Beranda / รักโบราณ / องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ / บทที่ 6 การตายครั้งนี้มีเงื่อนงำ

Share

บทที่ 6 การตายครั้งนี้มีเงื่อนงำ

Penulis: sanvittayam
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-02 21:20:56

บทที่ 6 การตายครั้งนี้มีเงื่อนงำ

“เสด็จพ่อ เหตุการณ์เป็นเช่นไรบ้างเพคะ”

เมื่อเข้ามาถึงหลินซูมี่ก็เอ่ยถามบิดาทันที และเนื่องจากยามนี้ไม่ได้อยู่ในตำหนักส่วนตัว หรือตำหนักฮ่องเต้และฮองเฮา นางจึงเปลี่ยนถ้อยคำสนทนาอย่างระมัดระวังและให้เป็นทางการมากกว่าปกติ

“บาดแผลขององค์ชายสามสาหัสมาก และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาตาย”

ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาถอนหายใจแล้วตอบกลับมา น้ำเสียงของพระองค์หดหู่อย่างเห็นได้ชัด แม้บุตรชายคนนี้จะไม่ได้เกิดจากหญิงที่เขารัก แต่อย่างไรเสียก็เป็นลูก การสูญเสียบุตรเช่นนี้ ทำให้หัวใจของพระองค์หนักอึ้ง จนไม่อาจปิดบังความโศกเศร้าได้

ทว่าเมื่อสายตาของฮ่องเต้หันไปเห็นบุตรชายทั้งสาม ที่ยืนก้มหน้าหลบอยู่เบื้องหลังหลินซูมี่ ความโกรธก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“พวกเจ้าเป็นบุรุษเยี่ยงไรหา! ไปยืนหลบอยู่ข้างหลังน้องสาวที่ตัวเล็กแค่นี้ พวกเจ้าไม่ละอายใจบ้างรึ แต่ละวันคอยสร้างเรื่องให้ข้าปวดหัว วันไหนที่พวกเจ้าไม่สร้างเรื่อง มันจะตายหรือยังไง!!” เสียงตวาดของฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักเจียงฮวา

เมื่อได้ยินเสียงตำหนิเช่นนั้น องค์ชายทั้งสามทำเพียงยืนก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ไม่กล้าตอบอะไรแม้แต่คำเดียว

หลินซูมี่หันมามองบิดา โดยที่ไม่ได้สนใจคำตำหนิที่เกิดขึ้น เนื่องจากนางมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นต้องจัดการ

“เสด็จพ่อ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพคะ ยามนี้หม่อมฉันขอไปดูศพขององค์ชายสามก่อนได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันรู้สึกว่าการตายขององค์ชายสามอาจมีเงื่อนงำ” หลินซูมี่เอ่ยต่อรองกับฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังอย่างมาก

คำขอของนาง ทำให้องค์ชายทั้งสามเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ครู่เดียวก็หันไปยิ้มให้กันเพราะรู้สึกถึงทางรอดของตนเอง ทั้งสามคิดว่าแม้นางเพิ่งจะอายุเพียงแค่เก้าหนาวเท่านั้น แต่ความคิดความอ่านก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุ จะมีเด็กอายุแค่นี้สักกี่คน ที่กล้าต่อรองกับผู้ใหญ่ที่เป็นถึงฮ่องเต้ได้เช่นนี้ แล้วยังจะขอเข้าไปดูศพอย่างไม่หวาดกลัวอีกด้วย

ส่วนฮ่องเต้เมื่อได้ยินเช่นนั้น ด้วยความรักที่พระองค์มอบให้บุตรสาว จึงไม่ขัดคำร้องขอของนาง

“ได้สิ พ่อจะพาเจ้าเข้าไปดูศพเอง”

พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ จากนั้นรีบพาบุตรสาวเดินเข้าไปด้านใน พร้อมกับองค์ชายทั้งหลายที่ติดตามเข้าไปด้วยทันที โดยมีสายตานางกำนัลกับขันทีในตำหนักเจียงฮวามองตามอย่างไม่มีใครที่คิดห้ามปราม

“มี่เอ๋อร์ลูกรัก เหตุใดเจ้าถึงไม่เกิดเป็นบุรุษนะ พ่อจะได้ส่งต่อบัลลังก์ของพ่อให้เจ้าได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ” ฮ่องเต้เอ่ยตัดพ้อขึ้นมาโดยไม่สนใจเลยว่ารอบตัวนั้น จะมีผู้คนอยู่มากมายเพียงใด

