공유

บทที่ 324

작가: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้น และโค้งกายคำนับเล็กน้อย “หลานขอคารวะเสด็จย่า”

เหล่าองค์ชายรวมทั้งฉินซูคุกเข่าพร้อมกัน เอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า “พวกเราขอคารวะเสด็จทวด!”

“เหล่าข้าน้อยขอถวายพระพร ขอให้ไทฮองไทเฮาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้น!”

ขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นเบื้องล่างแท่นสูงต่างก้มคำนับถวายบังคม

ไทฮองไทเฮาหัวเราะอย่างร่าเริงพลางโบกมือ “ลุกขึ้นกันเถิด ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว”

“ขอบพระทัยไทฮองไทเฮา”

หลังจากทุกคนลุกขึ้นแล้ว ไทฮองไทเฮาก็มองไปที่องค์ชายทั้งหลายด้วยสายตาอ่อนโยน

ครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปถามฉินอู๋ต้าวว่า “อู๋ต้าว ไฉนมิเห็นเซียวเอ๋อร์? เหลนผู้แสนดีของข้าหายไปไหน เหตุใดวันนี้ถึงมิมาอวยพรย่าทวดเล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนใจ โดยมิตอบคำถาม

เหล่าขุนนางก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป

“เฮ้อ ไฉนเจ้าต้องถอนหายใจ ข้าถามเจ้าอยู่ เหลนรักของข้าไปไหนแล้ว?”

เสียนเฟยเดินเข้ามา พลางกล่าวอย่างน่าสงสาร “เสด็จย่าเพคะ เซียวเอ๋อร์กระทำความผิดจึงถูกลดขั้นเป็นฝู่กั๋วกง ตามระเบียบแล้วฝู่กั๋วกงไม่มีสิทธิ์เข้าวังมาอวยพรเสด็จย่าได้เพคะ”

ไทฮองไทเฮาตกใจ “เซียวเอ๋อร์กระทำความผ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
โลกทั้งใบ ให้นายคนเดียว
อ่านจบแล้วริตอนต่อไปนะครับ
댓글 모두 보기

관련 챕터

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 325

    “เหลวไหล การอภัยโทษทั้งแผ่นดินสอดคล้องกับพระประสงค์ของสวรรค์ เป็นการปลอบขวัญราษฎรเป็นทางธรรมอันถูกอันควร จะปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาขวางได้อย่างไร หากเจ้าโวยวายอีก ข้าจะไล่เจ้าออกไปเสีย” เมื่อถูกฉินอู๋ต้าวตำหนิเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและถอยกลับไปอย่างขุ่นเคืองภายใต้การส่งสัญญาณของฉินอู๋ต้าว เฉาฉุนจึงประกาศเสียงดัง “ประกาศให้อ๋องหนิง ฉินเซียว เข้าวังเพื่อถวายพระพรไทฮองไทเฮา!”มินานนัก ฉินเซียวที่รออยู่หน้าประตูวังก็เดินเข้ามาอย่างสูงส่งสง่าภาคภูมิเขาสวมเสื้อคลุมลายงู สวมกวานประดับทองและหยก พูดได้ว่าทั้งหล่อเหลาสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งเมื่อมาถึงเบื้องล่างแท่นสูง เขาก็คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม เอ่ยเสียงดัง “ลูกขอถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นเขาหันไปทางไทฮองไทเฮา “เซียวเอ๋อร์ขอคารวะเสด็จทวด ขอเสด็จทวดทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ”ไทฮองไทเฮาเผยสีหน้าชื่นบาน โบกมือเรียกฉินเซียว “มาเถิด เซียวเอ๋อร์ มาหาย่าทวดสิ”ฉินเซียวโค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปบนแท่นสูงท่ามกลางสายตาของทุกคนระหว่างทางเขายังจงใจหันหลังกลับไปมองให้ฉินซูมองตนอีกต่างหากมิว่าจะเป็นรอยยิ้มท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 326

    ทันทีที่ฉินอู๋ต้าวพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากฝูงชน“เสด็จพ่อ ลูกขอทำการประลองรอบแรกนี้เองพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากสิ้นคำพูด ฉินหยางก็เดินออกมาฉินอู๋ต้าวพยักหน้าช้า ๆ เป็นการอนุญาตขณะนั้น ขุนนางต้าเหยียนเริ่มกระซิบกระซาบกัน“อ๋องซิ่นทรงออกโรงเองเช่นนี้ ไว้ใจได้แน่นอน”“ใช่แล้ว ท่านอ๋องซิ่นทรงเคยเล่าเรียนกับท่านผู้อาวุโสจางจาว ในบรรดาองค์ชาย ความสามารถด้านวรรณกรรมของท่านอ๋องซิ่นโดดเด่นเป็นอย่างมาก”“ถูกต้อง น่าขันที่มู่หรงฟู่กล้าท้าทายวงการวรรณกรรมแห่งต้าเหยียนของพวกเรา ครานี้ท่านอ๋องซิ่นจะต้องทำให้วงการวรรณกรรมต้าเหยียนของเรารุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน”“ท่านอ๋องซิ่นผู้เกรียงไกร!”“...”เมื่อได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น ฉินหยางก็ไพล่มือไว้ข้างหลังพลางมองมู่หรงฟู่ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“องค์ชายมู่หรง ท่านอยากแข่งโต้กวีหรือต่อโคลงคู่เล่า?”มู่หรงฟู่ยิ้มหยันและพูดว่า “อะไรก็ได้ มิว่าจะเป็นอะไร ข้าก็รับมือได้ทั้งนั้น”“ได้ เช่นนั้น ท่านก็ฟังให้ดี”ฉินหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “แด่วันผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง เช่นนั้นก็แต่งกวีหนึ่งบทโดยใช้หัวข้อวันผู้สูงอายุ!”เขาห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 327

    ทว่าอีกฝ่ายกลับมีท่าทีนิ่งเฉยและพูดเสียงเรียบ!“หยาดน้ำฟ้ายามสารทล่วงสู่พงพนา ผืนธาราประกายแสงแวววับ เบญจมาศลาลับกลับใจสลาย ครั้นชีวายังมิวายจงสุขสำราญ ฉลองเทศกาลหวนถึงครั้งเยาว์วัย”หลังจากที่มู่หรงฟู่พูดจบ สถานที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัดฉินซูขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาจำได้แม่นว่ากวีบทนี้ถูกประพันธ์โดยลู่โหยวแห่งราชวงศ์ซ่ง แต่มันออกมาจากปากของมู่หรงฟู่ในอีกโลกหนึ่งได้อย่างไร?ตอนนี้เขานึกสงสัยแม้กระทั่งว่า หากตนคัดลอกบทกวีของราชวงศ์ถังและซ่ง มันคงจะกลายเป็นผลงานของยอดนักกวีผู้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้หากเป็นเช่นนั้น ความได้เปรียบด้านบทกวีในฐานะนักเดินทางทะลุมิติก็จะหมดไปน่ะสิเมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินซูก็ลูบคางพลางคิดแผนรับมืออยู่ในใจขณะนั้น ฉินอู๋ต้าวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรก็มีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคาดคิดว่ามู่หรงฟู่จะแต่งบทกวีได้เร็วถึงเพียงนี้ รวมถึงตัวเขาด้วยยิ่งไปกว่านั้น บทกวีนี้เป็นการใช้โคลงเจ็ดคำ ซึ่งมีความยากกว่าบทกวีของฉินหยางอย่างมาก เมื่อเห็นว่าบรรดาขุนนางเอาแต่เงียบเป็นเป่าสาก มู่หรงฟู่ก็ประสานหมัดคารวะให้ฉินหยางอย่างภาคภูมิใจ“อ๋องซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 328

