"ไอ้ไทม์ กูเจอเทียร์ข้างล่างด้วย" ธารณ์ที่ดูเอกสารกำหนดการเงยหน้ามองตามเสียงเรียก เห็นเพื่อนสนิททั้งสองคนเดินเข้ามาพลางถามถึงน้องสาวที่เขาพาติดรถมาด้วยตั้งแต่เมื่อวาน แล้วก็เมื่อเช้า
"เพื่อนเทียร์เข้าโรงบาลน่ะ เลยมาดู" ธารณ์ตอบกลับรพีภัทรพลางก้มใบหน้าตรวจเช็กข้อมูลอีกหน
"อ้อ ไม่น่ามึงเอารถคันนี้มาสองวันแล้ว ให้เทียร์นั่งมาด้วยนี่เอง" เพื่อนเขามันมีความคิดแปลกๆ อย่างหนึ่ง หากจะพาคนในครอบครัวอย่างเช่นเทียร์ไปไหนด้วยต้องเปลี่ยนรถ มันบอกคันที่ใช้ประจำเอาไว้รับสาว เดี๋ยวคนอื่นเห็นจะเข้าใจน้องสาวมันผิด คิดว่าเป็นสาวของมัน
แบบนี้ก็มีด้วย!
"แล้วงานเรียบร้อยไหมมึง" อวัศย์ถามขึ้นบ้างเมื่อเห็นเพื่อนดูวุ่นวายกับงาน
"เออ! มึงนี่เป็นเจ้าของโรงบาลห่าไร โยนขี้ให้กูเนี่ย" ธารณ์บ่นเพื่อนเซ็งๆ เมื่อตัวเองต้องกลายเป็นแม่งานครั้งนี้
"ก็มันสาขามึงนี่ เอาหน่า เดี๋ยวงานก็จบแล้ว วันนี้มีแต่คนชม" อวัศย์ยกมือตบบ่าเพื่อน หัวเราะอารมณ์ดี
"เออ โดยเฉพาะของจัดเบรก" ตามด้วยรพีภัทรที่ยกนิ้วโป้งส่งให้
แปลกๆ
ดูรวมหัวกันชมกูแปลกๆ
"อะไรมองหน้าพวกกูแบบนั้นคือ" อวัศย์เป็นฝ่ายถามขึ้น ในขณะที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่
"กูแค่แปลกใจ ที่พวกมึงมายอกูขนาดนี้"
"กูไม่ได้ยอมึง กูยอแฟนมึง" รพีภัทรพูดขึ้น มุมปากยกยิ้มน้อยๆ
"แฟนเหี้ยไร"
"ก็นี่ไง มีแต่คนชมเครื่องดื่มกับขนมอร่อย เดี๋ยวของวอร์ดออโธฯ กูสั่งร้านนี่อีกดีกว่า ว่าปะไอ้พีร์"
"เออ เห็นด้วย"
"เดี๋ยวๆ ใครแฟนกู พวกมึงอย่ามั่ว"
เห็นด้วยห่าอะไร!
"อ้าว ก็เจ้าของร้านกาแฟนั่นไง ข่าวดังทั่วโรงบาล มาส่งข้าวส่งน้ำมึงทุกวัน" อวัศย์ยิ่งเห็นเพื่อนหัวเสีย ก็ยิ่งถูกใจ เอ่ยแซวไม่หยุดปาก
"ไม่เกี่ยวกับกูเลย ไม่ใช่แฟนด้วย" ธารณ์ตอบกลับท่าทางจริงจัง
"งั้นดิ" รพีภัทรหรี่ตามองจับผิด
"เออ!"
"หงุดหงิดอะไรขนาดนั้น" หมอหมอกผลักหัวเพื่อนเบาๆ แค่แซวนิดๆ หน่อยๆ มันจะหงุดหงิดอะไรนักหนา
"เออ เอาตรงๆ คนนี้ไทป์มึงเลยนะ ทำไมไม่สน"
ใครว่าไม่สนล่ะ! สนจนเกือบจะได้กันนี่แหละ!
