Share

บทที่ 4 ความรู้สึกบางอย่าง

Penulis: sanvittayam
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-02 21:19:42

บทที่ 4 ความรู้สึกบางอย่าง

นับตั้งแต่วันที่องค์หญิงหลินซูมี่ได้หัดชกหุ่นฟาง วันเวลาก็ได้ล่วงเลยมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ในวันนี้องค์หญิงก็ต้องกลับไปฝึกวิชาการต่อสู้อย่างอื่นอีกครั้ง

“มี่เอ๋อร์ วันนี้ข้าจะสอนการใช้กระบี่ ส่วนกระบี่ที่จะให้เจ้าใช้เป็นอาวุธประจำกายนั้น ข้าสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเจ้าโดยเฉพาะ นี่คือรางวัลสำหรับเจ้าที่ฝึกอย่างหนักโดยไม่ปริปากบ่น ข้าหวังว่าต่อไปเจ้าจะตั้งใจเหมือนที่ผ่านมา”

เสวี่ยเยวียนสือกล่าวกับหลินซูมี่อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นรางวัลในความตั้งใจของนาง เมื่อกล่าวจบเขาก็ได้หยิบกระบี่ออกมามอบให้กับคนตรงหน้า

“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ” หลินซูมี่กล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม และยื่นมือออกไปรับกระบี่

ทันทีที่ได้เห็นกระบี่ที่ชักออกจากฝัก หลินซูมี่ก็รู้สึกหลงใหลกระบี่นี้ไม่น้อยเลย และหลังจากวันนั้นที่ได้รับกระบี่จากเสวี่ยเยวียนสือมา  นางก็มักจะนำกระบี่เล่มนี้ติดตัวเสมอ

สองปีผ่านไป

วันเวลาที่เลยผ่าน ทำให้นางสำเร็จวิชาการต่อสู้หลายแขนงจากแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ และในยามนี้เสวี่ยเยวียนสือกำลังจะสั่งสอนวิชากลยุทธ์ทางการทหารให้กับนาง

“ศาสตร์วิชาบทกวีและศาสตร์วิชาศิลปะการต่อสู้ เจ้าก็ได้เรียนรู้หมดแล้ว หลังจากนี้ไป เจ้าจะต้องร่ำเรียนศาสตร์วิชาที่ยากและสำคัญที่สุด นั่นก็คือกลยุทธ์ทางการทหาร หรือก็คือการศึกษาตำราพิชัยสงครามทุกรูปแบบในการรบ ทุกแขนงของการต่อสู้”

เสวี่ยเยวียนสือกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าทุกครั้ง เมื่อกล่าวจบก็ได้นำตำราพิชัยสงครามเล่มแรก ที่เขาคิดว่าอ่านง่ายที่สุดมาให้เด็กสาว

“ตำรานี้มีชื่อว่ากลยุทธ์ยันต์แปดเหลี่ยม ซึ่งก็คือการวางกำลังรบทั้งแปดทิศ ประกอบไปด้วยพลทหารเกราะหนัก พลทหารธนู พลทหารหอกโล่ พลทหารม้าเกราะหนัก พลทหารม้าธนู พลทหารม้าหอก โดยกองกำลังที่มีจำนวนมากที่สุด คือพลทหารเกราะหนัก และพลทหารม้าเกราะหนัก เนื่องจากทั้งสองหน่วยนี้มีอยู่ด้วยกันอย่างละสองกองพัน”

เมื่อมาถึงตรงนี้เขาก็หยุดครู่หนึ่ง เพื่อให้อีกฝ่ายได้จดบันทึก และเมื่อหลินซูมี่เงยหน้าขึ้นเหมือนสื่อว่านางพร้อมจะฟัง เขาจึงอธิบายต่อ โดยพยายามเอ่ยให้ช้าลงเล็กน้อย

“การวางกลยุทธ์ที่สำคัญ ก็คือต้องให้พลทหารหอกโล่ ยืนเป็นกำแพงล้อมรอบ ส่วนชั้นที่สองคือพลทหารเกราะหนัก โดยให้ยืนเรียงซ้อนกัน เพื่อคอยสนับสนุนพลทหารหอกโล่

ต่อมาคือพลทหารธนูที่ต้องคอยเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพื่อลอบโจมตี ถัดไปก็คือพลทหารม้าเกราะหนัก และพลทหารม้าหอกที่ยืนสลับกัน และส่วนชั้นในสุดก็คือพลทหารม้าธนู”

เสวี่ยเยวียนสือเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า

“กลยุทธ์นี้ก็คือให้เหล่าทหารหอกโล่คอยกันศัตรู แล้วให้พลทหารธนูคอยยิงออกไปเพื่อรับศึก พอศัตรูเริ่มลดจำนวนลง ก็ให้ทหารเกราะหนักออกไปต่อสู้ ก่อนที่จะให้พลทหารม้าเกราะหนัก และพลทหารม้าหอกออกไปสู้ สุดท้ายก็ให้พลทหารม้าธนู และพลทหารธนู คอยต่อสู้รั้งท้ายเพื่อสนับสนุน

นี่คือกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุด เจ้าจงศึกษาแล้วลองทำความเข้าใจดู เหล่าทหารที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด เจ้าสามารถใช้เป็นตัวหมากในการทดลองได้ หากมีสิ่งใดที่เจ้าไม่เข้าใจ ก็มาถามข้าได้ทุกเมื่อ”

เมื่ออธิบายทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว เสวี่ยเยวียนสือก็เดินไปนั่งที่ตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ

ส่วนหลินซูมี่ก็นั่งก้มหน้าก้มตาศึกษาตำราที่ยุ่งยาก และปวดหัวอยู่เพียงลำพัง แต่ถึงอย่างไรในใจของนาง กลับรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับบุรุษผู้นี้ ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวที่ทำให้หัวใจของนางเต้นรัวและสั่นไหวได้

เด็กสาวอ่านตำราแล้วเหลือบมองคนตรงหน้าไปด้วย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทุกการกระทำของนาง มันชัดเจนเกินกว่าจะปิดบังได้ จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าถูกแอบมอง

เมื่อเห็นสายตาที่องค์หญิงมองมาคราแรกก็ยังไม่รู้สึกอันใดมากนัก แต่พอคิดได้ว่ายามนี้นางเริ่มเติบโตจนกลายเป็นเด็กสาวที่มีรูปโฉมงดงามแล้ว ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกไปเช่นกัน

เวลานี้หัวใจของแม่ทัพหนุ่มเริ่มเต้นแรงขึ้นมา แม้จะพยายามสกัดกั้นความรู้สึกนี้แล้วก็ตาม แต่ทุกครั้งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ใสซื่อของนาง ความรู้สึกในใจของเขานั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมา

เสวี่ยเยวียนสือรู้ดีว่าฐานะของตนในหลาย ๆ ด้าน ไม่คู่ควรกับเด็กสาวตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

เนื่องจากว่านางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ของแคว้น ส่วนเขาแม้จะเป็นแม่ทัพใหญ่และเป็นศิษย์น้องของฮ่องเต้ แต่ก็เป็นเพียงข้ารับใช้ของแผ่นดินเท่านั้น

เขารู้ว่าความสัมพันธ์เช่นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ จึงพยายามกดความรู้สึกที่มีให้จมหายไป  

‘เจ้าต้องหยุดคิดได้แล้วนะเสวี่ยเยวียนสือ นางเป็นใคร เจ้าเป็นใคร อีกทั้งยามนี้ถึงแม้ว่าหลินซูมี่จะมีรูปร่างสูงโปร่งและสมส่วนแต่นางเองก็มีอายุเพียงเก้าปีเท่านั้น เจ้าหยุดคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ได้แล้ว’

เสวี่ยเยวียนสือตักเตือนตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาศึกษาตำราของตนเองต่อ

เมื่อหลินซูมี่ศึกษากลยุทธ์ยันต์แปดเหลี่ยมจนเข้าใจแล้ว เมื่อถึงยามเว่ย นางจงเริ่มทดลองจัดทัพทันที