คำกล่าวนี้ทำให้องค์รัชทายาทยิ่งก้มหน้าลงไปอีก แม้ในใจของเขาจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า รู้สึกอับอายที่บิดากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน

เมื่อเข้ามาในเรือนนอนขององค์ชายสาม องค์หญิงหลินซูมี่ก็เดินเข้าไปดูศพอย่างไม่หวาดกลัว โดยที่บริเวณรอบข้างของศพ มีหมอหลวงชราคนหนึ่งกำลังตรวจสอบถึงสาเหตุการตายอยู่

“ท่านหมอตรวจพบสิ่งผิดปกติใดหรือไม่” องค์หญิงเอ่ยถามกับหมอสูงวัยที่กำลังจิ้ม ๆ จับ ๆ ศพอยู่ ด้วยท่าทางสนใจ

“ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใดเลยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง จากอาการที่องค์ชายเสียชีวิต คาดว่าน่าจะมาจากบาดแผลที่ได้รับมาพ่ะย่ะค่ะ”

หมอวัยชราได้ตอบกลับมาโดยที่ไม่กล้าสบสายตา สิ่งนี้จึงทำให้หลินซูมี่เกิดความสงสัยอย่างมาก แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสอบถามอะไรออกมา ก็ได้มีเสียงสตรีนางหนึ่งกรีดร้องออกมาอย่างเคียดแค้น

“พวกเจ้าทำให้ลูกข้าตาย ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!!”

สิ้นคำด่าทอปนอาฆาต พระสนมเกาต้าผินก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นนางวิ่งเข้ามาพร้อมมีดเล่มใหญ่ในมือ พร้อมกับมุ่งตรงไปยังองค์ชายทั้งสามด้วยความโกรธแค้น ดวงตาของนางแดงก่ำ เต็มไปด้วยน้ำตา และความคับแค้นใจที่เกินจะรับไหวแล้ว

ทว่าก่อนที่นางจะเข้าประชิดถึงตัวเหล่าองค์ชายทั้งสาม ก็มีทหารจำนวนไม่น้อยปรี่เข้ามาจับแขนของนางเอาไว้ บางส่วนก็รีบมายืนขวางหน้าเป็นโล่มนุษย์เพื่อปกป้องเจ้านาย

“พวกเจ้าปล่อยข้า ข้าจะฆ่ามัน พวกมันทำให้ลูกข้าต้องตาย พวกมันต้องตายตามลูกข้าไป กรี๊ดดดด!!”

เกาต้าผินเอ่ยขึ้นมาอย่างเดือดดาล นางพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเหล่าทหารที่จับนางไว้ แต่มีหรือที่กำลังของสตรีจะสู้กับบุรุษหลายคนที่จับตัวเอาไว้ได้

“พานางไปขังไว้ในเรือนนอนของนางก่อน เดี๋ยวเสร็จเรื่องราวทั้งหมดแล้วข้าจะตามไป”

ฮ่องเต้ตรัสกับเหล่าทหารที่กำลังจับตัวของพระสนมไว้ แม้จะไม่พอใจการกระทำของเกาต้าผินสักเท่าไร ที่นางบังอาจจะมาทำร้ายลูกชายทั้งสามของตน แต่ฮ่องเต้เข้าใจถึงการสูญเสียบุตรดี เพราะยามนี้พระองค์ก็สูญเสียองค์ชายที่เกิดขึ้นกับนางเช่นกัน  

เมื่อทหารได้รับคำสั่งก็ไม่รอช้า รีบนำตัวของเกาต้าผินไปขังไว้ในเรือนนอนทันที โดยตลอดทั้งทางเดิน นางได้แต่กรีดร้อง ดิ้นรน และก่นด่าองค์ชายทั้งสามมาตลอดทาง โดยไม่สนใจว่าคำที่นางพ่นด่าออกมานั้น อาจจะทำให้ศีรษะหลุดจากบ่าได้ก็ตาม 

เมื่อเหล่าบรรดาข้ารับใช้ได้เห็นภาพนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกสังเวชใจ เนื่องจากถ้าเป็นพวกเขาที่สูญเสียบุตรไปอย่างกะทันหัน ก็คงจะมีอาการไม่ต่างจากพระสนม หรือไม่ ก็อาจจะคลุ้มคลั่งยิ่งกว่า

ส่วนทางด้านหลินซูมี่ไม่สนใจเลยว่าเสียงของพระสนมจะดังรบกวนมากขนาดไหน นางสนใจเพียงแค่หมอหลวงกับศพขององค์ชายสามเท่านั้น

“หมอหลวง ท่านแน่ใจหรือว่าองค์ชายสามสิ้นใจเพราะบาดแผลเหล่านี้” นางเอ่ยถามกับหมอหลวงด้วยเสียงราบเรียบ ซึ่งไม่ต่างจากผู้ใหญ่เลย

เมื่อหมอหลวงได้ยินคำถามนั้น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในทันที เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ใบหน้าของเขาดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าความลับที่ถูกเก็บงำเอาไว้ในใจ กำลังจะถูกผู้อื่นล่วงรู้

“องค์หญิงกล่าวเช่นนี้ หมายความเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงกำลังบอกว่า กระหม่อมวินิจฉัยการตายขององค์ชายสามผิดเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงวัยชราได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับไม่พอใจ และพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่องที่อีกฝ่ายถาม อีกทั้งเวลานี้ดวงตาของเขายังแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าโกหก! ทหาร! จับตัวหมอหลวงคนนี้ไว้ มันไม่ใช่หมอหลวงจริง ๆ” หลินซูมี่ขยับห่างออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงดังและออกคำสั่งอย่างทรงอำนาจ

เพียงแค่สิ้นประโยคนั้นขององค์หญิงหลินซูมี่ เหล่าทหารก็กรูเข้ามาจับกุมตัวชายวัยชราทันที ทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง

รวมถึงฮ่องเต้ที่ยามนี้สีหน้าของพระองค์ ฉายแววโกรธจัดออกมา ก่อนจะปรับน้ำเสียงแล้วถามบุตรสาวออกไปว่า

“ลูกพ่อ นี่มันหมายความว่าอย่างไร สิ่งที่เจ้ากล่าวมานั้นคือเรื่องจริงหรือ” ระหว่างที่ถามก็มองบุตรสาวสลับกับชายวัยชราที่กำลังดิ้นรนอยู่ในมือของทหารอย่างสับสน

“จริงเพคะเสด็จพ่อ คนผู้นี้มิใช่หมอหลวงอย่างแน่นอน เนื่องจากตำแหน่งที่เขาฝังเข็มนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่จุดที่ถูกต้องตามตำราแพทย์แม้แต่น้อย ดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนจากสำนักหมอหลวง”

หลินซูมี่ตอบด้วยความมั่นใจ ดวงตาของนางจ้องไปที่ร่างของหมอหลวงกำมะลออย่างไม่วางตา

เวลานี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังชายชราที่แต่งกายเป็นหมอด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน ทว่าก่อนที่จะมีใครทันได้เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม ชายผู้นั้นกลับกัดอะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ก่อนที่ร่างของเขาจะกระตุกและทรุดลงกับพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับมีเลือดสีแดงเข้มออกจากปากอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เห็นภาพนั้น ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าหมอหลวงกำมะลอคนนี้ ได้ปลิดชีพตัวเองเพื่อปกปิดความลับบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้

“ทหารจับมันออกไป แล้วตรวจสอบร่างกายของมันให้ดีว่ามีสัญลักษณ์อะไรหรือไม่ ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันคือคนของผู้ใด”

ฮ่องเต้สั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนจะหันมากล่าวชมบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง

“ลูกพ่อ เจ้าช่างหลักแหลมยิ่งนัก”

“เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับท่านอาเพคะ ที่สั่งสอนหม่อมฉันมาเป็นอย่างดี หม่อมฉันจึงได้มีความรู้ความสามารถเช่นนี้” หลินซูมี่ไม่รับความชอบเพียงผู้เดียว แต่กลับส่งถึงท่านอาที่สั่งสอนนางมาตั้งแต่วัยเยาว์ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาว่า

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพคะ เรามาดูกันต่อเถิดเพคะว่าองค์ชายสามตายด้วยสาเหตุใดกันแน่”

เมื่อกล่าวจบ นางก็เดินเข้าไปใกล้ศพขององค์ชายสามอีกครั้ง จากนั้นก็สั่งให้ขันทีช่วยแหวกเสื้อบริเวณหน้าอกของเขาออก แล้วให้ใช้มือง้างปากของศพออกและให้เปิดเปลือกตาของศพ เพื่อให้นางได้ตรวจดูอย่างละเอียด 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ 2นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์อ๋อง ทั้งสองก็ได้กลับไปยังหมู่บ้านที่เคยพำนักอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เพราะพวกเขากลับมาพร้อมอำนาจเต็มมือหลินซูมี่ได้จัดสร้างจวนอ๋องขึ้นในหมู่บ้าน และยกให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการว่าราชการของเขตปกครอง ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองเจียงซานและตงตู่นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้ประกาศยกย่องสุสานของราชวงศ์เป่ยโจวให้เป็นสุสานหลวง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อราชวงศ์เก่าแก่ในอดีตเขตปกครองแห่งใหม่นั้น มีการละเว้นการเก็บภาษีในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงทานและสร้างที่อยู่ที่กิน ให้แก่เหล่าผู้สูงวัยที่ไร้ผู้คนดูแล เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้รับการรักษาในยามเจ็บป่วยอย่างทั่วถึงอีกทั้งยังมีการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และให้การศึกษาที่ดีต่อเด็ก ๆ เพื่อให้เติบโตไปทำคุณต่อบ้านเมืองทางด้านการขยายอาณาเขต ก็มีการออกปราบปรามชนเผ่าต่าง ๆ โดยรอบเมืองทางเหนืออยู่เนือง ๆทำให้ยามนี้ชนเผ่าเร่ร่อนอีกกว่าสี่สิบแปดชนเผ่า ได้เข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแคว้นหลิน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองเจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่ 1นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้ได้ปลดองค์หญิงใหญ่ออกจากตำแหน่งให้เป็นเพียงสามัญชน ตัวของนางและเสวี่ยเยวียนสือ ก็ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านที่หลินซูมี่เคยหลบหนีมาอยู่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะนางไม่ต้องหลบซ่อนจากผู้ใดทั้งสิ้น อีกทั้งยังกำลังตั้งครรภ์“คารวะท่านผู้อาวุโส”เมื่อนั่งเรือข้ามฟากมาแล้ว หญิงสาวก็ทำความเคารพชายสูงวัยทันที เพราะนางไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสจะมารับนางด้วยตนเอง“เจ้ากลับมาจนได้ ที่ผ่านมาข้าได้ให้คนคอยดูแลบ้านของเจ้าไว้อย่างดี รีบไปพักผ่อนเถิด” ชายชรากล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสั่งให้คนของเขามาช่วยทั้งสองขนข้าวของ“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หลินซูมี่กล่างอย่างนอบน้อม“แล้วเป็นเช่นไรบ้าง ไปอยู่เมืองหลวงเสียพักใหญ่ สบายดีใช่หรือไม่ กลับมาคราวนี้ท้องก็ใหญ่ขึ้นแล้วสินะ” ผู้อาวุโสอินหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดู“ก็สบายดีเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ติดตามท่านพี่ไปชายแดนด้วย กว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กินเวลาไปเสียนาน” หลินซูมี่กล่าวกับชายชราอย่างสนิทสนม“เช่นนั้นก็พักผ่อนเถิด เดินทางกันมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย เอาไว้พอตกเย็นค่อยมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรั

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่

    บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่“ครั้งหนึ่งเขาปรารถนาจะยึดเมืองหมิงตี้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นไร เขาจับบุตรีของเจ้าเมืองมาข่มเหงจนย่อยยับ จากนั้นก็ประกาศว่านางเป็นภรรยา แล้วใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างรวบรวมเมืองเข้ามาอยู่ในอาณัติของตน เมื่อเจ้าเมืองไม่ยินยอม เขาก็ยกทัพไปโจมตีจนแตกพ่าย และไม่ใช่แค่เพียงเมืองหมิงตี้ เมืองอื่นก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกันบุรุษผู้นั้นเอาแต่ใช้อำนาจที่มีทำลายชีวิตผู้คน เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตนเอง ทำให้มีสตรีมากมายต้องจบชีวิตลงด้วยความอัปยศเพราะเขา!” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม “ในวันนี้ที่เขาต้องนอนป่วยไร้เรี่ยวแรง ข้าว่ามันก็เป็นผลกรรมที่คนเช่นนั้นสมควรได้รับแล้วมิใช่หรือ ฮ่าๆ”กล่าวจบหนิงอี้เสียนหวงกุ้ยเฟยก็หัวเราะอย่างสะใจ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ที่ระบายออกมาราวกับเขื่อนแตก เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการให้ทุกผู้คนได้รับรู้ถึงความเจ็บลึกในใจของนางถ้อยคำของนางนั้นไม่เพียงกระทบใจผู้ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของเหล่าขุนนางอาวุโสที่ยืนรายล้อมอยู่ไม่ไกลเมื่อคำกล่าวเหล่านั้นจบลง ความเ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 56 ปราบกบฎ

