"เลี้ยวขวาตรงหน้านี้เลยค่ะ"
"หน้าไหน"
"หน้านี้ไงคะ ว๊าย! หมอไทม์เบาๆ หน่อยสิ!" คนตัวเล็กหันไปบ่นคนหลังพวงมาลัยที่ขับรถกระชากจนเธอหัวเกือบทิ่ม
"นี่คุณรู้หลักการบอกทางไหมเนี่ย ต้องบอกกันก่อนสิ แล้วนี่รู้ไหมก่อนจะเลี้ยวต้องเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าสามสิบเมตร" คนที่เพิ่งทำผิดกฎจราจรหันมาบ่นคนข้างกายน้ำเสียงหงุดหงิด มีอย่างที่ไหนคิดจะบอกตอนไหนก็บอก! ชักจะสงสัยแล้วว่าตอนอยู่บนท้องถนนเธอขับรถยังไง
"ก็ฉันดูแมพไม่เก่งนี่" เธอตอบกลับน้ำเสียงอ่อยๆ โชว์หน้าจอสมาร์ทโฟนให้เขาดู ยืนยันให้เขารู้ว่าเธอกำลังใจจดใจจ่อกับการดูแอพพลิเคชั่นนำทางอยู่
"เดี๋ยวนะ ทำไมทางกลับบ้านต้องดูแมพ?" ธารณ์ขมวดคิ้วถามกลับด้วยความมึนงง สังหรณ์ใจแปลกๆ
"อ้อ นี่ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ เพื่อนฉันบอกว่าอร่อยมากเลยนะ เชฟเขาเป็นคนญี่..."
"ไม่ไป" คนขับรถตอบกลับแทบจะทันที ทั้งที่เธอยังพูดไม่ทันจบ ก่อนจะเปลี่ยนเลนส์ชะลอจอดรถข้างทางหันมองคนข้างๆ สีหน้าเบื่อหน่าย
"แต่ฉันอยากเลี้ยงขอบคุณที่มาส่งไง" เธอให้เหตุผลเมื่อเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของเขา
"แค่คุณรีบบอกที่อยู่ผมก็ถือว่าแสดงน้ำใจมากแล้ว" รวีธารมองค้อนคนตัวสูงทันทีเมื่อเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากอยู่ใกล้เธอ
"หมอไทม์"
"บอกที่อยู่คุณมา" เขาย้ำเสียงเข้มอีกรอบ เบือนหน้าหนีไม่อยากสบตาแป๋วๆ ที่มองมา ไหนจะน้ำเสียงเศร้าๆ นั่นอีก
ความจริงหากเขาใจแข็งไม่เอ่ยทัก รีบขึ้นไปเอาของแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งลำบากใจแบบนี้ ไอ้เขามันก็พวกแพ้ทางผู้หญิงอ้อนซะด้วย แต่คนนี้เขาตั้งมั่นไว้แล้ว ว่าจะไม่ใจอ่อนด้วยเด็ดขาด
ลำพังแค่เป็นคนใกล้ตัวก็ลำบากใจพออยู่แล้ว นี่ดันเหมือนจะมีซัมติงอะไรบางอย่างกับเพื่อนเขาอีกด้วย
แบบนี้ต้องยิ่งหนีให้ไกล และห้ามใจอ่อนเด็ดขาด!
***************
"อร่อยไหมคะหมอไทม์" ธารณ์ที่กำลังจะตักหมูกรอบชิ้นสุดท้ายเข้าปากหยุดชะงักทันที ก่อนจะกระแอมเล็กน้อยดึงสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติหลังจากเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้แสดงท่าทางเอร็ดอร่อยจนเกินเหตุ
คำพูดที่เพิ่งบอกไปว่าไม่ชอบกินหมูกรอบ อดทำให้เขินไม่ได้ จนต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เขิน ไม่สบตาคนที่นั่งมองอยู่
"ฉันบอกแล้วว่าร้านนี้อร่อยคุณจะต้องชอบ" รวีธารอดยิ้มภูมิใจไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางถูกใจของคนตรงหน้า หลังจากที่เธอรบเร้ายังไงเขาก็ไม่ยอมไปสักที เธอจึงขอให้เขาช่วยจอดร้านอาหารริมทางก่อนถึงคอนโดที่เธอมักจะมากินประจำ
ทีแรกเขาตั้งใจจะรอในรถแต่เธออีกนั่นแหละที่อ้อนวอนขอให้เขาลงมาด้วย ก่อนจะสั่งข้าวหมูแดงผสมหมูกรอบมาให้ เหมือนเป็นการบังคับกินกลายๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจเมื่อเห็นเขากินจนเกลี้ยง
"ก็ดี" คนตัวเล็กยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเรียกเก็บเงินเมื่อกินกันจนอิ่มแล้ว
"ทั้งหมดร้อยสามสิบบาทค่ะ" คุณหมอหนุ่มเปิดกระเป๋าสตางค์เตรียมจ่ายเงินทันที แต่เมื่อเปิดดูมีเพียงบัตรเครดิตที่ติดกระเป๋าไว้ จึงเอ่ยถามพนักงานที่มาคิดเงินแทน
"โอนได้ไหมครับ"
"ที่ร้านไม่รับโอนค่ะ ยายแกทำไม่เป็น" ธารณ์มองไปยังคุณตากับคุณยายที่ยืนอยู่หน้าเตาก็พอจะเข้าใจได้ ไม่แปลกที่สองตายายจะไม่มีคิวอาร์โค้ดให้สแกน
"นี่ค่ะ" รวีธารยื่นธนบัตรให้พนักงานตามจำนวนค่าอาหาร
"ขอบัญชีคุณหน่อย" เขากดสมาร์ทโฟนในมือยิกๆ ตั้งท่าจะโอนเงินให้ตามที่ปากพูด
"ให้เป็นเบอร์แทนได้ไหมคะ" คนตัวเล็กหยอดกลับไปเมื่อเห็นท่าทางซีเรียสของเขา คงจะเปย์สาวจนเคยชิน พอมื้อนี้เป็นเธอจ่ายดูท่าทางจะไม่สบายใจ
"พร้อมเพย์มาสิ"
รวีธารทำหน้าเซ็งทันทีเมื่อผู้ชายไม่รับมุก แถมตั้งท่าจะโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ให้จริงๆ
"ฉันเลี้ยง"
"ไม่ต้อง เดี๋ยวก็ต้องเลี้ยงกันไปเลี้ยงกันมาอีก" คนที่ถนัดเปย์สาวยกเหตุผลขึ้นมาอ้างทันที ไม่ชินที่วันนี้สาวเป็นคนเปย์
"คุณก็มาอุดหนุนร้านฉันสิ"
"ทุกวันนี้ผมก็ทำแบบนั้นไม่ใช่รึไง" เขาซื้อคอร์สอาหารเธอเป็นรายอาทิตย์อยู่แล้ว ตัวเองเป็นคนขายแท้ๆ
"ไม่ใช่สิ คุณเล่นไม่ลงมาเลยนี่ ที่ร้านบรรยากาศดีนะคุณไม่ลงมาสูดอากาศบ้าง" เจ้าของร้านโฆษณาเต็มที่ให้เหยื่อติดกับ อุตส่าห์เฝ้ารอทุกวันเจ้าตัวก็ไม่มีวี่แววจะลงมา พอเธอขึ้นไปส่งก็ไม่ได้เจอ
เหมือนจังหวะชีวิตของเขาและเธอ ไม่ตรงกันสักที
"ไปเถอะ" แต่เหยื่อไม่เล่นด้วยตั้งท่าจะกลับลูกเดียว คนตัวเล็กเมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่ตื๊อต่อ รู้ว่าวันนี้เอาแต่ใจมากกว่าทั้งชีวิตรวมกันซะอีก ทำไงได้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมานั่งกินข้าวกับเขาแบบนี้อีกเมื่อไหร่
"คราวนี้บอกทางจริงๆ ได้แล้วนะ" คนที่สตาร์ทรถเรียบร้อยหันมาบอกเธอเสียงเข้ม กลัวจะเล่นแง่อีก
