"ข้ามิใช่สตรีที่อ่อนแอ ไม่ว่าผู้ใดมายุ่งกับผู้ชายของข้าข้าจัดการไม่เว้นหน้า ไม่ว่าท่านจะเป็นสามีของข้าเองก็ตาม" หนิงเอ๋อ องค์หญิงกาลกิณีที่ถือกำเนิดในค่ำคืนแห่งความโศกเศร้า นางถูกตราหน้าว่าเกิดมาทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียเป็นเหตุให้มารดาของตนเองต้องมาตายหลังจากที่คลอดนางมาได้ไม่กี่ชั่วยาม นางมิเคยได้รับความรักความเมตตาจากบิดาที่เป็นฮ่องเต้แม้แต่น้อย แต่นางมิใช่สตรีที่อ่อนแอการที่นางโดนเนรเทศออกมาอยู่นอกวังทำให้นางมีจิตใจแข็งแกร่งและมิเคยยอมผู้ใด ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นตัวซวยนางจึงใช้ชีวิตไม่สนฐานะองค์หญิงเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่งนางได้พบเจอกับ หางเฟิง นายโลมรูปงามที่สุดแห่งหอนายโลมและเขายังเป็นเด็กน้อยที่เคยพูดคุยกับนางเมื่อยังเยาว์วัยทำให้นางพอคลายเหงาได้บ้าง แต่ทว่าการที่นางพบเจอกับหางเฟิงและเลี้ยงดูเขานั้นถึงหูของฝ่าบาท เพื่อไม่ให้ราชวงศ์เสื่อมเสียไปมากกว่านี้ฝ่าบาทจึงได้เขียนราชโองการให้องค์หญิงหนิงเอ๋อได้เข้าพิธีแต่งงานกับ แม่ทัพหลิวอี้เฟย เรื่องวุ่นวายก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นเพราะแม่ทัพหลิวอี้เฟยนั้นมีสตรีที่อยู่ในดวงใจของเขาอยู่แล้ว
View Moreบทที่ 1 องค์หญิงกาลกิณีถือกำเนิด
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัวพายุพัดผ่านโคมไฟที่ห้อยทั่วตำหนักเริ่มสั่นไหวตามแรงลม เหล่านางกำนัลและขันทีที่ต่างพากันวิ่งไปทั่วตำหนัก เพราะบัดนี้ตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาสตรีที่ฮ่องเต้มอบความรักและความใส่ใจให้มากกว่าสตรีใดในวังหลวงเพราะความงามและกิริยาจิตใจของนางนั้นช่างงดงามราวกับใบหน้า ทำให้นางได้ตั้งครรภ์บุตรของฝ่าบาทที่ตอนนี้กำลังนอนเจ็บปวดอยู่ที่ตำหนักเป็นเวลานานหลายเพลา
ฝ่าบาทคิ้วขมวดใบหน้ากังวลเป็นกุ้ยเฟยที่นอนเจ็บปวดแต่ว่าเขานั้นช่วยอันใดนางมิได้
"นี่หมอหลวงกุ้ยเฟยเป็นเช่นใดบ้าง ตอนนี้บุตรของข้าถือกำเนิดรึยังเหตุใดข้าถึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย"
ฝ่าบาทยืนอยู่ประตูด้านนอกตะโกนถามเข้าไปเพราะเป็นกุ้ยเฟยเหลือเกิน
"ทูลฝ่าบาทเพคะ บัดนี้พระชายาหนิงฮวายังไม่ได้ให้กำเนิดเพคะ เพราะพระนางหมดแรงตอนนี้ทางท่านหมอกำลังเร่งช่วยพระนางอยู่เพคะ "
เสียงนางกำนัลที่ตอบกลับมาทำให้ฝ่าบาทรู้สึกร้อนรุ่มในใจมากกว่าเดิม ฝ่าบาทแทบนั่งไม่ติดเดินไปเดินมาไปทั่วหน้าตำหนัก
ทันใดนั้นเองก็มีขันทีประจำตัวของพระองค์ได้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องร้ายมากราบทูลพะย่ะค่ะ'' ขันทีก้มตัวลงโค้งคำนับ
"มีเรื่องอันใด ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อมที่จะฟังเจ้าก็รู้ว่าตอนนี้จิตใจของข้าเป็นห่วงพระชายาหนิงฮวาอยู่มิคลาย" ฮ่องเต้นั่งลงใช้มือกุมขมับคิ้วขมวด
