Beranda / วาย / อลวนกวนเลิฟ / ตอนที่ 3.1 อาตี๋น้อย

Share

ตอนที่ 3.1 อาตี๋น้อย

Penulis: babybearry
last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-30 00:32:18

          รถหรูวิ่งเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ บานประตูรถสีดำเงาถูกเปิดออก ร่างเพรียวของหญิงสาวรีบก้าวลงจากรถโดยเร็ว เธอเชิดหน้าขึ้นมองดูบรรยากาศโดยรอบ เฟยหลงที่เตรียมจะก้าวเท้าลงก็พลันชะงัก ชายหนุ่มเห็นว่าอีกคนเอายืนบื้อไม่ยอมขยับสักที ด้วยความหงุดหงิดเขาจึงก้าวลงไปยืนเบียดร่างเล็กตรงหน้า

          “เฮีย! ไม่เห็นรึไงว่าอั๊วยืนอยู่”

          “เห็น แต่อั๊วจะเดิน หลบดิ๊เกะกะว่ะ” มือแกร่งยื่นไปดันหัวน้องสาวไม่แรงนัก แต่ก็พอจะทำให้ผมของเธอเสียทรงได้

          “ทรงผมของอั๊ว! อั๊วจะฟ้องเตี่ย!”

          เหล่าลูกน้องเมื่อเห็นทรงผมไม่เป็นทรงของหญิงสาว ก็เผลอหลุดขำออกมา ทว่าก็ต้องรีบเอามือปิดปากฉับพลัน เมื่อถูกสายตาอาฆาตส่งมา

          “หัวเราะหาเตี่ยอั๊วรึไง?!”

          สิ้นเสียงเล็กแหลมที่ตวาดขึ้น เสียงจามของคนในบ้านก็ดังขึ้นทันที เฉียบและพวกสมุนถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลังจากร่างเพรียวของหงส์หยกเดินจากไป ก็เปรียบดั่งยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก

          “ข้าว่าบ้านนี้ไม่สงบอีกต่อไปแน่พวกเอ็ง บรึ๋ยย”

          หงส์หยกเดินเข้าไปโผลกอดผู้ให้กำเนิดด้วยความคิดถึง จมูกเล็กกดลงบนแก้มที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัยอย่างแผ่วเบา “เตี่ยย คิดถึงเตี่ยมากเลย”

          “น้อย ๆ หน่อยเถอะ ก่อนหน้านั้นอั๊วยังเห็นลื้อบ่นอยากกลับจีนอยู่เลย”

          ดวงหน้าสวยหันมาตอบกลับอย่างไม่ยอมจำนนเช่นเดียวกัน เปรียบได้ว่าทั้งเธอและพี่ชายเป็นไม้เบื่อไม้เมาย่อมไม่ผิด ถ้าวันไหนไม่ได้เลาะฝีปากกัน ดูเหมือนชีวิตจะขาดแสงสีทีเดียว

          “อาหมวย!”

          “เมื่อไหร่พวกลื้อจะเลิกทะเลาะกันสักที รอเตี่ยตายก่อนรึยังไง”

          เสียงทรงอำนาจพูดขึ้นแทรกขัดบทสนทนาของทั้งคู่ อยู่นู่นก็ตีกัน มาอยู่นี่ก็ยังทะเลาะกันอีก ยิ่งคิดว่าในทุก ๆ วันจะต้องมาเจอสงครามน้ำลายของสองพี่น้องคู่นี้ เขาเห็นแววว่าตัวเองต้องเป็นประสาทแน่นอน

          “เตี่ยอย่าพูดแบบนี้สิ อั๊วไม่ชอบ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา นัยน์ตาวูบไหวชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม

          เมื่อรู้ว่าตนพูดอะไรออกไป จึงเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกสาวคนเล็ก

          “เตี่ยขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกไม่ดี”

          บ๊อก บ๊อก เสียงเห่าของลูกสุนัขดังขึ้น บรรยากาศชวนอึดอันก่อนหน้าพลันสลายหายไป ก้อนขนปุยวิ่งดุ๊กดิ๊กส่ายหางไปมา ก่อนจะหยุดตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ

          “อาตี๋น้อยมาพอดีเลย” ชายวัยกลางคนก้มตัวอุ้มก้อนขนปุยขึ้นมานั่งบนตัก

          “อาตี๋น้อย? นี่อั๊วไม่อยู่แค่ไม่กี่ปีเตี่ยก็พาลูกใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านแล้วหรอ” เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความไม่พอใจ นัยน์ตาคมกริบดั่งเหยี่ยวจ้องมองก้อนอึตรงหน้า เห็นแค่นี้ก็รับรู้ได้ถึงความรักที่มันได้รับไปจากเตี่ย ไหนจะเรียกว่าตี๋น้อยอีก!

          “ไร้สาระน่าอาตี๋”

          เฟยหมิงปรามลูกชายไม่จริงจังนัก มือหยาบลูบก้อนขนนุ่มบนตักไม่ปล่อย

          “เตี่ย มันชื่ออะไรหรอ น่ารักมากเลยอะ” หญิงสาวมองลูกสุนัขเบื้องหน้าด้วยแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู อยู่ที่จีนเธอไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงเลยสักตัว จึงตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตน่ารัก ๆ ตรงหน้า

          “ชื่อตี๋น้อย เตี่ยตั้งให้คล้องกับตี๋ใหญ่”

          “แล้วไหนตี๋ใหญ่ล่ะ” เสียงเล็กถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

          “นั่นไง” เฟยหมิงตอบกลับ และชี้ไปยังร่างสูงของคนที่ยืนกอดอกแง่งอนเบื้องหน้า

          “ฮ่า ฮ่า ฮ่า อั๊วไม่รู้นะเนี่ย ว่าพี่ชายของตี๋น้อยจะเป็นเฮีย” หญิงสาวถึงกับขำพรืดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ท่าทางแบบนั้นมันอะไรล่ะนั่น ใบหน้าขาวเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง แล้วคนที่เลาะฝีปากกับเธอก่อนหน้านี้หายไปไหนกัน ทำไมถึงเห็นแต่เด็กน้อยแสนแง่งอนยืนบิดตัวไปมา

          ร่างสูงหน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย เขารีบเดินหนีสองพ่อลูกกับหนึ่งก้อนอึตรงหน้าทันที ฝากไว้ก่อนเถอะ เขาจะต้องทวงแหน่งลูกชายที่รักของเตี่ยกลับมาให้ได้ ส่วนไอ้ก้อนอึนั่นก็เตรียมย้ายบ้านได้เลย!

          ตี๋น้อย : “…”

          ภายในครัวสไตล์โมเดิร์น กลิ่นหอมของเครื่องเทศลอยคลุ้งทั่วห้อง เชื้อเชิญให้ใครบางคนแอบย่องเข้ามาลอบดมกลิ่นอย่างห้ามไม่ได้ แค่ได้กลิ่นก็ชวนน้ำลายสอยแล้ว

          “วันนี้พี่จะทำอะไรกินหรอ?”

          เสียงทางด้านหลังเรียกความสนใจจากน่านฟ้าได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กผละมืออกจากวัตถุดิบแล้วหมุนตัวหันมาหาเจ้าของเสียง เขายกยิ้มก่อนจะตอบกลับไป “แกงจืดกระดูกหมูอ่อนน่ะ”

         “โห นี่มันเมนูโปรดของน้ำเลย พี่นี่รู้ใจจังเลยน้า”

          “มะเหงกนี่ ได้ข่าวว่าไปแว้นรถกับพวกไอ้เปี๊ยกอีกแล้วนะแกน่ะ ทำไมไม่ถอดน้ำมันเครื่องออกมากินด้วยเลย” เขาเอ็ดน้องชายที่วัน ๆ เอาแต่แอบออกไปซิ่งรถเล่นกับพวกเพื่อน ๆ กว่าจะกลับบ้านก็บ่ายคล้อยจวนค่ำ

          มันน่าโดนเนรเทศออกจากบ้านเหมือนละครหลังข่าวภาคค่ำจริง ๆ

          “แหมพี่ก็ วัยรุ่นก็แบบนี้แหละน่า ช่วงอยากรู้อยากลอง” เด็กหนุ่มรีบแย้งขึ้น

          “แล้วอยากลองไปนอนอยู่โรงบาลสักเดือนไหมฮะ”

          คนมีชนักติดหลังถึงกับไปต่อไม่เป็น ยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ คิดหาคำเถียงไม่ออกเพราะมันเป็นความจริง ทำได้เพียงยิ้มแหยะตอบกลับไป

          “ไม่รู้แหละ พรุ่งนี้แกต้องตื่นแต่เช้าไปช่วยพวกลุงมิ่งเก็บองุ่น แล้วตอนสายไปเป็นเด็กรถช่วยขนของต่อ” น่านฟ้ามอบหมายหน้าที่ส่งต่อให้กับน้องชายด้วยเสียงจริงจัง เขาไม่เคยบังคับน้องชายให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่อีกคนกลับละเลยสิ่งที่ควรทำ เขาในฐานะที่เป็นพี่ชายก็ต้องคอยควบคุมพฤติกรรรม เพื่อไม่ให้ไม้อ่อนกลายเป็นไม้แก่เสียก่อน

          “เอาจริงดิ ไม่ทำได้ไหมเนี่ย” สีหน้าหดหู่ปรากฏบนใบหน้าเด่นหรา เจ้าตัวรับรู้ได้เลยว่าเวลาแห่งความสุขกำลังสั้นลงทุกที

          เพราะครั้งนี้พี่ชายของเขาเอาจริงแน่นอน!

          “ได้สิ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม หากมีเพียงประโยคเดียวคงจะดูน่าฟัง ทว่าประโยคหลังดันดับฝันของคนฟัง ให้สลายหายไปราวกับหมอก “แต่เตรียมเก็บเสื้อผ้าเน่า ๆ กับกางเกงในขาดเป้าของแกไปอยู่กับไอ้เปี๊ยกได้เลย!”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 11.1 ไม่เจอกันนานคิดถึงจังเลย

    ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวจากทิศตะวันออก กระทั่งย้ายไปอยู่ตำแหน่งเหนือศีรษะ ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆบดบัง แสงเหลืองอมส้มทอประกายลงมาบนพื้นผิวด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ส่งผลให้ชายผิวแทนถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก แต่กลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ เพราะดูเหมือนตอนนี้ผู้เป็นนายอารมณ์เสียผิดปกติ เฉียบลอบมองชายหนุ่มผิวขาวราวหยวกเป็นระยะ ทว่าเวลาโดนสายตาคมคู่นั้นมองกลับก็รีบเบือนหน้าหนี“เฮ้ย ลื้อเป็นอะไร?” เฟยหลงทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม เขาเห็นอีกคนเดี๋ยวก้มเดี๋ยวเงย เห็นแล้วเวียนหัวหัวแทน “คนนะเว้ยไม่ใช่ปลาทอง มองอยู่ได้”“แหมเสี่ย ถึงจะมองเสี่ยก็ไม่ท้องหรอกน่า”“เดี๋ยวปั๊ด ฮึ่ย” เฟยหลงยกแขนขึ้นทำท่าจะเหนี่ยวใส่อีกคน ก่อนจะเก็บแขนกลับเข้าที่เดิม เขาทำท่างฮึดฮัดเหมือนไม่มีอะไรดั่งใจเลยสักอย่าง“โธ่...วันนี้เสี่ยเป็นอะไร ทำไมใส่อารมณ์แปลก ๆ แล้วไหนจะพาผมมายืนตากแดดตากลมอยู่หลังร้านด้วย เป็นอะไร๊ เป็นอะไร” ถ้าพามายืนหลบแดดเขาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เล่นยืนอาบแดด เหงื่อไม่ไหลไคลไม่ย้อยก็ให้มันรู้กันไป“อั๊วไม่ได้ใส่อารมณ์”“งั้นแปลว่าเสี่ยมีอารมณ์”“ใช่ เฮ้ย ไม่ใช่!” เฟยหลงหันไปถลึงตาใส่คนด้านข้าง หัวเขา

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 10.2 ที่ทำลงไปเพราะใจสั่งมา

    “เอาน่า รอบหน้าถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะลูก แม่ไม่อยากให้ฟ้ามีปัญหา ดูท่าแล้วคงเป็นลูกคนมีสตางค์แน่นอน” รตีทำหน้าเป็นกังวลอยู่กลาย ๆ เธอเพียงเป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนทำร้าย ทุกวันนี้เงินมันมีค่ามากกว่าความเป็นคนเสียอีก“ครับแม่ ฟ้าเองก็ไม่อยากมีปัญหาหรอกครับ” ยิ่งคนมีสตางค์แต่ไม่มีสติแบบหมอนั่น ไม่รู้ว่ารอดมาถึงทุกวันนี้แบบครบ32ประการได้ยังไงข้าวจ้าวมองเพื่อนสนิทแล้วก็พูดขึ้นมาแทบจะทันควัน นาน ๆ ทีจะได้พูดแซวกลับบ้าง เพราะส่วนมากเป็นเขาที่โดนแซวเสียมากกว่า จังหวะดี ๆ แบบนี้ข้าวจ้าวจะพลาดได้อย่างไรเล่า “โบราณว่าเกลียดอะไรระวังได้แบบนั้นนะเว้ย”“อ๋อหรออออ เหมือนแกกับวินใช่ไหมล่ะ”“เหมือนนรกกับสวรรค์อะบอกเลย” ยิ่งคิดภาพว่าจากที่ตีกันมาจู๋จี๋กันมันไม่ได้! ไม่ได้แบบขีดเส้นผ่าชัด ๆ “กูยอมเป็นโสดจนตายดีกว่าได้กับมัน”“จ้า จำคำนี้ไว้แล้วกัน อย่าให้เห็นว่าลับหลังแอบไปนอนกอดกันบนเถียงนาน้อย” น่านฟ้าพูดแซวอีกคนกลับ ขณะเดียวกันก็กอดซบแม่ของตนด้วยท่าทางออดอ้อนน่าเอ็นดู“เรานี่นะ แกล้งน้องไม่พอยังจะแกล้งเพื่อนอีก ดูหน้าหนูจ้าวซินั่น”ใบหน้ายับยู่ยี่ของชายหนุ่มผมแดงเบื้องหน้า สร้างรอยยิ้มให้กับสองแม่ลูกไ

