บทที่1
กวนเสี่ยวถง นั่งมองน้องชายต่างมารดาวิ่งเล่นกันอยู่ในสวนด้วยแววตาละห้อย นางไม่ได้รับอนุญาติให้เล่นกับน้องๆ ลูกบอลด้ายกลิ้งหลุนๆ มายังทิสทางที่นางนั่งอยู่ กวนเสี่ยวถงจึลุกเดินไปหยิบหมายจะเอาไปให้เด็กชายทั้งสอง “พี่เสี่ยงถงจับมันแล้ว ข้าไม่เล่นหรอกนะ สกปรก ยี้” คุณชายเล็กรีบบอก ในขณะที่กวนเสียวกงถือลูกบอลด้ายเดินตรงเข้ามาหา นางได้ยินชัดเจน ร่างบางหยุดฉะงัก แม้มปากจนเป็นเส้นตรง แค่นางสัมพัสลูกบอลพวกเขาก็รังเกียจนางแล้วอย่างงั้นหรือ “ข้าวางเอาไว้ตรงนี้นะ” เสียงสั่นเครือบอกน้องชายทั้งสอง “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา เจ้าจับมันแล้ว อย่ามาใกล้ข้าไม่งั้นข้าจะฟ้องท่านแม่” กวนชาง เป็นลูกชายคนสุดท้องของฮูหยินเอกเสนบดี ด้วยความที่เป็นน้องเล็กจึงมักจะเอาแต่ใจ แต่ถึงกะนั้น กวนชางก็ไม่เคยมองกวนเสียวถงเป็นพี่สาว มารดาสอนให้กดหัวนางยิ่งกว่าลูกอนุในจวน หรือทางที่ดีห้ามเข้าใกล้ยุ่งจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นความสกปรกจากกายนางจะแปดเปื้อนเขาได้ “ข้าวางไว้ตรงนี้ พวกเจ้าจะเก็บมันกลับไปหรือไม่ก็แล้วแต่” กวนเสียวถงหมุนตัวหมายจะกลับเรือนนอนท้ายจวน สวนดอกไม้ไม่ใช่ที่พักกายของนางในวันนี้อีกไปแล้ว นางไม่เคยเข้าใจ เหตุใดแม่ใหญ่ถึงรังเกรียจนางนักหนา นางเป็นลูกของฮูหยินรองแต่ได้รับการปฎิบัติเลวร้ายยิ่งกว่าลูกๆ ของเหล่าอนุเสียอีก กวนเสียวถงไร้ตัวตนในจวนแห่งนี้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็ว่าได้ แม่นมหม่าเคยเล่าให้ฟังว่ามารดาของนางเป็นบุตรสาวหัวหน้าเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาลึก ด้วยความอยากรู้อยากรู้อยากเห็นโลกกว้างจึงแอบหนีออกมาเที่ยวข้างนอกหุบเขา จนได้พบกับบิดาของนาง กวนหย่งเหอ ในตอนนั้นบิดาของนางเป็นบัณฑิตรูปงาม ตามฮองเต้เสร็จล่าสัตว์ประจำปีที่เขาอู่ไถ ด้วยรักปักใจจึงยอมตามบัณฑิตหนุ่มกลับเมืองหลวง เมื่อมาถึงจวนสกุลกวง เหมยฮวาต้องพบกับความผิดหวัง กวนหย่งเหอมีฮูหยินเอกอยู่แล้ว กว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็สายไปเสียแล้ว เหมยฮวาเสียใจที่ถูกคนรักหลอกแต่ก็ไม่สามารถกลับเขาอู่ไถได้อีกต่อไปเพราะนางตั้งครรภ์ แม้จะได้แต่งเป็นฮูหยินรอง ก็ไม่สามารถดับความทุกข์ภายในใจได้เลย นากจากจะมีฮูหยินเอกแล้วยังมีอนุอีกถึงสามคน ทุกวันเหมยฮวาจะนั่งลูบท้องที่โตวันโตคืนของตนร้องไห้ เสียใจที่หนีจากหุบเขามา เหมยฮวาสิ้นใจทันทีที่เบ่งทารกน้อยพ้นจากร่าง กวนเสี่ยวถงจึงได้รับการดูแลจากแม่นมหม่าตั้งแต่วันนี้นั้น บ่าวรับใช้ที่ติดตามเหมยฮวาออกมาจากหุบเขาอู่ไถ่ “คุณหนูอย่าร้องไห้เลย” แม่นมหม่าตาแดงก้ำ แม้จะปลอบคุณหนูของนางไม่ให้ร้องไห้ แต่นางกลับจะร้องเอง สงสารโชคชะตาของกวงเสี่ยวถงเหลือเกิน “ข้า ฮึก ข้าผิดอันใดกันแม่นม” กวงเสียวถงพยามกลึนก้อนสะอึกลงคอ เหตุการณแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่นางก็ยังเสียใจทุกครั้ง ทุกคนทำราวกับนางเป็นกิ้งกือไส้เดือนน่ารังเกียจ ไม่มีใครเข้าใกล้ ไม่มีใครสนใจ “ทำไมท่านแม่ถึงทิ้งข้าไว้แบบนี้” กวนเสียวถงในวัย 16 หนาวตัดพ้อกับชีวิตของตน ไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าดีๆ แบบพี่สาวคนอื่นๆ ชุดของนางปะแล้วปะอีกจนไม่เหลือพื้นที่ให้ปะชุนอีกแล้ว นางไม่เคยได้กินอิ่ม ได้กินเพียงข้าวก้นครัวที่แม่นมไปเอามาจากครัวกลางให้เท่านั้น “โถ่คุณหนู ท่านแม่ของคุณหนูใช้แรงฮึกสุดท้ายเบ่งคุณหนูออกมา นางยอมตายเพื่อให้คุณหนูมีชีวิตรอด” แม่นมหยิบผ้าเช็ดหน้าสีมอซอเช็ดน้ำตาออกจากดวงหน้าจิ้มลิ้ม “มีชีวิตแล้วเป็นอย่างไร ข้าแทบไม่มีตัวตนอยู่ในจวนแห่งนี้ ท่านพ่อยังจำได้หรือไม่ว่ายังมีลูกสาวอย่างข้าอยู่อีกคน” น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่น เด็กทุกคนย่อมโหยหายอ้อมกอดจากบิดามารดา แต่นางไม่เคยเลย ไม่เคยเลยสักครั้งที่ท่านพ่อจะเช่นนั้นกับนาง แม้แม่ใหญ่จะรังเกียจนาง แต่หากท่านพ่อหยิบยื่นความรักและเมตตาให้กับนางสักเศษเสี้ยวที่ให้ลูกๆ คนอื่น นางคงจะไม่รู้สึกแบบนี้ ตอนอายุเพียง10 หนาว กวนเสี่ยวถง เคยคิดแบบเด็กๆ นางขัดคำสั่งแม่ใหญ่เข้าไปเล่นกับพวกพี่สาว แต่นางก็ถูกรังแก ถูกทุกคนเมินเฉยไม่คุยด้วยราวกับนางเป้นเพียงอากาศธาตุ พอทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่พวกพี่ๆ กวนเสี่ยวถงถูกลงโทษโบยจนเนื้อแตกยับ ท่านพ่อทำเพียงยืนมองนางถูกบ่าวรับใช้โบยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่วันนนั้นเป็นต้นมากวนเสี่ยวถงก้มหน้าใช้ชีวิตกับแม่นมภายในจวนหลังใหญ่เงียบๆ ไม่มีปากมีเสียงใดๆ กวนเสี่ยวถงถอดเสื้อผ้าก้าวลงอ่างน้ำ เพื่อชำระล้างสิ่งที่น้องชายบอกว่านางนั้นสกปรก มือบางยื่นออกไปสุดเอื้อมกวัดแกว่งไปมาเบาๆ จนน้ำภายในอ่างค่อยๆ อุ่นขึ้น เมื่อได้ความร้อนเป็นที่น่าพอใจแล้ว กวนเสี่ยวถงก็เอื้อมมือไปรับผ้าขนหนูจากแม่นมมาถูตัว ลูบไล้แขวนนวลเนียนเลยไปด้านหลังก่อนจะสะดุดเข้ากับรอยบางอย่างบนแผ่นหลังขาว “ถ้าวันนั้นข้าใช้พลัง หลังของข้าคงไม่มีแผลเป็นน่าเกลียดแบบนี้” เสียงหวานเต็มไปด้วยความข่มขื่น ความเจ็บในวันนั้นเทียบไม่ได้กับสายตาที่บิดามองนางเลยสักนิด “ไม่ได้!” แม่นมหม่าตะโกนเสียงเขียว “คุณหนูท่านรับปากกับข้าแล้วว่าจะไม่ใช้พลังให้ใครเห็น” “ข้ารู้แล้ว” กวนเสี่ยวถงรู้ดีว่าพลังที่ติดตัวมาแต่กำเนิดห้ามใช้ให้ผู้ใดเห็น แม่นมก็ย้ำนางตลอด ว่าห้ามใช้ให้ใครเห็น หากข้าใช้มันจากที่คนทุกคนมองข้าเป็นอากาศคงจะแปรเปลี่ยนเป็นตัวประหลาดอะไรซักตัวที่พอจะนึกออก อย่างเช่น นางมาร มือขาวเนียนกวักน้ำสาดใบหน้านึกขำกับความคิดอ่านของตน