"แต่ทว่าเรื่องนี้เองก็สำคัญกับฝ่าบาทนะพะย่ะค่ะ"
"เรื่องอันใดรีบบอกมาแล้วอย่ามากวนใจข้าอีก" ฮ่องเต้เบ่งเสียงตะละใบหน้าเคร่งเครียด
"องครักษ์ประจำตัวขององค์รัชทายาทได้มากราบทูลแจ้งต่อกระหม่อมว่าองค์รัชทายาทได้สิ้นพระชนม์แล้วพะย่ะค่ะ" ฝ่าบาทเมื่อได้ยินถึงกับไม่เชื่อหูตนเองดึงดาบจากทหารที่ยืนอยู่ตรงนั้นใส่คอของขันที ทำให้ขันทีตกใจกลัวจนทรุดลงนั่งกับพื้น
"เจ้าบังอาจนำเรื่องเช่นนี้มาพูดกับข้าได้อย่างไร องค์รัชทายาทมีพระวรกายที่แข็งแรง เจ้าช่างบังอาจนัก"
"กระหม่อมพูดเรื่องจริงนะพะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทได้ออกไปล่าสัตว์เมื่อสองวันก่อนกับองค์ชายสาม ระหว่างล่าสัตว์อยู่นั้นองค์รัชทายาทพบเจอสัตว์ใหญ่ทำให้พระองค์ต้องการมาครอบครองและเข้าไปตามล่าและคลาดกับองครักษ์และเหล่าทหารเข้าไปในป่าลึก เมื่อองครักษ์ไปพบองค์รัชทายาทก็ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว หากพระองค์ไม่เชื่อกระหม่อมก็เข้าไปทูลถามองค์ชายสามได้พะย่ะค่ะ ตอนนี้ขบวนเสด็จขององค์รัชทายาทใกล้จะถึงวังหลวงแล้วพะย่ะค่ะ" สิ้นคำพูดของขันทีสั่นกลัวดาบที่อยู่บนคอ ฝ่าบาทก็รีบวิ่งออกไปด้วยจิตใจที่หวาดกลัว และไม่อยากที่จะเชื่อคำพูดของขันที
"เปรี้ยง!!."
ทันใดนั้นเองเสียงฟ้าก็ผ่าลงกลางวังหลวงเม็ดฝนโปรยลงมาราวกับแสดงความเสียใจต่อฝ่าบาทที่ได้สูญเสียพระอาทิตย์ดวงเล็กของใต้หล้า แต่ทว่าเมื่อเสียงฟ้าร้องนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของพระชายาหนิงฮวาร้องขึ้นอย่างดัง ฝ่าบาทพะวงหน้าพะวงหลังแต่แล้วเขาก็เลือกที่จะเดินไปดูร่างขององค์รัชทายาท
เสียงเด็กก็ได้ร้องออกมาแข่งกับเสียงฝนที่โปรยลงมา
ท้องพระโรง
ฝ่าบาทเดินผ่าฝนมาหาองค์รัชทายาทเขาเองแทบทรุดเมื่อเปิดผ้าดูก็พบว่าร่างที่นอนอยู่นั้นคือบุตรชายสุดที่รักของเขาจริงๆ เหล่าทหารองครักษ์รวมถึงองค์ชายสามต่างพากันคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาท
"ท่านพ่อ ข้าดูแลองค์รัชทายาทไม่ดีเองทำให้พระองค์ต้องเจอกับสัตว์ร้ายเช่นนี้ ข้ามิได้ตั้งใจพระองค์โปรดลงโทษข้าเถิด เป็นเพราะข้า" องค์ชายสามร้องไห้ออกมาและตบใบหน้าของตนที่ไม่สามารถดูแลองค์รัชทายาทได้
"พระองค์โปรดลงโทษพวกกระหม่อมด้วยพะย่ะค่ะ" เหล่าทหารที่ร่วมขบวนเสด็จไปล่าสัตว์ต่างก้มหน้ารับความผิด
"ไม่จริง!!ไม่จริง ข้าไม่เชื่อองค์รัชทายาทเจ้าฟื้นสิ " บัดนี้ความเสียใจเจ็บปวดทำให้ฝ่าบาทสติขาดไม่เชื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า เสียงร้องไห้ของฝ่าบาทระงมไปทั่ววังหลวง
ตำหนักหมิ่งซื่อ
แม่ของแผ่นดินหรือว่าฮองเฮาที่กำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าให้แก่บุตรที่กำลังจะเกิดของกุ้ยเฟยหนิงฮวาด้วยความยินดี นางมีนิสัยที่อ่อนโยนจิตใจดีมีเมตตา เอ็นดูหนิงฮวาเป็นอย่างมาก มิเคยอิจฉาริษยาที่นางมาแย่งความรักของฝ่าบาทไปแม้แต่น้อย
"ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันว่าบัดนี้กุ้ยเฟยน่าจะคลอดบุตรมาแล้ว เสด็จไปดูกันมั้ยเพคะ " นางกำนัลคนสนิทได้เอ่ยขึ้น
"ข้าว่าก็ดีเช่นกัน ดูสิตอนนี้ข้าก็ได้ปักผ้าเสร็จพอดี " ฮองเฮาชูผ้าผืนเล็กขึ้นให้เหล่านางกำนัลดูด้วยรอยยิ้มปลิ่มสุข
"ช่างสวยเหลือเกินเพคะ"
ยังไม่ทันที่ฮองเฮาจะได้เสด็จออกจากตำหนัก ก็มีขันทีวิ่งแข่งกันความแรงของเม็ดฝนด้วยความเร่งรีบเข้ามาที่ตำหนักจนโดนฮองเฮาตำหนิเอา
"เจ้านี่อยู่ในวังหลวงมาตั้งนานหลายปีเหตุใดถึงทำตัวเช่นนี้ เสื้อผ้าของเจ้าก็เปียกไปด้วยน้ำฝน "
ฮองเฮาตำหนิขันทีที่ตอนนี้เหนื่อยหอบกับการวิ่งมาหาพระนาง
"กระหม่อมมีเรื่องเร่งด่วนมาทูลฮองเฮาพะย่ะค่ะ กระหม่อมขอให้อภัยที่ทำตัวเช่นนี้"
"มันมีอะไรสำคัญไปกว่าที่เจ้าทำตำหนักของข้าเปียกด้วยหรือเจ้าไปเปลี่ยนผ้าแล้วค่อยมาบอกข้าก็แล้วกัน"
"เรื่องนี้สำคัญมากพะย่ะค่ะ กระหม่อมมิอาจใจเย็นได้ "
ขันทียืนไม่นิ่งมีอาการร้อนรนจู่ๆ สักพักเขาก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นและร่ำไห้ออกมา
"เจ้าเป็นอันใดเหตุใดต้องร้องไห้ออกมาเช่นนี้"
"กระหม่อม กระหม่อมจะแจ้งต่อฮองเฮาบัดนี้องค์รัชทายาทได้สิ้นพระชนม์แล้วพะย่ะค่ะ " ขันทีก้มหน้าลงพื้นด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ
ฮองเฮาเมื่อได้ยินคำพูดที่คิดไม่ถึง มือที่ถือผ้าได้ปล่อยลงอย่างหมดแรง
"เจ้าพูดเรื่องอันใด เจ้าโกหกข้าใช่หรือไม่ บอกข้ามาว่าเจ้าโกหก" ฮองเฮาทรุดตัวลงตรงหน้าของขันทีและถามเขาอีกครั้ง
"เรื่องจริงพะย่ะค่ะตอนนี้ร่างขององค์รัชทายาทอยู่ที่ท้องพระโรง " สิ้นเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของขันทีฮองเฮาก็ได้ร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่เชื่อและเสียใจเป็นที่สุด
"กรี๊ด!! ไม่จริงข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ"
เหล่านางกำนัลที่รับใช้ฮองเฮาต่างพากันร้องไห้เสียใจที่บัดนี้ฮองเฮาได้เสียองค์รัชทายาทไป
"ฮองเฮาเพคะ ลุกขึ้นก่อนเถอะเพคะ" เสียงสั่นของนางกำนัลคนสนิทได้พยุงตัวของฮองเฮาให้ลุกขึ้น
"ข้าไม่เชื่อข้าจะไปดูให้เห็นกับตา องค์รัชทายาทมีร่างกายแข็งแรง จะเป็นอันใดได้อย่างไร เจ้ารีบพาข้าไปที่ท้องพระโรงที" เสียงสะอื้นไห้ไม่ยอมรับความจริงของฮองเฮาช่างเจ็บปวด น้ำตาไหลรินออกมาเป็นสายเลือด
นางกำนัลและขันทีจึงพากันนำขบวนเสด็จพาฮองเฮาไปที่ท้องพระโรงทันที เมื่อมาถึงท้องพระโรงฮองเฮาวิ่งเข้าไปดูร่างขององค์รัชทายาทที่นอนนิ่งผิวขาวเผือกไม่มีเลือดวิ่งในร่างกาย พระนางวิ่งเข้ามาสวมกอดทันที
