Share

บทที่ 161

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
อีกฝ่ายมิปฏิเสธประโยคหลังและพูดเสียงเรียบ “หลายปีมานี้ข้าพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก ในที่สุดก็พบวิธีฝึกฝนที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดและพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไปได้”

ฉงชูโม่ถามด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ? ในเมื่อความแข็งแกร่งของท่านเทียบได้กับระดับสวรรค์ขั้นต้นแล้ว นั่นหมายความว่าใช้เวลาอีกมินานท่านก็จะแข็งแกร่งเทียบเท่าหัวหน้าโหรหลวงตาแก่ตายยากผู้นั้น?”

ในภาพจำของฉงชูโม่ คุณสมบัติของสวีหลายนั้นโดดเด่นยากหาใครเปรียบ หากมิใช่เพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในตระกูลสวี อีกทั้งเขายังถูกไล่ออกจากสำนักหอดูดาวหลวงและถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวง ตอนนี้เขาคงได้ขึ้นไปอยู่ระดับสวรรค์ขั้นปลายซึ่งเป็นระดับสูงสุดแล้ว

สวีหลายโบกมือแล้วพูดว่า “ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เส้นทางการฝึกฝนในตอนนี้ของข้าเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่งนัก แต่โชคดีที่ไม่มีความขัดแย้งกับวิชายุทธที่ข้าเคยฝึกฝนมาก่อน”

ฉงชูโม่พูดด้วยความเสียใจ “พี่สวี ท่านควรบอกเรื่องนี้กับข้าให้เร็วกว่านี้สิ หากข้ารู้มาก่อน ข้าคงจะขอร้องผู้อาวุโสท่านนั้นแก้ไขวิชายุทธที่มิสมบูรณ์ให้ท่าน”

“โอ้? ผู้อาวุโสท่านนั้นที่เจ้าพูดถึงคือคนที่แอบช่วยข้าสังหา
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 162

    ฉงชูโม่ถามด้วยความสับสน “มีเรื่องอันใดอีกหรือเพคะ?”“หูเฟิงกับคนจากสำนักเบญจพิษสมคบคิดกัน ดังนั้นแน่นอนว่าเราต้องจัดการกับเขาก่อน”“อ้อ ใช่สิ หม่อมฉันลืมไปเลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยแค่นเสียงเย็นอย่างขุ่นเคือง “หึ ขุนนางชั่วช้าผู้นั้นบังอาจสมรู้ร่วมคิดกับสำนักในยุทธภพ และตั้งใจที่จะปลงพระชนม์องค์รัชทายาท กระบี่แห่งสำนักหอดูดาวหลวงเล่มนี้ของข้าได้รับการออกแบบมาเพื่อสังหารขุนนางชั่วผู้ทรยศโดยเฉพาะ”ฉงชูโม่พูดด้วยความโกรธ “เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลกันเถิด!”กลุ่มของพวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมและมุ่งหน้าไปยังจวนผู้ว่าการมณฑล……ณ จวนผู้ว่าการมณฑลหูเฟิงกำลังดื่มชาและฮัมทำนองดนตรีอย่างมีความสุขหูก่วงเผิงถามอย่างมิสบายใจ “ท่านพ่อ คนจากสำนักเบญจพิษเหล่านั้นเชื่อถือได้หรือไม่? พวกเขาจะสามารถจัดการกับฉินซูองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดได้จริงหรือ?”“วางใจเถิด พิษของสำนักเบญจพิษนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในต้าเหยียนของเรา รองเจ้าสำนักเฝิงลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้ ไม่มีทางที่องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดจะรอดไปได้”“เช่นนั้นก็ดี แต่หลังจากที่ฉินซูตายไป ก็มิรู้ว่าฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งให้องค์ชายองค์ใดเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 163

    “ถูกใส่ร้าย? หึ เจ้าหาข้ออ้างพาข้าออกจากเมือง แล้วคนจากสำนักเบญจพิษก็บังเอิญมาซุ่มโจมตีข้าในป่านอกเมือง ทุกอย่างชัดเจนเพียงนี้ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงบอกว่าตนถูกใส่ร้าย?”หูเฟิงพูดแก้ต่างด้วยความเสียใจ “องค์รัชทายาท นี่… นี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ กระหม่อมมิรู้จริง ๆ ว่าคนจากสำนักเบญจพิษทั้งห้าจะพำนักอยู่ในป่า หากรู้มาก่อน ต่อให้มอบความกล้าอีกร้อยเท่า กระหม่อมก็มิกล้าที่จะทำให้องค์รัชทายาทต้องตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยตำหนิด้วยความโกรธ “หัวจะหลุดออกจากบ่าอยู่แล้วก็ยังมิยอมรับ คนจากสำนักเบญจพิษได้สารภาพแล้ว หากเจ้าสารภาพตามความเป็นจริง ทางสำนักหอดูดาวหลวงสามารถลดโทษคนในตระกูลของเจ้าได้ ทว่าหากปฏิเสธที่จะสารภาพ คดีก็จะถูกส่งกลับไปยังราชสำนัก ถึงตอนนั้นเจ้าก็รอโทษตัดหัวประหารเก้าชั่วโคตรได้เลย!”ใบหน้าของหูเฟิงซีดลงทันที เขาทรุดลงกับพื้น เหงื่อเย็นปกคลุมอยู่ทั่วหน้าผากของตนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามว่า “องค์รัชทายาท หากกระหม่อมรับสารภาพ ท่านจะปล่อยคนในครอบครัวของกระหม่อมไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซูยิ้มเยาะ “เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอที่จะเจรจาต่อรองกับข้ารึ? ถึงแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 164

    เมื่อเห็นฉงชูโม่จ้องมองมาที่เขา ฉินซูก็ลูบจมูกพลางพูดติดตลก “อะไร จิคสำนึกเจ้าตื่นรู้ขึ้นมาแล้วหรือไร?”“ถุย จิตสำนักตื่นขึ้นอะไรกันเล่า พูดอย่างกับว่าหม่อมฉันไร้จิตสำนึกอย่างนั้นแหละ”ฉงชูโม่มองไปที่ฉินซูอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกไม้บาน “ท่านที่มอบของให้หม่อมฉันต่างหากที่มีจิตสำนึก มิเสียแรงเลยที่หม่อมฉันยอมฝ่าฟันความยากลำบากเพื่อปกป้องท่าน”เมื่อเห็นรอยยิ้มอันสดใสของนาง ฉินซูก็อดยิ้มมิได้ฉงชูโม่เลิกคิ้วแล้วถามว่า “ท่านยิ้มด้วยเหตุใด?”“พูดไปท่านก็มิเข้าใจ พวกเรารีบเดินทางไปยังเมืองหลงเฉิงกันดีกว่าเพคะ”“หึ รีบร้อนเช่นนี้กลัวว่าจะเจอคนรักเก่าเข้าอย่างนั้นรึ? ข้าอยากจะไปช้าลงเสียหน่อย”ฉงชูโม่ดึงบังเหียนม้าเพื่อชะลอความเร็วด้วยความโกรธ พลางมองฉินซูอย่างยั่วยุฉินซูยักไหล่อย่างมิแยแส “มิว่าจะช้าลงสักแค่ไหน ขอเพียงมีเจ้าไปด้วยข้าก็มิรู้สึกเบื่อ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่งดงามของฉงชูโม่ก็ฉายแววภาคภูมิใจออกมาขณะนั้นเองมีม้าสองตัวถูกควบทะยานมาข้างหน้าเมื่อมองดูใกล้ ๆ ปรากฎว่านั่นคือสองพี่น้องตงฟางไป๋และตงฟางโซ่วเมื่อทั้งสองเห็นฉินซูแล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 165

    ฉินซูกลอกตาใส่นางแล้วพูดกับสองพี่น้องตงฟางไป๋ “พวกเจ้าสองคนกลับไปที่หลงเฉิงกับข้านี่แหละ เดี๋ยวข้าจะให้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยคอยชี้แนะพวกเจ้า”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทสำหรับการสนับสนุนพ่ะย่ะค่ะ!”สองพี่น้องตงฟางไป๋ขี่ม้าติดตามฉินซูและฉงชูโม่ไปยังหลงเฉิงด้วยความยินดี……ห้าวันต่อมาในที่สุดฉินซูและพรรคพวกก็กลับมาถึงหลงเฉิง!หลังจากเข้าไปในเมือง ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “องค์รัชทายาท จากไปเพียงครึ่งเดือนท่านก็ลืมทิศทางของตำหนักบูรพาไปแล้วหรือเพคะ?”ฉินซูกลอกตาใส่นางแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าข้าจะกลับไปที่ตำหนักบูรพา?”“แล้วจะไปที่ใดเพคะ?”“ตามข้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามเขาไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นสองพี่น้องตงฟางไป๋เองก็ตามหลังมาอย่างใกล้ชิดครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉงชูโม่มองเห็นจวนโอ่อ่าข้างหน้าที่อยู่มิไกลพลางถามด้วยความประหลาดใจ “องค์รัชทายาท ท่านมาทำอะไรที่จวนอ๋องซิ่นเพคะ?”“แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพื่อก่อเรื่องน่ะสิ คิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อรำลึกถึงวันเก่า ๆ กับเจ้าสี่รึ?”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็เชิดคางชี้ไปทางตงฟางไป๋และพูดว่า “พวกเจ้าส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 166

    เมื่อได้เจอกับอ๋องซิ่น สองพี่น้องตงฟางไป๋ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คือจวิ้นอ๋อง หากเขาคิดจะปลิดชีวิตของพวกตนนั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขณะที่ตงฟางไป๋กำลังคิดว่าจะพูดอะไร เสียงของฉินซูก็ดังมาจากด้านหลังฝูงชน“ฉินหยาง ข้าเป็นคนสั่งให้พวกเขาทำเช่นนั้นเอง เหตุใดเล่า มิพอใจรึ?”เมื่อได้ยินเสียงของฉินซู บรรดาองครักษ์ก็พากันมามองทีละคนหลังจากที่เห็นว่าคนที่มาคือฉินซู พวกเขาก็กระจายออกเป็นสองฝั่งเพื่อหลีกทางให้โดยสัญชาตญาณฉินหยางประหลาดใจ แม้จะมิน่าเชื่อเลยแม้แต่น้อย!เหตุใดฉินซูถึงยังมีชีวิตอยู่? สารเลวพวกนั้นจากสำนักเบญจพิษทำงานกันอย่างไร?ใจของฉินหยางตอนนี้อยากจะจับทุกคนในสำนักเบญจพิษมาซักถามเสียให้หมดแม้เขาจะหัวเสีย แต่ก็ประหลาดใจเล็กน้อยแต่เขาก็ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์และถามว่า “ท่านส่งคนมาพังประตูจวนอ๋องซิ่นของกระหม่อมโดยไร้เหตุผล องค์รัชทายาททำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซูยิ้มเบา ๆ แต่มิตอบอีกฝ่าย เขามองไปยังบุรุษที่สวมเครื่องแบบหัวหน้าองครักษ์แล้วถามว่า “เจ้าเข้าใจกฎเกณฑ์หรือไม่?”หัวหน้าองครักษ์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 167

    ยังมิทันที่จะพูดจบเขาก็สั่นไปทั้งตัว!เพียงเพราะเขาสังเกตเห็นว่าสายตาของฉินซูที่มองมานั้นเย็นชาผิดปกติและเต็มไปด้วยกลิ่นอายมุ่งสังหารเขาเห็นฉินซูก้มลงไปหยิบก้อนอิฐขึ้นมาจากพื้นหัวใจของฉินหยางเต้นรัว เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ฉิน… องค์รัชทายาท ท่านคิดจะทำอะไร?”ฉินซูมิตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่กลับทุบหัวเข่าของเขาด้วยก้อนอิฐ“กร๊อบ!!”กระดูกเข่าของฉินหยางคงหักไปแล้ว อีกทั้งยังมีเลือดไหลและชิ้นเนื้อปริออกเป็นแผ่น ช่างน่ากลัวเกินกว่าจะมอง!“อ๊าก!!”ฉินหยางระเบิดเสียงกรีดร้องโหยหวนและโมโหอย่างสุดขีดในเวลาเดียวกันฉินซูโน้มตัวมามองอีกฝ่ายอย่างถือตัวและพูดอย่างเย็นชา “หากมีครั้งหน้า ข้าจะฟันเจ้าให้ตายคามือด้วยตัวข้าเอง!”พูดจบ เขาก็ง้างมือฟาดหน้าผากของฉินหยางด้วยก้อนอิฐในมือหน้าผากของอีกฝ่ายปริแตกทันที และมีเลือดไหลออกมาราวกับกระแสน้ำ!เมื่อเห็นภาพนี้ สองพี่น้องตงฟางไป๋ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง องค์รัชทายาทที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมทำร้ายผู้อื่นโดยมิต้องใช้คำพูดใดฉินซูมิหันหลังเดินออกไปโดยมิแม้แต่จะมองฉินหยางฉงชูโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปสกัดจุดบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 168

    ห้องทรงพระอักษรในพระราชวังฉินอู๋ต้าวกำลังอ่านฎีกาที่คณะขุนนางเสนอมาเว่ยเจิงขุนนางอาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอยู่ทางด้านหนึ่ง “ฝ่าบาท ในครั้งนี้มีการระดมเงินบริจาคได้ทั้งหมดห้าล้านหกแสนตำลึงซึ่งรับมาจากซุยโจว จี้โจว หลงโย่วและพื้นที่อื่น ๆ ด้วยเงินจำนวนนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ประสบภัยทางตอนเหนือผ่านพ้นภัยแล้งไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“แล้วผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางตอนใต้เล่า? สถานการณ์ของพวกเขาน่าเป็นห่วงมากกว่าทางตอนเหนือเสียอีก”“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย การระดมเงินทุนรอบที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว กระหม่อมเชื่อว่าอีกมินานทางเราจะรวบรวมเงินและเสบียงอาหารได้มากพอที่จะส่งไปทางตอนใต้เพื่อบรรเทาภัยพิบัติพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าช้า ๆ “เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ดี แต่ต้องใส่ใจกับความเหมาะสม ผู้ที่บริจาคไปแล้วก็อย่าให้พวกเขาบริจาคซ้ำอีก”เว่ยเจิ้งยกมือคำนับรับคำสั่ง “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดทรงวางพระทัย”“ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่องค์รัชทายาทเดินทางผ่านอำเภอหล่งเซียงที่อยู่ทางใต้ ราษฎรทุกคนที่นั่นปฏิเสธที่จะบริจาคเงิน ผู้บริจาคเงินจึงมีเพียงผู้ว่าการอำเภอหล่งเซียงและผู้ว่าการมณฑลสุยโจว ม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 169

    ฉินซูยิ้มอย่างมิแยแสพลางพูดว่า “หลายวันมานี้ข้าคิดถึงเจ้าจนแทบบ้า ไยเล่า เจ้ามิคิดถึงข้ารึ?”“แน่นอนว่าหม่อมฉันเองก็คิดถึงท่านเพคะ ในเมื่อองค์รัชทายาททรงโปรด หม่อมฉันก็จะปรนนิบัติท่านอย่างดีเพคะ”หลังจากมาถึงบ่อน้ำ หลินชิงเหยาให้ฉินซูนอนเอนในบ่อน้ำอย่างใกล้ชิด จากนั้นนางก็โอบคอของฉินซูและค่อย ๆ นั่งลงด้านนอกตำหนักบูรพาสองพี่น้องตงฟางไป๋กำลังพูดคุยกับองครักษ์ของตำหนักบูรพาเมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นคนที่องค์รัชทายาทพากลับมา เหล่าองครักษ์ก็อิจฉาเป็นอย่างยิ่งขณะนั้นเอง ม้าเร็วตัวหนึ่งก็มาหยุดอยู่หน้าประตูตำหนักบูรพาหลังจากที่ขันทีผู้นั้นพลิกตัวลงจากม้าแล้วก็ประกาศเสียงดังว่า “ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทไปเข้าเฝ้าที่พระราชวัง มิอนุญาตให้ฝ่าฝืนรับสั่ง!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของบรรดาองครักษ์ก็เปลี่ยนไป และหนึ่งในนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในตำหนักบุรุษผู้นั้นค้นหาไปทั่วบริเวณตำหนักบูรพา และในที่สุดก็ทราบจากสาวใช้ว่าองค์รัชทายาทอยู่ในบ่อน้ำเขาจึงวิ่งโดยมิหยุดพักจนมาถึงที่หน้าประตูทางเข้าบ่อน้ำและพูดอย่างนอบน้อมว่า “องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าโดยเร็วที่สุด

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status