ในการทดลองจัดทัพไม่ว่าจะกี่ครั้ง ฝ่ายของนางแตกพ่ายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าจะพยายามฝึกฝนอย่างหนักและทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม นั่นจึงทำให้ความรู้สึกของนางท้อถอยลงไปไม่น้อย ทว่าอย่างไรก็ตาม หลินซูมี่ก็ยังไม่ยอมแพ้ และยังคงฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ

เมื่อวันเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดกองทัพของหลินซูมี่ก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะเสียที โดยในการเดินทัพครั้งนี้ นางสูญเสียหมากไปเกินกว่าครึ่ง

สิ่งนี้สำหรับกองทัพก็ถือว่าย่ำแย่พอสมควร แต่ถ้าหากได้รับชัยชนะมาได้ ก็ถือว่ายังพอจะคุ้มค่าอยู่บ้าง

“เอาล่ะ ครั้งนี้ถือว่าเจ้าเก่ง ที่เอาชัยชนะมาได้ภายในระยะเวลาแค่นี้ แต่ถ้าหากว่านี่เป็นสนามรบจริงป่านนี้เจ้าคงตายไปแล้วกว่าสิบครั้ง”

เสวี่ยเยวียนสือที่เฝ้ามองทุกการกระทำและทุกบทบาทหน้าที่ของหลินซูมี่ในฐานะผู้นำทัพ ก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หลังจากที่องค์หญิงได้รับชัยชนะ

เมื่อได้รับคำชม หลินซูมี่ก็ยิ้มรับอย่างยินดี ตั้งแต่นางรู้จักท่านอาคนนี้มา นี่คือคำชมครั้งที่สองที่นางได้รับ อีกทั้งยังรู้ดีว่าเขาเป็นคนเช่นไร

แม้ใจเขาอยากจะชื่นชม ก็จะเอ่ยแต่เพียงประโยคเหล่านี้เท่านั้น นั่นเพราะว่าแม่ทัพใหญ่เสวี่ยเยวียนสือ ไม่มีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป เขาทั้งเย็นชา ทั้งตายด้าน ทั้งไร้อารมณ์

การที่เสวี่ยเยวียนสือเอ่ยเช่นนี้ออกมา นับว่าเป็นคำชมแล้ว

“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ ที่เอ่ยชม” หลินซูมี่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส พร้อมกับค้อมศีรษะคารวะท่านอาจารย์ของนางอย่างนอบน้อม

เมื่อเสวี่ยเยวียนสือได้เห็นรอยยิ้มนั้น หัวใจของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่ามันมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นภายในใจ

“เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วอีกหนึ่งสัปดาห์ค่อยกลับมาฝึกฝนใหม่”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาหลังจากพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติแล้ว ก่อนจะรีบหันหลังเดินจากไป โดยที่ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มซุกซนของนาง ที่มองตามแผ่นหลังของเขาจนลับสายตา

ส่วนทางด้านวังหลวง เมื่อฮ่องเต้เห็นว่าบุตรสาวกำลังเดินเข้ามาที่ตำหนัก จึงได้ละทิ้งทุกอย่างและรีบวิ่งเข้ามาหา พร้อมกับเอ่ยถามออกมา

“ลูกรัก เจ้ากลับมาแล้วหรือ วันนี้บาดเจ็บหรือไม่”

ขณะเอ่ยถามสายตาของเขาได้มองนางอย่างพิจารณา ก่อนจะสวมกอดนางไว้อย่างหวงแหน เมื่อรู้หลินซูมี่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ฮองเฮาเห็นเช่นนั้นจึงได้หัวเราะอย่างสนุกสนาน เนื่องจากเห็นภาพนี้มาจนชินตาแล้ว 

ในสมัยก่อนสามีของนางนั้น คือฮ่องเต้ที่เด็ดเดี่ยวและเย็นชา ไม่ว่าลูกชายกี่คนของนาง ก็ล้วนแล้วแต่ถูกเขาดุด่าและสอนสั่งอย่างเด็ดขาดรุนแรง แต่พอมาเป็นบุตรสาวคนนี้ ฮ่องเต้กลับรักและทะนุถนอมราวกับว่านางเป็นไข่มุกบนฝ่ามือ ที่หากกระทำอะไรรุนแรงไปเพียงนิด ก็พร้อมที่จะแตกสลายได้

ยิ่งนับตั้งแต่วันที่บาดเจ็บกลับมาจากการฝึก ทำให้ทุกครั้งที่กลับมาจากการเรียน หลินซูมี่จะต้องถูกฮ่องเต้เอ่ยถามอย่างร้อนใจและสำรวจร่างกายของนาง จากนั้นก็จะกอดไว้อย่างหวงแหนเช่นนี้เสมอมา

“ท่านพ่อเจ้าคะ โปรดเลิกทำเช่นนี้เถอะ ยามนี้ลูกก็อายุเก้าหนาวแล้วนะเจ้าคะ เลิกทำเหมือนลูกเป็นเด็กน้อยได้แล้วเจ้าค่ะ” หลินซูมี่เอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย

หลังจากที่ได้กล่าวกับบิดา หางตาของนางก็เหลือบไปเห็นพี่ชายทั้งสามคนนั่งหน้าสลดอยู่บนพื้น ทำให้รู้สึกสงสัยอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงใคร่รู้

“ท่านพ่อ เหตุใดท่านพี่ทั้งสาม ถึงได้ไปนั่งอยู่เช่นนั้นเล่าเจ้าคะ”

เพียงแค่ได้ยินนางถามออกมา ใบหน้าของฮ่องเต้ก็บ่งบอกถึงความโกรธที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

“จะอะไรอีกล่ะ นั่นเพราะบรรดาพี่ชายของเจ้าไม่รู้นึกคิดอย่างไร ถึงไปแกล้งบุตรของเกาต้าผิน จนเด็กคนนั้นบาดเจ็บไปหลายแผล พ่อเพียงแค่สั่งสอนพวกเขาเล็กน้อยเท่านั้น”

คำกล่าวของบิดาแฝงไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจปิดบังได้ นั่นจึงพี่ชายทั้งสามคนของหลินซูมี่ ได้แต่นั่งเงียบอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหน้าน้องสาว

“นี่ท่านพี่ทั้งสามไปรังแกบุตรของพระสนมเกาต้าผิน ที่บิดามีตำแหน่งเป็นถึงเสนาบดีของสำนักราชเลขาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ลูกไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดท่านพ่อจึงได้โมโหเช่นนี้ เพราะตระกูลเกาต้านั้นเป็นตระกูลเก่าแก่ที่รับใช้แผ่นดินมานาน” หลินซูมี่กล่าวออกมาเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี

และสิ่งนี้ก็ทำให้ฮ่องเต้และฮองเฮาหันไปมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าบุตรสาวคนนี้ จะจดจำสกุลและตำแหน่งขุนนางต่าง ๆ ได้ ด้วยวัยเพียงแค่เก้าหนาวเท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ 2นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์อ๋อง ทั้งสองก็ได้กลับไปยังหมู่บ้านที่เคยพำนักอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เพราะพวกเขากลับมาพร้อมอำนาจเต็มมือหลินซูมี่ได้จัดสร้างจวนอ๋องขึ้นในหมู่บ้าน และยกให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการว่าราชการของเขตปกครอง ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองเจียงซานและตงตู่นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้ประกาศยกย่องสุสานของราชวงศ์เป่ยโจวให้เป็นสุสานหลวง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อราชวงศ์เก่าแก่ในอดีตเขตปกครองแห่งใหม่นั้น มีการละเว้นการเก็บภาษีในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงทานและสร้างที่อยู่ที่กิน ให้แก่เหล่าผู้สูงวัยที่ไร้ผู้คนดูแล เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้รับการรักษาในยามเจ็บป่วยอย่างทั่วถึงอีกทั้งยังมีการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และให้การศึกษาที่ดีต่อเด็ก ๆ เพื่อให้เติบโตไปทำคุณต่อบ้านเมืองทางด้านการขยายอาณาเขต ก็มีการออกปราบปรามชนเผ่าต่าง ๆ โดยรอบเมืองทางเหนืออยู่เนือง ๆทำให้ยามนี้ชนเผ่าเร่ร่อนอีกกว่าสี่สิบแปดชนเผ่า ได้เข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแคว้นหลิน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองเจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่ 1นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้ได้ปลดองค์หญิงใหญ่ออกจากตำแหน่งให้เป็นเพียงสามัญชน ตัวของนางและเสวี่ยเยวียนสือ ก็ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านที่หลินซูมี่เคยหลบหนีมาอยู่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะนางไม่ต้องหลบซ่อนจากผู้ใดทั้งสิ้น อีกทั้งยังกำลังตั้งครรภ์“คารวะท่านผู้อาวุโส”เมื่อนั่งเรือข้ามฟากมาแล้ว หญิงสาวก็ทำความเคารพชายสูงวัยทันที เพราะนางไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสจะมารับนางด้วยตนเอง“เจ้ากลับมาจนได้ ที่ผ่านมาข้าได้ให้คนคอยดูแลบ้านของเจ้าไว้อย่างดี รีบไปพักผ่อนเถิด” ชายชรากล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสั่งให้คนของเขามาช่วยทั้งสองขนข้าวของ“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หลินซูมี่กล่างอย่างนอบน้อม“แล้วเป็นเช่นไรบ้าง ไปอยู่เมืองหลวงเสียพักใหญ่ สบายดีใช่หรือไม่ กลับมาคราวนี้ท้องก็ใหญ่ขึ้นแล้วสินะ” ผู้อาวุโสอินหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดู“ก็สบายดีเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ติดตามท่านพี่ไปชายแดนด้วย กว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กินเวลาไปเสียนาน” หลินซูมี่กล่าวกับชายชราอย่างสนิทสนม“เช่นนั้นก็พักผ่อนเถิด เดินทางกันมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย เอาไว้พอตกเย็นค่อยมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรั

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่

    บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่“ครั้งหนึ่งเขาปรารถนาจะยึดเมืองหมิงตี้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นไร เขาจับบุตรีของเจ้าเมืองมาข่มเหงจนย่อยยับ จากนั้นก็ประกาศว่านางเป็นภรรยา แล้วใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างรวบรวมเมืองเข้ามาอยู่ในอาณัติของตน เมื่อเจ้าเมืองไม่ยินยอม เขาก็ยกทัพไปโจมตีจนแตกพ่าย และไม่ใช่แค่เพียงเมืองหมิงตี้ เมืองอื่นก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกันบุรุษผู้นั้นเอาแต่ใช้อำนาจที่มีทำลายชีวิตผู้คน เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตนเอง ทำให้มีสตรีมากมายต้องจบชีวิตลงด้วยความอัปยศเพราะเขา!” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม “ในวันนี้ที่เขาต้องนอนป่วยไร้เรี่ยวแรง ข้าว่ามันก็เป็นผลกรรมที่คนเช่นนั้นสมควรได้รับแล้วมิใช่หรือ ฮ่าๆ”กล่าวจบหนิงอี้เสียนหวงกุ้ยเฟยก็หัวเราะอย่างสะใจ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ที่ระบายออกมาราวกับเขื่อนแตก เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการให้ทุกผู้คนได้รับรู้ถึงความเจ็บลึกในใจของนางถ้อยคำของนางนั้นไม่เพียงกระทบใจผู้ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของเหล่าขุนนางอาวุโสที่ยืนรายล้อมอยู่ไม่ไกลเมื่อคำกล่าวเหล่านั้นจบลง ความเ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 56 ปราบกบฎ

    บทที่ 56 ปราบกบฎทางด้านกองทัพนอกเมืองหลวง เมื่อเสวี่ยเยวียนสือได้เห็นการจัดขบวนทัพที่อยู่บนกำแพงเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทหารเหล่านั้นไม่ปรารถนาที่จะต่อสู้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แอบแสดงท่าทียอมจำนน “ท่านแม่ทัพใหญ่...ข้าว่าเวลาแห่งการชำระล้างความชั่วได้มาถึงแล้ว!” เสียงของแม่ทัพอุดรเหออี้ดังขึ้นด้วยความเคียดแค้น เขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้า แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่ลุกโชนไม่สิ้นสุดเสวี่ยเยวียนสือก้าวขึ้นมายืนตรงหน้ากองทัพของตน ก่อนจะออกคำสั่งอย่างหนักแน่น “ทหารเตรียมพร้อม!” จากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็เปล่งเสียงสั่งการดังกึกก้อง “บุกได้!”เหล่าทหารที่รอคอยเพียงแค่คำนี้ ต่างตะโกนก้องพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดันและพร้อมรบ ทว่าก่อนที่แม่ทัพอุดรเหออี้จะสั่งให้กระแทกประตูบานใหญ่เบื้องหน้า เสียงของการปลดกลอนประตูก็ดังขึ้นแทน จากนั้นประตูเมืองก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกจากด้านใน จนทำให้ทุกคนประหลาดใจ“ขอเชิญทุกท่านผ่านเข้ามาเถิดขอรับ พวกข้าต่างเฝ้ารอการมาถึงของท่านด้วยใจจดใจจ่อ!” เสียงของนายทหารที่เปิดประตูดังขึ้นด้วยความเคารพ แววตาสะท้อนทั้งความดีใจและความภักดีอย่างเหลือล้น“ขอบใจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้

    บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้จากนั้นองค์รัชทายาทรีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยังสถานที่ที่น้องหญิงของตนพำนักอยู่ ก่อนที่วังหลวงจะถูกทหารของปิงตี้เข้าควบคุมอย่างแน่นหนา ภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ทางออกทุกเส้นทางถูกปิดตาย สิ้นไร้การเชื่อมโยงกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง“ปิงตี้ นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เจ้าจะทำก่อกบฏอย่างนั้นหรือ” หลินเฟยหลงเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือเช่นนี้“หึ! หลินเฟยหลง ตัวของเจ้าถ้าหากขาดน้องสาวที่เป็นมันสมองและแม่ทัพใหญ่ผู้ควบคุมกำลังทหาร เจ้าก็จะนับว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง” ปิงตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“หลินเฟยหลง หลินเฟยหมิง หลินต้าเหนิง ข้ายังไม่คิดลงมือกับพวกเจ้าตอนนี้หรอก เอาไว้ให้พวกเจ้ารวมตัวกันครบก่อน แล้วข้าค่อยพิจารณาอีกทีว่า จะจัดการเช่นไร ยามนี้ก็อยู่กับพ่อแม่ของพวกเจ้า และเป็นเด็กดีไปก่อนก็แล้วกัน”ปิงตี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ก่อนจะสั่งให้นำทั้งสามไปคุมขังรวมกับผู้เป็นมารดาและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งในยามนี้อาการทรุดหนักจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าขอโทษที่ไม่อาจร

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏ

    บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏเมื่อผู้เป็นบิดาได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่บุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก“เสวี่ยเยวียนสือ อย่างไรเสียข้าก็ขอฝากบุตรสาวของข้าให้เจ้าดูแลด้วย มี่เอ๋อร์นับว่าถูกข้าตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ถูกเจ้าอบรมสั่งสอนมาแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่านางมีอะไรที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าก็ค่อย ๆ สั่งสอนนางต่อไปก็แล้วกัน”ฮ่องเต้ได้หันไปตรัสกับศิษย์น้องของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ข้าจะดูแลมี่เอ๋อร์ให้ดีที่สุด ชีวิตของนางหลังจากนี้ จะต้องมีแต่ความสุขไร้ซึ่งความทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าไม่ตายดีในสามวันเจ็ดวัน” เสวี่ยเยวียนสือยกมือขึ้นแล้วเอ่ยคำสาบานออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและห้าวหาญ เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก“เอาล่ะ แม้ว่าข้าอยากจะรั้งพวกเจ้าเอาไว้ให้นานกว่านี้ แต่ข้าคิดว่าเหล่าขุนนางทั้งหลายก็คงจะกดดันข้าไม่เลิก ในวันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเจ้าออกนอกเมืองหลวง และส่งเจ้าไปในที่ที่เจ้าอยากจะไป” พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางขันทีข้างกาย “อู่กงกง เจ้าจง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status