    บทที่ 56 ปราบกบฎทางด้านกองทัพนอกเมืองหลวง เมื่อเสวี่ยเยวียนสือได้เห็นการจัดขบวนทัพที่อยู่บนกำแพงเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทหารเหล่านั้นไม่ปรารถนาที่จะต่อสู้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แอบแสดงท่าทียอมจำนน “ท่านแม่ทัพใหญ่...ข้าว่าเวลาแห่งการชำระล้างความชั่วได้มาถึงแล้ว!” เสียงของแม่ทัพอุดรเหออี้ดังขึ้นด้วยความเคียดแค้น เขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้า แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่ลุกโชนไม่สิ้นสุดเสวี่ยเยวียนสือก้าวขึ้นมายืนตรงหน้ากองทัพของตน ก่อนจะออกคำสั่งอย่างหนักแน่น “ทหารเตรียมพร้อม!” จากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็เปล่งเสียงสั่งการดังกึกก้อง “บุกได้!”เหล่าทหารที่รอคอยเพียงแค่คำนี้ ต่างตะโกนก้องพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดันและพร้อมรบ ทว่าก่อนที่แม่ทัพอุดรเหออี้จะสั่งให้กระแทกประตูบานใหญ่เบื้องหน้า เสียงของการปลดกลอนประตูก็ดังขึ้นแทน จากนั้นประตูเมืองก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกจากด้านใน จนทำให้ทุกคนประหลาดใจ“ขอเชิญทุกท่านผ่านเข้ามาเถิดขอรับ พวกข้าต่างเฝ้ารอการมาถึงของท่านด้วยใจจดใจจ่อ!” เสียงของนายทหารที่เปิดประตูดังขึ้นด้วยความเคารพ แววตาสะท้อนทั้งความดีใจและความภักดีอย่างเหลือล้น“ขอบใจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้

    บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้จากนั้นองค์รัชทายาทรีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยังสถานที่ที่น้องหญิงของตนพำนักอยู่ ก่อนที่วังหลวงจะถูกทหารของปิงตี้เข้าควบคุมอย่างแน่นหนา ภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ทางออกทุกเส้นทางถูกปิดตาย สิ้นไร้การเชื่อมโยงกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง“ปิงตี้ นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เจ้าจะทำก่อกบฏอย่างนั้นหรือ” หลินเฟยหลงเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือเช่นนี้“หึ! หลินเฟยหลง ตัวของเจ้าถ้าหากขาดน้องสาวที่เป็นมันสมองและแม่ทัพใหญ่ผู้ควบคุมกำลังทหาร เจ้าก็จะนับว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง” ปิงตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“หลินเฟยหลง หลินเฟยหมิง หลินต้าเหนิง ข้ายังไม่คิดลงมือกับพวกเจ้าตอนนี้หรอก เอาไว้ให้พวกเจ้ารวมตัวกันครบก่อน แล้วข้าค่อยพิจารณาอีกทีว่า จะจัดการเช่นไร ยามนี้ก็อยู่กับพ่อแม่ของพวกเจ้า และเป็นเด็กดีไปก่อนก็แล้วกัน”ปิงตี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ก่อนจะสั่งให้นำทั้งสามไปคุมขังรวมกับผู้เป็นมารดาและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งในยามนี้อาการทรุดหนักจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าขอโทษที่ไม่อาจร

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏ

    บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏเมื่อผู้เป็นบิดาได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่บุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก“เสวี่ยเยวียนสือ อย่างไรเสียข้าก็ขอฝากบุตรสาวของข้าให้เจ้าดูแลด้วย มี่เอ๋อร์นับว่าถูกข้าตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ถูกเจ้าอบรมสั่งสอนมาแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่านางมีอะไรที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าก็ค่อย ๆ สั่งสอนนางต่อไปก็แล้วกัน”ฮ่องเต้ได้หันไปตรัสกับศิษย์น้องของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ข้าจะดูแลมี่เอ๋อร์ให้ดีที่สุด ชีวิตของนางหลังจากนี้ จะต้องมีแต่ความสุขไร้ซึ่งความทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าไม่ตายดีในสามวันเจ็ดวัน” เสวี่ยเยวียนสือยกมือขึ้นแล้วเอ่ยคำสาบานออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและห้าวหาญ เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก“เอาล่ะ แม้ว่าข้าอยากจะรั้งพวกเจ้าเอาไว้ให้นานกว่านี้ แต่ข้าคิดว่าเหล่าขุนนางทั้งหลายก็คงจะกดดันข้าไม่เลิก ในวันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเจ้าออกนอกเมืองหลวง และส่งเจ้าไปในที่ที่เจ้าอยากจะไป” พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางขันทีข้างกาย “อู่กงกง เจ้าจง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status