หน้าหลัก / แฟนตาซี / ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ / บทที่ 2 ถูกขายแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด

แชร์

บทที่ 2 ถูกขายแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:52:28

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าโชคลาภที่ท่านอาจารย์และเทพเจ้าให้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ก่อนทำอาหาร เธอเพิ่งจะขอพรให้ร่ำรวยเพื่อมาซ่อมถนนบนเขา แต่ทันทีที่ตวงเกลือเสร็จ ก็มีคนมาช่วยเติมเต็มเงินสองพันล้านที่พ่อบังเกิดเกล้าของเธอทำพลาดไป

คงจะรวยมากสินะ งั้นช่วยฉันหน่อยแล้วกัน เธอคิดอย่างไม่เกรงใจ

ทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่รู้ตัวเลย ยังคงถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์เอ่ยเตือนเธอ

 “รู้จักให้ความร่วมมือหน่อย! ถ้าได้เป็นสะใภ้รองของบ้านตระกูลฉู่ ชีวิตเธอมีอนาคตกว่านี้แน่!” พูดจบก็เหลือบมองบ้านเก่าที่ทรุดโทรมด้วยสายตาดูแคลน

หัวหน้าคนรับใช้ก็พูดขึ้นมาอย่างเสแสร้งเช่นกัน “คุณหนูหย่ง ถ้าคุณได้แต่งงานกับคุณชายรองของเรา และได้เป็นสะใภ้รอง ในอนาคตอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของตระกูลฉู่จะเป็นของคุณ ถ้าคุณอยากกลับไปสู่วงการบันเทิง เราก็มีทุนที่จะสนับสนุนคุณได้”

“ถ้ายอมร่วมมือ ก็ลงเขาไปกับพวกเรา แต่ถ้าเธอไม่ยอม...” หญิงสูงศักดิ์หยุดคำพูดไว้ ทำให้ความหมายของคำข่มขู่ชัดเจนขึ้น

“ตกลง ฉันไป” หย่งฟางยกนิ้วขึ้นตอบตกลง

ทั้งสามคนยิ้มพร้อมกัน ก็รู้อยู่ว่าตระกูลฉู่มีอำนาจมากมายขนาดไหน หย่งฟางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร มีแต่คนอยากปีนป่ายขึ้นที่สูงกันทั้งนั้น

 เมื่อเห็นว่าไม่มีเวลาทำอาหารแล้ว หย่งฟางจึงเทเกลือและน้ำมันกลับไปในกระปุก ยังไม่วายใช้เวลาเล็กน้อยในการทำนายดวงชะตาให้ตัวเอง ผลออกมาว่าดีเลิศ และยังจะมีลาภลอยเข้ามาด้วย 

งั้นก็โอเค…หย่งฟางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าผ้าจากเสาที่ไม้แขวน แล้วสะพายเอาไว้ข้างตัว ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าทั้งสามคน “ไปกันเถอะ”

หญิงวัยกลางคนที่ยืนข้างๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์เบิกตากว้าง “เธอตกลงง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”

หย่งฟางยังไม่เปลี่ยนชุด เธอยังสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเทาเก่าๆ ที่ไม่โดดเด่นอะไร แม้ว่าหน้าตาของเธอจะสวยไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดี แต่ก็ยังดูธรรมดาเกินไป ไม่รู้จักมารยาทบ้างหรืออย่างไร

“มีปัญหาอะไร?” หย่งฟางย้อนถาม

หญิงวัยกลางคนแสดงสีหน้าดูแคลนออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายรอง…

“รีบไปเถอะ” หญิงสูงศักดิ์กล่าว

หย่งฟางเดินลงเขาพร้อมกับทั้งสามคน คำกล่าวที่ว่า "ขึ้นเขาง่าย แต่ลงเขายาก" นั้นเป็นจริง ตอนขึ้นยังพอทนได้ แต่ตอนลง…ทั้งสามคนจากตระกูลฉู่เหงื่อท่วมตัวกันหมด ยกเว้นหย่งฟาง

ทางมันช่างยากเย็นนัก ทั้งชันและเป็นดินโคลน หย่งฟางยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง อยากรวยต้องสร้างถนน! ซึ่งการซ่อมถนนเป็นเรื่องเร่งด่วน 

หย่งฟางไม่รู้เลยว่าหญิงสูงศักดิ์คนนั้นกำลังบ่นในใจ หล่อนไม่รู้มาก่อนว่าต้องมาที่แบบนี้ แถมยังใส่รองเท้าส้นสูงอีก เมื่อลงถึงก้อนหินก้อนสุดท้าย ก็ทนไม่ไหวและพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “ที่บ้าอะไรเนี่ย”

จริงๆ แล้ว หย่งฟางตั้งใจจะห้ามเธอตั้งแต่ที่เธอพูดคำว่า “ที่บ้า” แล้ว แต่หญิงสูงศักดิ์ก็ยังพูดจนจบประโยค เพียงแต่คำพูดยังไม่ทันจบดี รองเท้าส้นสูงก็รับน้ำหนักไม่ไหว ส้นรองเท้าหักทันที และทำให้หล่อนข้อเท้าพลิก เสียงกระดูกเคลื่อนที่ตรงข้อเท้าดังจนหย่งฟางและอีกสองคนได้ยินอย่างชัดเจน

เสียงดังสะท้านหูทีเดียว

“อ๊าก!!” หญิงสูงศักดิ์กรีดร้องทันทีที่ข้อเท้าพลิก แสดงอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง

ที่นี่มันอัปมงคลจริงๆ! หล่อนเดินระวังแล้วแท้ๆ แถมยังมีหัวหน้าคนรับใช้คอยพยุง แต่ข้อเท้าก็ยังพลิกได้ ความไม่พอใจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด หญิงสูงศักดิ์จ้องมองภูเขาอย่างแค้นเคือง ดูเหมือนยังอยากจะด่าต่อว่า “ที่ซวยซ้ำซวยซ้อน” อะไรทำนองนั้น

หย่งฟางแสดงความมีน้ำใจ แม้สีหน้าและน้ำเสียงจะดูไร้อารมณ์ “ฉันแนะนำให้คุณกลืนคำพูดกลับไป ท่านบรรพบุรุษและท่านเทพ ไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของท่าน”

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์?