"ไม่จริง องค์รัชทายาทเจ้าตื่นสิ ฝ่าบาทบอกหม่อมฉันสิเพคะว่าไม่ใช่เรื่องจริงองค์รัชทายาทนอนอยู่ใช่มั้ยเพคะ" ฮองเฮาหันไปหาฝ่าบาทที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างองค์รัชทายาท
"ข้าขอโทษฮองเฮาแต่บัดนี้เราได้เสียองค์รัชทายาทไปแล้วจริงๆ " น้ำเสียงแหบแห้งได้เปล่งออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจไม่ต่างอันใดกับฮองเฮา
"ไม่จริง ข้าไม่เชื่อลูกชายของข้าเป็นเด็กที่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก จะมาเสียชีวิตอย่างนี้ได้อย่างไร หรือว่าเจ้าดูแลองค์รัชทายาทไม่ดี" ฮองเฮาหันไปมององครักษ์อย่างตำหนิ
"กระหม่อมสมควรตายพะย่ะค่ะ เป็นกระหม่อมเองที่ดูแลองค์รัชทายาทไม่ดี ฮองเฮาลงโทษหม่อมฉันได้เลยพะย่ะค่ะ" องครักษ์ประจำตัวของได้ก้มลงสำนึกผิด ฮองเฮาเข้าไปตุบตีด้วยความช้ำใจ หากแต่นางก็โดนฝ่าบาทดึงแขนให้หยุดการกระทำเช่นนี้ไว้
"เหตุใดไม่เป็นเจ้า เหตุใดต้องเป็นลูกของข้าด้วย "
"หยุดเถิดฮองเฮา ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น องค์รัชทายาทถูกสัตว์ป่าทำร้าย ไม่ใช่ความผิดขององครักษ์หรอกนะ"
"ฝ่าบาทท่านจะรู้อันใดเพคะ บุตรชายของข้าเพียงผู้เดียวที่เป็นดั่งชีวิตของข้าตอนนี้ได้จากข้าไปแล้ว แล้วเช่นนี้ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ฮื้อ ฮือ อึก..."
ฮองเฮาทรุดตัวลงร้องไห้ออกมาอย่างเสียสติ จิตใจแตกสลายโลกที่เคยสวยงามบัดนี้กลายเป็นมืดสนิท
ฝ่าบาทคว้าตัวฮองเฮามาสวมกอดเพื่อปลอบประโลม
"ข้าเองก็เสียใจไม่ต่างอันใดกับเจ้าหรอกนะฮองเฮา องค์รัชทายาทเป็นบุตรที่ข้ารักมากที่สุด ข้าเองก็เสียใจไม่น้อยเจ้าสงบสติอารมณ์เถิด"
ฝ่าบาทได้กอดฮองเฮาอยู่เช่นนั้นสักพักก็ได้มีขันทีของตำหนักกุ้ยเฟยวิ่งเข้ามาในท้องพระโรงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
บทที่ 40 ข้ามีความสุขในทุกวัน สามปีต่อมาหลังจากวันนั้นที่หนิงเอ๋อคลอดและแม่ทัพเองก็ได้ออกจากกองทหารเพราะแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเขาทำให้เขาไม่สามารถจับดาบได้อีก เขาจึงมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับหนิงเอ๋อและบุตรชายของเขาที่ทั้งดื้อทั้งซนแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ที่ดินที่ฮองเฮาเคยให้ไว้เขาเองก็จัดแจงทำเกษตรคอยให้ชาวบ้านที่เร่ร่อนช่วยกันทำมาหากินหากผู้ใดทำได้มากเขาก็มีผลตอบแทนให้อย่างมากเช่นกัน ทำให้แม่ทัพได้หันมาเป็นหัวหน้าค้าขายรายใหญ่หนิงเอ๋อวันนี้นางก็ได้มายืนที่บึงบัวเช่นเคยและยิ้มให้กับท้องฟ้าจนบุตรชายของนางได้สงสัยและวิ่งเข้ามาถาม"ท่านแม่ ท่านยิ้มให้ท้องฟ้าทุกวันข้าเองก็สงสัยว่าท่านยิ้มให้สิ่งใดข้าเห็นเพียงแค่ก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาเท่านั้น" หนิงเอ๋อจึงนั่งลงและชี้ไปที่ก้อนเมฆให้บุตรของนางได้ดู"เฉี่ยวเปา เจ้าดูที่มือของเม่น่ะ นั้นคือท่านยายเป็นแม่นมของแม่ ส่วนนั้นฟางลี่เว่ยท่านป้าที่ใจดีที่สุด และอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้เจ้าคือสหายที่ดีที่สุดของแม่ด้วยเช่นกัน" หนิงเอ๋อชี้เฉี่ยวเปาก็มองตาม เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใดอยู่ดีนอกจากก้อนเมฆ"ข้ายังไม่เห็นสิ่งใดเลย เห็นเพียงก่อนเมฆเท่านั้น""สองคน
บทที่ 39 ข้าจะมองดูท่านอยู่บนฟากฟ้าหนิงเอ๋อเดินออกมาจากห้องของแม่ทัพด้วยหัวใจที่ปวดร้าว นางกลับไปหาหางเฟิ่งเขาเองมองนางออกว่าตอนนี้หัวใจของนางนั้นมีแม่ทัพอี้อยู่ในใจ"องค์หญิงเราออกไปเดินเล่นกันดีมั้ย วันนี้ข้างนอกอากาศแจ่มใสไม่ร้อนมากนัก" หางเฟิ่งอยากให้นางรู้สึกดีจึงชวนนางออกไปเดินเล่นกันหนิงเอ๋อพยักหน้าและเดินออกไปด้านนอกทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่าหางเฟิ่งนั้นเป็นองครักษ์ของหนิงเอ๋อ จึงไม่มีผู้ใดสงสัย นางเดินมาเรื่อยๆ และหยุดที่บึงบัวเหม่อลอยมองไปด้านหน้า"ทรงคิดอะไรอยู่หรือพะย่ะค่ะ ""ข้ากำลังคิดว่าจะไปที่ใดดี ที่ที่ไม่มีองค์หญิงองค์ชายหรือฐานะใดข้าอยากไปอยู่ในที่ที่ทุกคนมีสถานนะเท่าเทียมกัน ในโลกที่ไม่มีความริษยาอิจฉาแย่งชิงหรืออำนาจ ข้าต้องการอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความรักความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ""โลกเช่นนั้คงไม่มีหรอกพะย่ะค่ะ ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างก็เป็นคนที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยกันทุกคนอยู่ที่ว่าผู้ใดเลือกที่จะเป็นอย่างใดมากกว่า องค์หญิงอย่าทำเช่นบึ้งตึงเช่นนี้สิพะย่ะค่ะมองดูเมฆก้อนนู้นสิช่างเหมือนแม่นมกับฟางลี่เว่ยกำลังจ้องมองดูท่านอยู่เลย ช่วยยิ้มออกมาให้ท้ังสองคนดูสิพะย่ะ
บทที่ 38 เราทั้งสองหย่ากันเถอะแม่ทัพอี้ควบม้าออกตามหาหนิงเอ๋ออย่างร้อนใจก็มาพบม้าสองตัวที่ถูกทิ้งอยู่กลางป่า เขาจึงสั่งทหารให้ตามหาหนิงเอ๋อกับใต้เท้าไป๋เดินได้ไม่นานทหารก็ตะโกนเรียกท่านแม่ทัพไปดูก็พบกับร่างของลูกน้องใต้เท้าไป๋เดินไปอีกสักพักก็พบใต้เท้าไป๋นอนจมกองเลือดและบาดแผลที่ไม่น่าดู จิตใจของแม่ทัพเริ่มสั่นไหวใจเต้นระรัว กลัวหนิงเอ๋อจะจากเขาไป เขาจึงรีบวิ่งตามหานางอย่างเป็นหวงแต่แล้วก็ต้องพบเข้ากับหนิงเอ๋อที่กำลังกอดแนบแน่นอยู่กับชายอื่น ความเป็นห่วงและความโมโหได้หล่อล้อมเข้าด้วยกันทำให้เขาโกรธและจะฆ่าชายผู้นั้นที่บังอาจมากอดภรรยาของเขา"เอามือออกจากนางเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นใจในครั้งเดียว" หางเฟิ่งตกใจเมื่อจู่ๆ โดนดาบจากที่ใดมาวางอยู่ที่คอ หนิงเอ๋อเห็นนางจึงรีบเข้าไปผลักแม่ทัพออก และนำตัวหางเฟิ่งไปใว้ด้านหลังนาง แม่ทัพเห็นก็รู้ในทันทีว่าชายผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับหนิงเอ๋อเป็นแน่"นี่เจ้ากล้ามาผลักสามีของเจ้าเพื่อช่วยชายผู้นี้หรือ""หากไม่มีเขาข้าเองก็ต้องตายไปแล้วด้วยน้ำมือของใต้เท้าไป๋ ข้าไม่ทางให้ท่านทำอันใดกับคนของข้าไม่ว่าท่านจะเป็นสามีของข้าก็
