แปลก
มันเหมือนอยู่ๆ ชีวิตเขาก็กลับสู่ครรลองเดิมอย่างที่เคยเป็น ซึ่งมันก็ดูเป็นปกติดี เขาไม่ต้องบังเอิญเจอคนที่มักจะมาจอดรถอยู่ข้างๆ กัน ไม่ต้องคอยมาลำบากใจเมื่อมีคนเอากาแฟมาให้ทั้งๆ ที่ไม่ได้สั่ง หรือแม้แต่ไม่ต้องมาตกใจเมื่ออยู่ๆ มีคนโผล่มาดักรอหน้าห้องน้ำชาย
มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ...เหมือนที่ผ่านมา
"ก็แค่แปลกๆ"
"อะไรแปลกคะหมอไทม์"
"ครับ?" ธารณ์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ เพ็ญนภาเอ่ยทักเสียงดัง งงว่าเธอรู้สิ่งที่คิดได้ยังไง เหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเดินกลับมาถึงหน้าห้องตอนไหน
"ก็เห็นหมอบ่นอะไรแปลกๆ" ดูท่าเพ็ญนภาจะไม่ได้รู้ความคิดเขาหรอก ตัวเองนั่นแหละที่เผลอคิดดังจนหลุดพูดออกไป
"เปล่าครับ...ผมก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย"
"เบลอรึเปล่าคะ เห็นอยู่เวรติดกัน กาแฟไหมคะมีคนมาฝากให้" ธารณ์หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เพียงแค่เพ็ญนภาบอกว่ามีคนฝากกาแฟมาให้ มุมปากยกยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ
แต่เมื่อเจ้าตัวยื่นกาแฟให้หัวใจก็เริ่มเหี่ยวแฟ่บลงอย่างเหงาหงอย โลโก้ร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ประดับอยู่ข้างแก้ว ทำให้รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่ของร้านเดิมที่กินมาทุกวัน
"นี่ค่ะหมอไทม์ ญาติคนไข้สั่งมาเลี้ยงทั้งวอร์ดเลย" เพ็ญนภายื่นมาใกล้ขึ้นเมื่อเขาเอาแต่มองไม่ยอมรับไป
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ค่อยอยากเท่าไหร่"
เมื่อเอ่ยจบร่างสูงก็เปิดประตูเดินเข้าห้องไป ส่วนเพ็ญนภาได้แต่ยืนงงกับท่าทีคุณหมอหนุ่ม ที่ทีแรกยังมีท่าทีดีใจที่จะได้ดื่มกาแฟอยู่เลย แต่ไหงอยู่ๆ ก็หน้าบึ้งเดินหนีเข้าห้องไป
ส่วนคนตัวสูงเมื่อเข้ามาในห้องก็ทรุดตัวลงนั่งสีหน้ายังไม่คลายความคับข้องใจ ก็จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไง หลังจากวันนั้นที่เจอเธอหน้าห้องสัมมนา ทุกอย่างก็ดูแปลกไป
เริ่มจากที่เธอมีท่าทีเมินกันจนเห็นได้ชัด ไหนจะไม่มีเครื่องดื่มจากเธอที่ปกติจะมาพร้อมกับมื้อกลางวันทุกวันโดยที่เขาไม่ต้องสั่ง แต่ทุกอย่างมันหายไปตั้งแต่วันนั้น ไหนจะเมื่อวานที่เป็นวันสุดท้ายของคอร์สอาหารกลางวันที่เขาซื้อไว้ แต่เจ้าตัวก็ไม่มีวี่แววจะมาโฆษณาอะไรต่อ
"หรือกูเผลอทำอะไรให้เขาไม่พอใจวะ" ธารณ์ขมวดคิ้วบ่นพึมพำ ในหัวพยายามคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ ล่าสุดที่คุยกันก็คือตอนที่เธอมาบอกให้เลี้ยงข้าว ซึ่งเขาก็ตอบตกลงไป และเธอก็ไม่เซ้าซี้อะไรคงเพราะเห็นว่าช่วงนี้เขางานยุ่ง
จะว่าโกรธตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่น่าใช่ เพราะหลังจากนั้นก็ยังมีเครื่องดื่ม พร้อมกับข้อความที่จีบกันโต้งๆ ส่งมาให้ตลอด
หรือเพราะไอ้เจตน์?