นางมารงั้นหรือ หากวันหนึ่งข้าเป็นนางมาร ในสายตาของพวกท่านจะมีข้าอยู่หรือไม่ ข้าอยากรู้นักพิเศษสุดๆหนึ่งบุรุษผู้ครอบครองพลังปราณแห่งปฐพี ควบคุมพื้นดินทั้งใต้หล้าเอาไว้ในฝ่ามือ แต่ไม่ว่าจะมีพลังมากเท่าใดกลับยิ่งกลายเป็นดาบสองคมมากเท่านั้น เขาต้องหลบซ่อนตัวตนจากคนของพรรคมาร มีชีวิตรอดด้วยนามของผู้อื่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งแต่จำความได้ แต่แล้ววันหนึ่งหัวใจของเขานั้นกลับกลับสยบลงแทบเท้าสตรีอ่อนแอนางหนึ่งเท่านั้น เขาและนางฐานะแตกต่างกัน แต่เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างนางสตรีนางหนึ่งนางเติบโตมาด้วยไฟแค้น จิตใจของนางหล่อหลอมและเติมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ภายใจของนางนั้นเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ นางคือผู้ครอบครองพลังปราณแห่งไฟกัลป์ แต่ไม่ว่าเปลวไฟนั้นจะร้อนเพียงใดหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางกลับถูกความเย็นฉ่ำจากสายน้ำของบุรุษผู้หนึ่งชโลมล่อเลี้ยงจิตใจบุรุษอีกคน ผู้ที่ครอบครองพลังปราณวายุและปราณวารี บุรุษผู้เดียวในรอบหลายพันปีที่สามารถใช้พลังปราณได้ถึงสองสาย ผู้ที่คนทั้งใต้หล้าหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่ว่าเขาย่างกายไปที่ใด แคว้นนั้นมักจะมีสงครามเสมอ เขาก่อสงครามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เพื่อรวบรวมหมายจะครอบครองทุกดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียว เขามีปณิธานแรงกล้าที่จะรวม
บทที่29 ตอนพิเศษ“แอ๊ะ”“แอ๊ะ”สองทารกน้อยหมุนควงติ้วลอยอยู่บนอากาศ มีร่างสูงใหญ่ชูสองมือรอรับอยู่ไม่ห่าง“แอ๊ะ” ทารกหญิงนิ้ว บอกให้ตามมา“แอ๊ะ” ทารกชายตอบ กำลังตามไปทารกน้อยสองคนลอยไปทางซ้ายที ขวาที วนเวียนอยู่ในวังรัชทายาท ร่างสูงใหญ่ถลาตัวตาม เป็นอยู่แบบทั้งวัน จนเขาเหนื่อยหอบ“เด็กๆลงมาได้แล้ว พ่อวิ่งตามไม่ไหวแล้ว” ร่างสูงใหญ่พูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบปานจะขาดใจ“คิกๆ” ได้ยินเสียงหวานหัวเราะจ้าวหยุ่นหลงหันมาค้อนขวับ“น้องหญิงเจ้าไม่คิดจะช่วยพี่บ้างเลยเหรอ”“ไม่ล่ะ” กวนเสี่ยวถงหยักไหล่ นั่งเปิดหนังสือดนตรีอ่านเนื้อเพลงต่อ นางกำลังฝึกเล่นบทเพลงใหม่ จ้าวหยุ่นหลงภาวนาให้นางตั้งครรภ์ทันทีหลังพิธีเสกสมรสระหว่างเขากับนาง พิธีถูกจัดขึ้นทันทีที่นางและจ้าวหยุ่นหลงกลับมาถึงแคว้นจ้าว เขาคะยั้นคะยอให้นางร่วมหอกับเขาทุกคืน ไม่มีเว้นว่างแม้แต่วันเดียว ในเมื่ออยากมีทายาท นางก็อุ้มท้องให้แล้ว “มีทายาททีเดียวพร้อมกันสองคน พระธิดามีพลังปราณลมและน้ำ พระโอรสได้พลังปราณลมและไฟ สมใจท่านพี่แล้วไม่ใช่หรือ ข้าอุ้มท้องให้แล้ว ท่านอยากมีก็เลี้ยงเอง บ่าวรับใช้มีใครเลี้ยงลูกท่านได้บ้างล่ะ ไม่ถูกจับลอยขึ้นฟ้าก