บทที่ 37หนิงเอ๋อแก้แค้นให้ทุกคนใต้เท้าไป๋ได้พาหนิงเอ๋อหลบหนีโดยการนั่งม้า เมื่อมาถึงป่ารกเขาจึงทิ้งม้าไว้เพื่อเดินเข้าไปที่ป่าและจะหลบหนีโดยการขึ้นเรือหากเดินเข้าป่านี้ไปไม่นานก็ถึงท่าเรือ ทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าป่ามาหนิงเอ๋อที่ตั้งครรภ์อยู่เมื่อเดินมาได้สักพักนางก็เหนื่อยหอบและขอให้แม่ทัพอี้ได้พักเสียก่อน"นี่ใต้เท้าข้าขอนั่งพักสักครู่ได้หรือไม่ ""เจ้านี่ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริง" ใต้เท้าไป๋ได้ดุด่าหนิงเอ๋อลูกน้องจึงได้ถาม"ท่านจะพาตัวนางไปด้วยทำไมหรือ ข้าว่าเราจัดการนางเสียจะดีกว่ามิเช่นนั้นพวกทหารจะตามเรามาทันนะขอรับ""อย่าพึ่ง! นางยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ หากเรารอดพ้นจากทหารเมื่อนั้นค่อยจัดการนางทิ้ง เจ้าเองก็รีบนั่งพักซะจะได้รีบออกเดินทาง ข้าเองก็เจ็บแผลที่เจ้าสร้างมาเช่นกัน เอาอย่างนี้ดีมั้ยระหว่างที่เจ้าพักข้าจะขอเอาคืนแผลที่เจ้าแทงข้า แต่ข้าจะไม่แทงเจ้าด้วยมีดหรอกนะ ข้าจะแทงเจ้าด้วยแท่งร้อนของข้า ฮ่า ฮ่า เจ้าไปดูต้นทางหากมีผู้ใดน่าสงสัยก็รีบตะโกนบอกข้า " ใต้เท้าไป๋ใช้มือปาดริมฝีปากราวกับผู้ที่หิวกระหาย ทำให้หนิงเอ๋อรู้สึกไม่ปลอดภัยและเป็นห่วงบุตรเป็นอย่างมาก นางพยายามจะขยับกายหน
บทที่ 36 จับกบฎ"ก็เพราะว่าองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันมิใช่บุตรของข้าอย่างไรล่ะ" ฝ่าบาทเดินออกมาจากด้านหลังบัลลังก์และมานั่งอยู่บนบังลังก์ทำให้หวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋ถึงกับหน้าซีด"เหตุใดฝ่าบาทถึงฟื้นขึ้นมาได้ แล้วฝ่าบาทเอาเรื่องใดมาพูดว่าองค์รัชทยาทไม่ใช่บุตรของท่านละเพคะ หากไม่ใช่บุตรของท่านจะเป็นบุตรของผู้ใด ใต้หล้ารู้ต่างว่าข้าเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ตั้งแต่หม่อมฉันยังไม่ตั้งครรภ์ " หวงกุ้ยเฟยรีบดินออกมาด้านหน้าและทูลถาม"หึ หึ จะให้ข้าพูดจริงๆ หรือหวงกุ้ยเฟย เอาล่ะหากเจ้าใคร่รู้ข้าเองก็จะบอกเจ้าเอง องค์รัชทยาทหรือองค์ชายหลีเจียซินมิใช่ลูกของข้าแต่เป็นลูกของเจ้ากับใต้เท้าไป๋ พวกเจ้ากำลังก่อกบฏจะยึดบัลลังก์และวางแผนที่จะโค้นบัลลังก์ทหารจับหวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋เอาไว้ และต่อจากนี้องค์รัชทายาทองค์หญิงเสี่ยวหลงถูกปลดตำแหน่งและจับตัวทั้งสองคนมาที่ท้องพระโรงเดี๋ยวนี้" เมื่อสิ้นคำสั่งทหารก็รีบจับตัวของหวงกุ้ยเฟยแต่ใต้เท้าไป๋ยังไม่ยอมรับความจริงจึงได้ต่อลองกับฝ่าบาท"ท่านจะหาว่าข้าเป็นบิดาขององครัชทายาทได้อย่างไรอีกอย่างฝ่าบาทจะมากล่าวหากระหม่อมได้อย่างไร หากท่านไม่มีอันใดชี้แนะมาทางข้าว่าข้า
บทที่ 35 ก่อกบฎฟางลี่เว่ยกำลังนำยาสมุนไพรที่ท่านหมอให้ไว้ต้มให้หนิงเอ๋อดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย แม่ทัพอี้กำลังเดินเข้ามาที่ในห้องของหนิงเอ๋อ ก็แปลกใจเลยถามด้วยความเป็นห่วง"เจ้าไม่สบายตรงไหน ถึงได้มียาต้มมาวางอยู่ตรงนี้" แม่ทัพอี้นั่งลงที่เก้าอี้และถามหนิงเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา"ข้าสบายดี ไม่ทำให้ท่านต้องมาเป็นห่วงหรอกเพคะ เชิญไปพรอดรักอยู่กับพี่เสี่ยวหลงเถิดและเชิญท่านออกไปจากห้องของข้าได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน" แม่ทัพอี้ถึงกับหน้าถอดสี ไม่คิดเลยว่านางจะเห็นที่เขากับเสี่ยวหลง"เจ้าเห็นสินะ ""ข้าไม่ได้อยากดูหรอกนะ แค่บังเอิญเดินผ่านไปเห็นเท่านั้นออกไปได้แล้ว ฟางลี่เว่ยส่งท่านแม่ทัพแทนข้าที" หนิงเอ๋อลุกเดินเข้าไปในห้องนอน แม่ทัพก็ได้เดินตามเพื่ออธิบายความจริงให้นางฟัง"เดี๋ยวก่อนสิ มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ ""ปล่อยเถอะเพคะ ต่อให้จะเป็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้า อย่างไรในใจของท่านก็มีพี่เสี่ยวหลงทั้งใจ เอาอย่างนี้ดีมั้ยหากเรื่องราชวงศ์จบสิ้นเมื่อใด ข้ากับท่านจะหย่ากันทันที ท่านจะได้ไปพรอดรักอยู่กับท่านพี่เสี่ยวหลงอย่างเต็มที่" หนิงเอ๋อเองก็ไม่รู้เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นออกไปราว
บทที่ 34 ฝ่าบาทฟื้นแล้วแม่ทัพนั่งครุ้นคิดอยู่ทีห้องโถวเสี่ยวหลงเมื่อมาถึงนางก็ได้เข้าไปหาแม่ทัพและโอบกอดเขาจากด้านหลัง โดยไม่ได้ให้ทั้งตัวในตอนแรกแม่ทัพคิดว่าเป็นหนิงเอ๋อจึงแกล้งนาง"เกิดอันใดขึ้นกับคนอย่างเจ้าที่เมื่อก่อนเอาแต่ไล่ข้า หรือว่าใต้หล้าแห่งนี้ฝนฟ้าจะแล้งหึถึงได้เข้ามาหาข้าแถมยังโอบกอดข้าเช่นนี้" เมื่อเสียวหลงได้ยินนางก็โมโหเป็นอย่างมากและปล่อยมือออกจากกายของแม่ทัพและเอ่ยกับเขา"ผ่านไปแค่ไม่กี่คืนวันใจของท่านเปลี่ยนผันได้ถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ เยื้อใยที่ท่านมีต่อหม่อมฉันไม่เหลือแม้แต่น้อยเลยหรือ" เสี่ยวหลงน้ำตาไหลรินนางร้องไห้กระซิกๆ เพื่อให้แม่ทัพเห็นใจ"เจ้าเองหรือเสี่ยวหลง ใจข้ายังคงไม่ได้เปลี่ยนไปที่ใดแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีเจ้าอยู่ในนี้อีกต่อไปเช่นกัน" แม่ทัพอี้พูดออกมาอย่างตัดเยื่อใยทำให้เสี่ยวหลงร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม"แล้วความรู้สึกของหม่อมฉันล่ะ ที่เฝ้ารักท่านมาตลอดเพียงแค่มีหนิงเอ๋อเข้ามาท่านก็เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วที่ผ่านมาไม่มีค่าสำหรับท่านเลยหรืออย่างไร ""เสี่ยวหลงข้าเองก็เคยรักเจ้ามาก แม้ชีวิตก็ให้ได้แต่บัดนี้มันไม่เป็นเช่นดังเคย" แม่ทัพหันหลังให้เสี่ยวหลงเ