    เพราะพวกเขาพบว่าคนที่พูดเมื่อครู่คือฉินซู!“มิใช่กระมัง องค์รัชทายาททรงต่อโคลงคู่ได้ด้วยหรือ?”“ล้อกันเล่นแล้ว ท่านอ๋องซิ่นที่ทรงมีความรู้มากมายยังทำมิได้ คงมิต้องพูดถึงองค์รัชทายาทหรอก”“นั่นสิ ข้าคิดว่าองค์รัชทายาททรงเพียงต้องการเรียกร้องความสนใจเท่านั้น จะต่อโคลงได้อย่างไร?”“เฮ้อ ทั้ง ๆ ที่ต่อโคลงมิเป็น แต่กลับตรัสอย่างโอ้อวด คนอื่นเขาจะมิหัวเราะเยาะเอารึ”เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ขุนนางทุกคนพากันทอดถอนใจฉินหยางมองไปที่ฉินซูด้วยความดูถูกเหลือคณา!“เสด็จพี่รัชทายาท กระหม่อมคิดโคลงคู่ต่อไปมิออก แต่ท่านตรัสว่าท่านทำได้อย่างนั้นหรือ? นี่ท่านมั่นใจเกินไป หรือหยิ่งยโสเกินไปกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซูตอบอย่างมิไว้หน้า “การที่เจ้าไร้ความสามารถนั้นมิได้หมายความว่าข้าเป็นเหมือนเจ้าที่แม้แต่โคลงคู่ง่าย ๆ เช่นนี้ก็ยังต่อมิได้ ราชวงศ์ต้าเหยียนของเราต้องขายหน้าเป็นอย่างมากก็เพราะเจ้า”ฉินหยางพูดด้วยความโกรธ “องค์รัชทายาททรงโอ้อวดเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ เอาเถอะ ท่านตรัสว่าต่อโคลงได้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็ทำเลยสิ หากท่านทำมิได้ กระหม่อมก็อยากจะเห็นนักว่าท่านจะอธิบายกับเสด็จพ่อว่าอย่างไร!”ฉินอู๋ต้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 329

    ฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังพลางยิ้มเยาะ “อะไรกัน ข้าต่อโคลงคู่ที่สองได้แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าได้รับการชี้แนะจากผู้อื่น เจ้าคิดจะโกงกันหรือไร?”มู่หรงฟู่แค่นเสียงเบา “ท่านต่างหากที่โกง ขุนนางบุ๋นบู๊ทุกคนในราชวงศ์ของท่านมีใครที่มิรู้บ้าง ต้องให้ข้าพูดมากกว่านี้หรือไม่? พวกเขาต่อโคลงมิได้ แต่ท่านกลับทำได้ แสดงว่าท่านมีความสามารถมากกว่าขุนนางเหล่านั้นรึ? หึ ๆ พูดมาได้ว่าท่านคิดเอง คงจะมีคนเชื่อกระมัง?”ฉินหยางยิ้มเย้ยพลางพูดอย่างปรีดาบนความทุกข์ของผู้อื่น “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะต่อโคลงคู่ที่สองได้ แต่ท่านก็ต้องอธิบายให้ดี องค์รัชทายาท มิเช่นนั้นราชวงศ์ต้าเหยียนของเราจะต้องขายหน้าเพราะท่านนะพ่ะย่ะค่ะ”เขาใช้คำพูดเมื่อครู่ของฉินซูตอกกลับไปอย่างมิไว้หน้าแต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็ถูกฉินอู๋ต้าวถลึงตาใส่เขากลัวมากจนใจสั่น และรีบหุบรอยยิ้มปรีดาพลางก้มหน้าลงฉินซูพูดโดยมิเปลี่ยนสีหน้า “ข้าจะมีความรู้ความสามารถจริง ๆ หรือไม่ ข้อเท็จจริงย่อมเป็นตัวพิสูจน์ หยุดพูดไร้สาระให้เสียเวลา ข้าต่อโคลงคู่แรกของทเจ้าไปแล้ว คราวนี้ถึงตาที่ข้าเป็นฝ่ายเริ่มใช่หรือไม่?”มู่หรงฟู่แค่นเสียงเย็นอย่างมิยอมอ่อนข้อ “มาสิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 330

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่มิค่อยอยากเชื่อสักเท่าไรเขาพึมพำ “มิจริงน่า เฉิงจืออี้เป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหอสมุดหลวงเป่ยเยี่ยน ทั้งยังเป็นผู้นำในวงการวรรณกรรมเป่ยเยี่ยน แต่กลับต่อโคลงคู่แรกขององค์รัชทายาทมิได้น่ะหรือ?”“คาดมิถึงเลยว่าท่านผู้อาวุโสเฉิงจะยอมแพ้ มิพูดมิได้ว่าองค์รัชทายาททรงยอดเยี่ยมจริง ๆ!”“นั่นสิ เมื่อก่อนข้าก็คิดว่าองค์รัชทายาททรงใช้ชีวิตอย่างไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน แต่คาดมิถึงว่าพระองค์เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง แต่เพียงมิไแสดงออก ทว่าเมื่อคนได้เห็นได้รู้กลับเป็นต้องตะลึงงัน!”“การที่บุคคลสำคัญแห่งวงการวรรณกรรมของเป่ยเยี่ยนยอมแพ้ให้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า ความรู้ความสามารถขององค์รัชทายาทมิได้ด้อยไปกว่าท่านผู้อาวุโสเฉิงเลย!”“องค์รัชทายาทผู้เกรียงไกร ทรงทำให้แคว้นของเราเรืองรองด้วยบารมีอำนาจ!”เสียงสรรเสริญดังก้องไปทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นอีกครั้งสีหน้าของมู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ มิสู้ดีราวกับกินแมลงวันเข้าไปก็มิปานขณะนั้นเฉิงจืออี้ก็พูดขึ้นอีกครั้งเขายกมือคำนับฉินซูและพูดด้วยท่าทีที่มิถ่อมตัวและมิอวดดี “องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน แม้โคลงคู่แรกเมื่อครู่ของท่านจะวิจิต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 331

    “ด่านซานไห่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีศักราชหงอู่ที่สิบสี่ในช่วงราชวงศ์หมิง และตั้งอยู่ตรงใจกลางของกำแพงเมืองจีนที่ด่านซานไห่…”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทางของฉินซูก็เปลี่ยนไปทันที และมีสีหน้าประหลาดใจ!ปีศักราชหงอู่ที่สิบสี่ในช่วงราชวงศ์หมิงคือรัชสมัยของจักรพรรดิจูหยวนจางผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงมิใช่หรือ?อีกทั้งข้อมูลของด่านซานไห่ที่ถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณนั้นเหมือนกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เขารู้ทุกประการ!แต่เหตุใดหัวหน้าโหรหลวงถึงบอกว่านั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อราวหมื่นปีก่อน?หรือว่านับตั้งแต่ราชวงศ์หมิงมาจนถึงบัดนี้ เวลาได้ล่วงเลยมาเป็นหมื่นปีแล้ว?จะเป็นไปได้อย่างไร?!แต่นอกเหนือจากนี้แล้วจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจได้?มันคงเป็นไปมิได้หรอกกระมังที่ประวัติศาสตร์ของทั้งสองโลกจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน?ยิ่งฉินซูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร ความคิดของเขาก็ยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้นขณะนั้นเองเฉิงจืออี้ก็ถอนหายใจยาวและพูดว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวง ข้ารู้ตัวอักษรโบราณมิมากนัก แต่เห็นได้ชัดว่าตำราเล่มนี้บันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมตั้งแต่สมัยโบราณเอาไว้มากมาย มิทราบว่าท่าน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 332

    ก่อนที่จะทะลุมิติมาข้าก็ใช้อักษรจีนตัวย่อมาตลอด ตอนนี้เจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้มาทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากอย่างนั้นรึ?นี่มิใช่ว่าอยากจะทรมานข้าหรือไร!มู่หรงฟู่ที่มิรู้ว่าฉินซูกำลังคิดอะไรอยู่ก็ถามด้วยความสงสัย “ฉินซู ท่านยิ้มอะไร?”ฉินซูยิ้มเยาะและพูดว่า “ข้ายิ้มให้กับความมิรู้ของเจ้าอย่างไรเล่า! ในเมื่อข้ารู้ว่าด่านซานไห่อยู่ที่ใด แน่นอนว่าข้าย่อมรู้ตัวอักษรโบราณเหล่านั้น”พูดจบ เขาก็เปิดตำราไปที่หน้าสามและชี้ไปยังอักษรตัวใหญ่สามคำที่อยู่ด้านบนสุดของหน้ากระดาษทั้งสามคำนี้เป็นอักษรจีนตัวย่ออย่างมิผิดเพี้ยน หากเขามิรู้ก็แปลกแล้วเพียงแต่เขายังข้องใจที่โลกเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่นั้น นับตั้งแต่ราชวงศ์หมิงได้ผ่านไปมิกี่ร้อยปีเท่านั้นเหตุใดในโลกนี้ที่มีราชวงศ์ต้าเหยียน ต้าหมิงถึงได้กลายเป็นแคว้นโบราณที่มีอายุผ่านมาเป็นหมื่นปี?ขณะนั้นเองก็มีความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา หรือว่า… เขาเดินทางมายังอนาคตหมื่นปีข้างหน้า?มิฉะนั้น ตำราโบราณนั่นจะใช้อักษรจีนตัวย่อในการจดบันทึกได้อย่างไร?ยิ่งฉินซูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้แต่ในมิช้าเขาก็ตระหนักได้

최신 챕터

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status