ยามราตรี ดวงจันทร์ส่องสว่างดวงดาราทอประกายกรมพิธีการทูตศาลาพักม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเซียวเม่ยเอ๋อร์กำลังออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ เก็บสัมภาระการเดินทางมาต้าเซี่ยครั้งนี้ นางไม่สามารถหาสามีได้ดั่งใจหวัง ดังนั้นจึงแก้แค้นด้วยการใช้จ่าย ไปซื้อของบนถนนไม่น้อยแป้งชาด ปิ่นปักผมเครื่องประดับ ผ้าไหมผ้าแพรต่วน...เหล่านี้ล้วนเป็นของหายากที่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ราคาไม่ธรรมดา“เฮ้อ...”เซียวเม่ยเอ๋อร์ถอนหายใจ อารมณ์โดดเดี่ยวพูดตามสัตย์จริง นางไม่อยากไปความหรูหราของเมืองหลวง ใช่ว่าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะสามารถเทียบได้ต้าเซี่ยมีอาหารอร่อยละลานตา ทำให้นางคิดถึงมิอาจลืมเลือน“ต้องโทษองค์ชายเก้าน่ารังเกียจ!”เซียวเม่ยเอ๋อร์เกิดโทสะภายในใจหากหลี่หลงหลินรับปากเป็นราชบุตรเขย ไฉนเลยจะมีเรื่องมากเพียงนั้น?อย่างน้อยข้าก็สามารถอยู่เสพความสำราญที่ต้าเซี่ยได้อีกราวหนึ่งปีครึ่ง!แต่ไม่มีทางเลือกฮ่องเต้หวู่ถ่ายทอดพระราชโองการแล้ว คณะทูตของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะต้องออกจากเมืองหลวงภายในสามวันสองแคว้นขัดแย้งกัน ทำได้เพียงเผชิญหน้ากันในสนามรบเท่านั้น!หากเป็นที่
เจ้าคนไร้ประโยชน์หลี่หลงหลินที่ไม่สะดุดตาคนนี้ ในสายตาของเซียวเซวียนเช่อ เดิมทีคล้ายมดก็มิปาน!ทว่า มดตัวนี้กลับกัดตนแรงๆ หนึ่งที!ทว่า หลี่หลงหลินเข้ามาขัดขวางกลางทาง ทำให้แผนของเขาวุ่นวาย ชนิดที่ว่าการอยู่ต้าเซี่ยเป็นคำขอที่มากเกินไปอย่างหนึ่ง!ดวงตาเซียวเม่ยเอ๋อร์ทอประกาย หัวเราะเบาๆ “อยู่ต้าเซี่ย? ได้เลย! นี่มีอะไรยาก ก็พูดว่าทหารบาดเจ็บหนัก ไม่สามารถเดินทางไกลได้! อย่างไรเสีย เหยลวี่เกอเองก็ขาหัก นี่คือความจริง!”เหยลวี่เกออยู่ภายในทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แต่ละคนถูกซูเฟิ่งหลิงทุบตีจนได้รับบาดเจ็บ แขนขาหักม้าศึกของพวกเขาล้วนแพ้ให้แก่หลี่หลงหลินยังบาดเจ็บ ทั้งยังไม่มีม้า จะเดินทางเยี่ยงไร?เซียวเม่ยเอ๋อร์คิดว่าข้ออ้างนี้ไร้ที่ติเซียวเซวียนเช่อกระแอมทีหนึ่ง “ไม่มีประโยชน์! ฝ่าบาทถ่ายทอดพระบรมราชโองการแล้ว ต่อให้จัดแจงรถม้า ก็ต้องส่งพวกเราออกจากต้าเซี่ย! ยิ่งไปกว่านั้น แกล้งป่วย เป็นเพียงแผนชั่วคราว อยู่ต่อได้เพียงไม่กี่วัน!”เซียวเม่ยเอ๋อร์หมดความคิด “เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไร?”เซียวเซวียนเช่อนิ่งงันครู่หนึ่ง มองใบหน้างดงามดุจหยกของเซียวเม่ยเอ๋อร์ “มีเพียงแต่งงาน!”
“อาจารย์?”เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึง “เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินราชครูเอ่ยถึงมาก่อน ท่านยังมีอาจารย์หนึ่งท่าน?”เซียวเซวียนเช่อย้อนคิดถึงความทรงจำ ใบหน้าเผยรอยยิ้ม”ครั้นยังหนุ่ม ข้าเคยออกเดินทางมาขอเข้าเรียนที่ต้าเซี่ย บังเอิญได้พบอาจารย์ท่านนี้! เป็นเขาชี้แนะตำรายุทธวิธีสิบสองบทให้ข้า ข้าถึงประสบความสำเร็จในวันนี้ได้!”เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึง พูดเสียงสั่นๆ “ตำรายุทธวิธีสิบสองบท มิใช่ท่านเขียนขึ้นเอง? แต่เป็นคนผู้นี้ชี้แนะท่าน?”ต้องรู้ว่าหลังเซียวเซวียนเช่อกลับถึงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแล้ว อาศัยตำรายุทธวิธีสิบสองบทนี้สร้างชื่อเสียงขึ้นมา ได้รับการยกย่อง แต่งตั้งเป็นราชครูมาถึงสุดท้ายตำราพิชัยยุทธ์เหล่านี้ ถึงขั้นไม่ใช่เซียวเซวียนเช่อเขียนขึ้น?นี่มิเท่ากับหมิ่นเบื้องสูงหรือ?เซียวเซวียนเช่อกลับไม่หลบเลี่ยง พูดยิ้มๆ “ข้าไม่เคยพูดมาก่อน ข้าเป็นคนเขียนตำรายุทธวิธีสิบสองบทนี้! เพียงแค่ทุกคนล้วนเข้าใจผิดไปแล้ว! ตำรายุทธวิธีสิบสองบทนี้ ชวนให้ตกตะลึงจริง เพียงน่าเสียดาย...”เขาเผยสีหน้าเสียดาย มิได้พูดต่อ เซียวเม่ยเอ๋อร์เข้าใจความคิดของเขาเพียงน่าเสียดาย ตำรายุทธวิธีสิบสองบทพ่ายแ
ถ้าพวกเขาบอกว่าต้องทำอย่างไร ก็คงจะตะลึงตาค้างแผนของใต้เท้าผู้นี้ช่างแยบยลมากจริงๆ ตราบใดที่เซียวเซวียนเช่อยังทำตามแผน ก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น!เซียวเม่ยเอ๋อร์กะพริบตาถามอย่างสงสัย “องค์ชายคนไหน?”องค์ชายเก้าหลี่หลงหลิน ต้องทำไม่ได้แน่นอนองค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสามก็ออกไปปกครองที่ดินศักดินาแล้ว ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง และไม่ได้อยู่ในหัวข้อการพิจารณาองค์ชายสี่หลี่จือแต่งงานแล้วองค์ชายหกหลี่เซวียนสิ้นพระชนม์ไปอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดตัวเลือกที่เหลืออยู่ก็มีเพียงองค์ชายห้า องค์ชายเจ็ด และองค์ชายแปดเซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ค่อยประทับใจกับองค์ชายทั้งสามคนนี้มากนักดังนั้นนางจึงสนใจยิ่งนักใต้เท้าท่านนี้จะเลือกองค์ชายใดเป็นราชบุตรเขยให้ตนเซียวเซวียนเช่อเต็มไปด้วยอารมณ์ “แผนของท่านอาจารย์ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก! องค์ชายที่เขาเลือก แม้แต่ข้าก็ยังเกินความคาดหมาย! นั่นคือ... องค์ชายสี่หลี่จือ!”องค์ชายสี่?เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึงในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า นางรู้จักองค์ชายสี่อยู่บ้างแต่องค์ชายสี่ได้แต่งงานแล้ว!และชายาของเขาแม่นางตู้ ก็เป็นลูกสาวของตู้เหวินยวน อัครมหาเสนาบดี!