บทที่28เปลวไฟถอดยาว ร่างบางเดินตามเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดนางมิอาจรู้ได้ รู้แต่ว่าเปลวไฟช่วยให้หัวใจที่เคยหนาวเหน็บอบอุ่น ไม่ว่านางจะเคยถูกผู้ใดกระทำ ไม่ว่านางจะไม่เคยอยู่ในสายตาของใครต่อใคร แต่นางยังมีเปลวไฟอยู่เคียงข้างเสมอกวนเสี่ยวถงเดินตามเปลวไฟไป มองเห็นสุดปลายทาง นางใกล้ถึงจุดหมายแล้ว“คุณหนูช้าก่อน”ร่างบางหยุดชะงัก เสียงนี้นางจำได้ไม่เคยลืม น้ำตาเรื้อนเต็มดวงจากลม กวนเสี่ยวถงมองสตรีที่ปรากฏกายที่สุดปลายของเปลวไฟ“แม่นม” เสียงของรางสั่นเครือ“คุณหนูเดินกลับไปเจ้าค่ะ อย่าเดินมาทางนี้”“ไม่ข้าจะไปหาท่าน” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้า ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า“คุณหนูรับปากกับข้าเอาไว้อย่างไร คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าค่ะ”ร่างบางหยุดเดิน “มีชีวิตอยู่ต่อไป” นางตอบเสียงแผ่วเบา“เจ้าคะ มีชีวิตอยู่ต่อไป”“แต่ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ข้าเผาทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางจะอยู่คนเดียวไปเพื่ออะไร“มีคนที่รอคุณหนูอยู่”“เขาคนนั้นหวังแค่พลังของข้า”“คุณหนูเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านเชื่อสิ่งที่จ้าวหยุ่นหลงพูด เพียงแต่ท่านกลัวว่าเขาจะหักหลังท่าน ทำท่าน
บทที่27จ้าวหยุ่นหลงอุ้มร่างบางแนบอก กวาดสายตาไปทั่วบริเวณหาว่าที่ใดพอที่จะสามารถวางนางลงและรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ตัวนางร้อนเป็นไฟจนเขากลัว อกแกร่งบีบรัดจนน้ำตาแทบจะร่วงลงมา เรียกให้องครักษ์ชางตามหมอเป็นการด่วน“เสี่ยวถง เจ้าต้องไม่เป็นไร” เมื่อพบบริเวณที่ไม่ติดไฟก็รีบวางนางลง มือหนาคลำหาชีพจรของนาง คว้าหาจุดที่นางบาดเจ็บแต่ก็ ‘ไม่พบ’ มือยังคงกุมนางไม่ไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยมือนี้ หากปล่อยเขาอาจต้องเสียใจไปจนวันตาย มุมปากของนางมีเลือดไหลอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ลมหายใจของนางแผ่วเบามากลงเรื่อยๆ ร่างบางนั้นนอนแน่นิ่ง แทบไม่เหมือนคนที่ยังหายใจอยู่เลยด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบๆตรึงเครียด แทบไม่มีเสียงใดๆแม้กระทั้งเสียงลมพัดผ่านไม่นานหมอหลวงที่รักษาอาการของเขาตั้งแต่ลงเขาอู่ไถก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมองครักษ์ชาง“รัชทายาท ขอหม่อมฉันตรวจดูอาการพระชายา ขอพระองค์หลบออกมาก่อน”ชางเจี้ยเห็นจ้าวหยุ่นหลงยังคงนิ่งเฉย กระชากแขนแกร่งให้ลุกออกมา“นาง…ชีพจรของนางไม่มี” จ้าวหยุ่นหลงครางเสียงแผ่ว “พระองค์ได้โปรดใจเย็นก่อน พระชายาถึงมือหมอแล้ว พระนางต้องปลอดภัย” ชางเจี้ยตบบ่าแกร่งไปหลาย
บทที่26“เด็กน้อย เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงเย็นเฉียบดังออกมาจากด้านหลังไป๋เมิ่งเหยียนนางเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแม้ว่าเบื้องหน้าจะมีแค่ ปราณสามสาย แต่ก็ยังดีกว่าไร้ค่า พอรู้เรื่องกวนเสี่ยวถง นางให้คนคว้านหาทั้งหุบเขาอู่ไถในที่สุดก็เจอคนตระกูลมู่หรง แต่ไม่เจอทายาทที่สามารถกำเนิดบุตรสายต่อไปได้ ในเมื่อไม่มีประโยนช์และไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นสาวกของนาง จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมกัน ไม่นึกว่าการปักหลักรอที่แคว้นเว่ย กวนเสี่ยวถงจะกลับมาให้จับเองถึงมือ“ท่านป้า ไม่เจอกันนาน” จ้าวหยุ่นหลงรีบเอาตัวมาบังสตรีของตนไว้“ไม่เจอกันานเลยนะจ้าวหยุ่นหลง เมื่อไรเจ้าจะยอมมีทายาทให้ข้า”“ต่อให้ข้ามีทายาทก็ไม่เคยคิดจะมอบให้ท่าน”“ไป๋ลู่หลานข้าเจ้าไม่สนใจนางสักหน่อยหรือ นางชอบเจ้ามาตั้งแต่เล็ก” ไป๋เมิ่งเหยียนเดินเข้าไปใกล้จ้าวหยุนหลง เบื้องหลังของนางมีคนที่ใช้ปราณได้เกือบห้าสิบชีวิต ต่อให้เขาเก่งเพียงใดก็ไม่มีทางสู้นางได้“ข้าไม่เคยมองหลานสาวท่านแบบนั้น” หากนางไม่ใช้น้องสาวไป๋อี้ผิง เขาหรือจะเสวนากับคุณหนูเอาแต่ใจตน เสียเวลา อย่าไปคิดถึงขั้นมีลูกด้วยกันเลยไม่มีวัน“เจ้าคือกวนเสี่ยวถงสินะ” น
บทที่25“ที่ข้ามาไม่ได้มาเยี่ยมธรรมดา ข้ามีธุระสำคัญจะคุยกับท่านพ่อ” เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว กวนเสี่ยวถงคิดว่าคงถึงเวลาเข้าเรื่อง นางปั้นสีหน้าไม่เก่ง“ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้รับราชการ ดูจากการแต่งตัวของเจ้าตอนนี้คงเป็นที่โปรดปรานของรัชทายาท” “พระชายาของข้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” จ้าวหยุ่นหลงพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ดวงหน้าหยกมองกวนเสี่ยวหยงตลอดเวลา ไม่ได้สนใจผู้ใดที่อยู่ในห้องรับรอง“เสี่ยวถง พ่อเจ้าก็แก่แล้วตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ เจ้าได้ดิบได้ดีเพราะบิดายกเจ้าให้ฮองเต้ ถ้าอย่างไรเจ้าพอจะจุนเจือบิดาของเจ้าได้หรือไม่” กวนฮูหยินเห็นช่องก็รีบเสนอ คลังสมบัติจวนเหลือใช้ได้อีกไม่กี่ปี“แน่นอนเจ้าคะ ข้ากลับมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของตระกูลกวน” รอยยิ้มเผยออกมา แต่แววตาของนางวาววับราวเปลวไฟ“ถ้าอย่างไง เจ้าขอตำแหน่งในราชสำนักให้ข้าด้วยได้หรือไม่” พอนางพูดแบบนนั้นมีเหรอคนอย่างกวนหยงเหอจะพลาด“ข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านพ่อต้องการ ต่อให้ท่านอยากได้ตำแหน่งเดิมข้าก็จะขอจ้าวหยุ่นหลงให้ แต่ก่อนจะทำแบบนั้นท่านช่วยตอบคำถามข้าก่อน”“ได้สิ เจ้าถามมาเลย” ชายชราดีใจที่จะได้กลับคืนตำแหน่