บทที่ 33 ฝีมือใค้เท้าไป๋ใต้เท้าไป๋ได้มาหาหวงกุ้ยเฟยในยามรุ่งสาง อย่างร้อนใจ"นี่ท่านมาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องอะไร""ท่านรู้เรื่องแม่นมขององค์หญิงหนิงเอ๋อหรือไม่""ข้าไปดูมาแล้ว ผู้ใดกันนะที่ฆ่านาง ท่านรู้หรือไม่" หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าเป็นฝีมือของใต้เท้าไป๋แต่ที่ถามเช่นนั้นเพราะอยากลองถาม"ข้าเองที่ทำกับนาง แต่ที่ข้าทำเพราะนางปากแข็ง เมื่อคืนเหล่าเสนบาดีฝ่ายฮองเฮาได้เข้าร่วมหารือกัน ข้ากลับไปจากตำหนักของท่านได้เห็นเข้า จึงตามนางไปเพื่อถาม แต่นางจงรักภักดีไม่ยอมแม้จะปริปากบอก ทำได้แม้กระทั่งกัดลิ้นตนเอง ข้าโมโหจึงได้สังหารนาง ท่านเองก็อย่านิ่งเฉย ตอนนี้พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าฮองเฮาทรงมีแผนอันใด เราต้องชิ่งทำให้องค์รัชาทยาทขึ้นครองบัลลังก์ในเร็ววัน เวลาที่ฮองไทเฮาพูดมานั้นมันเนินนานเกินไปข้าจะหาทางที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่ฟื้นขึ้นมาได้อีกต่อไปและลาลับจากโลกนี้ในเร็ววัน เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด ส่วนเรื่องของแม่นมผู้นั้นเจ้าไม่ต้องกลัวไม่มีผู้ใดเห็นข้าเป็นแน่ และไม่มีทางที่จะจับตัวข้าได้" ใต้เท้าไป๋พูดออกมาอย่างมั่นใจ"ดีเช่นนั้นเราก็เร่งทำตามแผนกันเถอะ" หวงกุ้ยเฟยยิ้มมุมปากอย่างดีใจเมื่อ
บทที่ 32 ลางร้าย องครักษ์หลิวที่กำลังกลับจากตำหนักของฮ่องเต้ก็ได้เห็นใต้เท้าไป๋ที่กำลังเดินออกจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาอย่างเร่งรีบเขาจึงรีบเข้าไปด้านในเมื่อรู้สึกถึงอะไรที่แปลกไปและท่าทีที่เขากำลังจะหนีเหมือนทำอันใดผิด เขารีบเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าแม่นมนอนจมกองเลือดอยู่องครักษ์หลิวรีบเข้าไปใกล้และพยุงให้แม่นมลุกขึ้น"แม่นมเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ทำไมเลือดถึงเต็มตัวเช่นนี้" เขาใช้นิ้วแตะที่ชีพจรของแม่นมที่กำลังเต้นช้าลงเรื่อยๆ แม่นมฝืนลืมตาขึ้นมาแม้ลิ้นจะขาดแต่นางก็พยายามสื่อสารกับเขาอย่างเต็มที่"อือ " เสี่ยงที่เปล่งออกมาทำให้เขารู้ว่าแม่นมยังไม่สิ้นใจ เขาจึงพยุงแม่นมขึ้นเล็กน้อย"ท่านยังไม่ตาย ท่านช่วยแข็งใจไว้สักหน่อยข้าจะอุ้มท่านไปที่ตำหนักของฮองเฮาและให้หมอหลวงมารักษาท่าน ผู้ใดมาทำกับท่านเช่นนี้โปรดบอกข้า ข้าจะไปจัดการคนผู้นั้นเอง" แม่นมส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าตนเองตอนนี้ก็แทบจะไหวหากเขาอุ้มนางไปกว่าจะถึงตำหนักซื่อหมิงนางก็สิ้นใจก่อนพอดี เขาเองตอนนี้ก็เจ็บปวดที่เห็นแม่นมกำลังหายใจโรยริน นางเป็นสตรีที่จิตใจดีและเมตตาเขามาตลอดไม่เคยคิดว่าเขาเป็นองครักษ์ต่อยต่ำแต่ทำเหมือนกับเขาเป็นคนในครอบ
Comments