ดวงตาของเซียวเม่ยเอ๋อร์ซับซ้อนเล็กน้อยพูดตามตรง นางดูถูกองค์ชายสี่หลี่จือค่อนข้างโง่ เหมือนหัวหมู!แถมยังอายุมาก ไม่มีความหล่อเลยแม้แต่น้อย!เซียวเซวียนเช่อรู้ว่าเซียวเม่ยเอ๋อร์คิดอย่างไร ใบหน้าของเขามืดลง “องค์หญิง มันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ จะทำตามใจมิได้!”เซียวเม่ยเอ๋อร์รู้สึกจนใจเล็กน้อย เขายักไหล่ “เอาล่ะ! ถ้าองค์ชายสี่หย่ากับแม่นางตู้จริงๆ เช่นนั้นข้าก็จะฝืนใจให้เขาเป็นบ่าวใต้กระโปรงข้า!”หลี่จือก็คือองค์ชายต้าเซี่ยพาเขากลับโม่เป่ย ใช้เขาเป็นวัวเป็นม้า ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่คนที่อิจฉา!เซียวเม่ยเอ๋อร์คิดเรื่องนี้ก็มีความสุขมากเซียวเซวียนเช่อมีสีหน้าเคร่งขรึม “องค์หญิง มีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น รอสักครู่...”ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของเซียวเม่ยเอ๋อร์ เซียวเซวียนเช่อสั่งให้คนไปหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกขึ้นมาเขียนจดหมายหลังจากเป่าหมึกให้แห้งแล้ว เซียวเซวียนเช่ออธิบายว่า “นี่เป็นจดหมายลับถึงหัวหน้าเผ่า! องค์หญิงอ่านแล้วโปรดลงตราประทับทองคำด้วย ข้าจะสั่งให้คนขี่ม้าเร็วแปดร้อยลี้มุ่งหน้าไปที่ชายแดนทางเหนือ!”เซียวเม่ยเอ๋อร์รู้สึกปร
ในอดีต หลี่จือไม่ค่อยมาที่สำนักการสังคีตมากนักแต่คราวนี้ หลี่จือรู้สึกอัดอั้นมากจนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไปที่สำนักการสังคีต เพื่อระบายความโกรธ!“เจ้าเก้า! เจ้าเก้า!”หลี่จือกัดฟัน แล้วกำหมัดแน่น “คราวนี้ เจ้าโดดเด่นอีกแล้ว! เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดกันแน่? ทำไมข้าถึงด้อยกว่าเจ้า? เป็นลูกที่เกิดจากพ่อเดียวกัน ทำไมถึงได้ลำเอียงไปที่เจ้าเสมอ...”ที่มาของความอัดอั้นของหลี่จือ ล้วนมาจากหลี่หลงหลินสัญญาเขาทิศประจิมครั้งนี้หลี่หลงหลินได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง แล้วตบหน้าคณะทูตของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือภายในเวลาเพียงวันเดียว เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ไม่เพียงแต่ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ในราชสำนักเท่านั้น แต่ยังเริ่มแพร่กระจายในตลาดอีกด้วยไม่ใช่แค่คณะทูตชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บองค์ชายหลายคนที่กลายเป็นฉากหลัง ทั้งหมดก็กลายเป็นเป้าหมายเปรียบเทียบกับหลี่หลงหลินด้วยเช่นกันในขณะที่หลี่จือกำลังดื่มอยู่ เขาก็ได้ยินแขกโต๊ะข้างๆ พูดคุยกัน“เคยได้ยินหรือไม่ ต้าเซี่ยกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแตกหักกันแล้ว ทั้งสองแคว้นกำลังจะก่อสงครามกันอีกครั้ง!”
“องค์ชาย...”“ชั่วขณะหนึ่งในพลบค่ำของฤดูใบไม้ผลิมีค่าดั่งทองพันชั่ง ให้ข้าน้อยได้ปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดีเถิด”ร่างกายอ่อนนุ่มของหญิงคณิกา ยังคงแนบชิดกับร่างกายของหลี่จือ ดวงตาที่มีเสน่ห์ของนางนั้นดุจผ้าไหมทำให้สติปัญหาของหลี่จือพังทลายลงทันทีตายใต้ดอกโบตั๋น ต่อให้เป็นผีก็ยังสง่างาม!มีเพียงความรู้สึกที่เหลืออยู่เท่านั้นที่เตือนเขาว่าใบหน้าและเสียงของหญิงคณิกาผู้นี้ช่างฟังดูคุ้นเคยนัก!วันรุ่งขึ้นหลี่จือยังคงหลับอยู่ซ่า!อ่างน้ำเย็นเทลงบนศีรษะของเขาหลี่จือยังนอนไม่พอ รู้สึกปวดหัวเหมือนจะฉีกออก ก่อนจะค่อยๆ ลึกขึ้นเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นชายร่างใหญ่ดูดุร้ายหลายคน!ดาบแหลมคมวางอยู่บนคอของหลี่จือหลี่จือตกใจจนฉี่ราดทันที พูดเสียงสั่นเทา “พวกเจ้า...พวกเจ้าเป็นใคร? ที่นี่อยู่ใต้ฝ่าพระบาทของโอรสสวรรค์ พวกเจ้าอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า!”เสียงแก่เสียงหนึ่งก็เยาะเย้ย “ที่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าต่างหากองค์ชายสี่!”ชายร่างใหญ่ก้าวออกไป ชายชราในชุดที่หรูหรางดงามก็มาตรงหน้าหลี่จือ“ราชครูชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ?”หลี่จือจำได้ว่าอีกฝ่ายคือเซียวเซวียนเช่อ ก็อดไม่
หลี่จือราวกับคว้าได้ฟางช่วยชีวิต พยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม “ยินดี ข้ายินดีอย่างแน่นอน!”พูดตามตรงหลี่จือหลงไหลในความงามของเซียวเม่ยเอ๋อร์มานานแล้วไม่อย่างนั้น เมื่อคืนนี้เขาคงไม่ตกหลุมพรางง่ายดายขนาดนั้น!รูปร่างหน้าตาและเสียงของหญิงคณิกาผู้นั้นคล้ายกับเซียวเม่ยเอ๋อร์มากจริงๆ!ในเมื่อทำผิดพลาดไปแล้ว มิสู้ตกกระไดพลอยโจนไปเลยล่ะตนได้แต่งงานกับเซียวเม่ยเอ๋อร์ ให้เขาเป็นอนุของตน มันดีไม่น้อยไม่ใช่หรือ?เซียวเซวียนเช่อพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าตกลงที่จะรับผิดชอบ! องค์หญิงของพวกเราจะเป็นอนุไม่ได้! เจ้ากลับไปหย่ากับชายาเอกของเจ้า แล้วมาสู่ขอองค์หญิง!”หลี่จือตะลึงงันในทันทีหย่ากับชายา?จะทำแบบนั้นได้อย่างไร!แม่นางตู้เป็นสตรีที่มีคุณธรรม ไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลยจะให้ตนหย่ากับชายาโดยไร้เหตุผล เขาจะไม่กลายเป็นบุรุษที่ทรยศต่อภรรยา แล้วกลายเป็นที่ตราหน้าของคนนับพันหรือ?แน่นอน ถ้าแม่นางตู้มาจากครอบครัวธรรมดาๆ ก็คงไม่เป็นไร!แต่นางเป็นลูกสาวของอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน!ตู้เหวินยวนและกลุ่มขุนนางคือฐานกำลังพื้นฐานของหลี่จือถ้าหลี่จือหย่ากับชายาจริงๆ ก็เท่ากับแตกหักกับตู้เหวินยวน!ห
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค