เพียงแค่ภูเขาทิศประจิม กำลังการผลิตต่อวันสามร้อยจิน ภายภาคหน้าเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งพันจินนี่หมายความว่ากระไร?นับตั้งแต่นี้ไป กระดาษมิใช่สินค้าขาดแคลนอีก ไม่ใช่สินค้าราคาแพงของตระกูลสูงศักดิ์ชนชั้นสูงอีก!ลูกหลานครอบครัวยากจน ไปจนถึงสามัญชนธรรมดา ล้วนสามารถซื้อกระดาษ ใช้กระดาษได้นกนางแอ่นที่เคยโบยบินเข้าบ้านตระกูลสูงศักดิ์ บัดนี้เข้าไปในบ้านสามัญชน!นี่เป็นเรื่องดีเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและราษฎร์!ฮ่องเต้หวู่ซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดอะไรเสริมอีกโจวซิงผู้นำปราชญ์มหาสำนักทั้งหลาย ล้วนตกตะลึง!พวกเขาไม่เพียงไม่ดีใจ ตรงข้ามกันสีหน้ายังไม่สบอารมณ์ถึงขีดสุดชนชั้นสูงแสดงความมั่งคั่งและฐานะของตนเยี่ยงไรเล่า?มิได้อาศัยเงินทองเงิน ธรรมดาเกินไปแล้ว!ในสายตาของเหล่าชนชั้นสูง โอ้อวดเงินธรรมดามากเกินไป เป็นการกระทำของคนมั่งคั่งเพียงข้ามคืน ชวนให้คนหมิ่นแคลนตระกูลชนชั้นสูงล้วนอาศัยหนังสือ มาโอ้อวด!ก็ยกตัวอย่างครอบครัวของโจวซิง สร้างหอตำราขนาดใหญ่ ภายในนั้นมีหนังสือนับหมื่นเล่มโจวซิงมักเชิญสหาย ไปที่หอตำรา อ้างว่าอ่านตำรา แท้จริงแล้วกำลังโอ้อวดความมั่งคั่งและแก่นแท้ของตน!สรุปคือห
ฮ่องเต้หวู่เมินข้ามการปกครองบุ๋น หันไปให้ความใส่ใจวิชายุทธ์แต่เขาเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ คงไม่ใช่ไม่มีเรียงความที่ภาคภูมิใจสักสองสามบทหรอกกระมัง?เพียงแต่เหล่าขุนนางบุ๋นดูเบาเรียงความของฮ่องเต้หวู่ เก็บไว้บนหิ้งสูง มิได้เผยแพร่ออกไปหลี่หลงหลินในฐานะรัชทายาท เข้าออกห้องทรงพระอักษรบ่อยๆ หาเรียงความของฮ่องเต้หวู่ นำออกมาอย่างง่ายดาย พิมพ์ลงบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยทันใดนั้น ทางฝั่งโจวซิงว้าวุ่นแล้วเขาฝันไปก็คิดไม่ถึงหลี่หลงหลินจะพิมพ์เรียงความของฮ่องเต้หวู่ บนหนังสือพิมพ์ตนเองเพิ่งพูดหยาบช้าไปหนึ่งคำ ฮ่องเต้หวู่ได้ยิน จะคิดเช่นไร?หากทำไม่ดี นี่คือโทษฐานล่วงเกินกษัตริย์เชียวนะ!“เรียงความของเรา?”สีหน้าฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไป ทันใดนั้นสนใจขึ้นมาหลายส่วน “เอามาเถอะ ให้เราดู!”โจวซิงเอือมระอา ทำได้เพียงประคองหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยด้วยสองมือฮ่องเต้หวู่อ่านอย่างละเอียดหนึ่งรอบ เป็นผลงานที่ตนภาคภูมิใจจริงเสียด้วย เอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ “เจ้าเก้า นี่เจ้าหมายความว่ากระไร?”ไม่รอให้หลี่หลงหลินเปิดปาก โจวซิงชิงตอบก่อน “ฝ่าบาท รัชทายาทนำเรียงความของท่าน และนิยายขอ
ฮ่องเต้หวู่เอ่ยชื่นชมอย่างต่อเนื่อง “เจ้าเก้า เจ้าทำได้ดีมาก!”โจวซิงยังอยากโต้แย้งหลี่หลงหลินเห็นสถานการณ์แล้ว เอ่ยปากว่า “เสด็จพ่อ ลูกยังมีเรื่อง ต้องการพูดกับท่านเพียงลำพัง...”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า โบกมือพูดกับโจวซิง “โจวอ้ายชิง เรื่องชัดเจนแล้ว รัชทายาทมิได้กระทำการฟุ่มเฟือย นี่คือความเข้าใจผิดครั้งใหญ่! กระนั้น อ้ายชิงเจ้าก็หวังดี ครั้งนี้เราไม่ตำหนิเจ้า!”“แต่ ครั้งหน้า หากเจ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน ฟังเพียงข่าวลือ ว่าร้ายรัชทายาท”“อย่าโทษเราไม่เกรงใจเจ้าเลย!”“พวกเจ้าออกไปเถอะ!”โจวซิงก้มหน้าเสียใจ คล้ายไก่ตัวผู้สู้แพ้ กลับออกไปพร้อมเหล่าขุนนางสายตาฮ่องเต้หวู่ตกลงบนตัวหลี่หลงหลิน “รัชทายาท เจ้ามีเรื่องใดจะพูด พูดเถอะ!”ดวงตาหลี่หลงหลินทอประกายระยับ พูดว่า “เสด็จพ่อ! หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยนี้ ไม่เพียงสามารถหาเงินได้! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกระบี่คมสังหารคนทั่วหล้าอีกด้วย!”สีหน้าฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงกระบี่คม?นี่หมายความว่ากระไรเล่า?มิใช่พูดว่าเป็นหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรอกหรือ?ราชสำนักเองก็มีจดหมายข่าวราชสำนักทำนองนี้ ใช้ส่งต่อหนังสือราชการเหตุใดเราไม่เห็นกระบี่
“ดังคาด...”ดวงตาหลี่หลงหลินทอประกายท่าทีตอบสนองของฮ่องเต้หวู่นี้ เขาคล้ายไม่รู้สึกถึงความแปลกใจเลยแม้แต่น้อย!ในเมื่อเป็นกระบี่คมที่สุดในโลก ฮ่องเต้หวู่ในฐานะฮ่องเต้ ไฉนเลยจะปล่อยให้ตกอยู่ในมือผู้อื่นได้?ต่อให้คนควบคุมกระบี่นี้ไว้ เป็นลูกชายแท้ๆ ของตน ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่วางใจ!ทว่า ในเมื่อหลี่หลงหลินกล้าแจ้งฮ่องเต้หวู่ ย่อมเตรียมใจไว้ดีแล้ว“เสด็จพ่อ!”หลี่หลงหลินพูดหน้าไม่เปลี่ยนสี “หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยนี้ เดิมทีลูกก็คิดมอบให้เสด็จพ่ออยู่แล้ว!”“หาไม่แล้ว ลูกก็คงไม่บอกความจริง!”ฮ่องเต้หวู่ชะงักไปใช่แล้ว!อานุภาพของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย หากหลี่หลงหลินไม่แจ้ง น่ากลัวว่าเรายังไม่รู้อะไรทั้งสิ้น!อย่างน้อย เจ้าเก้าและลูกเนรคุณเหล่านั้นก็ไม่เหมือนกัน เขาไม่เพียงมีความสามารถ ยังมีใจหนึ่งเดียวกับเรา!ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า ราวกับไม่ปกปิดความชื่นชมและปีติยินดีเลยแม้แต่น้อย “เจ้าเก้า เจ้าดีมาก!”“แต่...”“เจ้าไม่มอบกระบี่คมออกมา ภายในใจเราก็ไม่อาจสงบลง นอนหลับไม่สนิท!”“กระนั้น เราแย่งสิ่งของของเจ้า ก็ไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง...”ความคิดนี้ของฮ่องเต้หวู่หนังสือพิ
หยาดเหงื่อแรงกายที่ราษฎร์มอบให้เล่า?เหตุใดคลังหลวงถึงว่างเปล่า?ไม่มีเงิน จะดูแลบ้านเมืองเยี่ยงไร?เงินเหล่านี้ ตกลงอยู่ในมือใคร?คำตอบนั้นง่ายมากไม่ใช่ตู้เหวินยวน อีกทั้งยังไม่ใช่เสิ่นชิงโจว ไม่ใช่ขุนนางทุจริตเหล่านั้น!แต่เป็นตระกูลชนชั้นสูงทั้งหมด!พวกเขาก็คล้ายปรสิต สูบเลือดบนตัวราษฎร์ต้าเซี่ย เลี้ยงตนเองกลายเป็นคนไร้คุณธรรมไม่ใส่ใจภาพรวม ต้าเซี่ยถูกสูบจนว่างเปล่า คล้ายผู้ประสบภัยหน้าเหลืองผ่ายผอม ตัวโงนเงนคนหนึ่งจากนั้นก็ล้มลง!ต้องการช่วยต้าเซี่ย ก็ต้องสังหารตระกูลชนชั้นสูงก่อน!แม้ว่าฮ่องเต้หวู่เกิดจิตสังหาร แต่เขากลับมิอาจแตะต้องตระกูลชนชั้นสูงได้แม้ขนเส้นเดียว!เพราะบนหลังของตระกูลชนชั้นสูง ก็คือสำนักปราชญ์ พวกเขากุมสิทธิ์การพูดไว้!ต่อให้เป็นฮ่องเต้หวู่ ก็ยังกริ่งเกรงสำนักปราชญ์มากนักหากไม่ระวัง เขาก็จะถูกสำนักปราชญ์ปรักปรำ ชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปี!เดิมทีฮ่องเต้หวู่ก็กำลังสิ้นหวัง คิดว่าเขาไม่สามารถขจัดปัญหาของต้าเซี่ย ช่วยราษฎร์ให้พ้นภัยได้จากนั้นฮ่องเต้หวู่กลับมองเห็นความหวัง บนหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย!ใช้หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย บางทีอาจแย
“มองพลาดไปแล้ว!”“ข้ามองพลาดไปแล้ว!”“องค์ชายเก้าเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ใดกัน เป็นอัจฉริยะต่างหาก!”เสิ่นชิงโจวถอนหายใจเดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาว นึกเสียใจภายหลังแม้ว่าบัดนี้หลี่หลงหลินกลายเป็นรัชทายาทไปแล้ว แต่เสิ่นชิงโจวยังเรียกขานเขาว่าองค์ชายเก้านั่นเพราะสำหรับเสิ่นชิงโจวแล้ว รัชทายาทมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่เพียงแต่เสิ่นชิงโจวรำคาญใจอย่างมากปีนั้นหากข้าไม่มองพลาดไป เลือกเจ้าเก้าหลี่หลงหลินบทสรุปจะเป็นเช่นไร?น่ากลัวว่าฮ่องเต้หวู่คงสละบัลลังก์ตั้งนานแล้ว มอบตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ในมือเจ้าเก้าภายใต้การปกครองของเขา ต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรือง ราษฎร์อยู่อย่างสงบสุขไปตั้งนานแล้วกระมัง?แม้พูดว่าเสียใจภายหลัง แต่ใต้หล้านี้ กลับไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลังในเมื่อเสิ่นชิงโจวเลือกหลี่เทียนฉี่ไปแล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงเดินบนเส้นทางมืดมิด ไม่มีหลักการให้ย้อนกลับอีก“องค์ชายเก้า ท่านและข้า ตั้งแต่เริ่มจนจบก็คือไร้วาสนาต่อกัน!”“ท่านมีพรสวรรค์สูงมากเพียงใด ทั้งต่อบ้านเมืองและราษฎร์ ล้วนมีเพียงโทษไร้ประโยชน์!”“ข้าทำได้เพียงยอมเจ็บปวด ทำลายท่าน...”ภายในสายตาเสิ่นช
หรือว่าเขายังสามารถฆ่าขุนนางทั้งใต้หล้าได้กันเล่า?หากฮ่องเต้หวู่เผด็จการถึงเพียงนี้จริงบทสรุปก็มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือทุกคนทรยศครอบครัวออกห่าง!สีหน้าเสิ่นชิงโจวไม่สบอารมณ์ เอ่ยว่า “แต่ หลังหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเผยแพร่ออกไป เป็นได้ทั้งการรุกและรับ พลิกแผ่นดินได้!”“พวกเราตระกูลชนชั้นสูง ไม่มีฐานะสูงส่งอีกต่อไป!”“ฮ่องเต้หวู่กุมอาวุธเทพ ที่สามารถทำร้ายพวกเราเอาไว้!”สีหน้าโจวซิงตกตะลึงพรึงเพริด “อาจารย์ฮ่องเต้หมายถึง...หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยนั้น?”เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขายังไม่เชื่อ หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยมีภัยคุกคามถึงเพียงนี้เสิ่นชิงโจวพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่ง “เจ้ารู้เส้นทางขุนนาง กลับไม่รู้หัวใจราษฎร์!”“หากหลี่หลงหลินนำหลักฐานของเจ้า เขียนไว้บนหนังสือพิมพ์ จะเกิดอันใดขึ้น?”“ราษฎร์จะต้องโมโหอย่างรุนแรง ความไม่พอใจของราษฎร์เดือดพล่าน!”“ถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของเจ้าฉาวโฉ่ไปแล้ว ใครยังกล้าปกป้องเจ้า?”“ชนิดที่ว่าบัณฑิตมีคุณธรรม จะเขียนประณามเจ้าอีกด้วย!”“เจ้าคิดว่าจะได้ลาออกจากราชการอีกหรือ?”“ไม่ตายย่อมไม่อาจปลอบประโลมความโกรธแค้นของราษฎร์ได้
หลี่หลงหลินกลับถึงบ้านสกุลซู บัดนี้ใกล้ค่ำแล้วบนถนนมีคนสัญจรไปมา ร้านรวงประดับไฟสว่างไสวกลับมีกลิ่นอายความเจริญรุ่งเรืองหลายส่วนหลี่หลงหลินยืนหน้าประตู มองควันไฟบนโลกมนุษย์ ใบหน้าเผยรอยยิ้มขมปร่าอย่างอดไม่ได้ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมายในโลกนี้ มีกี่คนล่วงรู้ว่า ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง กลับมีคลื่นพายุแฝงอยู่ ซ่อนเร้นอันตรายใหญ่หลวงนับๆ เวลาดูแล้ว ศพของเซียวเซวียนเช่อและเซียวเม่ยเอ๋อร์ ส่งถึงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแล้วกระมังหัวหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือท่านนั้น ได้เห็นศพลูกสาวและราชครู จะต้องพิโรธมากอย่างแน่นอนคนผมขาวส่งคนผมดำ ความเจ็บปวดเสียใจนี้ หลี่หลงหลินเคยเห็นจากฮ่องเต้หวู่มาก่อนความโหดร้ายของหัวหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ อยู่ห่างไกลกว่าฮ่องเต้หวู่มากนักเขาจะต้องทำทุกวิธี ประกาศสงครามกับต้าเซี่ยในทันทีแน่ทว่า สงครามก็ส่วนสงครามชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือขาดแคลนธัญพืชและหญ้า อย่างน้อยก่อนช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ก็ไม่สามารถโจมตีต้าเซี่ยได้“ก็หมายความว่า...”“ข้าเหลือเวลาว่างเพียงสองสามเดือน เก็บกวาดราชสำนัก”“ระหว่างนั้น ยังมีเรื่องงานแต่งกับซ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค