมื่อวาน เจ้าทำความดีความชอบครั้งใหญ่! แต่ เรามีหนึ่งเรื่อง คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ”หลี่หลงหลินเงยหน้า “เสด็จพ่อ ตรัสเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “แสนยานุภาพของปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหา อยู่เหนือความคาดหมายของเรา! แต่ เราคิดว่า อาวุธสังหารเช่นนี้ เจ้าไม่สมควรเปิดเผยออกมาให้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือรู้! แต่สมควรนำไปใช้ในสนามรบโดยตรง!”“บัดนี้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมีทางป้องกันแล้ว นี่มิใช่เรื่องดี!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เสด็จพ่อ ความนัยของพระองค์คือ
ฮ่องเต้หวู่ชะงัก “ย่อมเป็นเพราะป้องกันชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ...”เพียงพูดออกจากปาก ฮ่องเต้หวู่ก็อึ้งงันอยู่กับที่แล้วพูดเช่นนี้แล้ว แม้ว่าต้าฉินมิได้ล่มสลายในเงื้อมมือของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แต่ก็ล่มสลายเพราะชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือใช่หรือไม่?หลี่หลงหลินมองฮ่องเต้หวู่ พูดต่อ “บังอาจถามเสด็จพ่อ เหตุใดต้าฮั่นล่มสลายเพราะความอ่อนแอ...”ฮ่องเต้หวู่ตอบ “ขาดกำลังทหาร! เงินล้วนใช้ไปกับการขยายดินแดน ราษฎรถูกเรียกเก็บภาษีหนักเกินไป!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ขาดกำลังทหาร ศัตรูเป็นใครเล่า?”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงพรึงเพริด ตอบว่า “เป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!”หลี่หลงหลินถามต่อ “ที่ราชวงศ์ซ่งอ่อนแอเล่า? เหตุใดถึงอ่อนแอ?”ฮ่องเต้หวู่ตอบ “จ่ายส่วยหนัก คลังขาดดุล...”ครั้งนี้ ไม่รอให้หลี่หลงหลินถามแล้ว ฮ่องเต้หวู่ตอบอย่างเอือมระอา “เรารู้แล้ว เงินภายในท้องพระคลังหลวงของราชวงศ์ซ่งอ่อนแอ ล้วนเป็นเพราะจ่ายส่วย ให้กับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!”ยังมีราชวงศ์อื่นยกตัวอย่างเช่นต้าถัง ล่มสลายเพราะชนกลุ่มน้อยสร้างความวุ่นวายคนกลุ่มน้อยเองก็เป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!ฮ่องเต้หวู่ต
ฮ่องเต้หวู่ซาบซึ้งใจมาก ตบบ่าหลี่หลงหลิน น้ำตาร้อนผ่าวเอ่อคลอ “เจ้าเก้า ลำบากเจ้าแล้ว!”แต่ ฮ่องเต้หวู่สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างว่องไวทั้งๆ ที่เราถามเจ้าเก้าว่า เพราะเหตุใดไม่เก็บซ่อนเอาไว้ ตรงข้ามกัน กลับเผยปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาอาวุธสังหารร้ายแรงเพียงนี้ ต่อหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ?เจ้าอ้อมค้อมอยู่นาน ให้เราแสดงความรู้ในประวัติศาสตร์มากมายแต่เจ้ายังไม่ได้ตอบปัญหาเลยนะ!หลี่หลงหลินเอือมระอา “เสด็จพ่อ! เมื่อครู่ลูกตอบคำถามไปแล้ว! ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาใหญ่ของต้าเซี่ย ต้องทำลายให้สิ้นซาก! แต่ ก็ต้องทำอย่างเต็มที่อย่าย่ามใจเป็นอันขาด!”“กองทัพใหม่สกุลซูถ้าไม่รบก็คือไม่รบ”“แต่ถ้ารบ ก็ต้องหลั่งเลือดเป็นสายธารา ไม่ละเว้นแม้คนเดียว!”“โจมตีไปที่รังของศัตรู โจมตีครั้งเดียวก็ปลิดชีพได้!”ฮ่องเต้หวู่เข้าใจในทันใด “อ้อ ความนัยของเจ้าคือ กองทัพใหม่สกุลซูมีความสามารถยังไม่พอ! ไม่สามารทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือให้สิ้นซากในคราวเดียวได้! มิสู้ทำตนเองให้ต่ำต้อย ซ่อนความสามารถต่อไป?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่นวดขมับที่กำลังปวด “แต่นี่ไม่ถ
เป็นใครกันเล่า?ฮ่องเต้หวู่สงสัยเจ้าสี่หลี่จือไปจนถึงอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนแต่ พวกเขาทั้งสองกลับไม่คล้ายเจ้าสี่และเจ้าหก สมเป็นพี่น้องแท้ๆ หนึ่งคนโง่เขลาแล้ว อีกคนกลับโง่เขลายิ่งกว่าสำหรับตู้เหวินยวน ตรงข้ามกันเป็นขุนนางเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่งแต่เขาเพียงละโมบความกล้าก่อกบฏ น่าจะไม่มี!ถึงขั้นว่าฮ่องเต้หวู่ยังสงสัยเว่ยซวินหาไม่แล้ว ยามเขาและเจ้าเก้าสนทนากันอย่างลับๆ มักกีดกันเว่ยซวินออกไปอย่างระมัดระวังหรือทว่าหลังผ่านการหยั่งเชิงมาแล้ว ฮ่องเต้หวู่คิดว่าไม่ใช่เว่ยซวิน!ขันทีคนหนึ่ง ลูกหลานล้วนไม่มี อาศัยอำนาจของฮ่องเต้ ถือสิทธิ์อะไรก่อกบฏ?เดิมทีฮ่องเต้หวู่ก็สงสัยหนักระยะนี้ เว้นเสียแต่เจ้าเก้าหลี่หลงหลินแล้ว เขามองเห็นใครก็ล้วนคล้ายหนอนบ่อนไส้ ใกล้เสียสติเต็มที“เจ้าเก้า!”“เจ้าฉลาด!”“เจ้าสงสัยใครเป็นหนอนบ่อนไส้?”ฮ่องเต้หวู่คิดไม่ออก ทำได้เพียงถามหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินส่ายหน้า “เสด็จพ่อ คนผู้นี้ซ่อนตัวลึกลับมากนัก! ลูกเองก็เดาไม่ออก! แต่ ลูกวางแผนแล้ว ไล่ต้อนเซียวเซวียนเช่อจนสิ้นหวัง! คนชักใยอยู่เบื้องหลังนี้ จะต้องโผล่ออกมาอย่างสุดระงับ!”ฮ่องเต้หวู่ต
ยามราตรี ดวงจันทร์ส่องสว่างดวงดาราทอประกายกรมพิธีการทูตศาลาพักม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเซียวเม่ยเอ๋อร์กำลังออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ เก็บสัมภาระการเดินทางมาต้าเซี่ยครั้งนี้ นางไม่สามารถหาสามีได้ดั่งใจหวัง ดังนั้นจึงแก้แค้นด้วยการใช้จ่าย ไปซื้อของบนถนนไม่น้อยแป้งชาด ปิ่นปักผมเครื่องประดับ ผ้าไหมผ้าแพรต่วน...เหล่านี้ล้วนเป็นของหายากที่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ราคาไม่ธรรมดา“เฮ้อ...”เซียวเม่ยเอ๋อร์ถอนหายใจ อารมณ์โดดเดี่ยวพูดตามสัตย์จริง นางไม่อยากไปความหรูหราของเมืองหลวง ใช่ว่าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะสามารถเทียบได้ต้าเซี่ยมีอาหารอร่อยละลานตา ทำให้นางคิดถึงมิอาจลืมเลือน“ต้องโทษองค์ชายเก้าน่ารังเกียจ!”เซียวเม่ยเอ๋อร์เกิดโทสะภายในใจหากหลี่หลงหลินรับปากเป็นราชบุตรเขย ไฉนเลยจะมีเรื่องมากเพียงนั้น?อย่างน้อยข้าก็สามารถอยู่เสพความสำราญที่ต้าเซี่ยได้อีกราวหนึ่งปีครึ่ง!แต่ไม่มีทางเลือกฮ่องเต้หวู่ถ่ายทอดพระราชโองการแล้ว คณะทูตของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะต้องออกจากเมืองหลวงภายในสามวันสองแคว้นขัดแย้งกัน ทำได้เพียงเผชิญหน้ากันในสนามรบเท่านั้น!หากเป็นที่
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค