Share

บทที่ 7 โดนวางยาพิษจนตาย

Penulis: sanvittayam
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-05 17:34:01

บทที่ 7 โดนวางยาพิษจนตาย

หลังจากตรวจสอบร่างของศพเสร็จแล้ว นางก็ฝังเข็มลงไปที่บริเวณลำคอและจุดเส้นเลือดใหญ่ทั้งหมด จนมั่นใจว่าบุคคลตรงหน้านี้ตายเพราะสาเหตุใด จึงได้ตอบออกไปอย่างมั่นใจ

“องค์ชายสามสิ้นใจเพราะได้รับพิษเพคะ”

“ได้รับพิษเช่นนั้นหรือ เจ้ารู้ได้อย่างไร” ฮ่องเต้ตรัสถามออกมาอย่างสงสัย

 “การที่ริมฝีปากของเขาม่วงคล้ำและลิ้นของเขาดำ นั่นย่อมหมายความว่าเขาได้รับพิษทางปาก บริเวณหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจก็มีสีม่วงเข้ม แสดงว่าพิษได้เข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว ส่วนดวงตาก็มีสีแดงและเส้นสีม่วงแตกในตา แสดงว่าพิษนี้มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่ากินแล้วตายทันทีเพคะ”

หลินซูมี่วิเคราะห์ทุกอย่างออกมาโดยละเอียด พร้อมกับชี้ไปตามร่างของศพในตอนที่กล่าวออกมาด้วย

เมื่อฮ่องเต้และทุกคนได้ยินและมองตามนิ้วของนาง ต่างก็ตกตะลึงในความสามารถขององค์หญิงผู้นี้

สิ่งนี้ทำให้ฮ่องเต้และฮองเฮาเข้าใจในสิ่งที่เสวี่ยเยวียนสือได้กล่าวไว้ว่า บุตรสาวคนนี้มีพรสวรรค์ขั้นสูง ไม่ว่านางจะเรียนรู้สิ่งใด ไม่นานก็จะชำนาญกับสิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย

“นั่นก็หมายความว่าองค์ชายสามไม่ได้ตาย เพราะโดนองค์รัชทายาท องค์ชายรองรวมทั้งองค์ชายสี่ทำร้ายเพคะ แต่ตายเพราะโดนคนวางยาพิษ หม่อมฉันคาดการณ์ว่าต้องเป็นเจ้าหมอหลวงปลอมนี่แน่นอน ที่เป็นคนวางยาองค์ชายสามเพคะ” หลินซูมี่กล่าวออกมาโดยละเอียดอีกครั้ง

เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้น พระองค์ถึงกับกุมขมับ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเหล่านี้ภายในวังหลวงของตน จึงไม่รอช้ารีบสั่งให้ตรวจสอบสำนักหมอหลวงทันที

“เจ้าจงไปตรวจสอบสำนักหมอหลวง ว่ามีหมอคนใดน่าสงสัยบ้างหรือไม่”

เวลาผ่านไปไม่นาน ทหารก็ได้กลับมารายงานให้ฮ่องเต้ทรงรับรู้

 “มีหมอหลวงคนหนึ่งหายตัวไปจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ และเมื่อตรวจค้นทั่วทั้งเมืองหลวง แล้ว จึงพบว่าหมอหลวงคนนั้นได้ถูกลอบสังหารและเสียชีวิตก่อนกลับถึงจวน ยามนี้ศพของเขาได้ถูกทิ้งไว้ที่แม่น้ำนอกเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครเป็นคนที่กล้าทำเช่นนี้” ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างสงสัย “กงกง สั่งการออกไป ให้กององครักษ์สืบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็ว” พระองค์ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

“น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” กงกงรีบน้อมรับคำสั่งทันที

แปะ! แปะ! แปะ!

