แชร์

บทที่3 เจ้าชายนิทรา

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:52:44

บ้านตระกูลฉู่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและกดดัน เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน สวนสไตล์จีนภายนอกบ้านจึงถูกปกคลุมด้วยความมืดมน ถึงแม้ว่าหย่งฟางจะไม่สามารถรู้สถานการณ์จริงได้ แต่เมื่อเห็นความผิดปกติต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะมีเหตุผลใด นอกจากการแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด

ไม่ใช่ว่าท่านบรรพบุรุษจะส่งเธอมาที่นี่เพื่อแต่งงานจริงๆ หรอกนะ?! เมื่อวิธีการปกติไม่สามารถทำให้ออกไปได้ เธอจึงต้องหาทางออกที่แปลกใหม่ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะช่วยได้ไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยให้พอจะเข้าใจสถานการณ์ และเตรียมตัวรับมือได้ ยังดีกว่าทำไปโดยไม่รู้อะไรเลย

หย่งฟางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และเมื่อเธอกำลังจะลงมือทำ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางประตู จึงหันหน้าไปมองและเห็นเด็กสาวสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะยืนอยู่ตรงนั้น สองตาของพวกเธอเป็นประกายขึ้นมา 

“คุณคือ…หย่งฟางใช่ไหม?!!”

เด็กสาวสองคนรีบวิ่งเข้ามาหาหย่งฟาง มองเธอใกล้ๆ ซ้ำไปซ้ำมา “พี่สาว นี่คือหย่งฟางจริงๆ”

“พวกเราเป็นน้องสะใภ้ของพี่! ที่แท้ก็เป็นหย่งฟางที่หายตัวไป หลังออกจากวงการบันเทิง!”

“แทบไม่อยากเชื่อเลย!”

ฉู่เสี่ยวเฉียวและฉู่เสี่ยวจินพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เพราะสนใจในตัวเจ้าสาวมากเหลือเกิน จึงแย่งกันทำหน้าที่นำชามบ่ายมาให้ แล้วเจ้าสาวก็คนนี้ก็กลายเป็นหย่งฟางซะงั้น!

เจ้าสาวจำเป็นกะพริบตาถี่ๆ ใช่เลย! นี่มันตัวละครที่ถูกส่งมาให้ข้อมูลดีๆ ถ้าไม่ถามก็คงจะพลาดโอกาสไป เธอจึงดึงพวกหล่อนทั้งสองมานั่งลงข้างๆ

“พวกเธอคือ…” หย่งฟางพูดคำว่า "น้องสะใภ้" ไม่ออก จึงใช้คำเรียกตามที่พ่อบ้านตระกูลฉู่ใช้ “คุณหนูของคุณชายสอง?”

“ใช่ค่ะ ฉันชื่อฉู่เสี่ยวเฉียว ‘เสี่ยวเฉียวลำธาร’ ”

“ฉันชื่อฉู่เสี่ยวจิน ‘เสี่ยวจินเสียงพิณ’ ”

หย่งฟางคิดสักพัก แล้วตัดสินใจเล่นละครฉากใหญ่ เธอแสดงออกถึงความเขินอายของเจ้าสาว “จริงๆ แล้วฉันกับพี่ชายของพวกเธอแทบจะไม่รู้จักกันเลย แต่ก็ต้องแต่งงานแบบงงๆ พวกเธอว่าเขาทำไมถึงยอมแต่งงานกับฉันล่ะ?”

หย่งฟางเลือกที่จะถามแบบอ้อมๆ เด็กสาวทั้งสองเงียบลง ใบหน้าที่พวกเธอมีแววเคว้งคว้างไปชั่วขณะ หลังจากสิบกว่าวินาที ฉู่เสี่ยวจินก็พูดออกมาเบาๆ อย่างไม่พอใจ 

“จริงๆ แล้วพี่ฉู่เหยียนป่วยหนักจนหมดสติไปครึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย”

ตามคาด หย่งฟางกำลังจมอยู่ในความคิด

หลังจากที่เด็กสาวทั้งสองพูดจาเจื้อยแจ้ว ถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และจากไป หย่งฟางก็หยิบกระเป๋าผ้าใบที่เธอเอามาจากสำนัก แล้วเดินเข้าห้องน้ำ

ห้องน้ำมีขนาดเทียบเท่ากับห้องนอนของบ้านทั่วไป มีอ่างอาบน้ำที่สะอาดและเป็นประกาย หย่งฟางค้นกระเป๋าผ้า จนเจอเส้นด้ายสีแดงที่เริ่มซีดจาง ดูเหมือนจะสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนที่ท่านอาจารย์ให้เธอ ในวันที่อายุครบสิบแปดปี เขาได้บอกว่านี่เป็นเครื่องรางของลัทธิเต๋า ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนในสำนักเสวียนเว่ย

หย่งฟางนั่งลงในอ่างอาบน้ำ เธอใช้ปลายนิ้วม้วนเส้นด้ายแดงให้เป็นวง แล้วพันรอบนิ้วก้อยเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเส้นด้ายแดงไปมา ในขณะที่เธอประสานมือกันเป็นท่าร่ายมนตร์ เส้นด้ายแดงก็ผ่านเข้ามาในปลายนิ้วทั้งสิบของเธอ

สุดท้ายเส้นด้ายแดงก็มาถึงบริเวณรอยแยกระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง หย่งฟางใช้แรงดึงมันให้แน่น พร้อมกับร่ายมนตร์จนเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวิญญาณออกจากร่าง หย่งฟางใช้ประโยชน์จากความสามารถของวิญญาณ คือการล่องลอยเพื่อสำรวจบ้านตระกูลฉู่อย่างรวดเร็ว

นอกจากห้องโถงสไตล์จีนที่ชั้นหนึ่ง ซึ่งถูกจัดไว้สำหรับพิธีแต่งงานแล้ว ที่อื่นๆ ก็ไม่มีการจัดเตรียมอะไร คนรับใช้ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง โดยไม่กล้าพูดคุย ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดมาก มีเพียงสองคนที่กล้าพูดคุยกันเบาๆ ที่มุมหนึ่งพวกหล่อนกำลังพูดคุยกัน

“คุณชายสองเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องเลวร้าย”

"เฮ้อ หวังว่าหลังจากแต่งงานกันแล้ว คุณชายจะตื่นขึ้นมาได้จริงๆ"

แล้วทุกอย่างก็เงียบลง หย่งฟางลอยขึ้นไปยังชั้นสาม ตั้งใจจะห้องไปทีละห้องเพื่อตามหาคุณชายสอง เมื่อมาถึงห้องหนังสือ ก็เห็นคุณนายแห่งบ้านสกุลฉู่กำลังสนทนากับคนดูแลบ้าน

ที่โต๊ะทำงานมีชายวัยกลางคนที่ดูมีอำนาจมาก คงจะเป็นหัวหน้าครอบครัวสกุลฉู่ และเป็นพ่อของฉู่เหยียน เขากล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล "คุณแน่ใจใช่ไหม ว่าวิธีนี้จะทำให้ฉู่เหยียนตื่นขึ้นมาได้จริงๆ?"

"เรื่องอะไร? คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?" คุณนายฉู่ร้องไห้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง "เราต้องลองทำอะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ?! หรือคุณมีวิธีอื่นที่จะทำให้เสี่ยวเหยียนฟื้นขึ้นมา?"

คุณชายฉู่ไม่มีท่าทีตอบสนอง ต่อภรรยาที่กำลังควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงพูดด้วยอารมณ์ที่สงบ "ถ้าคุณอยากลอง ก็ลองเถอะ"

คุณนายฉู่ดูเหมือนจะอยู่ในภาวะของการสูญเสียสติ เธออดทนมาตลอดแต่เพียงคำพูดเบาๆ จากสามีก็ทำให้ไม่อาจทนต่อไปได้

"อะไรที่เรียกว่าฉันอยากลองก็ลอง? ฉู่หมิงถิง คุณก็อยากลองวิธีนี้เหมือนกัน แต่นี่คุณกลับไม่ทำอะไรแล้วให้ฉันเป็นคนร้าย! ทำไมต้องเป็นฉันตลอด!"

"......"

หย่งฟางไม่สนใจการทะเลาะ และการระเบิดอารมณ์ของคุณนายฉู่อีกต่อไป เธอลอยไปยังชั้นสาม ในที่สุดก็พบห้องเป้าหมาย แม้ว่าหย่งฟางจะไม่เคยเห็นฉู่เหยียนมาก่อน แต่เธอรู้ทันทีว่ามาถูกที่แล้ว สิ่งแรกที่เธอเห็นคือกลุ่มควันดำที่แข็งแกร่งมาก มันห่อหุ้มตัวคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแน่นหนา

ควันดำหมุนวนรอบๆ ตัวเขาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เป็นพลังคำสาปที่แข็งแกร่งเหลือเกิน หย่งฟางมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เธอลอยเข้าไปใกล้เตียง

ในมือของเธอมีด้ายแดงที่เชื่อมต่อกับร่างกายของตัวเอง ด้ายแดงที่คนทั่วไปมองไม่เห็น นี่เป็นเครื่องรางเดียวที่มีในขณะนี้ มันสามารถปกป้องในสภาพการแยกร่างจากวิญญาณไม่ให้ถูกรบกวน และยังสามารถไล่ผีได้อีกด้วย

เธอขยับนิ้วมือทั้งสองข้างเพื่อสร้างปมด้ายแดง และหลังจากล็อกพลังคำสาปแล้ว เธอก็ส่งพลังโจมตีออกไป ควันดำที่กำลังกัดกร่อนร่างกายของฉู่เหยียน โดยไม่รู้ตัวถูกโจมตีอย่างไม่คาดคิด 

เสียงกรีดร้องโกรธแค้นของผู้หญิงดังขึ้น ควันดำรวมตัวเป็นใบหน้าคนขนาดใหญ่และพุ่งเข้าใส่หย่งฟาง แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ในระยะครึ่งเมตร ใบหน้าที่ทำจากควันดำ ก็ถูกแสงแดงปกคลุมและแตกสลายทันที

ควันดำสลายตัว แต่มันยังไม่หายไป และสามารถรวมตัวกันใหม่ได้ ดังนั้นหย่งฟางจึงต้องตรวจสอบสภาพของฉู่เหยียนอย่างรวดเร็ว

เธอหันไปมองเตียง ชายหนุ่มที่หลับอยู่มีใบหน้าที่ดูอ่อนโยนและงดงาม เขาสวมชุดแต่งงานสีดำแบบจีน บริเวณท้องของเขามีผ้าห่มลายเป็ดแมนดารินปกคลุม มือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนผ้าห่มนั้น ซีดขาวเหมือนคนไร้เลือด มีเข็มที่ใช้สำหรับการให้ยาหรือสารอาหารฝังอยู่ที่หลังมือ ยึดด้วยเทปทางการแพทย์

หย่งฟางสังเกตฉู่เหยียนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ชีพจรของเขาเหมือนเส้นด้ายบางเบา ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด...อาจไม่รอดถึงพรุ่งนี้เช้า พิธีแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดก็ไม่มีประโยชน์

การแก้เคล็ดก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เป็นเพียงวิธีการลวงโลกเท่านั้น ถ้าใช้วิธีที่ถูกต้อง ก็คือพยายามรักษาเขาด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ก่อน หากทางวิทยาศาสตร์ช่วยไม่ได้ ถึงจะใช้วิธีทางไสยศาสตร์

การใช้คนเป็นเครื่องบูชา ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด หรือการแต่งงานกับวิญญาณ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่นักพรตจะทำได้ บรรพบุรุษของแต่ละสำนักก็จะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น

ทันใดนั้นหย่งฟางสังเกตเห็นว่า มีเส้นควันไม่กี่เส้นที่แตกต่างจากควันดำอื่นๆ ลอยอยู่เหนือริมฝีปากของฉู่เหยียน  หย่งฟางใช้นิ้วบิดด้ายแดงขึ้นมาเล็กน้อยและมองดู ควันดำที่แตกต่างนั้นเลื้อยไปตามนิ้วของเธอ เมื่อมันสัมผัสกับด้ายแดงก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา มันคือไอแห่งความโกรธแค้น

ไอพวกนี้กับพลังคำสาปมีลักษณะคล้ายคลึงกัน พลังคำสาปบนร่างของฉู่เหยียน ถูกเธอโจมตีจนกระจายออก แต่ยังมีบางส่วนที่ติดอยู่บนร่างกายของเขา เพื่อให้ส่วนที่กระจัดกระจายสามารถรวมตัวกันได้ใหม่

ดังนั้นหย่งฟางจึงไม่ทันสังเกตว่า ไอแห่งความโกรธแค้นนี้แตกต่างจากพลังคำสาป เส้นควันเหล่านี้ลอยอยู่เพียงแค่เหนือริมฝีปากของฉู่เหยียนเท่านั้น...

หย่งฟางลอยเข้ามาใกล้เพื่อดูอีกครั้ง และพบว่าไอแห่งความโกรธแค้น กำลังออกมาจากปากของฉู่เหยียน

++++++++++++++

เรียกมาถูกคนแล้วค่ะคุณน้า!! ถ้าเป็นคนอื่นมีตุยนะคะ

แต่เผอิญว่านางเอกของเราเป็นคนมีวิชา!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่ 117 ซ่งชางชิงและสือว่านซือ

    ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่116 ตัวแทนสมาคมเทียนซือ

    ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่115 กระดูกมังกร

    เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที114 ทะยานสู่ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเทพ

    หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่113 อาแปะ

    "จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่112 หลอกผี

    ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status