บทที่ 3 ความโศกเศร้าครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อเรื่องเศร้าป่าวประกาศไปทั่วใต้แผ่นดินราชฎรจากพากันแต่งชุดสีขาวเพื่อไว้ทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจในครั้งนี้ส่งผลให้ก่อเกิดการประท้วงต่อต้านองค์หญิงหนิงเอ๋อ และกล่าวหาว่านางเป็นองค์หญิงที่มีดวงกาลกิณี ดวงซวยทำให้ใต้หล้าต้องเกิดการสูญเสีย เหล่าเสนบาดีมากมายพากันเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหารือเรื่องนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่สุขและคอยมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงมิห่างหาย
"ทูลฝ่าบาทกระหม่อมทราบดีว่าตอนนี้พระองค์ทรงโศกเศร้าเสียใจเพียงใด แต่ทว่าเรื่องขององค์หญิงหนิงเอ๋อนั้นมิอาจรอช้าได้ ราชฎรต่างพากันมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเช่นไรพะย่ะค่ะ" เสนาบดีโม่อี้ฟานได้เอ่ยถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่ในท้องพระโรงจนครบสิ้น
ฝ่าบาทเองก็ได้ครุ้นคิดพระองค์ไม่เชื่อว่าบุตรสาวของตนองค์หญิงที่ลืมตาดูโลกไม่ถึงเจ็ดวันจะเป็นภัยต่อบ้านเมืองได้
"พวกเจ้าพูดเรื่องอันใดกัน บังอาจหมิ่นประมาทเบื้องบน องค์หญิงจะมีดวงเช่นนั้นได้อย่างไร ทหารหากชาวบ้านผู้ใดพูดถึงองค์หญิงหนิงเอ๋อในทางไม่ดีให้พวกเจ้าจัดการให้หมด " ฝ่าบาทด้วยความโมโหจึงสั่งทหารไปเช่นนั้น แต่ทว่าเหล่าเสนาบดีต่างพากันคุกเข่าลงเพื่อให้ฝ่าบาทได้รับฟังและไตร่ตรองอีกครั้ง
"ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองอีกสักครั้งเถอะพะย่ะค่ะ หากพระองค์ทรงรับสั่งเช่นนี้ก็เท่ากับว่าพระองค์ทรงทอดทิ้งราชฎร เพื่อองค์หญิงเพียงพระองค์เดียวนะพะย่ะค่ะ"
"โปรดทรงพิจารณาด้วยพะย่ะค่ะ"เหล่าเสนาบดีต่างพากันพูดออกมาพร้อมๆ กัน
ฝ่าบาทมิอาจต้านได้เขาจึงรับสั่งให้เสนาบดีกลับกันไปก่อน พระองค์ทรงนั่งคิดไม่รู้จะหาทางออกเรื่องนี้เช่นไร เขาจึงสั่งขันทีไปตามโหรหลวงมาพบโดยเร็ว
ไม่นานนักโหรหลวงก็ได้เข้ามาพบฝ่าบาทตามที่รับสั่ง
"ทูลฝ่าบาทพระองค์ทรงมีเรื่องอันใดเรียกหากระหม่อมหรือพะย่ะค่ะ"
"เจ้าช่วยตรวจดวงชะตาขององค์หญิงหนิงเอ๋อให้ข้าที" เมื่อโหรหลวงรับทราบก็จัดการใช้พู่กันและกระดาษขีดเขียนดวงชะตาขององค์หญิงตามคำสั่ง ไม่นานก็เสร็จสิ้น สีหน้าของโหรหลวงช่างดูน่าหนักใจจนฝ่าบาทได้เอ่ยถามเพื่อใคร่รู้ความจริง
"ดวงชะตาขององค์หญิงเป็นเช่นใดบ้าง เหตุใดเจ้าถึงมีสีหน้าเช่นนั้นด้วย"
"ทูลฝ่าบาท ดวงชะตาขององค์หญิงหนิงเอ๋อนั้นเป็นองค์หญิงที่มีดวงกาลกิณีถือกำเนิด ทำให้ผู้ที่ใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ไม่รับอันตรายก็จะได้รับบาดเจ็บเอาได้ หากพระองค์ยังทรงให้องค์หญิงเติบโตอยู่ในวังหลวงแห่งนี้กระหม่อมเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับราชวงศ์อีกพะย่ะค่ะ" ดั่งเคราะห์ซ้ำกรรมซัดฝ่าบาทหูอื้อไม่ได้ยินเสียงอันใด พระองค์ไม่คิดเลยว่าการที่องค์หญิงที่กำเนิดจะทำให้องค์รัชทายาทกับกุ้ยเฟยเสียชีวิตพร้อมๆ กัน ฝ่าบาทแทบไม่มีเรี่ยวแรง
"พวกเจ้าที่อยู่ในท้องพระโรงนี้ไม่ต้องเอาเรื่องขององค์หญิงไปพูดที่ใด หากผู้ใดนำออกไปพูดข้าจะสั่งให้ทหารทรมานพวกเจ้าอย่างสาสม ส่วนเจ้าก็ออกไปได้" ฝ่าบาทกวาดตามองเหล่าขันทีและนางกำนัลไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปที่ใด ก่อนจะหันไปบอกให้โหรหลวงออกไปด้านนอกเมื่อสิ้นความอยากรู้
"หากแต่ว่าพระองค์ทรงมิทำอันใด กระหม่อมเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับรางวงศ์ไปมากกว่านี้พระองค์ทรงไตร่ตรองด้วยพะย่ะค่ะ" โหรหลวงก่อนจะเดินออกไปได้ย้ำคำทำนายแก่ฝ่าบาทไว้
ฝ่าบาทเองก็คิดไม่ตกองค์หญิงที่เกิดจากความรักของฝ่าบาทกับกุ้ยเฟย แถมก่อนที่กุ้ยเฟยหนิงฮวาจะหมดลมหายใจได้สั่งเสียให้ดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดี เช่นนี้เขาเองจะทำเช่นใด เมื่อครุ้นคิดไม่ออกฝ่าบาทจึงได้สั่งให้ขันทีไปนำสุรามาให้ดื่มเพื่อบรรเทาความเคลียดนี้ให้จางลง
ฮองเฮาแต่งกายด้วยชุดสีขาวไว้อาลัยแก่บุตรชายตนเองก็มิลืมที่จะไปไว้อาลัยให้แก่กุ้ยเฟยที่ตำหนักของนาง ทันใดที่นางก้าวเท้าเดินเข้ามาที่ตำหนัก ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ขององค์หญิงไม่ขาดสาย
"แอ้! แอ้!...." นางจึงได้ถามกับนางกำนัลที่เคยรับใช้กุ้ยเฟยหนิงฮวา
"นี่พวกเจ้าเหตุใดไม่พาองค์หญิงออกไปอยู่ที่ตำหนักอื่นแล้วแม่นมไปอยู่ที่ใดกันเหตุใดจึงปล่อยให้องค์หญิงร้องไห้โยเยอยู่เช่นนี้"
"ทูลฮองเฮาเพคะ ไม่ทราบว่าฮองเฮาทรงรู้เรื่องนี้หรือยัง ว่าองค์หญิงมีดวงกาลกิณีหากผู้ใดอยู่ใกล้ก็มักจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ามาเป็นแม่นมให้องค์หญิงเลยเพคะ องค์หญิงช่างน่าสงสารยิ่งนัก"
"เหลวไหล เรื่องเช่นนี้พวกเจ้าจะไปฟังความชาวบ้านทำไม โธ่องค์หญิงน้อยเจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนักแม้แต่ไออุ่นจากอ้อมกอดของมารดาเจ้ายังไม่เคยได้รับ แถมยังถูกชาวบ้านไร้คุณธรรมมาต่อว่าเจ้าอีก" ฮองเฮายื่นมือมาหาองค์หญิงที่ร้องไห้ไม่หยุดเมื่อองค์หญิงคว้ามือจับที่ปลายนิ้วของฮองเฮาก็เงียบลงทันที ทำให้นางกำนัลรวมทั้งฮองเฮาเองก็ต้องตกตะลึง นางจึงก้มลงไปอุ้มองค์หญิงมากอดเพื่อมอบความอบอุ่น
"พวกเจ้าดูสิ องค์หญิงเพียงต้องการไออุ่นเท่านั้น ใบหน้าไร้เดียงสาเช่นนี้จะมีดวงกาลกิณีได้อย่างไร เจ้าเองก็ขาดมารดา ข้าเองก็ได้สูญเสียบุตร ข้าจะมอบความอบอุ่นแก่เจ้าเององค์หญิง " ฮองเฮาเอ็นดูองค์หญิงเป็นอย่างมาก หรือนี้เป็นบัญชาจากสวรรค์ให้ชะตาของนางกับองค์หญิงต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ ฮองเฮาอุ้มองค์หญิงเดินไปมาและเดินไปที่หน้าโรงศพของหนิงฮวา