"เออ! ไม่สน ไม่ต้องพูดถึงแล้วด้วย" ธารณ์เอ่ยย้ำกับเพื่อนสีหน้าหงุดหงิด
"พูดถึงก็ไม่ได้เหรอวะ เขาอยู่ข้างหลังมึงแล้วนะ" อวัศย์พูดขึ้นเพยิดหน้าไปด้านหลัง ในขณะที่คนตัวสูงไม่ยอมหันกลับไปมองตามที่เพื่อนพูด
เดี๋ยวจะเข้าใจว่าเขาสนใจอีก!
"บอกแล้วไงไม่ต้องพูดถึง"
"ไม่สนจริงดิ"
"เออ! ไอ้พีร์ มึงเป็นห่าไรนักหนา" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิดที่พวกมันไม่เอาเรื่องเธอออกจากวงสนทนาสักที
"ไม่มีไรหรอก กูแค่จะบอกมึงว่าตอนนี้เขาก็คงไม่สนมึงแล้วเหมือนกัน"
"อะไร?"
"ไอ้พีร์มันหมายความว่าตอนนี้คงมีคนน่าสนใจมากกว่ามึงแล้วไง" เพียงอวัศย์พูดจบธารณ์ก็หันไปมองด้านหลังตามที่เพื่อนพูดทันที
ไอ้เจตน์!
ไม่แปลกที่ไอ้สองคนนี้จะคิดว่าเธอคงไม่สนใจเขาแล้ว เพราะท่าทางที่สองคนนั้นคุยกันราวกับทั้งโลกมีกันแค่สองคน ไหนจะไอ้คนที่ปกตินิ่งเงียบตลอด แต่ตอนนี้ยกยิ้มน้อยๆ เมื่อคุยกับเธอ ส่วนคนที่ทั้งโรงพยาบาลรับรู้มาตลอดว่ากำลังตามจีบเขาก็หัวเราะต่อกระซิกท่าทางมีความสุข
เหอะ! ถ้าคนอื่นคิดว่าตามจีบไอ้เจตน์ก็คงจะไม่แปลก
หรือคิดจะจับปลาสองมือ?
ธารณ์จ้องมองทั้งสองคนสักพัก จนคนตัวเล็กเหมือนจะรู้สึกตัวจึงมองกลับมา เมื่อเห็นว่าเป็นเขา จากที่ปกติจะต้องโบกมือส่งยิ้มทักทาย ท่าทางดีใจ กลับกลายเป็นเธอเมินหน้าหนี ก่อนจะแสดงสีหน้าเคร่งเครียด จนเหมือนคู่สนทนาของเธอจะสงสัยจึงหันหลังกลับมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขา หมอเจตน์ก็เลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปหาเธอดังเดิม เมื่อคนตัวเล็กเอื้อมมือมาจับแขนสะกิดเรียก
ธารณ์ขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ และขัดใจ
อะไรคือเมินกันแบบนั้น แล้วท่าทางแบบนั้นคืออะไรกัน เขาเห็นทั้งสองคนคล้ายซุบซิบอะไรกันบางอย่าง ตามด้วยพากันหันหลังเดินลงบันไดไป
เมินกันเหรอ?
หรือจะจับปลาสองมือจริงๆ
ถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่าเธอเลือกหมอเจตน์งั้นเหรอ ถึงได้เมินกัน....
หรือมีเรื่องอะไรนะ...
"ไอ้ไทม์! / ไอ้ไทม์!"
"ห้ะ! อะไรของพวกมึงเนี่ย เสียงดัง" ธารณ์โวยวายเพื่อนน้ำเสียงหงุดหงิด ที่พวกมันพร้อมใจกันตะโกนอยู่ข้างหู
"กูสิต้องถาม มึงเป็นอะไรของมึง กูเรียกจนคอจะแตก"
"เป็นอะไร? ก็ไม่นี่"
"ไม่ห่าไร ยืนจ้องอะไรเขาขนาดนั้น" รพีภัทรด่าเพื่อนบ้างเมื่อเห็นท่าทีเพื่อนสนิท
"เออ นั่นดิ แล้วนั่นหมอเจตน์รู้จักเขาด้วยเหรอ" อวัศย์ถามขึ้นอย่างข้องใจ เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างยอมรับว่างงไม่น้อย ที่เพื่อนตัวเองถูกเมินแบบนั้น ไม่ให้งงได้ไง
ไอ้ไทม์ถูกหญิงเมิน? แค่คิดก็น่าสนใจ
"ไม่รู้กูไม่ได้สนใจ" ธารณ์ตอบกลับเสียงเรียบ สายตายังคงจ้องมองไปทางที่สองร่างเดินลับไป
"เออๆ กูเชื่อแล้ว มึงไม่ได้สนใจ" อวัศย์ตอบกลับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะลอบมองหน้ากันกับรพีภัทร ยักคิ้วส่งสัญญาณที่รู้กันถึงสถานการณ์แปลกๆ
สงสัยโค้ชจะลงสนาม
"เออ ไม่เกี่ยวกับกู"
ไม่เห็นน่าสนใจสักนิด ดี! อยากเมินก็เมินไป
"คุณไทม์! เบาๆ สิคะ" เธอบ่นขึ้นเสียงดัง เมื่อเขาเอาแต่ออกแรงฉุดกระชากจนเธอจะเดินตามแทบไม่ทันเขาเหมือนไม่สนใจที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อย แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสความหงุดหงิดจากตัวเขาอยู่ดี"ขึ้นรถ" เขาเปิดประตูเพยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นรถ ในขณะที่คนตัวเล็กมองไปที่รถก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูง"คันนี้เหรอคะ" เธอชี้ไปที่รถคันหรูที่เขาเปิดประตูค้างอยู่อย่างไม่แน่ใจ"ทำไม?" รวีธารไม่ตอบอะไร มองไปที่รถอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่เขาหวง และปกติไม่ให้ใครขึ้นบรรยากาศในรถกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างจากวันแรกลิบลับ ที่เธอและเขาต่างหาเรื่องเพื่อคุยทำความรู้จักกัน รวีธารไม่รู้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร และยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าไอ้ที่โมโหลากเธอมาแบบนี้เพื่ออะไร แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆ ภาวนาให้ถึงคอนโดตัวเองเร็วที่สุดใช้เวลาไม่นานเขาก็เปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดตรงหน้า ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่คอนโดเขา!"คุณไทม์มาที่นี่ทำไมคะ?" รู้ว่าเป็นคำถาม
รวีธารไม่รู้แน่ชัด ถึงเจตนาของคนที่มานั่งอยู่ข้างกัน รู้แต่ว่าพอได้คุยด้วย เขาเป็นคนคุยสนุกเลยทีเดียว เธอเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเขาหลายรอบ จนไปๆ มาๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และคุยกับเขาอย่างสนิทสนม"คุณเขตต์นี่มีความแค้นส่วนตัวกับคุณไทม์รึเปล่าคะเนี่ย เผากันซะขนาดนี้" คนตัวเล็กอมยิ้มหยอกล้อกลับ เมื่อส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่เขามักจะเผาธารณ์ให้ฟัง"ผมแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหมั่นไส้""ทำไมละคะ" "ก็มันคงอยากจะเข้ามาหาคุณใจจะขาด" เขตต์ตอบกลับยิ้มๆ มองผ่านหลังเธอไป ส่วนเธอไม่คิดจะหันกลับไปมองตามที่เขาพูด"ไม่หรอกมั้งคะ" ปกติมีแต่จะหนีหน้ากัน ไม่มีทางหรอกที่เขาจะอยากเข้ามาหาเธอ"เชื่อผมสิครับ ไอ้หมอกการันตีมาขนาดนั้น" รวีธารเลือกที่จะมาคุยเรื่องเขาต่อ เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องทั่วไปแทน เพราะกลัวเขาจะเบื่อเหมือนกัน ลำพังการที่เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว สักพักข้อความจากเพื่อนสนิทก็แจ้งเตือนเข้ามา เธอเห็นว่าเลยเวลาที่รับปากกับเพื่อนมาสักพักแล้วจึงจัดการตอบแชทว่ากำลังจะกลับ แล้วหันมาเอ่ยลากับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีไม่ติดอะไร ก่อนจะแลกคอนแทกต์ก
