หน้าหลัก / แฟนตาซี / ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ / บทที่ 2 ถูกขายแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด

แชร์

บทที่ 2 ถูกขายแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:52:28

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าโชคลาภที่ท่านอาจารย์และเทพเจ้าให้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ก่อนทำอาหาร เธอเพิ่งจะขอพรให้ร่ำรวยเพื่อมาซ่อมถนนบนเขา แต่ทันทีที่ตวงเกลือเสร็จ ก็มีคนมาช่วยเติมเต็มเงินสองพันล้านที่พ่อบังเกิดเกล้าของเธอทำพลาดไป

คงจะรวยมากสินะ งั้นช่วยฉันหน่อยแล้วกัน เธอคิดอย่างไม่เกรงใจ

ทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่รู้ตัวเลย ยังคงถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์เอ่ยเตือนเธอ

 “รู้จักให้ความร่วมมือหน่อย! ถ้าได้เป็นสะใภ้รองของบ้านตระกูลฉู่ ชีวิตเธอมีอนาคตกว่านี้แน่!” พูดจบก็เหลือบมองบ้านเก่าที่ทรุดโทรมด้วยสายตาดูแคลน

หัวหน้าคนรับใช้ก็พูดขึ้นมาอย่างเสแสร้งเช่นกัน “คุณหนูหย่ง ถ้าคุณได้แต่งงานกับคุณชายรองของเรา และได้เป็นสะใภ้รอง ในอนาคตอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของตระกูลฉู่จะเป็นของคุณ ถ้าคุณอยากกลับไปสู่วงการบันเทิง เราก็มีทุนที่จะสนับสนุนคุณได้”

“ถ้ายอมร่วมมือ ก็ลงเขาไปกับพวกเรา แต่ถ้าเธอไม่ยอม...” หญิงสูงศักดิ์หยุดคำพูดไว้ ทำให้ความหมายของคำข่มขู่ชัดเจนขึ้น

“ตกลง ฉันไป” หย่งฟางยกนิ้วขึ้นตอบตกลง

ทั้งสามคนยิ้มพร้อมกัน ก็รู้อยู่ว่าตระกูลฉู่มีอำนาจมากมายขนาดไหน หย่งฟางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร มีแต่คนอยากปีนป่ายขึ้นที่สูงกันทั้งนั้น

 เมื่อเห็นว่าไม่มีเวลาทำอาหารแล้ว หย่งฟางจึงเทเกลือและน้ำมันกลับไปในกระปุก ยังไม่วายใช้เวลาเล็กน้อยในการทำนายดวงชะตาให้ตัวเอง ผลออกมาว่าดีเลิศ และยังจะมีลาภลอยเข้ามาด้วย 

งั้นก็โอเค…หย่งฟางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าผ้าจากเสาที่ไม้แขวน แล้วสะพายเอาไว้ข้างตัว ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าทั้งสามคน “ไปกันเถอะ”

หญิงวัยกลางคนที่ยืนข้างๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์เบิกตากว้าง “เธอตกลงง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”

หย่งฟางยังไม่เปลี่ยนชุด เธอยังสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเทาเก่าๆ ที่ไม่โดดเด่นอะไร แม้ว่าหน้าตาของเธอจะสวยไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดี แต่ก็ยังดูธรรมดาเกินไป ไม่รู้จักมารยาทบ้างหรืออย่างไร

“มีปัญหาอะไร?” หย่งฟางย้อนถาม

หญิงวัยกลางคนแสดงสีหน้าดูแคลนออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายรอง…

“รีบไปเถอะ” หญิงสูงศักดิ์กล่าว

หย่งฟางเดินลงเขาพร้อมกับทั้งสามคน คำกล่าวที่ว่า "ขึ้นเขาง่าย แต่ลงเขายาก" นั้นเป็นจริง ตอนขึ้นยังพอทนได้ แต่ตอนลง…ทั้งสามคนจากตระกูลฉู่เหงื่อท่วมตัวกันหมด ยกเว้นหย่งฟาง

ทางมันช่างยากเย็นนัก ทั้งชันและเป็นดินโคลน หย่งฟางยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง อยากรวยต้องสร้างถนน! ซึ่งการซ่อมถนนเป็นเรื่องเร่งด่วน 

หย่งฟางไม่รู้เลยว่าหญิงสูงศักดิ์คนนั้นกำลังบ่นในใจ หล่อนไม่รู้มาก่อนว่าต้องมาที่แบบนี้ แถมยังใส่รองเท้าส้นสูงอีก เมื่อลงถึงก้อนหินก้อนสุดท้าย ก็ทนไม่ไหวและพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “ที่บ้าอะไรเนี่ย”

จริงๆ แล้ว หย่งฟางตั้งใจจะห้ามเธอตั้งแต่ที่เธอพูดคำว่า “ที่บ้า” แล้ว แต่หญิงสูงศักดิ์ก็ยังพูดจนจบประโยค เพียงแต่คำพูดยังไม่ทันจบดี รองเท้าส้นสูงก็รับน้ำหนักไม่ไหว ส้นรองเท้าหักทันที และทำให้หล่อนข้อเท้าพลิก เสียงกระดูกเคลื่อนที่ตรงข้อเท้าดังจนหย่งฟางและอีกสองคนได้ยินอย่างชัดเจน

เสียงดังสะท้านหูทีเดียว

“อ๊าก!!” หญิงสูงศักดิ์กรีดร้องทันทีที่ข้อเท้าพลิก แสดงอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง

ที่นี่มันอัปมงคลจริงๆ! หล่อนเดินระวังแล้วแท้ๆ แถมยังมีหัวหน้าคนรับใช้คอยพยุง แต่ข้อเท้าก็ยังพลิกได้ ความไม่พอใจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด หญิงสูงศักดิ์จ้องมองภูเขาอย่างแค้นเคือง ดูเหมือนยังอยากจะด่าต่อว่า “ที่ซวยซ้ำซวยซ้อน” อะไรทำนองนั้น

หย่งฟางแสดงความมีน้ำใจ แม้สีหน้าและน้ำเสียงจะดูไร้อารมณ์ “ฉันแนะนำให้คุณกลืนคำพูดกลับไป ท่านบรรพบุรุษและท่านเทพ ไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของท่าน”

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์?

หญิงสูงศักดิ์กลอกตาแต่ก็ยังเงียบปาก เรื่องทางศาสตร์ลึกลับสำหรับคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ถึงขั้นเคารพนับถือ แต่ก็ยังมีความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จักและลึกลับโดยธรรมชาติ หญิงสูงศักดิ์ถูกพยุงขึ้นรถโดยหญิงวัยกลางคนและหัวหน้าคนรับใช้ หย่งฟางไม่ต้องรอให้ใครบอก ก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับเอง

หัวหน้าคนรับใช้ขับรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลฉู่ เป็นคฤหาสน์แบบสวนสไตล์จีน มีกำแพงอิฐสีเทาและหลังคากระเบื้องทรงโบราณ มีบรรยากาศที่สง่างามและการตกแต่งภายในที่มีรสนิยม ซึ่งทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกทึ่ง

"เจ้าสาวไม่สามารถพบเจ้าบ่าวก่อนแต่งงานได้"

คนในตระกูลฉู่ปฏิเสธคำขอของหย่งฟางที่จะพบหน้าเจ้าบ่าว และพาเธอไปที่ห้องนอนขนาดใหญ่ หย่งฟางมองห้องหอที่มีการตกแต่งอย่างเรียบร้อย ด้วยตัวอักษรสีแดงแสดงถึงโชคลาภ...เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว เพียงรอเธอมาเท่านั้น

ยังไม่พอ หญิงสูงศักดิ์ยังแจ้งเธอด้วย “เวลาเที่ยงคืนเป็นเวลามงคลสำหรับการแต่งงาน เธอเตรียมตัวให้พร้อม”

‘แต่งงาน’ งั้นเหรอ? 

ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญคือเวลาเที่ยงคืน?

บ้านไหนจะแต่งงานกันเวลานี้?

แถมยังกล้าอ้างต่อหน้าคนที่มีอาชีพเป็นอาจารย์ทางศาสตร์ลึกลับอย่างเธอ ว่าเที่ยงคืนเป็นเวลามงคล ไม่คิดจะให้เกียรติกันเลยหรือยังไง? เวลาเที่ยงคืนเป็นเวลาที่มีพลังงานหยินแรงที่สุด เวลาอันแปลกประหลาด วิธีการพาตัวเธอมาก็ไม่ปกติ การที่เธอถูกลากตัวมาทำพิธีแต่งงานแบบสุ่มสี่สุ่มห้า

แต่งงานแก้เคล็ดงั้นเหรอ?

แล้วหย่งฟางก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ด้วยมันสมองของตัวเอง พวกเขาไม่ให้เธอเจอเจ้าบ่าว รีบร้อนจะแต่งงาน และไม่ยอมพูดอะไรเพิ่มเติม เหมือนกลัวว่าเธอจะล้วงความลับ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการแต่งงานแก้เคล็ดละก็ เธอจะเอารูปปั้นบรรพบุรุษไปหลอมเป็นทอง

ซ่งฉางชิงนายมันชั่วช้าและเลวทรามนัก ขายเธอก็แย่พออยู่แล้ว ยังกล้าขายให้ไปแต่งงานแก้เคล็ดอีก? เรื่องชั่วร้ายและงมงายแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขายอมจ่ายถึงสองพันล้านหยวน!

เมื่อคิดถึงเงินที่ไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเอง หย่งฟางรู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาชั่วขณะ แต่ก็รีบสงบใจโดยพลัน แต่งงานแก้เคล็ดแล้วเลือกเธอ ก็ถือว่าเลือกคนถูกแล้ว ถ้าเป็นหญิงสาวคนอื่น ไม่รู้จะหนีออกไปได้ยังไง แต่เธอเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

“โอเค” หย่งฟางยิ้มแบบมีเล่ห์นัย

หญิงสูงศักดิ์ที่ก็คือคุณนายตระกูลฉู่ หันไปมองทีมแต่งหน้าด้วยสายตาสั่งการ “จัดการแต่งหน้าทำผมให้เธอได้แล้ว”

ทีมงานกว่าสิบคนทยอยเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องหอขนาดใหญ่คับแคบไปในทันที ฝ่ายเครื่องแต่งกายอยู่ฝั่งหนึ่ง ช่างแต่งหน้าอยู่ฝั่งหนึ่ง และช่างทำผมอีกฝั่งหนึ่ง ก้มหน้าจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว

พอคุณนายตระกูลฉู่เดินออกไป หย่งฟางก็ถูกจับให้นั่งหน้ากระจกแต่งหน้า และเริ่มทำการแต่งตัวทันที ทีมงานทำหน้าที่ของตัวเองอย่างมืออาชีพ ทุกคนสวมหน้ากากสีดำ และไม่มีใครพูดกับเธอสักคำ แม้หย่งฟางจะอยากยืนยันความคิดของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูลฉู่ ถามไปก็ไร้ประโยชน์

ชุดเจ้าสาวเป็นชุดกี่เพ้าสีแดงสดที่เข้ากับงานแต่ง หย่งฟางลองสวมดู พบว่าบริเวณเอวค่อนข้างหลวม ช่างตัดเสื้อจึงนำกล่องเข็มด้ายออกมาแก้ไขให้ทันที กระบวนการทำผมเสร็จสิ้นลง ใช้เวลารวมทั้งหมดสามชั่วโมง และไม่มีใครพูดอะไรสักคำ หลังจากเก็บอุปกรณ์เสร็จ ทีมงานก็ทยอยออกไป เหลือไว้เพียงช่างแต่งหน้าที่คอยตามติด

ทีมงานเพิ่งออกไป ก็มีชายร่างใหญ่ในชุดสูทดำสองคน ที่ดูเหมือนบอดี้การ์ดยืนเฝ้าประตูห้องทันที หย่งฟางลุกขึ้น ช่างแต่งหน้าข้างๆ ก็รีบยกกล่องแต่งหน้าขึ้นตามเธอทันที แต่พอเข้าใกล้ประตูก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนขวางไว้

“คุณผู้หญิง คุณนายสั่งว่าก่อนเริ่มพิธีแต่งงาน คุณต้องอยู่ในห้องนี้เท่านั้น”

หย่งฟางอยากจะออกไปสำรวจสถานที่ และหาคนที่รู้เรื่องมาสอบถามดู “ฉันทั้งหิวและกระหายน้ำ อยากจะลงไปกินอะไรสักหน่อย ถ้ากลัวว่าฉันจะหนี พวกนายก็ตามฉันมาก็ได้ ให้อยู่ในสายตาพวกนายตลอดได้ไหม”

บอดี้การ์ดส่ายหัว “คุณหนีไปไม่ได้หรอก ทางออกทุกทางของบ้านหลังนี้มีคนเฝ้าอยู่หมด กลัวแค่ว่าคุณจะหลบไปซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งจนหาไม่เจอ ทำให้เสียเวลา เอาเป็นว่าผมจะให้คนเอาของว่างมาส่งให้ที่นี่แทน” พูดจบเขาก็ใช้วิทยุสื่อสารแจ้งเรื่องนี้ให้คนในบ้านทราบ

“…” หย่งฟางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนรวยถึงชอบสร้างบรรยากาศข่มขวัญกันขนาดนี้ เอาเถอะ ถือว่าเล่นเกมตามบทบาทก็แล้วกัน เธอจึงไปที่ระเบียงของห้องนอนใหญ่ เพื่อดูว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือไม่

แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยให้เห็น จะมีก็แค่…ลมเย็นผิดปกติเป็นต้น

อาจารย์หย่งประเดิมงานแรกก็แต่งงานแก้เคล็ดเลยย

โดนหลอกมาแต่งงานแน่ๆ เงินก็ไม่ได้ นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่ 117 ซ่งชางชิงและสือว่านซือ

    ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่116 ตัวแทนสมาคมเทียนซือ

    ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่115 กระดูกมังกร

    เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที114 ทะยานสู่ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเทพ

    หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่113 อาแปะ

    "จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่112 หลอกผี

    ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status