"กุ้ยเฟยเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะดูแลองค์หญิงเอง ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายนางได้ข้าจะมอบความรักให้นางอย่างเต็มที่ แต่ข้าเองก็อยากจะขอเจ้าเช่นกัน ข้าฝากดูแลองค์รัชทายาทบุตรชายของข้าด้วย ไม่รู้ว่าปานนี้พระองค์จะทรงหิวหรือเหน็บหนาวหรือไม่" ฮองเฮาพูดบอกกับร่างที่นอนนิ่งน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้
จู่ๆ เสียงประตูตำหนักก็เปิดขึ้นมีทหารมากมายเดินเข้ามาในตำหนักก่อนจะก้มลงโค้งคำนับฮองเฮา
"ทูลฮองเฮาฝ่าบาทมีรับสั่งให้กระหม่อมนำตัวองค์หญิงไปนอกเมืองพะย่ะค่ะ"
"นี่มันเรื่องอันใด เหตุใดต้องพาตัวนางไปด้วย องค์หญิงยังทรงพระเยาว์หากไปอยู่นอกเมืองนางจะมีชะตาเช่นไร"
"เป็นคำบัญชาจากฝ่าบาทกระหม่อมมิอาจจะขัดคำสั่งได้ ฮองเฮาโปรดเข้าใจกระหม่อมด้วยพะย่ะค่ะ"
บทที่ 40 ข้ามีความสุขในทุกวัน สามปีต่อมาหลังจากวันนั้นที่หนิงเอ๋อคลอดและแม่ทัพเองก็ได้ออกจากกองทหารเพราะแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเขาทำให้เขาไม่สามารถจับดาบได้อีก เขาจึงมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับหนิงเอ๋อและบุตรชายของเขาที่ทั้งดื้อทั้งซนแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ที่ดินที่ฮองเฮาเคยให้ไว้เขาเองก็จัดแจงทำเกษตรคอยให้ชาวบ้านที่เร่ร่อนช่วยกันทำมาหากินหากผู้ใดทำได้มากเขาก็มีผลตอบแทนให้อย่างมากเช่นกัน ทำให้แม่ทัพได้หันมาเป็นหัวหน้าค้าขายรายใหญ่หนิงเอ๋อวันนี้นางก็ได้มายืนที่บึงบัวเช่นเคยและยิ้มให้กับท้องฟ้าจนบุตรชายของนางได้สงสัยและวิ่งเข้ามาถาม"ท่านแม่ ท่านยิ้มให้ท้องฟ้าทุกวันข้าเองก็สงสัยว่าท่านยิ้มให้สิ่งใดข้าเห็นเพียงแค่ก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาเท่านั้น" หนิงเอ๋อจึงนั่งลงและชี้ไปที่ก้อนเมฆให้บุตรของนางได้ดู"เฉี่ยวเปา เจ้าดูที่มือของเม่น่ะ นั้นคือท่านยายเป็นแม่นมของแม่ ส่วนนั้นฟางลี่เว่ยท่านป้าที่ใจดีที่สุด และอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้เจ้าคือสหายที่ดีที่สุดของแม่ด้วยเช่นกัน" หนิงเอ๋อชี้เฉี่ยวเปาก็มองตาม เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใดอยู่ดีนอกจากก้อนเมฆ"ข้ายังไม่เห็นสิ่งใดเลย เห็นเพียงก่อนเมฆเท่านั้น""สองคน
บทที่ 39 ข้าจะมองดูท่านอยู่บนฟากฟ้าหนิงเอ๋อเดินออกมาจากห้องของแม่ทัพด้วยหัวใจที่ปวดร้าว นางกลับไปหาหางเฟิ่งเขาเองมองนางออกว่าตอนนี้หัวใจของนางนั้นมีแม่ทัพอี้อยู่ในใจ"องค์หญิงเราออกไปเดินเล่นกันดีมั้ย วันนี้ข้างนอกอากาศแจ่มใสไม่ร้อนมากนัก" หางเฟิ่งอยากให้นางรู้สึกดีจึงชวนนางออกไปเดินเล่นกันหนิงเอ๋อพยักหน้าและเดินออกไปด้านนอกทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่าหางเฟิ่งนั้นเป็นองครักษ์ของหนิงเอ๋อ จึงไม่มีผู้ใดสงสัย นางเดินมาเรื่อยๆ และหยุดที่บึงบัวเหม่อลอยมองไปด้านหน้า"ทรงคิดอะไรอยู่หรือพะย่ะค่ะ ""ข้ากำลังคิดว่าจะไปที่ใดดี ที่ที่ไม่มีองค์หญิงองค์ชายหรือฐานะใดข้าอยากไปอยู่ในที่ที่ทุกคนมีสถานนะเท่าเทียมกัน ในโลกที่ไม่มีความริษยาอิจฉาแย่งชิงหรืออำนาจ ข้าต้องการอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความรักความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ""โลกเช่นนั้คงไม่มีหรอกพะย่ะค่ะ ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างก็เป็นคนที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยกันทุกคนอยู่ที่ว่าผู้ใดเลือกที่จะเป็นอย่างใดมากกว่า องค์หญิงอย่าทำเช่นบึ้งตึงเช่นนี้สิพะย่ะค่ะมองดูเมฆก้อนนู้นสิช่างเหมือนแม่นมกับฟางลี่เว่ยกำลังจ้องมองดูท่านอยู่เลย ช่วยยิ้มออกมาให้ท้ังสองคนดูสิพะย่ะ
บทที่ 38 เราทั้งสองหย่ากันเถอะแม่ทัพอี้ควบม้าออกตามหาหนิงเอ๋ออย่างร้อนใจก็มาพบม้าสองตัวที่ถูกทิ้งอยู่กลางป่า เขาจึงสั่งทหารให้ตามหาหนิงเอ๋อกับใต้เท้าไป๋เดินได้ไม่นานทหารก็ตะโกนเรียกท่านแม่ทัพไปดูก็พบกับร่างของลูกน้องใต้เท้าไป๋เดินไปอีกสักพักก็พบใต้เท้าไป๋นอนจมกองเลือดและบาดแผลที่ไม่น่าดู จิตใจของแม่ทัพเริ่มสั่นไหวใจเต้นระรัว กลัวหนิงเอ๋อจะจากเขาไป เขาจึงรีบวิ่งตามหานางอย่างเป็นหวงแต่แล้วก็ต้องพบเข้ากับหนิงเอ๋อที่กำลังกอดแนบแน่นอยู่กับชายอื่น ความเป็นห่วงและความโมโหได้หล่อล้อมเข้าด้วยกันทำให้เขาโกรธและจะฆ่าชายผู้นั้นที่บังอาจมากอดภรรยาของเขา"เอามือออกจากนางเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นใจในครั้งเดียว" หางเฟิ่งตกใจเมื่อจู่ๆ โดนดาบจากที่ใดมาวางอยู่ที่คอ หนิงเอ๋อเห็นนางจึงรีบเข้าไปผลักแม่ทัพออก และนำตัวหางเฟิ่งไปใว้ด้านหลังนาง แม่ทัพเห็นก็รู้ในทันทีว่าชายผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับหนิงเอ๋อเป็นแน่"นี่เจ้ากล้ามาผลักสามีของเจ้าเพื่อช่วยชายผู้นี้หรือ""หากไม่มีเขาข้าเองก็ต้องตายไปแล้วด้วยน้ำมือของใต้เท้าไป๋ ข้าไม่ทางให้ท่านทำอันใดกับคนของข้าไม่ว่าท่านจะเป็นสามีของข้าก็
บทที่ 37หนิงเอ๋อแก้แค้นให้ทุกคนใต้เท้าไป๋ได้พาหนิงเอ๋อหลบหนีโดยการนั่งม้า เมื่อมาถึงป่ารกเขาจึงทิ้งม้าไว้เพื่อเดินเข้าไปที่ป่าและจะหลบหนีโดยการขึ้นเรือหากเดินเข้าป่านี้ไปไม่นานก็ถึงท่าเรือ ทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าป่ามาหนิงเอ๋อที่ตั้งครรภ์อยู่เมื่อเดินมาได้สักพักนางก็เหนื่อยหอบและขอให้แม่ทัพอี้ได้พักเสียก่อน"นี่ใต้เท้าข้าขอนั่งพักสักครู่ได้หรือไม่ ""เจ้านี่ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริง" ใต้เท้าไป๋ได้ดุด่าหนิงเอ๋อลูกน้องจึงได้ถาม"ท่านจะพาตัวนางไปด้วยทำไมหรือ ข้าว่าเราจัดการนางเสียจะดีกว่ามิเช่นนั้นพวกทหารจะตามเรามาทันนะขอรับ""อย่าพึ่ง! นางยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ หากเรารอดพ้นจากทหารเมื่อนั้นค่อยจัดการนางทิ้ง เจ้าเองก็รีบนั่งพักซะจะได้รีบออกเดินทาง ข้าเองก็เจ็บแผลที่เจ้าสร้างมาเช่นกัน เอาอย่างนี้ดีมั้ยระหว่างที่เจ้าพักข้าจะขอเอาคืนแผลที่เจ้าแทงข้า แต่ข้าจะไม่แทงเจ้าด้วยมีดหรอกนะ ข้าจะแทงเจ้าด้วยแท่งร้อนของข้า ฮ่า ฮ่า เจ้าไปดูต้นทางหากมีผู้ใดน่าสงสัยก็รีบตะโกนบอกข้า " ใต้เท้าไป๋ใช้มือปาดริมฝีปากราวกับผู้ที่หิวกระหาย ทำให้หนิงเอ๋อรู้สึกไม่ปลอดภัยและเป็นห่วงบุตรเป็นอย่างมาก นางพยายามจะขยับกายหน