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 9.2 คงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำชาติที่ผ่านมา

    “น้ารตี! ผมเอาแตงโมมาฝากครับ” ข้าวจ้าวชูถุงแตงโมขนาดใหญ่ในมือ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาสองแม่ลูกที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้าน“อ้าวหนูข้าวจ้าว มากับใครจ๊ะ”รตีวางของในมือลง แล้วรับแตงโมมาจากเด็กหนุ่มรุ่นลูก“มาคนเดียวครับ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดี”“น้ากำลังเตรียมทำมื้อเที่ยงพอดีเลย รอเอากลับไปกินที่บ้านด้วยสิจ๊ะ”“จะดีหรอครับ ผมเกรงใจ” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวพลางยิ้มส่งไป“ทำไมจะไม่ดีล่ะลูก ถ้างั้นเดี๋ยวน้าเอาแตงโมไปปั่นมากินเลยดีกว่า” เธอก้มมองแตงโมในมือแล้วระบายยิ้มเล็กน้อย ตามด้วยร่างสันทัดของหญิงวัยกลางคนลุกเดินเข้าไปในบ้าน จึงทำให้บนแคร่เหลือเพียงน่านน้ำแทน“ครับ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ” ข้าวจ้าวทรุดตัวนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับคนอายุน้อยกว่า มือเรียวได้รูปหยิบตะกร้าสีขาวด้านหน้ามาสานต่ออีกแรง ขณะเดียวกันก็ชวนเด็กหนุ่มคุยไปด้วย “ไงเรา พี่อยู่บ้านรึเปล่า”“ไม่อยู่ครับ พี่ฟ้าไปทำงานในตลาดนู้น”“อ้าว แล้วไปนานรึยัง” พักหลังมาเขาไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนบ่อยเท่าไหร่พอได้ยินข่าวคราวก็ย่อมเกิดความอยากรู้เป็นธรรมดา“พึ่งไปได้สี่วันเอง แล้วพี่มาทำอะไรแถวนี้หรอ?”“พอดีเอาของมาให้คนรู้จัก

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 10.1 ที่ทำลงไปเพราะใจสั่งมา

    ภาพของไร่องุ่นขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เฟยหลงและหงส์หยกเดินตามหลังหญิงวัยกลางคนเข้าไปด้านในไร่ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นองุ่นเรียงรายกันเป็นแถว ผลองุ่นสีเขียวอ่อนตัดกับสีม่วงเข้ม ประกอบกับบนท้องฟ้าประดับด้วยเมฆก้อนเล็ก ๆ สีขาวนวล สภาพอากาศปลอดโปร่งทำให้มองเห็นวิวภูเขาชัดเจน เจ้าของเรือนร่างอรชรกวาดสายตามองทิวทัศน์โดยรอบ ใบหน้านวลฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาของเธอดูสดใสมีชีวิตชีวาเฟยหลงลอบสูดอากาศบริสุทธิ์ นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวหันมองซ้ายขวาด้วยความสนใจ เจ้าของไร่มองทุกอย่างได้อย่างเฉียบขาด ไม่ได้ดีแค่ทำเลโดยรอบ แต่พื้นผิวของดินก็ยังดีอีกด้วย องุ่นทุกต้นนอกจากจะผ่านวิธีการดูแลเบื้องต้นแล้ว ดินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของมัน ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้“เสี่ย” เฉียบเอ่ยเรียกเจ้านายเสียงเบา“เสี่ยดูองุ่นพวกนี้สิ น่ากินทั้งนั้นเลย” ชายหนุ่มผิวแทนว่าแล้วก็จ้องพวงองุ่นที่ย้อยลงมาอย่างไม่วางตา มีแต่ลูกใหญ่ ๆ น่ากินทั้งนั้น คิดแล้วก็อยากเด็ดกินสักลูก ถ้าเป็นองุ่นดองก็ยิ่งน่ากิน จิ้มกับพริกเกลือทีนึงถอดจิตขึ้นสวรรค์ได้เลย“อยากกินก็ซื้อ” เฟยหลงตอบแบบขอไปที ทั้งไม่ได้หันไปมองอีกคนด้วยซ้ำ“แหม เสี่ยจะจ่ายให้เฉี