"ค่าาา เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงคอนโดแล้ว"
เมื่อเธอพูดดังนั้นเขาจึงขับไปตามทางที่เธอบอก พอพ้นแยกเลี้ยวซ้ายมาก็เจอคอนโดตามที่เธอบอกจริงๆ
"เดี๋ยวคุณเข้าช่องนี้นะคะ คราวหน้าค่อยเข้าช่องนั้น" เธอชี้ไปยังช่องทางเล็กๆ หลังจากผ่านทางเข้ามา รีบบอกให้เขาเบี่ยงไปอีกทางกลัวจะตามคันข้างหน้าไป
"ทำไม" คนตัวสูงถามกลับอย่างลืมตัว ไม่ได้เอะใจคำว่าครั้งหน้าที่เธอพูด
"ก็ช่องนี้สำหรับ visitor ส่วนช่องข้างหน้าสำหรับลูกบ้านที่นี่ ถ้าครั้งหน้าคุณย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วก็เลี้ยวช่องนั้นได้ค่ะ เอ๊ะ! หรือว่าคุณอยากเลี้ยววันนี้เลย"
"ถึงแล้ว" คนตัวเล็กเบ้ปากทันทีเมื่อคนข้างๆ แกล้งมึนไม่สนใจที่เธอพูด ทีวันนั้นจ้องแต่จะลากกันกลับห้อง!
"ขอบคุณนะคะ คุณดูง่วงๆ ขึ้นไปดื่มกาแฟบนห้องไหม" เจ้าของร้านกาแฟรีบเอ่ยชวนคุณหมอขึ้นห้องหน้าตาเฉย เอามุกที่เคยได้ยินบ่อยๆ มาพูดเผื่อฟลุ๊ค
"ผมตาสว่างมาก ตื่นสุดๆ"
แต่ดูแล้วคงไม่ได้ผล
"อะไรตื่นคะ!"
"ขึ้นห้องได้แล้ว" รวีธารหลุดหัวเราะทันทีเมื่อเขาส่งสายตาดุๆ มาให้ ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหมดนั่นแหละที่เธอพูดทะลึ่งไป แต่แกล้งมึนทำเป็นไม่รู้เรื่อง
คนตัวเล็กเดินไปจนถึงหน้าประตูทางเข้าล็อบบี้ หันหลังกลับไปมองยังเห็นเขาจอดรถอยู่ที่เดิม ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเอ่ยทักทาย รปภ. ที่ประจำการอยู่เหมือนที่ทำบ่อยๆ แล้วหันหลังกลับไปมองทางเดิมอีกรอบ พบว่าเขาเพิ่งถอยรถออกจากช่องไป
บางสิ่งในอกรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ แผ่ซ่าน ความใจดีโดยไม่รู้ตัวของเขากระทบหัวใจเธอจังๆ ขนาดปากบอกไม่สน ท่าทางรำคาญเธอขนาดไหน แต่ก็ยังใจดีอยู่เสมอ ทั้งพาเธอมาส่งบ้าน ระหว่างทางยอมแวะกินข้าวด้วย ไหนจะช่วยเป็นธุระเรื่องช่างมาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถให้อีก
เธอคิดว่ากำลังหลงเสน่ห์เขาหัวปักหัวปำเลยล่ะ
"คุณไทม์! เบาๆ สิคะ" เธอบ่นขึ้นเสียงดัง เมื่อเขาเอาแต่ออกแรงฉุดกระชากจนเธอจะเดินตามแทบไม่ทันเขาเหมือนไม่สนใจที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อย แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสความหงุดหงิดจากตัวเขาอยู่ดี"ขึ้นรถ" เขาเปิดประตูเพยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นรถ ในขณะที่คนตัวเล็กมองไปที่รถก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูง"คันนี้เหรอคะ" เธอชี้ไปที่รถคันหรูที่เขาเปิดประตูค้างอยู่อย่างไม่แน่ใจ"ทำไม?" รวีธารไม่ตอบอะไร มองไปที่รถอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่เขาหวง และปกติไม่ให้ใครขึ้นบรรยากาศในรถกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างจากวันแรกลิบลับ ที่เธอและเขาต่างหาเรื่องเพื่อคุยทำความรู้จักกัน รวีธารไม่รู้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร และยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าไอ้ที่โมโหลากเธอมาแบบนี้เพื่ออะไร แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆ ภาวนาให้ถึงคอนโดตัวเองเร็วที่สุดใช้เวลาไม่นานเขาก็เปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดตรงหน้า ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่คอนโดเขา!"คุณไทม์มาที่นี่ทำไมคะ?" รู้ว่าเป็นคำถาม
รวีธารไม่รู้แน่ชัด ถึงเจตนาของคนที่มานั่งอยู่ข้างกัน รู้แต่ว่าพอได้คุยด้วย เขาเป็นคนคุยสนุกเลยทีเดียว เธอเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเขาหลายรอบ จนไปๆ มาๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และคุยกับเขาอย่างสนิทสนม"คุณเขตต์นี่มีความแค้นส่วนตัวกับคุณไทม์รึเปล่าคะเนี่ย เผากันซะขนาดนี้" คนตัวเล็กอมยิ้มหยอกล้อกลับ เมื่อส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่เขามักจะเผาธารณ์ให้ฟัง"ผมแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหมั่นไส้""ทำไมละคะ" "ก็มันคงอยากจะเข้ามาหาคุณใจจะขาด" เขตต์ตอบกลับยิ้มๆ มองผ่านหลังเธอไป ส่วนเธอไม่คิดจะหันกลับไปมองตามที่เขาพูด"ไม่หรอกมั้งคะ" ปกติมีแต่จะหนีหน้ากัน ไม่มีทางหรอกที่เขาจะอยากเข้ามาหาเธอ"เชื่อผมสิครับ ไอ้หมอกการันตีมาขนาดนั้น" รวีธารเลือกที่จะมาคุยเรื่องเขาต่อ เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องทั่วไปแทน เพราะกลัวเขาจะเบื่อเหมือนกัน ลำพังการที่เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว สักพักข้อความจากเพื่อนสนิทก็แจ้งเตือนเข้ามา เธอเห็นว่าเลยเวลาที่รับปากกับเพื่อนมาสักพักแล้วจึงจัดการตอบแชทว่ากำลังจะกลับ แล้วหันมาเอ่ยลากับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีไม่ติดอะไร ก่อนจะแลกคอนแทกต์ก
คนที่มีคนรอต่อคิวเพียบยกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา หลังจากที่เขาบอกให้เธอมานั่งรอด้านในสักพัก คนตัวเล็กทยอยหยิบของออกจากถุงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"วันนี้ฉันเอาผลไม้มาเพิ่มให้คุณด้วย" เธอเอากล่องอาหารออกมาเรียงวางไว้"เอามาทำไมเยอะแยะ" คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากฟังคำพูดเพื่อนถามกลับตึงๆ"เผื่อช่วงบ่ายๆ คุณหิวไงคะ""ผมไม่ได้สั่งนี่ เมื่อไหร่จะเลิกเอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้สักที" คนที่มักจะส่งกาแฟมาให้เป็นประจำกะพริบตามองเขาอย่างมึนงง เมื่ออยู่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีโมโห"ถ้าอย่างนั้นคุณทานแค่นี้ก็ได้ค่ะ" เธอเก็บกล่องผลไม้กลับเข้าถุงตามเดิม ในขณะคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรแย่ๆ เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กทันที"คือ..ผมหมายถึงบางทีผมก็กินกาแฟมาแล้ว ส่วนช่วงบ่ายผมมีผ่าตัดคงไม่ได้กิน" เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ ธารณ์ถึงกับหลับตาถอนหายใจเมื่อตัวเองเผลอปากไม่ดีอีกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย"ค่ะ ขอโทษนะคะต่อไปฉันจะไม่เอาสิ่งที่คุณไม่ต้องการมาให้อีก" เธอเพิ่งรู้ว่าการที่เอากาแฟมาให้เขาทุกวันมันฝืนความรู้สึกขนาดนี้ บางทีใช่ว่าเขาจะชอบกาแฟร้านเธอสักหน่อยและสิ่งที
"พี่เพ็ญสวัสดีค่าาา""อ้าวน้องเพ้นท์หายไปนานเลย พี่นึกว่าตัดใจไม่อยากมาส่งข้าวให้หมอแถวนี้แล้ว" รวีธารยกยิ้มกว้างตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไร จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องสาวที่นั่งรถมาด้วยเป็นสาวคนสำคัญของเขา"เพ้นท์เอาขนมมาฝากพี่ๆ ด้วยค่ะ" ร่างบางยื่นขนมถุงใหญ่ให้เพ็ญนภาด้วยความสนิทสนม หลังจากที่ไม่ได้เฉียดมาที่วอร์ดนี้หลายอาทิตย์"ขอบใจนะน้องเพ้นท์ พี่ไปไม่เคยทันเค้กกล้วยหอมของคุณน้องสักที" เพ็ญนภายื่นมือรับด้วยความเต็มใจ โดยปกติใช่ว่าเธอจะรับของฟรีตลอด ตัวเธอเองรวมถึงพยาบาลในวอร์ดต่างติดใจขนมร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลกันหมด มักจะแวะเวียนไปอุดหนุนกันเป็นประจำ ถึงแม้หลังๆ มาหญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปก็ตาม แต่พอไปทีไรมักจะไม่ทันเค้กกล้วยหอมทุกที"นี่ไงคะ เพ้นท์แยกเอาไว้เลย ว่าแต่...หมอไทม์พักรึยังคะ" "พักแล้วจ้า เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เอง แหม ของหมอไทม์คนเดียวแต่ถุงใหญ่กว่าพวกพี่อีกนะ" รวีธารยกยิ้มเขินๆ กำลังจะคุยเล่นต่อระหว่างรอ แต่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังก่อน"คุณเพ้นท์""อ้าวหมอหมอก หมอพีร์ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายคนที่เดินยิ้มมาแต่ไกล แม้แต่หมอพีร์ที่ปกติจะเห็น
รับผิดชอบ?"ทำหน้าแบบนั้นคือจะไม่รับ?""ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ตกใจเฉยๆ" ทั้งงุนงง ทั้งตกใจเลยล่ะ จะให้ตอบยังไงละเนี่ย ที่ไปไล่ปล้ำผู้ชายแบบนั้น ดูแล้วตอบอะไรไปก็ผิด"...""คือ...ฉันปล้ำคุณสำเร็จไหม""!?""ฉันหมายถึง...เหมือนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย""ไม่รู้สึก!?" คนที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอ้าปากเหวอมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ไอ้ที่นัวเนียกันขนาดนั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วไอ้รอยแดงๆ นั่นอีก! เมื่อคืนครางรับเสียงสั่นขนาดนั้นเช้ามาบอกไม่รู้สึก!"คะ...คือฉันเมามาก" เธอรีบอธิบายเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา"ก็รู้ตัวนี่ว่าเมามาก""....""แล้วรู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนไปคนเดียว แถมเวลาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ไอ้ที่ที่คุณไปน่ะ ไม่มีใครเขาใสๆ คิดดีกันคุณหรอกนะ จ้องจะลากคุณกลับกันทั้งนั้นแหละ"พูดตรงๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน หนึ่งในนั้นที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียงก็คือตัวเขาเองนี่แหละรวีธารก้มน้างุดท่าทางสำนึกผิด นิ่งฟังคนมากประสบการณ์เทศนา"ระ...รู้""รู้แล้วยังไป?" เขาขึ้นเสียงสูงถามกลับทันที ทำไมถึงทำตัวได้น่าเป็นห่วงขนาดนี้นะ แล้วทำไมกูต้องห่วงด้วย! ธารณ์คิดอย่างหงุดหงิด"ขอโทษ..."