คนที่มีคนรอต่อคิวเพียบยกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา หลังจากที่เขาบอกให้เธอมานั่งรอด้านในสักพัก คนตัวเล็กทยอยหยิบของออกจากถุงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"วันนี้ฉันเอาผลไม้มาเพิ่มให้คุณด้วย" เธอเอากล่องอาหารออกมาเรียงวางไว้"เอามาทำไมเยอะแยะ" คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากฟังคำพูดเพื่อนถามกลับตึงๆ"เผื่อช่วงบ่ายๆ คุณหิวไงคะ""ผมไม่ได้สั่งนี่ เมื่อไหร่จะเลิกเอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้สักที" คนที่มักจะส่งกาแฟมาให้เป็นประจำกะพริบตามองเขาอย่างมึนงง เมื่ออยู่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีโมโห"ถ้าอย่างนั้นคุณทานแค่นี้ก็ได้ค่ะ" เธอเก็บกล่องผลไม้กลับเข้าถุงตามเดิม ในขณะคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรแย่ๆ เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กทันที"คือ..ผมหมายถึงบางทีผมก็กินกาแฟมาแล้ว ส่วนช่วงบ่ายผมมีผ่าตัดคงไม่ได้กิน" เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ ธารณ์ถึงกับหลับตาถอนหายใจเมื่อตัวเองเผลอปากไม่ดีอีกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย"ค่ะ ขอโทษนะคะต่อไปฉันจะไม่เอาสิ่งที่คุณไม่ต้องการมาให้อีก" เธอเพิ่งรู้ว่าการที่เอากาแฟมาให้เขาทุกวันมันฝืนความรู้สึกขนาดนี้ บางทีใช่ว่าเขาจะชอบกาแฟร้านเธอสักหน่อยและสิ่งที
"พี่เพ็ญสวัสดีค่าาา""อ้าวน้องเพ้นท์หายไปนานเลย พี่นึกว่าตัดใจไม่อยากมาส่งข้าวให้หมอแถวนี้แล้ว" รวีธารยกยิ้มกว้างตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไร จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องสาวที่นั่งรถมาด้วยเป็นสาวคนสำคัญของเขา"เพ้นท์เอาขนมมาฝากพี่ๆ ด้วยค่ะ" ร่างบางยื่นขนมถุงใหญ่ให้เพ็ญนภาด้วยความสนิทสนม หลังจากที่ไม่ได้เฉียดมาที่วอร์ดนี้หลายอาทิตย์"ขอบใจนะน้องเพ้นท์ พี่ไปไม่เคยทันเค้กกล้วยหอมของคุณน้องสักที" เพ็ญนภายื่นมือรับด้วยความเต็มใจ โดยปกติใช่ว่าเธอจะรับของฟรีตลอด ตัวเธอเองรวมถึงพยาบาลในวอร์ดต่างติดใจขนมร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลกันหมด มักจะแวะเวียนไปอุดหนุนกันเป็นประจำ ถึงแม้หลังๆ มาหญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปก็ตาม แต่พอไปทีไรมักจะไม่ทันเค้กกล้วยหอมทุกที"นี่ไงคะ เพ้นท์แยกเอาไว้เลย ว่าแต่...หมอไทม์พักรึยังคะ" "พักแล้วจ้า เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เอง แหม ของหมอไทม์คนเดียวแต่ถุงใหญ่กว่าพวกพี่อีกนะ" รวีธารยกยิ้มเขินๆ กำลังจะคุยเล่นต่อระหว่างรอ แต่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังก่อน"คุณเพ้นท์""อ้าวหมอหมอก หมอพีร์ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายคนที่เดินยิ้มมาแต่ไกล แม้แต่หมอพีร์ที่ปกติจะเห็น
