ฮ่องเต้หวู่ปิดปากแน่นมือกุมหน้าอก รู้สึกหายใจไม่ออก ในดินแดนต้าเซี่ย มีคำพูดด่าทอที่ว่า “เด็กเกิดมาแต่ไม่มีรูทวาร!” ประชาชนที่ด่าองค์ชายเก้า เท่ากับด่าฮ่องเต้หวู่ด้วย! ฮ่องเต้หวู่กัดฟันกรอดและพูดว่า “ถ่ายทอดคำสั่ง! เรียกตัวองค์ชายเก้าเข้าเฝ้า! ข้าจะถามเขาตรงๆ ว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่!” เว่ยซวินรีบเอ่ยเตือน “ฝ่าบาท พระองค์ลืมเรื่องหนึ่งไปแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้หวู่มองยังเว่ยซวินด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรล่ะ?” เว่ยซวินกล่าวเสียงเบา “พระองค์เคยสัญญากับองค์ชายเก้าไว้ไม่ใช่หรือ? ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น? การดันราคาธัญพืชให้สูงขึ้น อาจเป็นแผนการที่ลึกซึ้งขององค์ชายเก้า” ฮ่องเต้หวู่โกรธจนไม่สามารถควบคุมได้ “แผนการลึกซึ้งอะไร? มีแค่ปัญหาที่เกิดจากการปล่อยให้เขาทำตามใจ! ถ้าประชาชนอดตายจริงๆ เราจะดูว่าเขาจะจัดการยังไง!” แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่ฮ่องเต้หวู่ก็รู้สึกไร้ทางออกเช่นกัน เพราะเขาเคยตอบตกลงกับเจ้าเก้าในที่ท้องพระโรงต่อหน้าขุนนางข้าราชการทั้งหลายแล้ว ว่าไม่ว่าองค์ชายเก้าจะใช้วิธีไหน เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง ฮ่องเต้หวู่เป็นฮ่องเต้ที่ยิ่
เห็นว่าหลี่หลงหลินชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่จือนั่งไม่ติดตั้งแต่แรกแล้ว อยากแสดงผลงานต่อหน้าฮ่องเต้หวู่ เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานถือสิทธิ์อะไร เรื่องที่เจ้าเก้าทำได้ ข้าจะทำไม่ได้หรือ!ยิ่งไปกว่านั้น...ครั้งนี้หลี่หลงหลินพยายามกดราคาธัญพืช บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย เห็นได้ชัดว่าล้มเหลวไปแล้ว!เจ้าเก้ากลายเป็นอดีตไปแล้ว!ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ถึงตาข้าเจ้าสี่จะต้องลุกออกมา กอบกู้สถานการณ์ และแสดงความโดดเด่นให้ทุกคนได้เห็น!ฮ่องเต้หวู่มองเขาด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ “เจ้าสี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าทำได้? ลองบอกข้ามา เจ้าคิดจะทำเยี่ยงไร?”หลี่จือเคยเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานที่สุดครั้งหนึ่ง...ฮ่องเต้หวู่เคยคิด แต่งตั้งหลี่จือเป็นองค์รัชทายาท ให้เขาได้สืบทอดบัลลังก์ปรากฏว่า ต่อมาฮ่องเต้หวู่ก็พบว่า...หลี่จือนั้นโง่เง่าสิ้นดี!เหตุผลที่เขาเคยดูฉลาดหลักแหลม สำคัญคือมีตู้เหวินยวนอยู่เบื้องหลัง คอยวางแผนให้เขาตอนนี้ ตู้เหวินยวนถูกกำจัดไปแล้วหลี่จือยังสามารถพึ่งพาใครได้อีก?สำหรับหลี่จือที่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮ่องเต้หวู่แทบไม่มีความเชื่อใจอีกแล้วหลี่จือกลับพูดอย่
ฮ่องเต้หวู่ได้ยินดังนั้น ถึงกับตกใจการควบคุมราคาธัญพืชครั้งนี้ องค์ชายเก้าที่แต่ไรมาเขาไว้วางใจ กลับไม่มีผลงานเลยตรงข้ามกันเป็นองค์ชายสี่ที่เขาเมินข้ามไป กลับทำได้ดีสถานการณ์พลิกผันไปจากเดิมทั้งหมดแล้ว!“เจ้าสี่ อย่างไรเสียก็เป็นลูกชายของเรา!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกปลื้มปีติภายในใจ มองทางเว่ยซวิน “บอกเรา องค์ชายสี่ทำได้เยี่ยงไร?”เว่ยซวินตอบด้วยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายสี่พาคน ไปจับกลุ่มพ่อค้าธัญพืชจำนวนหนึ่ง และได้ตัดหัวผู้นำกลุ่ม เชือดไก่ให้ลิงดู! พร้อมทั้งสั่งให้ทุกร้านค้าธัญพืชจะต้องเปิดขาย มิหนำซ้ำจะต้องจำหน่ายธัณพืชในราคาที่สูงถึงสิบเท่า!”ฮ่องเต้หวู่ชะงัก เอ่ยปากอย่างตกใจ “ตั้งแต่ยามใดที่เจ้าสี่ กลายเป็นคนเด็ดขาดเช่นนี้! การจัดการกับพ่อค้าคดโกง ก็ต้องใช้วิธีการรุนแรงเช่นนี้! ฆ่าได้ดี!"สำหรับพ่อค้า โดยเฉพาะพ่อค้ากักตุนธัญพืช ฮ่องเต้หวู่ไม่มีความรู้สึกดีอันใดวิธีการเด็ดขาดขององค์ชายสี่ เขากลับรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น!“เรียกองค์ชายสี่เข้าวังเดี๋ยวนี้!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก พูดว่า “ครั้งนี้ เราจะตกรางวัลเจ้าสี่ดีๆ!"เว่ยซวินค้อมตัว “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
“ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์นี้ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นแล้ว กลับไปคิดทบทวนตนเองดีๆ ตกลงเจ้าทำผิดที่ใด!”หลี่จือได้ยินถ้อยคำนี้ สีหน้าพึงพอใจกระบี่ชื่อวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยเป็นกระบี่อาญาสิทธิ์ เขาอยากได้มานานมากแล้ว สังหารชนชั้นสูง ตัดหัวขุนนางได้!หลี่หลงหลินก็อาศัยกระบี่อาญาสิทธิ์เล่มนี้ มาใช้ตบหน้าเขาอย่างแรง!ฮึๆครั้งนี้ เจ้ามอบกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา คอยดูเถอะข้าจะล้างแค้น ฟันหน้าเจ้าจนเละ!หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้น พูดว่า “เสด็จพ่อ! กระบี่อาญาสิทธิ์ ลูกสามารถยกให้ได้! ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์นี้ ลูกไม่เป็นก็ได้! แต่ ท่านบอกว่าลูกทำผิด ให้ลูกกลับไปคิดทบทวน ลูกไม่ยอมรับ!”“ลูกไม่ได้ทำผิด!”ฮ่องเต้หวู่กริ้วมาก ตะคอกว่า “เจ้าเก้า ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังกล้าปากแข็งอยู่อีกหรือ? เจ้าไม่ได้ทำผิด? หรือว่าเป็นเราที่ทำผิด! ใช่! เราไม่น่าหลงเชื่อเจ้า ให้เจ้าไปทำหน้าที่ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์!”“เราสั่งให้เจ้าควบคุมราคาธัญพืช แต่เจ้าไปทำอะไร?”“ถึงขั้นร่วมมือกับเหล่าพ่อค้าคดโกง เพิ่มราคาธัญพืช ทำร้ายประชาชน!”“เจ้า...เจ้าคิดจะทำให้เราโมโหตาย เจ้าถึงจะยอมกระนั้นหรือ?”“แต่เจ้าสี่ เวลาแค่สาม
หลี่จือไม่ยอมรับ เถียงกลับอย่างดื้อดึง “เจ้าเก้า เจ้าอย่ามาพูดจาเหน็บแนมอยู่ที่นี่! ต่อให้ข้าจะไม่สามารถควบคุมราคาข้าวได้ ถึงไม่มีผลงาน อย่างน้อยก็มีความพยายาม! เจ้าเล่า? เจ้าทำอะไร?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ผลงาน? การกระทำของท่านไม่เพียงไม่มีผลงาน แต่ยังกลับตาลปัตรอีกด้วย!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น “กลับตาลปัตร? สถานการณ์คงไม่ แย่ลงไปมากกว่านี้หรอกกระมัง?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ พูดว่า “ลูกไม่ปล่อยธัญพืช อย่างน้อยราษฎร์ยังพอมีความหวัง แต่ องค์ชายสี่กลับใช้วิธีรุนแรง บังคับพ่อค้าธัญพืชให้ขายในราคาต่ำ ตรงข้ามกันเปิดเผยไพ่ตายของราชสำนักออกมาแล้ว!”“ทำให้ราษฎร์ได้รู้ว่า ราชสำนักไม่สามารถหาธัญพืชให้เพียงพอได้!”“ราคาธัญพืชของตลาดมืด พุ่งขึ้นไปถึงห้าสิบเท่าของราคาปกติแล้ว!”ห้าสิบเท่า...ฮ่องเต้หวู่ได้ยินจำนวนชวนให้ตกตะลึงนี้ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้มังกร พูดไม่ออกอยู่นานราคาธัญพืชในเมืองหลวง สูงขึ้นถึงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ต่อให้เป็นปีที่เกิดภัยแล้งจนข้าวไม่งอก ก็ยังไม่เคยเห็นราคาสูงมาก่อนแต่ปีนี้กลับเป็นปีที่มีฝนตกต้องตามฤดูกาล การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์!ในปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ราคาธัญ
ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อ พูดอย่างตกตะลึงว่า “หนึ่งเดือน...เจ้าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน ก็สามารถทำได้กระนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า ตอบอย่างมั่นใจว่า “ทำได้พ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเจ้าเก้าดีไปทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวชอบยื่นเงื่อนไขนัก!แม้ภายในใจจะไม่ค่อยพอใจ แต่ฮ่องเต้หวู่ก็จนใจ จึงพยักหน้าตอบว่า “เงื่อนไขอะไร?”หลี่หลงหลินหันมองทางหลี่จือแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผู้ตรวจการพี่สี่คนนี้ มีแต่จะสร้างความวุ่นวาย ไม่แต่งตั้งจะดีเสียกว่า!”ฮ่องเต้หวู่ชะงักไปพูดตามสัตย์จริง เงื่อนไขของหลี่หลงหลินไม่นับว่าเลยเถิดเกินไปไม่ว่าจะในราชสำนัก หรือในกองทัพ ก็ต้องมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นการบรรเทาทุกข์ก็เช่นกันหากมีขุนนางผู้ตรวจการสองคน ยังเป็นศัตรูกัน ต่างฝ่ายต่างขัดแย้งกัน แล้วผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะเชื่อใคร?ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือเพียงเล็กน้อยของหลี่จือนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้การได้ปล่อยให้เขาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์ต่อไป ก็ไม่เหมาะสมจริงเสียด้วยฮ่องเต้หวู่ใคร่ครวญ พยักหน้าพูดว่า “ตกลง! เรารั
เวลานี้หลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิงเข้าวังพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังตำหนักหยั่งซินซูเฟิ่งหลิงสวมชุดเกราะเต็มยศ มือถือทวนเงิน คาดกระบี่ยาวไว้ที่เอว ผมหางม้าถูกรวบขึ้นสูง เดินตามอยู่ข้างกายหลี่หลงหลิน เบ้ปากพูดว่า “ตอนนี้ท่านทำอันใดกัน ถึงกับต้องให้ข้าเข้าวังมาเป็นเพื่อนด้วยหรือ?”หลี่หลงหลินยักไหล่ ตอบอย่างเอือมระอา “ข้ากลัวตาย! ระยะนี้ มักมีราษฎร์คิดจะฆ่าข้า!”หลี่หลงหลินมิได้พูดเกินจริงนับตั้งแต่ไฟมังกรเผายุ้งฉางหลวง เริ่มทำให้ราคาธัญพืชพุ่งทะยานชื่อเสียงของหลี่หลงหลิน ก็ดิ่งลงราวกับน้ำตกลงจากที่สูงสามพันฉื่อ กลายเป็นเน่าเหม็นฉาวโฉ่ราวกับอึสุนัขทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็จะถูกราษฎร์ปาผักเน่าและไข่เน่าดังนั้น...ตอนนี้ไม่ว่าหลี่หลงหลินจะไปที่ใด ล้วนต้องให้ซูเฟิ่งหลิงคอยอารักขาอย่างใกล้ชิด ถึงจะสามารถวางใจได้ซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเย็นชา “ไร้สาระ! หากท่านไม่ใช่สามีของข้า ข้าเองก็อยากจะใช้ทวนแทงท่านหลี่ปี่เซียะคนนี้ให้ตายไปเสียเลย จะได้เป็นการช่วยเหลือราษฎร์!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “แต่นับจากวันนี้ไป ความคิดของเจ้าที่มีต่อข้า จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!”ซูเฟิ่งหลิงแค่นหัวเราะเส
นี่คือความรักสุดท้ายจากพ่อของฮ่องเต้หวู่!แม้ว่าหลี่หลงหลินจะเข้าใจ แต่เขากลับไม่คิดที่จะหลบหนี พูดยิ้มๆ “ลูกเข้าวังมาวันนี้ เพราะมีสิ่งมงคล มากราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เผยสีหน้างุนงง “สิ่งมงคล?”ท่าทีตอบสนองแรกของเขา คือคิดว่าหลี่หลงหลินลูกอกตัญญูคนนี้หมดหนทางเยียวยาแล้วถึงขั้นนำสิ่งมงคลมาหลอกลวงตน!สิ่งที่เรียกว่ามงคลนั้น ในสายตาของเขาก็คือการเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น!มีประโยชน์หรือ?สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนธัญพืชได้หรือ?ทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงแค่หลอกตนเองเท่านั้น!หลี่หลงหลินเห็นฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อ พูดยิ้มๆ ว่า “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้พูดถึงสิ่งมงคลที่ไร้ตัวตน แต่เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ สัมผัสได้! หากมีสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาธัญพืชในครั้งนี้เท่านั้น! นับจากนี้ไป แคว้นต้าเซี่ยจะไม่มีวันขาดแคลนธัญพืชอีกเลย! และจะไม่มีราษฎร์อดตายอีก!”? ? ?ได้ยินถ้อยคำนี้ ยังไม่ต้องพูดว่าฮ่องเต้หวู่อึ้งงันไปแล้วแม้แต่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายที่ยืนอยู่บริเวณประตู ก็ล้วนตกตะลึงเหม่อไปองค์ชายเก้ายังไม่ตื่นหรือ?ตกลงเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?นับจากนี้ไป ต้าเซี่ยจะไม่มีราษ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค