ศรัญยืนหน้าตึงอยู่ข้างพิงค์มิรา หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมสวยที่แต่งตัวราวกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นระดับโลก แต่ท่าทีหงุดหงิดของเธอทำให้ความงามนั้นดูมีไฟ ไฟที่พร้อมจะเผาเขาทั้งเป็น
“ยิ้มหน่อยเดี๋ยวแม่กับน้องสาวฉันจะเข้าใจผิดว่าเธอไม่เต็มใจ” ศรัญพูดเสียงเรียบแต่หางเสียงเหมือนเยาะเย้ย
“ฉันก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณป้าเท่านั้นค่ะ ไม่ได้หวังอะไรอย่าเข้าใจผิด” พิงค์มิราปรายตามองอย่างไม่แยแส
“คงดีใจมากล่ะสิที่ครอบครัวฉันชอบเธอ อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่กรุณาเรียกฉันแบบให้เกียรติด้วย” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้กระซิบชิดหู
“ฉันไม่อยากเรียกเหมือนเดิมเพราะฉันไม่ใช่คนเดิม อยู่ให้ห่างจากฉันด้วย” เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานแบบที่เต็มไปด้วยพิษ
“เรียกร้องความสนใจ” เขาหงุดหงิดไม่รู้ว่าเพราะอะไรพิงค์มิราเปลี่ยนไปมาก จนเขาสัมผัสได้ว่าเธอทำแบบที่ปากพูดจริงๆ
สายตาของทั้งสองปะทะกันอย่างแรงบ้าง เย็นชาอย่างตั้งใจบ้าง ราวกับแข่งกันว่าใครจะประชดได้เจ็บกว่ากัน
“ฉันไปเอาไวน์” เขาพูดลอยๆ ก่อนจะก้าวเดินออกจากกลุ่มคนในงาน ทิ้งพิงค์มิราไว้กลางแสงไฟกับเสียงดนตรี และเธอก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้เดินตาม แต่ก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาเช่นกัน
“แปลกจังเนื้อเรื่องก็เป็นไปตามที่เราเขียน แต่ทำไมศรัญดูเปลี่ยนไป” เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาควรจะไปตามตื๊อพราวฟ้าสิไม่ใช่มาตัวติดกับเธอ
“อยู่นี่เอง” เสียงนานาดังขึ้นพร้อมกับมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเคียงคู่กันมา
“เกรซไม่ได้เจอกันนานเลย” เขาส่งยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ พร้อมกับแววตาที่ดูเหมือนเขินอายเล็กอาย
“ชานนท์เหรอ?” หญิงสาวชะงักนิดหนึ่ง นิยายชานนท์คนที่แอบชอบพิงค์มิรา ในนิยายเขาเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษและขาดการติดต่อไป ทำไมถึงมีแต่คนหล่อรอบตัวเธอ
เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกของความจริง โลกใบนี้คือนิยายที่เธอเป็นคนเขียน แต่เธอแน่ใจว่าความรักของศรัญไม่ใช่สิ่งที่ควรเสี่ยงอีกต่อไป หากติดอยู่ในโลกนี้ตลอดไปอย่างน้อยควรจะมอบความรักในกับคนที่คู่ควร
“คิดว่าจะจำเราไม่ได้” ชานนท์พูดแก้เขินเพราะเขาแอบชอบพิงค์มิรามานานแล้ว
ความนิ่งของชานนท์ความอบอุ่นในแววตาเขา และความเป็นมิตรแบบที่ไม่ต้องพยายาม มันต่างจากศรัญที่มีแต่การปะทะ การพูดจาประชดประชัน และทำให้หัวใจเธอปั่นป่วนเกินควบคุม
บางทีการลงหลักปักฐานกับชานนท์ เพื่อนที่ไม่เคยทำให้เธอร้องไห้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ไปเรียนหรือไปไหนไม่ติดต่อมาบ้างเลยว่าแต่ นนท์ยังโสดอยู่ใช่ไหม?”
“จะตัดใจจากพี่ชายฉันเหรอ” นานาไม่เชื่อในสิ่งพิงค์มิราถาม ชานนท์ตามจีบพิงค์มิรามาตั้งนานแต่เพื่อนไม่ยอมรับรัก
“โสดมากทำไมหรือว่าจะหาคู่ให้?” แดนเลิกคิ้วพูดขำๆ
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเจ็บซ้ำจากคนเดิมๆ ก็ได้” เธอตอบพลางยกแก้วขึ้นจิบไวน์
คำพูดนั้นทำให้นานากับชานนท์มองหน้ากันงงๆ แต่พิงค์มิราไม่อธิบายเธอแค่ยิ้ม แล้วหันมาสบตาชายหนุ่มอีกครั้งอย่างแน่วแน่กว่าเดิม
และที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง ศรัญที่เพิ่งกลับเข้ามาพร้อมแก้วไวน์ในมือก็เผลอชะงักก้าว เมื่อเห็นภาพนั้นพอดีแถมได้ยินชัดทุกประโยคที่พิงค์มิราถามผู้ชายคนนั้น
“ผู้หญิงส่ำส่อน เห็นผู้ชายก็รีบโปรยเสน่ห์” เขาหงุดหงิดกำลังจะเดินหลบออกไปนอกงาน แต่ถูกแม่ตัวเองเรียกให้ไปสัมภาษณ์พร้อมกับพิงค์มิรา ทำให้เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณศรัญคะ คืนนี้คุณมาคู่กับพิงค์มิรามีข่าวลือว่าคุณกำลังคุยๆ เรื่องหมั้นหมายกับคุณพราวฟ้าจริงหรือเปล่าคะ?” นักข่าวสาวคนหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงแฟลช
ศรัญยังไม่ทันตอบนักข่าวชายอีกคนก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเสียดสี
“แต่ก็มีข่าวว่าคุณพิงค์มิราเพิ่งพาผู้ชายขึ้นคอนโดไม่ใช่เหรอครับ? แถมผู้ชายคนนั้นยังมีแฟนอยู่แล้วด้วย คุณศรัญคิดยังไงกับข่าวนี้ หรือว่าความสัมพันธ์แค่นี้คุณรับได้? แล้วกับคุณพราวฟ้าล่ะครับ”
พิงค์มิราชะงักเล็กน้อยสีหน้าสงบนิ่งพยายามไม่แสดงความตกใจ แต่แววตาของเธอไหววูบริมฝีปากเม้มแน่น
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดแฟลชหยุดลงชั่วคราวเหมือนทุกคนรอคำตอบจากศรัญ เขาหรี่ตามองนักข่าวคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ก่อนอื่นผมขอพูดในฐานะคนมีสติครับ ไม่ใช่แค่ข่าวลืออะไรก็เชื่อทันทีโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง และถ้าจะถามว่าผมจะเลือกใคร” ศรัญหยุดไปชั่วอึดใจ แล้วหันมามองพิงค์มิรานานพอให้กล้องทั้งหมดหันตาม
“เรื่องงานหมั้นหมายอะไร ไม่ทราบว่าคุณเอามาจากไหนหรือแหล่งข่าวที่ไหนปล่อยมา”
“อึก...คือ” นักข่าวไม่กล้าตอบ
เสียงแฟลชดังขึ้นอีกครั้งราวกับพายุ นักข่าวเริ่มถามกันอื้ออึง แต่ศรัญยกมือขึ้นเป็นเชิงขอจบการสัมภาษณ์
หญิงสาวยังคงยืนตรง ไม่พูดอะไรสีหน้าไม่แน่ใจว่าอึ้ง ตื้นตัน แปลกใจที่ศรัญปกป้องพิงค์มิรา ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“ขอบใจที่พูดแบบนั้นแม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม”
“คราวหลังจะยุ่งหรือพาใครขึ้นคอนโดเลือกคนที่เขาไม่มีพันธะหน่อยก็ดี คราวก่อนเมียเขาเกือบฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ” ศรัญนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดเบาๆ พอให้ได้ยินแค่สองคน
“ฉัน...ขอบคุณที่เตือนคราวหลังจะเลือกให้ดีกว่านี้” เธอจะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่แบบนั้น แต่ไม่อยากแก้ตัวเพิ่งให้สัมภาษณ์แท้ๆ ว่าไม่เชื่อข่าวลือ
“ฉันจะบอกให้นะ...” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิงค์มิรา เหมือนเกิดไฟฟ้าสถิตหัวใจของเขาเต้นระรัวแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนจะรีบละสายตาและรีบตัดบท
“ฉันฟังอยู่ค่ะ” เธอตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี
“เธอเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลทำอะไรก็อายบรรพบุรุษบ้าง”
“มีชาติตระกูล? ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว” เธอพูดเบาๆ เพราะตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในมือของศรัญแล้ว เหลือแค่ว่าเขาจะไล่เธอออกจากบ้านเมื่อไรแค่นั้น แต่ในนิยายคือตอนจบพิงค์มิราไม่เหลืออะไรจริงๆ แม้แต่ชีวิตตัวเอง
.
พราวฟ้าหญิงสาวหน้าสวยจัดจ้านในชุดเดรสสีแดงเพลิง ยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธจัด ปากเม้มแน่นขณะถือโทรศัพท์แนบหู มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูด
“ฉันไม่สนว่าเธอจะทำยังไง แต่คืนนี้ทำให้มันมีข่าวฉาวเข้าใจมั้ย? เอาให้คุณศรัญเกลียดมันไปเลย” เสียงพราวฟ้าเครียดจัด น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่แข็งกร้าว
เสียงปลายสายพูดอะไรบางอย่างที่เธอฟังไม่ถนัดนัก เพราะหัวใจเต้นแรงเกินจะจับคำ
“แค่ทำให้มันเสียชื่อพอ ข่าวมันจะดังเร็วพอถ้ามันมีอาการแปลกๆ กลางงานเชื่อฉันสิแม่ของเขาต้องเกลียดมันแน่” มืออีกข้างของเธอกำสร้อยข้อมือแน่นจนสั่น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงอย่างคนใกล้จะขาดสติ
พราวฟ้าเดินเข้าไปในงานโดยที่ไม่มีใครเชิญมาสักคน และศรัญไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเรื่องนี้ หญิงสาวส่งยิ้มให้นักข่าวเบาๆ และเดินมุ่งหน้าไปหาเป้าหมาย
พิงค์มิราที่ยืนอยู่กับนานาเห็นพราวฟ้าเข้ามาในงาน จนต้องขมวดคิ้วเพราะในรายชื่อไม่มีนางเอกสาวคนนี้มาร่วมงานด้วย
เหตุการณ์นี้ไม่มีในเนื้อเรื่องหลักที่ถูกเพิ่มขึ้นมาเพราะพิงค์มิราเปลี่ยนไปทำให้ตัวละครของเธอเปลี่ยนไปตาม
“สวัสดีค่ะคุณนานา” พราวฟ้าเลือกไม่ทักทายพิงค์มิรา แสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็น
“ใครเชิญเธอมา” นานาตอบกลับทันที
“ทำไมไม่ถามพี่ชายคุณดูล่ะ” พราวฟ้ากลัวว่านานาจะไปตามศรัญจริงๆ พยายามยิ้มสู้เข้าไว้
“ในการ์ดไม่ได้ให้พี่ศรัญไปชวนใครเลยเธอโกหก” นานาเสียงแข็งพร้อมจะเอาเรื่องกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“นานาอย่าเสียงดังไปใครอยากจะมาก็ปล่อยเขาไปเถอะ” พิงค์มิราเริ่มปวดหัวขึ้นมา ทำไมพราวฟ้านิสัยเปลี่ยนไปมากขนาด เธอเริ่มเดาเรื่องต่อจากนี้ไม่ถูกเพราะไม่มีเนื้อหาในนิยาย
ตัวละครของพราวฟ้าเริ่มมีความริษยาของตัวร้ายขึ้นมานั่นเพราะตั้งแต่วันที่ทิชามาที่นี่ เนื้อเรื่องก็ได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
“พราวขอตัวไปหาคุณศรัญก่อนนะคะ” หญิงสาวเดินเชิดหน้าไปหน้าตาเฉย ไม่สนและไม่แคร์ใครส่งยิ้มทักทายทุกคนที่มองมาที่เธอ
“ยัยบ้านี่”
“ฉันไปคุยกับชานนท์ก่อนนะ”
นานามองเพื่อนที่กำลังยืนคุยกับชานนท์แบบออกรส พร้อมมองไปที่พี่ชายตัวเองที่มีพราวฟ้าตามติด ทำตัวเหมือนกับเป็นคนรักแต่ความจริงคือไม่ใช่
‘ผมเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วครับ’
พราวฟ้าก้มอ่านข้อความก่อนจะยิ้มมุมปากและมองไปที่พิงค์มิรา ที่แรกกะแค่ว่าจะวางยาเล่นๆ คราวนี้เธอจะให้พิงค์มิรามีอะไรกับผู้ชายที่เธอหาไว้เพื่อสร้างข่าวเสียหาย
“คุณพราวมากับใครครับ”
“อ่อ...พราวมากับเพื่อนค่ะ” เธอหน้าเสียเมื่อเขาถามไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะผู้จัดการไม่ได้มาด้วย
“ไม่รู้ว่าเกรซมีอะไรดีผู้ชายถึงหลงขนาดนี้”
“...” ศรัญไม่ตอบเขาหันไปมองพิงค์มิรา เขากำแก้วไวน์แน่นจนมันจะแหลกคามือ และเห็นเหมือนผู้ชายคนนั้นกำลังลูบศีรษะของหญิงสาว
เคล้ง
“ว้าย คุณศรัญเลือด!” พราวฟ้าตกใจเมื่อแก้วไวน์ในมือของเขาแตกจนบาดลึกลงไป
“ไม่เป็นไรครับผมขอตัวไปทำแผลก่อน” เขาหลีกหนีจากภาพนั้น แก้วที่บาดมือไม่ทำให้เขาเจ็บเลยสักนิด แต่รู้สึกคันยุกยิกที่หน้าอกข้างซ้ายแทน
พิงค์มิราสะบัดผมเดินออกจากสตูดิโอถ่ายแบบอย่างเหนื่อยล้า เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กไลน์ ก็เห็นข้อความเดิมๆ จากศรัญช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานให้หมดเพราะอีกไม่กี่เดือนจะถึงวันสำคัญของเธอกับเขา“เลิกงานยัง”“กินข้าวรึยัง”“คิดถึงนะ แต่ไม่ต้องสนใจก็ได้เหมือนเดิม”เธอถอนหายใจเบาๆ เธอรู้ว่าเขางอน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกงานเข้ามาทุกวัน ไหนจะดูแลห้องเสื้อที่เป็นหุ้นส่วนกับนานาอีก ไหนจะเตรียมงานแต่งอีกแต่พอเดินถึงลานจอดรถ เธอกลับพบว่ารถของตัวเองหายไป“อะไรเนี่ย!”แล้วทันใดนั้นรถตู้สีดำก็มาจอดเทียบตรงหน้า ประตูก็เปิดออกก่อนที่เธอจะตั้งตัว“ว้าย เดี๋ยวอ๊ะ!” เสียงร้องตกใจของหญิงสาวขาดห้วง เมื่อใครบางคนคว้าเธอเข้าไปในรถและปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว“พี่ศรัญ” เธอเบิกตากว้าง มองคนตรงหน้าในชุดลำลอง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“ไงคนทำแต่งานเกรซไม่มีเวลาว่างให้พี่ใช่ไหม? งั้นพี่ขอขโมยเวลาหน่อยก็แล้วกัน” เขาเอนหลังพิงเบาะอย่างสบายๆ“บ้าเหรอนี่มันลักพาตัวนะ”“ก็ใช่ ลักพาตัวว่าที่เจ้าสาวของตัวเองผิดตรงไหน” เขายักไหล่“พี่จะพาเกรซไปไหน!” เธอมองเขาตาเขียวเขายิ้มไม่ตอบ แต่รถก็เคลื่อนตัวออกไปแล้วเรียบร้อยสองชั่วโมงต่อ
หลังจากที่ใช้เวลานับเดือนในกองถ่าย ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายทั้งความเครียดความเหนื่อย และการทุ่มเททุกวินาทีให้กับบทบาทนางร้าย พิงค์มิราในชุดเดรสสีดำเรียบหรู ก้าวออกมาจากรถพร้อมรอยยิ้มกว้าง สะท้อนความโล่งใจและความสุขที่ยากจะซ่อนเธอไม่ได้มาคนเดียวข้างๆ คือผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลเธอมาตั้งแต่เริ่มต้นในวงการ พร้อมกับทีมงานทั้งหมดค่ำคืนนี้พวกเขานัดฉลองที่ผับชื่อดังกลางเมือง วิวด้านนอกเป็นแสงไฟระยิบระยับของตึกสูง และเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ดังสอดแทรกมากับเสียงดนตรีเบาๆ“ในที่สุดก็จบจริงๆ แล้วนะ” พิงค์มิราพูดพร้อมยกแก้วขึ้น ก่อนทุกคนจะชนแก้วกันเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง“ใครบอกจะหยุดแค่เรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวบทใหม่ก็มาอีกแน่ ดูสิยิ่งเล่นยิ่งปังนะน้องเกรซ” แววที่แม้จะเป็นผู้จัดการจอมเข้ม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาหยีพิงค์มิราหัวเราะเบาๆ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย และอาจจะมีเศษเสี้ยวของความคิดถึง เพราะการถ่ายทำเรื่อง “อย่ารักนางร้าย” ไม่ได้เป็นแค่ผลงานอีกชิ้น แต่มันคือบทพิสูจน์ตัวตนในอีกแง่มุม ที่เธอเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะรักมันได้มากขนาดนี้“เกรซครับพี่ขอชนแก้วหน่อย” กวินพระเอกของเรื
“ปล่อยฉันนะ! ไอ้พวกโง่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” เสียงโวยวายของพราวฟ้าดังลั่นตำรวจสองนายจับแขนเธอแน่นพราวฟ้าสะบัดสุดแรง แต่ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งแน่น หญิงสาวมองไปที่ศรัญที่ยืนอยู่ไม่ไกล“อีเกรซ! มึงมันก็แค่ตัวดีแต่ขายหน้าตามัวแต่เกาะผู้ชายรวยอีเลว!”เขายืนขึ้นเต็มความสูง แววตาเยือกเย็นริมฝีปากตึงแน่น เขาก้าวเข้าไปหาพราวอย่างช้าๆ ท่ามกลางตำรวจที่ยังจับตัวเธอไว้“เธอลักพาตัวทำร้ายผู้หญิงคนเพื่อหวังจะให้เกรซมีตำหนิ ที่แย่ที่สุดคือเธอกล้าทำกับเกรซ ทั้งที่เธอไม่เคยทำผิดอะไรกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”“ถุย” พราวฟ้าถ่มน้ำลายลงพื้น“หึ เพราะแกมันโง่ถึงหลงผู้หญิงแบบนั้น ก็ให้มันดูแลแกไปเถอะ เดี๋ยวก็โดนสวมเขาอีสวยแค่เปลือก!”ศรัญมองเธอด้วยแววตาเย็นเยือก สะกดความโกรธไว้เต็มที่มือกำแน่น แล้วเขาก็หยิบปืนพกของตัวเองออกมา ตำรวจรีบกรูเข้าห้ามทันที“ออกไปรอข้างนอก” สารวัตรเจตต์ไล่ลูกน้องออกไปรอด้านนอกพราวฟ้าชะงักนิ่งไปชั่วขณะ เหมือนความจริงเพิ่งกระแทกเข้ามาเต็มแรง ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะยกปืนขึ้นขู่เธอเพื่อปกป้องอีกคน“มึงไม่กล้ายิงกูหรอกไอ้ศรัญไอ้เฮงซวย”“เธอไม่สำนึกจริงๆ” เสียงพิงค์มิราดังขึ้นเพราะเธอเบื่อจะมองหน้า
ศรัญดึงพิงค์มิรามากอดไว้แน่น เขาไม่อยากให้เธอออกไปไหนเลยในวันนี้“อยู่กับพี่ได้ไหมวันนี้” เสียงทุ้มของเขาแผ่วเบา แต่หนักแน่นพอจะหยุดทุกจังหวะของหัวใจเธอได้ “เป็นอะไรคะ” เธอชะงัก มือที่กำลังจะหยิบกระเป๋าชะงักกลางอากาศ เธอหันมามองเขา ดวงตากลมโตไหวระริกเขาไม่ตอบในทันที แค่ก้มหน้าซบลงกับไหล่เธอแขนทั้งสองข้างรัดแน่นขึ้นอีกนิดราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป“ไม่รู้สิ วันนี้แค่รู้สึกไม่ดีไม่อยากให้ไปไหนเลย” เขาพูดเบาๆ ตรงกับหัวใจตัวเองที่สุดหญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ความดื้อดึงที่เคยมีกลับแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนเมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นจากเขา เธอค่อยๆ วางกระเป๋าลง หันมากอดเขาตอบมือเรียวลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ“ไปไม่นานค่ะมีงานเปิดตัวสินค้า พี่แววใกล้มาถึงแล้วเกรซต้องไปแล้วค่ะ” เธอหอมแก้มเขาทั้งซ้ายและขวา และจูบปากเบาๆ ก่อนจะผละออก“เฮ้ออ รีบกลับมานะ” ทำไมวันนี้เขาไม่สดชื่นเลยอาจจะคิดมากเกินไปเรื่องพราวฟ้า เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้หญิงสาวคิดจะทำอะไรต่อ ตอนที่ออกมาจากคอนโดเขาเห็นแววตาที่เคียดแค้นของพราวฟ้าพิงค์มิรานั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ขณะช่างแต่งหน้ากำลังเกลี่ยรองพื้นลงบนผิวเนียนละเอียดของเธออย่าง
ห้องนั่งเล่นคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่กลับไม่มีอะไรสามารถดับความร้อนรุ่มในอกของพราวฟ้าได้ เธอนั่งกอดอกอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ จ้องภาพศรัญที่กำลังแถลงข่าวอย่างใจจดใจจ่อใบหน้าเธอแสดงอารมณ์ทุกอย่างพร้อมกัน ทั้งโกรธเจ็บใจ และเหนือสิ่งอื่นใดกลัว เมื่อเขาพูดชัดถ้อยชัดคำว่าเธอกับเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ และปฏิเสธข่าวการตั้งครรภ์ของเธอออกสื่อระดับประเทศ พราวฟ้าถึงกับเขวี้ยงรีโมตลงพื้นอย่างแรง“ไอ้ศรัญ! มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง มึงเป็นคนมาให้ความหวังกูก่อนทำเหมือนรักสุดท้ายก็ไปรักอีเกรซ” เสียงร้องด้วยความโกรธดังก้องอยู่ในห้อง แต่ไม่มีใครได้ยินไม่มีใครสนใจ เธอชอบเขาก็จริง ถ้าหากเขาไม่เข้ามาให้ความหวังเธอจะรักเขาถึงขนาดนี้หรือเธอหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดโซเชียลอย่างร้อนรน หวังจะเห็นคนยังอยู่ข้างเธอ ยังให้กำลังใจ แต่สิ่งที่เธอเห็นคือข่าวพาดหัวจากหลายเพจดัง“ใบรับรองแพทย์แท้งลูกของพราวฟ้า อาจเป็นของปลอมหมอเจ้าของชื่อไม่เคยออกเอกสารดังกล่าว”“คลิปหลุดเบื้องหลังแถลงข่าวพราวฟ้า ‘ซ้อมร้องไห้’ กับทีมงานก่อนขึ้นเวที”พราวฟ้าเบิกตากว้างมือสั่น เธอกดเข้าไปดูคอมเมนต์อย่างควบคุมตัวเองไม
“พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าพราวฟ้าต้องการอะไรเพราะพี่ปฏิเสธไปแล้ว หรือแค่ใช้ข่าวนี้เป็นเครื่องมือพี่ไม่อยากปรักปรำใครถ้าไม่มีหลักฐาน แต่มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงข้อเดียวพี่รักเกรซไม่ใช่พราวฟ้า”คำพูดนั้นเหมือนหยุดลมหายใจของทั้งสองคน พิงค์มิราหลุบตาลงต่ำ น้ำเสียงเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ“เกรซเหนื่อยมาก เกรซผ่านช่วงที่แย่ที่สุดของชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง และเกรซไม่คิดว่าจะต้องย้อนกลับไปเจอแบบนั้นอีก” ตอนจบของเรื่องหวังว่าศรัญจะรักพิงค์มิราตลอดไป“พี่รู้ว่าเกรซเสียใจพี่จะทำทุกอย่างให้ชัดเจน” เขากระซิบเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปลูบผมเธออย่างอ่อนโยน เขาหยุด ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดหนักแน่น และมั่นคงกว่าเคย“พี่จะไม่ให้เกรซเป็นคนที่ต้องยืนรับความผิดทั้งหมดอีกต่อไป”เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ เห็นประกายในแววตาของศรัญที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาของคนที่เลือกแล้ว“พี่ศรัญจะทำอะไรคะ”“พี่จะออกแถลงข่าวเอง และจะพูดทุกอย่างความจริงทั้งหมด ทั้งเรื่องกับพราวฟ้าเรื่องข่าว หรือแม้แต่เรื่องหัวใจของพี่” เขายิ้มบางๆ และบีบมือเธอเบาๆ“เพราะตั้งแต่วินาทีนี้พี่จะไม่ยอมเสียเกรซไปอีก”เธอถึงกับร้องไห้ออกมาโผล่เข้ากอดเขา วันนี้รับรู้ถึงความอบ