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 9.1 คงเป็นเวรกรรมมที่ฉันเคยทำชาติที่ผ่านมา

    จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้สองพี่น้องพร้อมกับคู่ขาอย่างเฉียบได้มายืนอยู่หน้าร้านขนส่ง น่านฟ้ายังคงทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ได้สนใจสายตาสามคู่ที่กำลังมองมา เฟยหลงเห็นอีกคนมองข้ามพวกตนเหมือนเป็นวิญญาณพลันรู้สึกฉุนฉิว เขาออกจะโดดเด่นขนาดนี้มองข้ามไปได้ยังไง ตาไม่ถึงจริง!“อีกนานไหม น้องสาวอั๊วรอนานแล้ว” คนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง พร้อมกับวางมาดใส่เป็นนัยน์ว่าให้อีกคนรีบไปได้แล้วน่านฟ้าขมวดคิ้วหันไปมอง ก่อนจะหันกลับไปเช็คของในมือต่อ“ถามไม่ได้ยินรึไง” เฟยหลงยังคงถามย้ำอีกคน“ถ้ารีบมากไม่ไปตั้งแต่เมื่อวานล่ะครับคุณ” ถึงแม้คนตัวเล็กจะยอมตอบกลับไป แต่เขาก็ไม่ได้ผินหน้าขึ้นมองคู่สนทนาเลยสักนิด เสมือนพูดกับอากาศแล้วก็จบลงที่ความเงียบอีกเช่นเคย“นี่!” ร่างสูงราวร้อยเก้าสิบเดินอาด ๆ เข้าไปยืนจังก้าเบื้องหน้าเจ้าของเรือนผมบลอนด์ ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนที่เตี้ยกว่า เขากำลังจะอ้าปากพูดแต่ดันช้ากว่าอีกฝ่าย ที่จู่ ๆ ก็พูดโพล่งออกมา“หลบหน่อย เกะกะ”ชายหนุ่มลูกครึ่งถึงกับกลืนคำพูดลงแทบจะไม่ทัน“เฮีย ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเฮียเลยนะ” ร่างอรชรของหงส์หยกรุดเดินข้ามายืนเทียบข้างพี่ชาย เธอมองผู้เป็นพี่สล

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 8.2 ครั้งที่สี่นี่ไม่ควร

    “มานี่สิ” ศักดิ์ชัยกระดิกนิ้วเรียกลูกชายพายุลอบถอนหายใจแล้วเข้าไปหาผู้กุมบังเหียนของบ้าน บุคคลที่เขาไม่เคยต่อต้านได้เลยสักครั้ง เมื่อเดินไปถึงชายหนุ่มก็ถูกกดตัวลงกับพื้นจากด้านหลัง เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็นรูปปั้น เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนกระทำแบบนี้“แกบอกว่าฉันขังแกเหมือนกับนกในกรงงั้นหรอ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ” เขาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าลูกชายตนเอง ไม่ได้แยแสหรือสนใจสักนิด ว่าอีกคนจะทำหน้าตายังไง “นกที่โดนขังไว้ในกรง ถ้ามันไม่ตายมันก็ออกไปจากกรงไม่ได้ หรือถ้าเจ้าของมันตาย มันก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี”“เพราะชีวิตของมันถูกกำหนดมาแล้ว... ว่าต้องตายอยู่ในกรงเท่านั้น”“เข้าใจที่พ่อพูดไหมพายุ?”นัยน์ตาคมแดงก่ำ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด ความรู้สึกในใจพังยับเยินไม่เป็นชิ้นดี“ไปแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ ได้เวลาทำหน้าที่ในฐานะลูกชายของฉันแล้ว”“ครับพ่อ...” เขาเค้นเสียงพูดผ่านไรฟันชายหนุ่มร่างแบบบางยืนมองโรงสีขนาดใหญ่ตรงหน้า รถคันใหญ่เทียวเข้าเทียวออกวนเวียนไปมา เขายืนอยู่หน้าทางเข้าได้สักพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกลังเล ราวกับถ้าก้าวขาข้างใดข้างหนึ่งไป จะมีเรื่อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status