รับผิดชอบ?"ทำหน้าแบบนั้นคือจะไม่รับ?""ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ตกใจเฉยๆ" ทั้งงุนงง ทั้งตกใจเลยล่ะ จะให้ตอบยังไงละเนี่ย ที่ไปไล่ปล้ำผู้ชายแบบนั้น ดูแล้วตอบอะไรไปก็ผิด"...""คือ...ฉันปล้ำคุณสำเร็จไหม""!?""ฉันหมายถึง...เหมือนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย""ไม่รู้สึก!?" คนที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอ้าปากเหวอมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ไอ้ที่นัวเนียกันขนาดนั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วไอ้รอยแดงๆ นั่นอีก! เมื่อคืนครางรับเสียงสั่นขนาดนั้นเช้ามาบอกไม่รู้สึก!"คะ...คือฉันเมามาก" เธอรีบอธิบายเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา"ก็รู้ตัวนี่ว่าเมามาก""....""แล้วรู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนไปคนเดียว แถมเวลาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ไอ้ที่ที่คุณไปน่ะ ไม่มีใครเขาใสๆ คิดดีกันคุณหรอกนะ จ้องจะลากคุณกลับกันทั้งนั้นแหละ"พูดตรงๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน หนึ่งในนั้นที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียงก็คือตัวเขาเองนี่แหละรวีธารก้มน้างุดท่าทางสำนึกผิด นิ่งฟังคนมากประสบการณ์เทศนา"ระ...รู้""รู้แล้วยังไป?" เขาขึ้นเสียงสูงถามกลับทันที ทำไมถึงทำตัวได้น่าเป็นห่วงขนาดนี้นะ แล้วทำไมกูต้องห่วงด้วย! ธารณ์คิดอย่างหงุดหงิด"ขอโทษ..."
เสียงตั้งปลุกที่ตั้งอัตโนมัติดังแจ้งเตือนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ถึงแม้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าเพียงใดแต่ด้วยความเคยชินทำให้เจ้าของเตียงนอนกว้างต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นเหมือนทุกวัน เพื่อเตรียมตัวไปช่วยที่ร้าน เนื่องจากโดยปกติช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดรวีธารผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องที่ดูหนาวกว่าปกติ ไหนจะร่างกายที่ดูโล่งแปลกๆคนตัวเล็กก้มใบหน้ามองตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพร่างกายตนเองดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามหาสิ่งผิดปกติในร่างกายตนเองแต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ ตรงลำคอและเนินอก"เมื่อคืนไปนอนเมาให้ยุงกัดที่ไหนวะเนี่ย" คนที่รู้ว่าเมาแต่ไม่รู้ว่ากลับมายังไงเกาศีรษะอย่างมึนงง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพจำสุดท้ายคือเธอนั่งอยู่กับหมอไทม์..."หมอไทม์!" คนตัวเล็กอุทานเรียกชื่อคุณหมอหนุ่มเสียงดัง เมื่อเริ่มจะคิดอะไรบางอย่างออก คุ้นๆ ว่าเขาเป็นคนมาส่ง เธอขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟ ตามด้วยเธอเดินมึนๆ ไปหาน้ำให้เขากิน หลังจากนั้น....รวีธารมองสำรวจตัวเองอีกรอบ จำได้ว่าเธอกับเขานัวเนียกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก
"เสร็จแล้ว" ธารณ์มองผลงานตัวเองเมื่อเห็นว่าหลอดไฟที่เปลี่ยนไปไม่มีปัญหาอะไร จึงก้มบอกคนตัวเล็ก แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องที่เป็นคนขอให้เปลี่ยนหลอดไฟให้จึงก้าวขาลงจากเก้าอี้ทรงสูง ไม่รู้คนเมาจะไปป่วนที่ไหนอีกคนตัวสูงเดินเอาเก้าอี้บาร์ทรงสูงไปเก็บที่เดิม ก่อนจะเดินย้อนกลับมาตรงกลางห้อง ได้ยินเสียงกุกกักจากด้านหลังจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง เห็นคนตัวเล็กเดินถือแก้วน้ำมาให้ท่าทางมึนๆ จึงอดลอบหัวเราะในลำคอไม่ได้ ตัวเองเมาซะขนาดนั้นยังจะหาน้ำหาท่ามาให้อีก แล้วนี่ไม่รู้ว่าไปหาถึงไหน จนเขาเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะออกมา"น้ำค่ะ" เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี"ขอบคุ....