"ช่างสิ! ดีเหมือนกัน ไม่มีคนมาวุ่นวาย" ธารณ์บ่นพึมพำขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ว่าจะเอาเรื่องเธอมาคิดมากเกินไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ต้องคอยหาทางหลบเลี่ยง เลิกตามก็ดีแล้ว
คนตัวสูงยักไหล่บอกตัวเองไม่เห็นต้องแคร์ ก่อนจะเปิดลิ้นชักตั้งใจหยิบเอกสารเพื่อทำงาน แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นบัตรใบเล็กมีโลโก้คุ้นตาที่ประทับตราไว้เต็มทุกช่อง โดยช่องสุดท้ายมีรูปกาแฟแก้วเล็กๆ เขียนกำกับไว้ว่าฟรี มีรูปธงสีแดงข้างๆ บ่งบอกให้รู้ว่ามาถึงจุดหมายแล้ว ตามที่รายละเอียดเขียนไว้ว่าซื้อครบสิบฟรีแก้วฟรีหนึ่งแก้ว
เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงจึงผุดลุกขึ้น คว้าบัตรสะสมแต้มใบเล็กยัดใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ สาวเท้าเปิดประตูออกจากห้องด้วยความเร่งรีบ
ก็ไม่ได้อะไร...แค่ไปกินกาแฟฟรีเฉยๆ
ธารณ์ให้คำตอบกับความรู้สึกของตนเอง คงเป็นเพราะอยากไปกินกาแฟฟรีเฉยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเธอสักนิด
"อ้าว หมอไทม์ไปไหนคะ อีกครึ่งชั่วโมงมีประชุมนะคะ"
"เดี๋ยวผมไปซื้อกาแฟแป๊บนึงครับ" เพ็ญนภาอ้าปากเหวอมองตามคนตัวสูงที่เดินดุ่มๆ ลงลิฟต์ไป ก่อนจะหันมองหน้ากันกับพยาบาลอีกคนที่อยู่เวรคู่กัน
"จิ๊บ เมื่อกี้ก่อนหมอไทม์เข้าห้องไปแกได้ยินเหมือนกันปะ"
"ได้ยินเต็มสองหูเลยว่าไม่อยากกินกาแฟ"
เพ็ญนภาขมวดคิ้วมองไปทางเดิมอย่างงุนงง ถึงแม้ว่าคุณหมอหนุ่มจะลงลิฟต์ไปแล้ว แปลว่าสิ่งที่เธอได้ยินก็ไม่ได้หูฝาด แล้วนี่จะลงไปซื้อกาแฟอีกคืออะไร?
หรือติดใจกาแฟร้านตรงข้ามโรงพยาบาลกันนะ...
ร่างสูงเดินลัดเลาะไปทางเดินด้านข้างโรงพยาบาล ก่อนจะไปทะลุออกด้านหน้า เดินข้ามถนนเล็กๆ ที่คั่นอยู่เพื่อไปยังจุดหมายคือร้านกาแฟเล็กๆ ตรงหน้า
"ร้านเพนท์ยินดีต้อนรับค่ะ อ้าวคุณหมอสวัสดีค่ะ" สราลีเอ่ยทักคนที่เป็นข่าวกับเจ้านายตนเอง แปลกใจเล็กน้อยที่เจ้าตัวโผล่มาถึงที่นี่ เพราะโดยปกติรวีธารจะเป็นฝ่ายไปหา แม้แต่เอาอาหารไปส่งยังไปเอง
"ครับ เอ่อ...ลาเต้แก้วนึงหวานปกติ"
"รอสักครู่นะคะ" ธารณ์พยักหน้าตอบรับพนักงานคนเดิมที่เขาเห็นตั้งแต่วันที่มาที่นี่ครั้งแรก ในขณะที่สายตากวาดมองรอบๆ ร้าน มีลูกค้าบางตากว่าช่วงเช้าที่เวลาเขาเดินผ่านมักจะมีลูกค้านั่งอยู่เต็มไปหมด
ทุกสิ่งทุกอย่างในร้านก็เหมือนเดิม ที่แปลกไปคงจะเป็นความเงียบเหงาแปลกๆ เมื่อมองไปแล้วไม่เห็นคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน
"เครื่องดื่มได้แล้วค่ะคุณหมอ"
"..."
"คุณหมอคะ รับอะไรเพิ่มไหมคะ" สราลีเอ่ยถามคุณหมอหนุ่มที่สายตาสอดส่องไปมาภายในร้าน ท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ
"เอ่อ...เอาเป็นเค้กมะพร้าว แล้วก็ชีสเค้กก็ได้ครับ" ธารณ์แสร้งมองผ่านตู้กระจกที่มีเค้กหลากชนิดวางเรียงกันอยู่ ก่อนจะบอกชื่อเมนูที่เห็นผ่านๆ ตา "อ้อ แล้วก็บราวนี่ พายผักโขม ทั้งหมดใส่กล่องกลับบ้านครับ"
"ได้ค่ะ สักครู่นะคะ" สราลีจัดการนำเบเกอรี่ทั้งหมดที่ลูกค้าสั่งจัดใส่กล่องให้เรียบร้อย ก่อนจะนำมาวางบนเคาน์เตอร์ ข้างๆ แก้วกาแฟใบเดิม "คุณหมอรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ" ถามย้ำคุณหมออีกครั้ง เมื่อเขาดูคล้ายยังมองนู่นมองนี่ไปทั่วร้าน
"ไม่แล้วครับ คิดเงินได้เลย"
"ทั้งหมดห้าร้อยสี่สิบบาทค่ะ"
"นี่ครับ" ธารณ์ยื่นธนบัตรสีเทาส่งให้ ก่อนจะคว้าถุงขนมทั้งหมดด้วยมือข้างเดียว อีกข้างหยิบแก้วกาแฟที่สั่งเอาไว้
"คุณหมอคะเงินทอนค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ" ธารณ์ยกยิ้มตอบกลับ ก่อนจะรีบเดินพ้นประตูไป กลัวโดนเรียกให้เอาเงินทอน จินตนาการถึงท่าทางดีใจของพนักงานที่จะต้องบอกเจ้าของร้านด้วยความดีใจ ว่าได้ทิปเกือบจะเท่าราคาอาหาร แล้วเธอก็คงจะรู้ว่าเขามา
ว่าแต่....ทำไมต้องอยากให้รู้?
คนตัวสูงส่ายหัวให้กับความไร้สาระของตัวเอง ความตั้งใจเดิมคือจะเอาบัตรมาแลกกาแฟฟรี ไปๆ มาๆ บัตรก็ไม่ได้ใช้แถมเสียเงินไปอีกเป็นพัน
ที่สำคัญ... เหมือนมันค้างคาใจยังไงไม่รู้
"ท่าจะบ้าใหญ่แล้วกู"
"คุณไทม์! เบาๆ สิคะ" เธอบ่นขึ้นเสียงดัง เมื่อเขาเอาแต่ออกแรงฉุดกระชากจนเธอจะเดินตามแทบไม่ทันเขาเหมือนไม่สนใจที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อย แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสความหงุดหงิดจากตัวเขาอยู่ดี"ขึ้นรถ" เขาเปิดประตูเพยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นรถ ในขณะที่คนตัวเล็กมองไปที่รถก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูง"คันนี้เหรอคะ" เธอชี้ไปที่รถคันหรูที่เขาเปิดประตูค้างอยู่อย่างไม่แน่ใจ"ทำไม?" รวีธารไม่ตอบอะไร มองไปที่รถอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่เขาหวง และปกติไม่ให้ใครขึ้นบรรยากาศในรถกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างจากวันแรกลิบลับ ที่เธอและเขาต่างหาเรื่องเพื่อคุยทำความรู้จักกัน รวีธารไม่รู้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร และยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าไอ้ที่โมโหลากเธอมาแบบนี้เพื่ออะไร แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆ ภาวนาให้ถึงคอนโดตัวเองเร็วที่สุดใช้เวลาไม่นานเขาก็เปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดตรงหน้า ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่คอนโดเขา!"คุณไทม์มาที่นี่ทำไมคะ?" รู้ว่าเป็นคำถาม
รวีธารไม่รู้แน่ชัด ถึงเจตนาของคนที่มานั่งอยู่ข้างกัน รู้แต่ว่าพอได้คุยด้วย เขาเป็นคนคุยสนุกเลยทีเดียว เธอเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเขาหลายรอบ จนไปๆ มาๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และคุยกับเขาอย่างสนิทสนม"คุณเขตต์นี่มีความแค้นส่วนตัวกับคุณไทม์รึเปล่าคะเนี่ย เผากันซะขนาดนี้" คนตัวเล็กอมยิ้มหยอกล้อกลับ เมื่อส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่เขามักจะเผาธารณ์ให้ฟัง"ผมแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหมั่นไส้""ทำไมละคะ" "ก็มันคงอยากจะเข้ามาหาคุณใจจะขาด" เขตต์ตอบกลับยิ้มๆ มองผ่านหลังเธอไป ส่วนเธอไม่คิดจะหันกลับไปมองตามที่เขาพูด"ไม่หรอกมั้งคะ" ปกติมีแต่จะหนีหน้ากัน ไม่มีทางหรอกที่เขาจะอยากเข้ามาหาเธอ"เชื่อผมสิครับ ไอ้หมอกการันตีมาขนาดนั้น" รวีธารเลือกที่จะมาคุยเรื่องเขาต่อ เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องทั่วไปแทน เพราะกลัวเขาจะเบื่อเหมือนกัน ลำพังการที่เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว สักพักข้อความจากเพื่อนสนิทก็แจ้งเตือนเข้ามา เธอเห็นว่าเลยเวลาที่รับปากกับเพื่อนมาสักพักแล้วจึงจัดการตอบแชทว่ากำลังจะกลับ แล้วหันมาเอ่ยลากับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีไม่ติดอะไร ก่อนจะแลกคอนแทกต์ก
คนที่มีคนรอต่อคิวเพียบยกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา หลังจากที่เขาบอกให้เธอมานั่งรอด้านในสักพัก คนตัวเล็กทยอยหยิบของออกจากถุงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"วันนี้ฉันเอาผลไม้มาเพิ่มให้คุณด้วย" เธอเอากล่องอาหารออกมาเรียงวางไว้"เอามาทำไมเยอะแยะ" คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากฟังคำพูดเพื่อนถามกลับตึงๆ"เผื่อช่วงบ่ายๆ คุณหิวไงคะ""ผมไม่ได้สั่งนี่ เมื่อไหร่จะเลิกเอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้สักที" คนที่มักจะส่งกาแฟมาให้เป็นประจำกะพริบตามองเขาอย่างมึนงง เมื่ออยู่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีโมโห"ถ้าอย่างนั้นคุณทานแค่นี้ก็ได้ค่ะ" เธอเก็บกล่องผลไม้กลับเข้าถุงตามเดิม ในขณะคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรแย่ๆ เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กทันที"คือ..ผมหมายถึงบางทีผมก็กินกาแฟมาแล้ว ส่วนช่วงบ่ายผมมีผ่าตัดคงไม่ได้กิน" เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ ธารณ์ถึงกับหลับตาถอนหายใจเมื่อตัวเองเผลอปากไม่ดีอีกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย"ค่ะ ขอโทษนะคะต่อไปฉันจะไม่เอาสิ่งที่คุณไม่ต้องการมาให้อีก" เธอเพิ่งรู้ว่าการที่เอากาแฟมาให้เขาทุกวันมันฝืนความรู้สึกขนาดนี้ บางทีใช่ว่าเขาจะชอบกาแฟร้านเธอสักหน่อยและสิ่งที
"พี่เพ็ญสวัสดีค่าาา""อ้าวน้องเพ้นท์หายไปนานเลย พี่นึกว่าตัดใจไม่อยากมาส่งข้าวให้หมอแถวนี้แล้ว" รวีธารยกยิ้มกว้างตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไร จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องสาวที่นั่งรถมาด้วยเป็นสาวคนสำคัญของเขา"เพ้นท์เอาขนมมาฝากพี่ๆ ด้วยค่ะ" ร่างบางยื่นขนมถุงใหญ่ให้เพ็ญนภาด้วยความสนิทสนม หลังจากที่ไม่ได้เฉียดมาที่วอร์ดนี้หลายอาทิตย์"ขอบใจนะน้องเพ้นท์ พี่ไปไม่เคยทันเค้กกล้วยหอมของคุณน้องสักที" เพ็ญนภายื่นมือรับด้วยความเต็มใจ โดยปกติใช่ว่าเธอจะรับของฟรีตลอด ตัวเธอเองรวมถึงพยาบาลในวอร์ดต่างติดใจขนมร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลกันหมด มักจะแวะเวียนไปอุดหนุนกันเป็นประจำ ถึงแม้หลังๆ มาหญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปก็ตาม แต่พอไปทีไรมักจะไม่ทันเค้กกล้วยหอมทุกที"นี่ไงคะ เพ้นท์แยกเอาไว้เลย ว่าแต่...หมอไทม์พักรึยังคะ" "พักแล้วจ้า เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เอง แหม ของหมอไทม์คนเดียวแต่ถุงใหญ่กว่าพวกพี่อีกนะ" รวีธารยกยิ้มเขินๆ กำลังจะคุยเล่นต่อระหว่างรอ แต่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังก่อน"คุณเพ้นท์""อ้าวหมอหมอก หมอพีร์ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายคนที่เดินยิ้มมาแต่ไกล แม้แต่หมอพีร์ที่ปกติจะเห็น
รับผิดชอบ?"ทำหน้าแบบนั้นคือจะไม่รับ?""ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ตกใจเฉยๆ" ทั้งงุนงง ทั้งตกใจเลยล่ะ จะให้ตอบยังไงละเนี่ย ที่ไปไล่ปล้ำผู้ชายแบบนั้น ดูแล้วตอบอะไรไปก็ผิด"...""คือ...ฉันปล้ำคุณสำเร็จไหม""!?""ฉันหมายถึง...เหมือนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย""ไม่รู้สึก!?" คนที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอ้าปากเหวอมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ไอ้ที่นัวเนียกันขนาดนั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วไอ้รอยแดงๆ นั่นอีก! เมื่อคืนครางรับเสียงสั่นขนาดนั้นเช้ามาบอกไม่รู้สึก!"คะ...คือฉันเมามาก" เธอรีบอธิบายเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา"ก็รู้ตัวนี่ว่าเมามาก""....""แล้วรู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนไปคนเดียว แถมเวลาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ไอ้ที่ที่คุณไปน่ะ ไม่มีใครเขาใสๆ คิดดีกันคุณหรอกนะ จ้องจะลากคุณกลับกันทั้งนั้นแหละ"พูดตรงๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน หนึ่งในนั้นที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียงก็คือตัวเขาเองนี่แหละรวีธารก้มน้างุดท่าทางสำนึกผิด นิ่งฟังคนมากประสบการณ์เทศนา"ระ...รู้""รู้แล้วยังไป?" เขาขึ้นเสียงสูงถามกลับทันที ทำไมถึงทำตัวได้น่าเป็นห่วงขนาดนี้นะ แล้วทำไมกูต้องห่วงด้วย! ธารณ์คิดอย่างหงุดหงิด"ขอโทษ..."
เสียงตั้งปลุกที่ตั้งอัตโนมัติดังแจ้งเตือนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ถึงแม้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าเพียงใดแต่ด้วยความเคยชินทำให้เจ้าของเตียงนอนกว้างต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นเหมือนทุกวัน เพื่อเตรียมตัวไปช่วยที่ร้าน เนื่องจากโดยปกติช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดรวีธารผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องที่ดูหนาวกว่าปกติ ไหนจะร่างกายที่ดูโล่งแปลกๆคนตัวเล็กก้มใบหน้ามองตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพร่างกายตนเองดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามหาสิ่งผิดปกติในร่างกายตนเองแต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ ตรงลำคอและเนินอก"เมื่อคืนไปนอนเมาให้ยุงกัดที่ไหนวะเนี่ย" คนที่รู้ว่าเมาแต่ไม่รู้ว่ากลับมายังไงเกาศีรษะอย่างมึนงง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพจำสุดท้ายคือเธอนั่งอยู่กับหมอไทม์..."หมอไทม์!" คนตัวเล็กอุทานเรียกชื่อคุณหมอหนุ่มเสียงดัง เมื่อเริ่มจะคิดอะไรบางอย่างออก คุ้นๆ ว่าเขาเป็นคนมาส่ง เธอขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟ ตามด้วยเธอเดินมึนๆ ไปหาน้ำให้เขากิน หลังจากนั้น....รวีธารมองสำรวจตัวเองอีกรอบ จำได้ว่าเธอกับเขานัวเนียกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก
"เสร็จแล้ว" ธารณ์มองผลงานตัวเองเมื่อเห็นว่าหลอดไฟที่เปลี่ยนไปไม่มีปัญหาอะไร จึงก้มบอกคนตัวเล็ก แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องที่เป็นคนขอให้เปลี่ยนหลอดไฟให้จึงก้าวขาลงจากเก้าอี้ทรงสูง ไม่รู้คนเมาจะไปป่วนที่ไหนอีกคนตัวสูงเดินเอาเก้าอี้บาร์ทรงสูงไปเก็บที่เดิม ก่อนจะเดินย้อนกลับมาตรงกลางห้อง ได้ยินเสียงกุกกักจากด้านหลังจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง เห็นคนตัวเล็กเดินถือแก้วน้ำมาให้ท่าทางมึนๆ จึงอดลอบหัวเราะในลำคอไม่ได้ ตัวเองเมาซะขนาดนั้นยังจะหาน้ำหาท่ามาให้อีก แล้วนี่ไม่รู้ว่าไปหาถึงไหน จนเขาเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะออกมา"น้ำค่ะ" เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี"ขอบคุ....เห้ย!" คนตัวสูงที่กำลังเอื้อมมือไปรับ ร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องสะดุดขาตัวเองพุ่งตัวมาหาเขาจนเสียหลัก พากันหงายหลังล้มตัวลงบนโซฟาทั้งคู่"คุณเป็นไรไหม" ธารณ์ขยับตัวจุกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่วงคนตัวเล็กที่นอนซบอยู่ด้านบน"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" รวีธารผละตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวไม่อยู่ทรุดตัวลงไปอีกรอบ"ไหวไหม" ธารณ์เอื้อมมือจับไหล่คนด้านบนช่วยประคองเธออีกแรง"หมอไทม์" คนตัวเล็กที่ทรงตัวได้แล้วแ
"นั่งดีๆ เพ้นท์" เสียงเข้มข้างหูทำให้เธอพยายามปรือตามอง เมื่อเห็นเป็นคนที่อยู่ในความคิดมาโดยตลอดก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ"หมอไทม์มาได้ไง" คนที่โดนถามคำถามนี้รอบที่สามถอนหายใจยาวหนักใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่ระวังตัวของคนที่นั่งข้างๆ ก็ยิ่งหงุดหงิด รู้ตัวไหมนั่น ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่ระวังตัวเอาซะเลย!"นั่งดีๆ ไม่งั้นจะปล่อยลงข้างทาง" คนตัวเล็กหน้างอบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนดุ ความรู้สึกที่โดนบิดาต่อว่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจปะทุในอก"จะว่าอะไรนักหนา คิดว่าจะทำอะไรกันก็ได้รึไง! อยากให้มีนักใช่ไหมผัวทียี่สิบคน""อะไรวะเนี่ย! เพ้นท์! ตื่นมาคุยกันก่อน" ธารณ์ยกมือกุมศีรษะอย่างอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ แล้วผัวยี่สิบคนนี่อะไรวะ?!ความจริงมันเริ่มจากการที่เธอโทรมาหา บอกว่าจะชวนมาดื่มด้วยกัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม โวยวายเสียงกรึ่มๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ใจแข็งไม่ยอมไปอยู่ดีจนได้รับสายอีกครั้ง คราวนี้เสียงเธอไม่ใช่แค่กรึ่มๆ แต่เมาเลยล่ะ ดูท่าจะเมาหนักซะด้วย! ความจริงเขาพยายามจะไม่สนใจ เพียงแต่ไม่บังเอิญไปได้ยินเสียงจากปลายสายคล้ายมีคนเข้ามาคุยด้วย'
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหญิงประจำบ้านดังออกมาจากห้องทำงาน รวีธารที่โดนตามตัวมาเช่นเดียวกันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปจึงเลือกที่จะหยุดตัวเอง ยืนรออยู่หน้าประตูแทนเสียงที่ดังออกมาใช่ว่าจะเบา เธอจึงได้ยินหมดว่าคนด้านในคุยอะไรกัน"พายไม่เอาเด็ดขาด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพายมาก่อน!""เขาอาจติดธุระก็ได้ ลองเจอกันอีกรอบไหม""ไม่! ป๊าไม่รู้หรอกว่าพายอายแค่ไหน มีแต่คนมองมาแปลกๆ""ไม่มีใครสนใจหรอก พายคิดมาก""ไม่คิดมากหรอกค่ะ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้พายนั่งรอเกือบชั่วโมง มาถึงก็ตัวเปล่า ไม่สนใจกันสักนิด ดอกไม้สักช่อมาขอโทษก็ไม่มี!""แล้วเขาได้พูดขอโทษไหม""พูด! แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ""ก็เขาขอโทษแล้วไง""ป๊า!""เขาอาจจะติดงานด่วนก็ได้ เลยมาถึงช้า""เขาก็ต้องบอกพายสิคะ!""ก็เราบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่ให้ป๊าบอกข้อมูล ถ้าเขาอยากรู้ต้องขอเอง""ป๊า! พายเป็นลูกป๊านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพายจะไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้น!" ปังรวีธารผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงเพรียวของพี่สาวที่เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง"แกมาทำไม?""ป๊าเรียก" เมื่อเรวิกาถามห้วนๆ เธอจึงตอบกลับห้วนๆ เช่นกัน