ขณะที่บรรยากาศภายในตำหนักกำลังตึงเครียด เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาจากทางหน้าประตู เสียงนั้นดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา คิดว่าใครกันมาทำในสิ่งที่ไม่สมควรเวลานี้ ทว่าเมื่อหันกลับไปเห็นว่าเป็นใคร พระองค์ก็พยายามสะกดอารมณ์ไว้

“แม่ทัพใหญ่เสวี่ย เจ้าปรบมือด้วยเหตุอันใด หรือเจ้ายินดีที่บุตรของข้าตายเช่นนี้” ฮ่องเต้ตรัสถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่ปรบมือให้กับความเฉลียวฉลาดของลูกศิษย์กระหม่อมเท่านั้น เนื่องจากกระหม่อมสั่งสอนเพียงไม่นาน องค์หญิงก็เก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว”

เสวี่ยเยวียนสือโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แฝงด้วยความภาคภูมิใจ

“เก่งกาจเช่นใดหรือ” ฮ่องเต้ตรัสถามอีกครั้ง แม้รู้คำตอบแต่ก็ยังอยากฟังว่าบุตรสาวมีความเก่งกาจอย่างไร

“องค์หญิงสามารถชันสูตรศพได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังสามารถรู้ผลในเวลาเพียงไม่นาน ทว่าเสียดายถ้าหากองค์หญิงเป็นบุรุษ คงจะได้นำกองทัพออกรบ เพื่อแผ่ขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่แพ้ขุนพลใดในแผ่นดินเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เสวี่ยเยวียนสือกล่าวขึ้นมาพร้อมกับแววตาชื่นชมอย่างไม่อาจปิดบัง

แม้จะเสียดายที่หลินซูมี่เป็นสตรี แต่เขาก็ไม่อาจปิดบังความภูมิใจในตัวนางได้ สิ่งนี้ทำให้คนที่ถูกชื่นชมมีใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย

“แม่ทัพใหญ่! ต่อให้เจ้าจะชื่นชมนางสักเพียงใด แต่มันก็ไม่ใช่เวลานี้ที่เจ้าจะกล่าวคำชม!” ฮ่องเต้เอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเยือกเย็น เพราะเห็นสีหน้าที่ไม่สู้จะดีของบุตรชายทั้งสาม โดยเฉพาะองค์รัชทายาท

“เรื่องบทลงโทษของเจ้า เดี๋ยวข้าค่อยคิดทีหลัง” พระองค์กล่าวกับแม่ทัพใหญ่อย่างเข้มงวด ก่อนจะหันไปสั่งการกับทหารที่ยืนรออยู่  “ทหาร!! จัดขบวนแห่พระศพองค์ชายสามหลินหลี่ถัง ไปฝังไว้ที่สุสานหลวงจงขุย”

แต่ทว่าเมื่อหลินซูมี่ได้ยินเช่นนั้น กลับรีบเอ่ยคัดค้านขึ้นทันที

“ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเพคะเสด็จพ่อ เพราะในร่างขององค์ชายสามเต็มไปด้วยพิษรุนแรง หากนำไปฝังไว้ในสุสานที่ธรรมชาติสมบูรณ์ขนาดนั้น หม่อมฉันเกรงว่าพิษที่อยู่ในร่างของเขา จะส่งผลให้สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยสารพิษได้เพคะ” เมื่อมาถึงตรงนี้ นางได้เว้นช่องเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่ออย่างจริงจังว่า

“ในกรณีนี้ ร่างขององค์ชายสามจะต้องถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่านเท่านั้นเพคะ”

เมื่อฮ่องเต้และทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็มีสีหน้าตะลึงงัน เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีพิษร้ายแฝงอยู่ในร่างขององค์ชายสาม มากจนถึงขนาดที่ไม่อาจจะฝังร่างของเขาได้

“นี่มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ” ฮ่องเต้ตรัสถามออกมาอย่างสงสัย โดยมีสายตาของหลายคนมองมาอย่างรอคำตอบเช่นกัน

“เป็นอย่างที่องค์หญิงกล่าวมาพ่ะย่ะค่ะ ในร่างขององค์ชายเต็มไปด้วยพิษ ในกรณีเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถฝังได้ เพราะนั่นอาจจะทำให้พิษแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ มีเพียงแต่ต้องเผาอย่างเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

คราวนี้เป็นเสวี่ยเยวียนสือที่ตอบออกมา เพื่อสนับสนุนคำกล่าวขององค์หญิงหลินซูมี่

เมื่อเสวี่ยเยวียนสือยืนยันเช่นนั้น ฮ่องเต้ก็จำใจต้องออกคำสั่งให้เผาร่างองค์ชายสาม โดยวันพิธีเผาศพผู้คนต่างก็มาร่วมแสดงความเสียใจไม่น้อย โดยเฉพาะคนจากสกุลเกาต้า ที่มาร่วมพิธีพร้อมกับความรู้สึกที่มีแต่ความเคียดแค้นอยู่ในอก

ณ จวนสกุลเกาต้า

“ท่านพ่อ เราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ ตัวหมากที่ท่านวางไว้ในวังก็ตายไปแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะทำเช่นไรต่อไป” บุตรชายคนโตของตระกูล ผู้มีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่งของบิดาเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“นังตัวไร้ประโยชน์นั่น ตั้งแต่ลูกตายก็เป็นบ้าไปเสียแล้ว จะใช้การอะไรมันก็ใช้ไม่ได้อีกแล้ว ยามนี้พวกเราต้องใจเย็นกันไปก่อน จะเคลื่อนไหวอะไรมันก็จะดูโจ่งแจ้งเกินไป ให้เวลาผ่านไปสักพัก ค่อยมาปรึกษากันว่าควรจะทำอย่างไรต่อจากนี้”

ผู้นำสกุลเกาต้าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่ต่างกัน เพราะยามนี้ฐานอำนาจในวังก็สูญเสียไปพร้อมกับชีวิตขององค์ชายสามแล้ว ทำให้บรรยากาศในตระกูลเกาต้านั้นมีแต่ความตึงเครียด

ส่วนทางด้านสกุลหนาวลั่วนั้น กลับมีความรู้สึกที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับตระกูลเกาต้า

“หึ ในที่สุดอำนาจภายในวังหลวงของสกุลเกาต้าก็หายไปสักที คราวนี้ก็ได้เวลาของสกุลหนานลั่วแล้ว ต่อไปพวกเราจะได้ขึ้นผงาดเหนือทุกสายสกุลสักที”

ผู้นำสกุลหนานลั่วเอ่ยขึ้นมาด้วยความยินดี เมื่อได้รับข่าวร้ายของตระกูลเกาต้า ในน้ำเสียงนั้นไม่อาจปิดบังความพึงพอใจได้

นับตั้งแต่เสนาบดีสำนักราชเลขาได้ส่งบุตรสาวเข้าวัง และให้กำเนิดบุตรชาย ตระกูลเกาต้าก็มีอำนาจขึ้นมาเหนือทุกคน

แต่บัดนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว การขึ้นมาแทนที่ของสกุลหนานลั่วใกล้จะสมบูรณ์ เส้นทางสู่การครอบงำอำนาจทั้งหมดในเมืองหลวง ดูเหมือนจะราบรื่นอย่างมาก

“ไป เจ้าจงรีบไปแจ้งข่าวให้ฟางเอ๋อร์ ให้นางทำอย่างไรก็ได้ให้นางมีทายาทกับฮ่องเต้ให้เร็วที่สุด เพื่อที่ตระกูลหนานลั่วจะได้มีอำนาจในวังหลวง”

ผู้นำตระกูลหนานลั่วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดกับคนสนิทของเขา โดยมีความทะเยอทะยานแฝงอยู่ในทุกถ้อยคำ

“ขอรับ นายท่าน” คนสนิทรีบโค้งรับคำสั่ง ก่อนจะเร่งออกไปทำตามโดยไม่ลังเล

ขณะนั้นผู้นำตระกูลหนานลั่วกำลังนั่งเฝ้าฝันไปยังเส้นทางแห่งอำนาจที่วาดฝันไว้ โดยหารู้ไม่ว่า การกระทำในครั้งนี้ของเขา จะกลายเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้หน้าประวัติศาสตร์ของข้าราชสำนักเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ 2นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์อ๋อง ทั้งสองก็ได้กลับไปยังหมู่บ้านที่เคยพำนักอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เพราะพวกเขากลับมาพร้อมอำนาจเต็มมือหลินซูมี่ได้จัดสร้างจวนอ๋องขึ้นในหมู่บ้าน และยกให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการว่าราชการของเขตปกครอง ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองเจียงซานและตงตู่นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้ประกาศยกย่องสุสานของราชวงศ์เป่ยโจวให้เป็นสุสานหลวง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อราชวงศ์เก่าแก่ในอดีตเขตปกครองแห่งใหม่นั้น มีการละเว้นการเก็บภาษีในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงทานและสร้างที่อยู่ที่กิน ให้แก่เหล่าผู้สูงวัยที่ไร้ผู้คนดูแล เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้รับการรักษาในยามเจ็บป่วยอย่างทั่วถึงอีกทั้งยังมีการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และให้การศึกษาที่ดีต่อเด็ก ๆ เพื่อให้เติบโตไปทำคุณต่อบ้านเมืองทางด้านการขยายอาณาเขต ก็มีการออกปราบปรามชนเผ่าต่าง ๆ โดยรอบเมืองทางเหนืออยู่เนือง ๆทำให้ยามนี้ชนเผ่าเร่ร่อนอีกกว่าสี่สิบแปดชนเผ่า ได้เข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแคว้นหลิน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองเจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่ 1นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้ได้ปลดองค์หญิงใหญ่ออกจากตำแหน่งให้เป็นเพียงสามัญชน ตัวของนางและเสวี่ยเยวียนสือ ก็ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านที่หลินซูมี่เคยหลบหนีมาอยู่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะนางไม่ต้องหลบซ่อนจากผู้ใดทั้งสิ้น อีกทั้งยังกำลังตั้งครรภ์“คารวะท่านผู้อาวุโส”เมื่อนั่งเรือข้ามฟากมาแล้ว หญิงสาวก็ทำความเคารพชายสูงวัยทันที เพราะนางไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสจะมารับนางด้วยตนเอง“เจ้ากลับมาจนได้ ที่ผ่านมาข้าได้ให้คนคอยดูแลบ้านของเจ้าไว้อย่างดี รีบไปพักผ่อนเถิด” ชายชรากล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสั่งให้คนของเขามาช่วยทั้งสองขนข้าวของ“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หลินซูมี่กล่างอย่างนอบน้อม“แล้วเป็นเช่นไรบ้าง ไปอยู่เมืองหลวงเสียพักใหญ่ สบายดีใช่หรือไม่ กลับมาคราวนี้ท้องก็ใหญ่ขึ้นแล้วสินะ” ผู้อาวุโสอินหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดู“ก็สบายดีเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ติดตามท่านพี่ไปชายแดนด้วย กว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กินเวลาไปเสียนาน” หลินซูมี่กล่าวกับชายชราอย่างสนิทสนม“เช่นนั้นก็พักผ่อนเถิด เดินทางกันมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย เอาไว้พอตกเย็นค่อยมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรั

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่

    บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่“ครั้งหนึ่งเขาปรารถนาจะยึดเมืองหมิงตี้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นไร เขาจับบุตรีของเจ้าเมืองมาข่มเหงจนย่อยยับ จากนั้นก็ประกาศว่านางเป็นภรรยา แล้วใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างรวบรวมเมืองเข้ามาอยู่ในอาณัติของตน เมื่อเจ้าเมืองไม่ยินยอม เขาก็ยกทัพไปโจมตีจนแตกพ่าย และไม่ใช่แค่เพียงเมืองหมิงตี้ เมืองอื่นก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกันบุรุษผู้นั้นเอาแต่ใช้อำนาจที่มีทำลายชีวิตผู้คน เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตนเอง ทำให้มีสตรีมากมายต้องจบชีวิตลงด้วยความอัปยศเพราะเขา!” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม “ในวันนี้ที่เขาต้องนอนป่วยไร้เรี่ยวแรง ข้าว่ามันก็เป็นผลกรรมที่คนเช่นนั้นสมควรได้รับแล้วมิใช่หรือ ฮ่าๆ”กล่าวจบหนิงอี้เสียนหวงกุ้ยเฟยก็หัวเราะอย่างสะใจ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ที่ระบายออกมาราวกับเขื่อนแตก เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการให้ทุกผู้คนได้รับรู้ถึงความเจ็บลึกในใจของนางถ้อยคำของนางนั้นไม่เพียงกระทบใจผู้ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของเหล่าขุนนางอาวุโสที่ยืนรายล้อมอยู่ไม่ไกลเมื่อคำกล่าวเหล่านั้นจบลง ความเ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 56 ปราบกบฎ

    บทที่ 56 ปราบกบฎทางด้านกองทัพนอกเมืองหลวง เมื่อเสวี่ยเยวียนสือได้เห็นการจัดขบวนทัพที่อยู่บนกำแพงเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทหารเหล่านั้นไม่ปรารถนาที่จะต่อสู้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แอบแสดงท่าทียอมจำนน “ท่านแม่ทัพใหญ่...ข้าว่าเวลาแห่งการชำระล้างความชั่วได้มาถึงแล้ว!” เสียงของแม่ทัพอุดรเหออี้ดังขึ้นด้วยความเคียดแค้น เขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้า แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่ลุกโชนไม่สิ้นสุดเสวี่ยเยวียนสือก้าวขึ้นมายืนตรงหน้ากองทัพของตน ก่อนจะออกคำสั่งอย่างหนักแน่น “ทหารเตรียมพร้อม!” จากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็เปล่งเสียงสั่งการดังกึกก้อง “บุกได้!”เหล่าทหารที่รอคอยเพียงแค่คำนี้ ต่างตะโกนก้องพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดันและพร้อมรบ ทว่าก่อนที่แม่ทัพอุดรเหออี้จะสั่งให้กระแทกประตูบานใหญ่เบื้องหน้า เสียงของการปลดกลอนประตูก็ดังขึ้นแทน จากนั้นประตูเมืองก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกจากด้านใน จนทำให้ทุกคนประหลาดใจ“ขอเชิญทุกท่านผ่านเข้ามาเถิดขอรับ พวกข้าต่างเฝ้ารอการมาถึงของท่านด้วยใจจดใจจ่อ!” เสียงของนายทหารที่เปิดประตูดังขึ้นด้วยความเคารพ แววตาสะท้อนทั้งความดีใจและความภักดีอย่างเหลือล้น“ขอบใจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้

    บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้จากนั้นองค์รัชทายาทรีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยังสถานที่ที่น้องหญิงของตนพำนักอยู่ ก่อนที่วังหลวงจะถูกทหารของปิงตี้เข้าควบคุมอย่างแน่นหนา ภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ทางออกทุกเส้นทางถูกปิดตาย สิ้นไร้การเชื่อมโยงกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง“ปิงตี้ นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เจ้าจะทำก่อกบฏอย่างนั้นหรือ” หลินเฟยหลงเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือเช่นนี้“หึ! หลินเฟยหลง ตัวของเจ้าถ้าหากขาดน้องสาวที่เป็นมันสมองและแม่ทัพใหญ่ผู้ควบคุมกำลังทหาร เจ้าก็จะนับว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง” ปิงตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“หลินเฟยหลง หลินเฟยหมิง หลินต้าเหนิง ข้ายังไม่คิดลงมือกับพวกเจ้าตอนนี้หรอก เอาไว้ให้พวกเจ้ารวมตัวกันครบก่อน แล้วข้าค่อยพิจารณาอีกทีว่า จะจัดการเช่นไร ยามนี้ก็อยู่กับพ่อแม่ของพวกเจ้า และเป็นเด็กดีไปก่อนก็แล้วกัน”ปิงตี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ก่อนจะสั่งให้นำทั้งสามไปคุมขังรวมกับผู้เป็นมารดาและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งในยามนี้อาการทรุดหนักจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าขอโทษที่ไม่อาจร

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏ

    บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏเมื่อผู้เป็นบิดาได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่บุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก“เสวี่ยเยวียนสือ อย่างไรเสียข้าก็ขอฝากบุตรสาวของข้าให้เจ้าดูแลด้วย มี่เอ๋อร์นับว่าถูกข้าตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ถูกเจ้าอบรมสั่งสอนมาแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่านางมีอะไรที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าก็ค่อย ๆ สั่งสอนนางต่อไปก็แล้วกัน”ฮ่องเต้ได้หันไปตรัสกับศิษย์น้องของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ข้าจะดูแลมี่เอ๋อร์ให้ดีที่สุด ชีวิตของนางหลังจากนี้ จะต้องมีแต่ความสุขไร้ซึ่งความทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าไม่ตายดีในสามวันเจ็ดวัน” เสวี่ยเยวียนสือยกมือขึ้นแล้วเอ่ยคำสาบานออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและห้าวหาญ เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก“เอาล่ะ แม้ว่าข้าอยากจะรั้งพวกเจ้าเอาไว้ให้นานกว่านี้ แต่ข้าคิดว่าเหล่าขุนนางทั้งหลายก็คงจะกดดันข้าไม่เลิก ในวันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเจ้าออกนอกเมืองหลวง และส่งเจ้าไปในที่ที่เจ้าอยากจะไป” พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางขันทีข้างกาย “อู่กงกง เจ้าจง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status