เห้ย!" คนตัวสูงที่กำลังเอื้อมมือไปรับ ร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องสะดุดขาตัวเองพุ่งตัวมาหาเขาจนเสียหลัก พากันหงายหลังล้มตัวลงบนโซฟาทั้งคู่"คุณเป็นไรไหม" ธารณ์ขยับตัวจุกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่วงคนตัวเล็กที่นอนซบอยู่ด้านบน"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" รวีธารผละตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวไม่อยู่ทรุดตัวลงไปอีกรอบ"ไหวไหม" ธารณ์เอื้อมมือจับไหล่คนด้านบนช่วยประคองเธออีกแรง"หมอไทม์" คนตัวเล็กที่ทรงตัวได้แล้วแ
"นั่งดีๆ เพ้นท์" เสียงเข้มข้างหูทำให้เธอพยายามปรือตามอง เมื่อเห็นเป็นคนที่อยู่ในความคิดมาโดยตลอดก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ"หมอไทม์มาได้ไง" คนที่โดนถามคำถามนี้รอบที่สามถอนหายใจยาวหนักใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่ระวังตัวของคนที่นั่งข้างๆ ก็ยิ่งหงุดหงิด รู้ตัวไหมนั่น ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่ระวังตัวเอาซะเลย!"นั่งดีๆ ไม่งั้นจะปล่อยลงข้างทาง" คนตัวเล็กหน้างอบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนดุ ความรู้สึกที่โดนบิดาต่อว่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจปะทุในอก"จะว่าอะไรนักหนา คิดว่าจะทำอะไรกันก็ได้รึไง! อยากให้มีนักใช่ไหมผัวทียี่สิบคน""อะไรวะเนี่ย! เพ้นท์! ตื่นมาคุยกันก่อน" ธารณ์ยกมือกุมศีรษะอย่างอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ แล้วผัวยี่สิบคนนี่อะไรวะ?!ความจริงมันเริ่มจากการที่เธอโทรมาหา บอกว่าจะชวนมาดื่มด้วยกัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม โวยวายเสียงกรึ่มๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ใจแข็งไม่ยอมไปอยู่ดีจนได้รับสายอีกครั้ง คราวนี้เสียงเธอไม่ใช่แค่กรึ่มๆ แต่เมาเลยล่ะ ดูท่าจะเมาหนักซะด้วย! ความจริงเขาพยายามจะไม่สนใจ เพียงแต่ไม่บังเอิญไปได้ยินเสียงจากปลายสายคล้ายมีคนเข้ามาคุยด้วย'
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหญิงประจำบ้านดังออกมาจากห้องทำงาน รวีธารที่โดนตามตัวมาเช่นเดียวกันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปจึงเลือกที่จะหยุดตัวเอง ยืนรออยู่หน้าประตูแทนเสียงที่ดังออกมาใช่ว่าจะเบา เธอจึงได้ยินหมดว่าคนด้านในคุยอะไรกัน"พายไม่เอาเด็ดขาด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพายมาก่อน!""เขาอาจติดธุระก็ได้ ลองเจอกันอีกรอบไหม""ไม่! ป๊าไม่รู้หรอกว่าพายอายแค่ไหน มีแต่คนมองมาแปลกๆ""ไม่มีใครสนใจหรอก พายคิดมาก""ไม่คิดมากหรอกค่ะ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้พายนั่งรอเกือบชั่วโมง มาถึงก็ตัวเปล่า ไม่สนใจกันสักนิด ดอกไม้สักช่อมาขอโทษก็ไม่มี!""แล้วเขาได้พูดขอโทษไหม""พูด! แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ""ก็เขาขอโทษแล้วไง""ป๊า!""เขาอาจจะติดงานด่วนก็ได้ เลยมาถึงช้า""เขาก็ต้องบอกพายสิคะ!""ก็เราบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่ให้ป๊าบอกข้อมูล ถ้าเขาอยากรู้ต้องขอเอง""ป๊า! พายเป็นลูกป๊านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพายจะไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้น!" ปังรวีธารผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงเพรียวของพี่สาวที่เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง"แกมาทำไม?""ป๊าเรียก" เมื่อเรวิกาถามห้วนๆ เธอจึงตอบกลับห้วนๆ เช่นกัน