เสียงตั้งปลุกที่ตั้งอัตโนมัติดังแจ้งเตือนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ถึงแม้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าเพียงใดแต่ด้วยความเคยชินทำให้เจ้าของเตียงนอนกว้างต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นเหมือนทุกวัน เพื่อเตรียมตัวไปช่วยที่ร้าน เนื่องจากโดยปกติช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดรวีธารผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องที่ดูหนาวกว่าปกติ ไหนจะร่างกายที่ดูโล่งแปลกๆคนตัวเล็กก้มใบหน้ามองตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพร่างกายตนเองดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามหาสิ่งผิดปกติในร่างกายตนเองแต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ ตรงลำคอและเนินอก"เมื่อคืนไปนอนเมาให้ยุงกัดที่ไหนวะเนี่ย" คนที่รู้ว่าเมาแต่ไม่รู้ว่ากลับมายังไงเกาศีรษะอย่างมึนงง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพจำสุดท้ายคือเธอนั่งอยู่กับหมอไทม์..."หมอไทม์!" คนตัวเล็กอุทานเรียกชื่อคุณหมอหนุ่มเสียงดัง เมื่อเริ่มจะคิดอะไรบางอย่างออก คุ้นๆ ว่าเขาเป็นคนมาส่ง เธอขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟ ตามด้วยเธอเดินมึนๆ ไปหาน้ำให้เขากิน หลังจากนั้น....รวีธารมองสำรวจตัวเองอีกรอบ จำได้ว่าเธอกับเขานัวเนียกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก
"เสร็จแล้ว" ธารณ์มองผลงานตัวเองเมื่อเห็นว่าหลอดไฟที่เปลี่ยนไปไม่มีปัญหาอะไร จึงก้มบอกคนตัวเล็ก แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องที่เป็นคนขอให้เปลี่ยนหลอดไฟให้จึงก้าวขาลงจากเก้าอี้ทรงสูง ไม่รู้คนเมาจะไปป่วนที่ไหนอีกคนตัวสูงเดินเอาเก้าอี้บาร์ทรงสูงไปเก็บที่เดิม ก่อนจะเดินย้อนกลับมาตรงกลางห้อง ได้ยินเสียงกุกกักจากด้านหลังจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง เห็นคนตัวเล็กเดินถือแก้วน้ำมาให้ท่าทางมึนๆ จึงอดลอบหัวเราะในลำคอไม่ได้ ตัวเองเมาซะขนาดนั้นยังจะหาน้ำหาท่ามาให้อีก แล้วนี่ไม่รู้ว่าไปหาถึงไหน จนเขาเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะออกมา"น้ำค่ะ" เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี"ขอบคุ....เห้ย!" คนตัวสูงที่กำลังเอื้อมมือไปรับ ร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องสะดุดขาตัวเองพุ่งตัวมาหาเขาจนเสียหลัก พากันหงายหลังล้มตัวลงบนโซฟาทั้งคู่"คุณเป็นไรไหม" ธารณ์ขยับตัวจุกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่วงคนตัวเล็กที่นอนซบอยู่ด้านบน"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" รวีธารผละตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวไม่อยู่ทรุดตัวลงไปอีกรอบ"ไหวไหม" ธารณ์เอื้อมมือจับไหล่คนด้านบนช่วยประคองเธออีกแรง"หมอไทม์" คนตัวเล็กที่ทรงตัวได้แล้วแ