บทที่ 36 จับกบฎ"ก็เพราะว่าองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันมิใช่บุตรของข้าอย่างไรล่ะ" ฝ่าบาทเดินออกมาจากด้านหลังบัลลังก์และมานั่งอยู่บนบังลังก์ทำให้หวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋ถึงกับหน้าซีด"เหตุใดฝ่าบาทถึงฟื้นขึ้นมาได้ แล้วฝ่าบาทเอาเรื่องใดมาพูดว่าองค์รัชทยาทไม่ใช่บุตรของท่านละเพคะ หากไม่ใช่บุตรของท่านจะเป็นบุตรของผู้ใด ใต้หล้ารู้ต่างว่าข้าเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ตั้งแต่หม่อมฉันยังไม่ตั้งครรภ์ " หวงกุ้ยเฟยรีบดินออกมาด้านหน้าและทูลถาม"หึ หึ จะให้ข้าพูดจริงๆ หรือหวงกุ้ยเฟย เอาล่ะหากเจ้าใคร่รู้ข้าเองก็จะบอกเจ้าเอง องค์รัชทยาทหรือองค์ชายหลีเจียซินมิใช่ลูกของข้าแต่เป็นลูกของเจ้ากับใต้เท้าไป๋ พวกเจ้ากำลังก่อกบฏจะยึดบัลลังก์และวางแผนที่จะโค้นบัลลังก์ทหารจับหวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋เอาไว้ และต่อจากนี้องค์รัชทายาทองค์หญิงเสี่ยวหลงถูกปลดตำแหน่งและจับตัวทั้งสองคนมาที่ท้องพระโรงเดี๋ยวนี้" เมื่อสิ้นคำสั่งทหารก็รีบจับตัวของหวงกุ้ยเฟยแต่ใต้เท้าไป๋ยังไม่ยอมรับความจริงจึงได้ต่อลองกับฝ่าบาท"ท่านจะหาว่าข้าเป็นบิดาขององครัชทายาทได้อย่างไรอีกอย่างฝ่าบาทจะมากล่าวหากระหม่อมได้อย่างไร หากท่านไม่มีอันใดชี้แนะมาทางข้าว่าข้า
บทที่ 35 ก่อกบฎฟางลี่เว่ยกำลังนำยาสมุนไพรที่ท่านหมอให้ไว้ต้มให้หนิงเอ๋อดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย แม่ทัพอี้กำลังเดินเข้ามาที่ในห้องของหนิงเอ๋อ ก็แปลกใจเลยถามด้วยความเป็นห่วง"เจ้าไม่สบายตรงไหน ถึงได้มียาต้มมาวางอยู่ตรงนี้" แม่ทัพอี้นั่งลงที่เก้าอี้และถามหนิงเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา"ข้าสบายดี ไม่ทำให้ท่านต้องมาเป็นห่วงหรอกเพคะ เชิญไปพรอดรักอยู่กับพี่เสี่ยวหลงเถิดและเชิญท่านออกไปจากห้องของข้าได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน" แม่ทัพอี้ถึงกับหน้าถอดสี ไม่คิดเลยว่านางจะเห็นที่เขากับเสี่ยวหลง"เจ้าเห็นสินะ ""ข้าไม่ได้อยากดูหรอกนะ แค่บังเอิญเดินผ่านไปเห็นเท่านั้นออกไปได้แล้ว ฟางลี่เว่ยส่งท่านแม่ทัพแทนข้าที" หนิงเอ๋อลุกเดินเข้าไปในห้องนอน แม่ทัพก็ได้เดินตามเพื่ออธิบายความจริงให้นางฟัง"เดี๋ยวก่อนสิ มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ ""ปล่อยเถอะเพคะ ต่อให้จะเป็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้า อย่างไรในใจของท่านก็มีพี่เสี่ยวหลงทั้งใจ เอาอย่างนี้ดีมั้ยหากเรื่องราชวงศ์จบสิ้นเมื่อใด ข้ากับท่านจะหย่ากันทันที ท่านจะได้ไปพรอดรักอยู่กับท่านพี่เสี่ยวหลงอย่างเต็มที่" หนิงเอ๋อเองก็ไม่รู้เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นออกไปราว