หน้าหลัก / แฟนตาซี / ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ / บทที่15 เตรียมความพร้อมปราบวิญญาณร้าย

แชร์

บทที่15 เตรียมความพร้อมปราบวิญญาณร้าย

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 11:07:06

เมื่อหย่งฟางกับหยูถังมาถึงโรงแรม หนิวลี่และซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็นั่งอยู่ในบริเวณด้านล่าง หนิวลี่กำลังจับมือของซ่งเสี่ยวฮุ่ยและปลอบโยนให้คลายเศร้า 

หย่งฟางมองเห็นไอสีดำบนหน้าผากของซ่งเสี่ยวฮุ่ย เธอรีบทัก “ขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่า”

หนิวลี่จึงนำทุกคนขึ้นลิฟต์ ใช้บัตรเพื่อไปยังห้องหนึ่งบนชั้นสูงสุด เมื่อเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่หย่งฟางทำคือวางแผ่นป้ายของเทพเจ้าไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจัดเตรียมเครื่องหอมและเทียนที่นำมาให้เรียบร้อย

“คุณเสี่ยวฮุ่ย มานี่สิ” หย่งฟางเอ่ยเรียก

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยเดินเข้ามาใกล้ และหย่งฟางจุดธูปสามดอก แล้วหมุนวนรอบหน้าผากของเธอสามรอบ กลิ่นธูปทำให้หน้าผากคุณนายรู้สึกปวดตึง แต่ในขณะที่ธูปวนรอบที่สอง ความรู้สึกนั้นก็ถูกขจัดออกไปทันที ศีรษะของเธอรู้สึกโปร่งสบายและหน้าผากก็อบอุ่นขึ้น

หย่งฟางวนธูปสามรอบแล้วจึงนำธูปออกไป เมื่อเห็นว่ามีไอสีดำบนหน้าผากของซ่งเสี่ยวฮุ่ยถูกขจัดออกไป จึงเสียบธูปกลับไปที่กระ

หย่งฟางจับมือของซ่งเสี่ยวฮุ่ย แล้วนั่งลงพร้อมกับหนิวลี่และหยูถัง 

“เล่าได้แล้ว เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อหย่งฟางจับมืออุ่นๆ ของคุณนายซ่งไว้ น้ำตาของหล่อนก็เริ่มคลอเบ้า และเล่าเรื่องราวด้วยเสียงสะอื้น หล่อนมีลูกชายคนเดียว เนื่องจากเป็นการแต่งงานแบบธุรกิจ จึงไม่มีความรู้สึกกับสามี แต่กลับทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกชาย ทว่าด้วยความพยายามของหล่อน ลูกชายเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ลูกชายของหล่อนกลับบ้านทันทีหลังจากเลิกงาน และเข้าห้องนอนตอน 20.00 น. ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ “ปกติ” แต่เธอรู้สึกว่าแปลก ยกเว้นเวลาที่ต้องไปทำงานนอกสถานที่ ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ต้องโทรไปเตือนให้ลูกชายกลับบ้านในช่วงดึก หล่อนรู้จักนิสัยของลูกชายตัวเองดี

ก่อนหน้านี้ได้ยันต์มาสองแผ่นจากหย่งฟาง และกล่าวเตือนลูกชายให้พกติดตัวตลอดเวลา ลูกชายของหล่อนตอบตกลงอย่างดี แต่ในอีกไม่กี่วันถัดมา เขายังคงแสดงท่าทาง “ปกติ” ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรู้สึกสบายใจขึ้น คิดว่าลูกชายอาจจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้วจึงเริ่มวางใจ

อย่างไรก็ตามในช่วงสองวันที่ผ่านมา สังเกตเห็นว่าลูกชายมีสีหน้าแย่ลงอย่างมาก แก้มของเขายุบลงเล็กน้อย และใต้ตาของเขามีรอยคล้ำมาก เหมือนกับคนที่ถูกดูดพลัง ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติ จึงถามเขาไปสองสามคำถาม แต่เขากลับโกรธจัด ทุบแจกันแตกไปสามใบ และเกือบจะทำร้ายหล่อน

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยน้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “ฉันเป็นแม่ของเขา…เขากล้าจะทำร้ายฉันได้ยังไง!”

หยูถังและหนิวลี่ลูบหลังของเธอเพื่อปลอบใจ

หลังจากร้องไห้เสร็จ ซ่งเสี่ยวฮุ่ยปรับอารมณ์แล้วเล่าต่อ “หลังจากนั้น เขาก็ออกจากบ้านไป ฉันจึงสอบถามจากเพื่อนๆ และลูกน้องของเขา พวกนั้นบอกว่าเขาไม่ได้ไปเจอกันนานแล้ว ลูกน้องที่บริษัทก็พูดว่า ช่วงนี้เขามีอารมณ์แปรปรวนมาก โกรธง่าย โดยเฉพาะกับพนักงานหญิง พนักงานหลายคนร้องไห้เพราะเขา ซึ่งเมื่อก่อนเขาเป็นคนที่มีความเมตตาและไม่เคยทำแบบนี้ อีกอย่างลูกน้องยังบอกด้วยว่า บางครั้งเขาจะพูดคุยกับใครบางคนในห้องทำงาน แต่ไม่ใช่การพูดโทรศัพท์ หลังจากนั้น ฉันก็เลยเข้าไปตรวจสอบห้องของเขา และพบว่าเขาไม่ได้พกของที่หย่งฟางให้ไปเลย มันถูกทิ้งอยู่ที่มุมลิ้นชัก แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ…”

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยตัวสั่นเทิ้ม “ทั้งสองแผ่นนั้นดำจนมองไม่เห็นลวดลาย ยกเว้นแค่ตรงกลางที่ยังมองเห็นว่ามันเคยเป็นแผ่นพับ เมื่อฉันหยิบมันขึ้นมา มันก็สลายกลายเป็นเถ้าทันที”

เมื่อได้ยินว่าแผ่นพับกลายเป็นเถ้าดำ หยูถังและหนิวลี่ต่างก็รู้สึกขนลุกไปทั่ว ซ่งเสี่ยวฮุ่ยน้ำตาไหลอีกรอบ ถามด้วยความกลัว “อาจารย์หย่ง นี่เป็นเรื่องร้ายแรงไหม คุณช่วยลูกชายฉันได้ไหม?”

หย่งฟางพูดอย่างสงบ “เมื่อครู่นี้ฉันกำลังช่วยขจัดไอดำ ที่เกาะอยู่บนหน้าผากของคุณออกไป ถ้าคุณอยู่บ้านตลอดไม่ได้ไปที่อื่น นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้ 90% ที่ลูกชายของคุณได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่ปกติ และพาไอดำกลับมาบ้าน คุณกับเขามีการสัมผัสตัวกันจึงติดไอดำมาด้วย”

หย่งฟางคิดถึงการทำนายครั้งก่อนของซ่งเสี่ยวฮุ่ยที่วัด “ลูกชายของคุณอยู่บ้านไหม ฉันอยากไปดูเขาหน่อย” เธอต้องการตรวจสอบให้แน่ชัด ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับแฟนสาว ที่เขาคบอยู่หรือมีสิ่งอื่นที่แอบแฝงกันแน่

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยส่ายหน้า “เขาไปทำงานแล้วค่ะ”

"งั้นไปที่บ้านคุณก่อน รอเขากลับมา" หย่งฟางลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว "คุณนายทั้งสองไม่ต้องไปหรอก" เพราะคนธรรมดามักจะหวาดกลัวได้ง่าย

หยูถังคิดจะโต้แย้ง แต่ถูกหนิวลี่กดมือไว้ "อาจารย์หย่ง ให้พวกเราไปด้วยกันเถอะค่ะ พวกเราอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับคุณแน่นอน และอีกอย่างเสี่ยวฮุ่ยก็ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนด้วย"

หยูถังถลึงตาใส่เพื่อน

หนิวลี่ทำปากขยับเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน "ที่บ้านเสี่ยวฮุ่ยมีเรื่องขนาดนี้ยังไม่ยอมบอกพวกเรา ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าอาจารย์หย่งจัดการกับปัญหาอย่างไร"

หยูถังถอนหายใจ "เธอควรจะขอพรให้บ้านเธอไม่เจอเรื่องแบบนี้นะ ถ้าอยากซุบซิบมาก ระวังจะโดนเอง"

หย่งฟางได้ยินการสนทนาลับๆ ของพวกหล่อน แต่ไม่ใส่ใจนัก มองไปที่ซ่งเสี่ยวฮุ่ย ซึ่งใบหน้าซีดเซียว มือสั่นเล็กน้อย

"ถ้าพวกคุณไม่กลัว งั้นไปด้วยกันเถอะ" หย่งฟางแจกยันต์ให้ทั้งสามคน "เก็บไว้ดีๆ อย่าให้หาย"

หลังจากเตือนพวกเขาแล้วก็เริ่มคำนวณดวงชะตา เมื่อเสร็จเรียบร้อย หย่งฟางก็เผยรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก เป็นดวงชะตาที่โชคดีมาก ยิ่งกว่าดวงชะตาของครอบครัวฉู่ ที่เธอเจอเมื่อครั้งก่อนเสียอีก แสดงว่ามีเหตุการณ์ดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น!

เมื่อคราวที่แล้วที่จัดพิธีแต่งงาน ก็ยังไม่พบว่าจะมีเหตุการณ์ดีๆ แต่แค่มีโชคลาภเล็กน้อย ครั้งนี้จะมีเรื่องดีอะไรเกิดขึ้นกันนะ?

หย่งฟางอดไม่ได้ที่จะสงสัย

อย่างไรก็ตาม ดวงชะตาก็เตือนเธอว่า อาจจะมีอุปสรรคบางอย่าง แนะนำให้นำสิ่งของบางอย่างติดตัวไปด้วย  สองในนั้นคือเลือดสุนัขดำและไม้พู่ปัดเป่า เธอเข้าใจเกี่ยวกับเลือดสุนัขดำว่ามีไว้เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี

แต่ไม้พู่...ไม่ใช่สิ่งที่ใช้สำหรับการทำพิธีอวยพร หรือสวดมนต์เหรอ?

แม้เธอจะไม่เข้าใจแต่ก็คิดว่าจะพกติดตัวไปด้วย เครื่องมืออื่นๆ ที่จำเป็นก็มีครบแล้ว ยกเว้นเลือดสุนัขดำ

"ใครบ้างที่สะดวกไปซื้อเลือดสุนัขดำ ที่ร้านบนถนนชางผิงเลขที่ 48 แล้วส่งไปที่บ้านของเสี่ยวฮุ่ย" หย่งฟางเงยหน้าขึ้นถาม

"ฉันเอง" หนิวลี่กล่าวแล้วก็เริ่มกดโทรศัพท์

หย่งฟางเริ่มเลือกเครื่องมือที่จำเป็น ทั้งสามคนมองดูเธอหยิบสิ่งนี้สิ่งนั้นติดตัวไปด้วย

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยอดถามไม่ได้คุณนายฉู่ไม่ได้ "ตอนอาจารย์หย่งไปที่บ้านเธอ ก็ทำแบบนี้ด้วยไหม?"

หยูถังนึกถึงตอนนั้น หย่งฟางมีแค่กระเป๋าผ้าใบ แต่ไม่อยากบอกความจริงจึงพยักหน้า "อืม"

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก "ในเมื่อเป็นแบบนี้ บ้านเธอยังได้รับการแก้ไขปัญหาได้ บ้านฉันก็ต้องได้รับการแก้ไขได้เหมือนกัน"

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม หย่งฟางสะพายกระเป๋าผ้าสองใบแล้วลุกขึ้น "ไปกันเถอะ"

คนที่ไปซื้อเลือดสุนัขดำก็มาถึงหน้าบ้านของซ่งเสี่ยวฮุ่ยแล้ว หย่งฟางมองไปยังวิลล่าส่วนตัวที่มีไอสีดำบางๆ คลุมอยู่ด้านบน ซ่งเสี่ยวฮุ่ยเปิดประตู ทั้งสี่คนก็เข้าบ้านไป หย่งฟางตามร่องรอยของไอสีดำ จนมาถึงหน้าประตูห้องหนึ่งบนชั้นสอง ไอนั้นแผ่ออกมาจากห้องนี้

ทั้งสามคนที่ติดตามมา กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ

หนิวลี่กระซิบเบาๆ กับหยูถัง "อาจารย์หย่งตอนทำงานจริงจังมากเลยนะ เหมือนมืออาชีพจริงๆ"

หยูถังนึกถึงประสบการณ์ ที่ไม่ค่อยดีในบ้านของตัวเองแล้วตอบเบาๆ "อืม..."

เธอคิดในใจว่า เดี๋ยวก็จะได้รู้เองว่ามันเป็นยังไง

ลูกชายเสี่ยวฮุ่ยเหมือนจะโดนของแรงเข้าให้แล้ว!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่ 117 ซ่งชางชิงและสือว่านซือ

    ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่116 ตัวแทนสมาคมเทียนซือ

    ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่115 กระดูกมังกร

    เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที114 ทะยานสู่ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเทพ

    หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่113 อาแปะ

    "จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่112 หลอกผี

    ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status