"นั่งดีๆ เพ้นท์" เสียงเข้มข้างหูทำให้เธอพยายามปรือตามอง เมื่อเห็นเป็นคนที่อยู่ในความคิดมาโดยตลอดก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ"หมอไทม์มาได้ไง" คนที่โดนถามคำถามนี้รอบที่สามถอนหายใจยาวหนักใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่ระวังตัวของคนที่นั่งข้างๆ ก็ยิ่งหงุดหงิด รู้ตัวไหมนั่น ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่ระวังตัวเอาซะเลย!"นั่งดีๆ ไม่งั้นจะปล่อยลงข้างทาง" คนตัวเล็กหน้างอบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนดุ ความรู้สึกที่โดนบิดาต่อว่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจปะทุในอก"จะว่าอะไรนักหนา คิดว่าจะทำอะไรกันก็ได้รึไง! อยากให้มีนักใช่ไหมผัวทียี่สิบคน""อะไรวะเนี่ย! เพ้นท์! ตื่นมาคุยกันก่อน" ธารณ์ยกมือกุมศีรษะอย่างอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ แล้วผัวยี่สิบคนนี่อะไรวะ?!ความจริงมันเริ่มจากการที่เธอโทรมาหา บอกว่าจะชวนมาดื่มด้วยกัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม โวยวายเสียงกรึ่มๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ใจแข็งไม่ยอมไปอยู่ดีจนได้รับสายอีกครั้ง คราวนี้เสียงเธอไม่ใช่แค่กรึ่มๆ แต่เมาเลยล่ะ ดูท่าจะเมาหนักซะด้วย! ความจริงเขาพยายามจะไม่สนใจ เพียงแต่ไม่บังเอิญไปได้ยินเสียงจากปลายสายคล้ายมีคนเข้ามาคุยด้วย'
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหญิงประจำบ้านดังออกมาจากห้องทำงาน รวีธารที่โดนตามตัวมาเช่นเดียวกันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปจึงเลือกที่จะหยุดตัวเอง ยืนรออยู่หน้าประตูแทนเสียงที่ดังออกมาใช่ว่าจะเบา เธอจึงได้ยินหมดว่าคนด้านในคุยอะไรกัน"พายไม่เอาเด็ดขาด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพายมาก่อน!""เขาอาจติดธุระก็ได้ ลองเจอกันอีกรอบไหม""ไม่! ป๊าไม่รู้หรอกว่าพายอายแค่ไหน มีแต่คนมองมาแปลกๆ""ไม่มีใครสนใจหรอก พายคิดมาก""ไม่คิดมากหรอกค่ะ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้พายนั่งรอเกือบชั่วโมง มาถึงก็ตัวเปล่า ไม่สนใจกันสักนิด ดอกไม้สักช่อมาขอโทษก็ไม่มี!""แล้วเขาได้พูดขอโทษไหม""พูด! แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ""ก็เขาขอโทษแล้วไง""ป๊า!""เขาอาจจะติดงานด่วนก็ได้ เลยมาถึงช้า""เขาก็ต้องบอกพายสิคะ!""ก็เราบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่ให้ป๊าบอกข้อมูล ถ้าเขาอยากรู้ต้องขอเอง""ป๊า! พายเป็นลูกป๊านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพายจะไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้น!" ปังรวีธารผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงเพรียวของพี่สาวที่เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง"แกมาทำไม?""ป๊าเรียก" เมื่อเรวิกาถามห้วนๆ เธอจึงตอบกลับห้วนๆ เช่นกัน