หญิงสูงศักดิ์กลอกตาแต่ก็ยังเงียบปาก เรื่องทางศาสตร์ลึกลับสำหรับคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ถึงขั้นเคารพนับถือ แต่ก็ยังมีความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จักและลึกลับโดยธรรมชาติ หญิงสูงศักดิ์ถูกพยุงขึ้นรถโดยหญิงวัยกลางคนและหัวหน้าคนรับใช้ หย่งฟางไม่ต้องรอให้ใครบอก ก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับเอง

หัวหน้าคนรับใช้ขับรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลฉู่ เป็นคฤหาสน์แบบสวนสไตล์จีน มีกำแพงอิฐสีเทาและหลังคากระเบื้องทรงโบราณ มีบรรยากาศที่สง่างามและการตกแต่งภายในที่มีรสนิยม ซึ่งทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกทึ่ง

"เจ้าสาวไม่สามารถพบเจ้าบ่าวก่อนแต่งงานได้"

คนในตระกูลฉู่ปฏิเสธคำขอของหย่งฟางที่จะพบหน้าเจ้าบ่าว และพาเธอไปที่ห้องนอนขนาดใหญ่ หย่งฟางมองห้องหอที่มีการตกแต่งอย่างเรียบร้อย ด้วยตัวอักษรสีแดงแสดงถึงโชคลาภ...เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว เพียงรอเธอมาเท่านั้น

ยังไม่พอ หญิงสูงศักดิ์ยังแจ้งเธอด้วย “เวลาเที่ยงคืนเป็นเวลามงคลสำหรับการแต่งงาน เธอเตรียมตัวให้พร้อม”

‘แต่งงาน’ งั้นเหรอ? 

ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญคือเวลาเที่ยงคืน?

บ้านไหนจะแต่งงานกันเวลานี้?

แถมยังกล้าอ้างต่อหน้าคนที่มีอาชีพเป็นอาจารย์ทางศาสตร์ลึกลับอย่างเธอ ว่าเที่ยงคืนเป็นเวลามงคล ไม่คิดจะให้เกียรติกันเลยหรือยังไง? เวลาเที่ยงคืนเป็นเวลาที่มีพลังงานหยินแรงที่สุด เวลาอันแปลกประหลาด วิธีการพาตัวเธอมาก็ไม่ปกติ การที่เธอถูกลากตัวมาทำพิธีแต่งงานแบบสุ่มสี่สุ่มห้า

แต่งงานแก้เคล็ดงั้นเหรอ?

แล้วหย่งฟางก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ด้วยมันสมองของตัวเอง พวกเขาไม่ให้เธอเจอเจ้าบ่าว รีบร้อนจะแต่งงาน และไม่ยอมพูดอะไรเพิ่มเติม เหมือนกลัวว่าเธอจะล้วงความลับ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการแต่งงานแก้เคล็ดละก็ เธอจะเอารูปปั้นบรรพบุรุษไปหลอมเป็นทอง

ซ่งฉางชิงนายมันชั่วช้าและเลวทรามนัก ขายเธอก็แย่พออยู่แล้ว ยังกล้าขายให้ไปแต่งงานแก้เคล็ดอีก? เรื่องชั่วร้ายและงมงายแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขายอมจ่ายถึงสองพันล้านหยวน!

เมื่อคิดถึงเงินที่ไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเอง หย่งฟางรู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาชั่วขณะ แต่ก็รีบสงบใจโดยพลัน แต่งงานแก้เคล็ดแล้วเลือกเธอ ก็ถือว่าเลือกคนถูกแล้ว ถ้าเป็นหญิงสาวคนอื่น ไม่รู้จะหนีออกไปได้ยังไง แต่เธอเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

“โอเค” หย่งฟางยิ้มแบบมีเล่ห์นัย

หญิงสูงศักดิ์ที่ก็คือคุณนายตระกูลฉู่ หันไปมองทีมแต่งหน้าด้วยสายตาสั่งการ “จัดการแต่งหน้าทำผมให้เธอได้แล้ว”

ทีมงานกว่าสิบคนทยอยเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องหอขนาดใหญ่คับแคบไปในทันที ฝ่ายเครื่องแต่งกายอยู่ฝั่งหนึ่ง ช่างแต่งหน้าอยู่ฝั่งหนึ่ง และช่างทำผมอีกฝั่งหนึ่ง ก้มหน้าจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว

พอคุณนายตระกูลฉู่เดินออกไป หย่งฟางก็ถูกจับให้นั่งหน้ากระจกแต่งหน้า และเริ่มทำการแต่งตัวทันที ทีมงานทำหน้าที่ของตัวเองอย่างมืออาชีพ ทุกคนสวมหน้ากากสีดำ และไม่มีใครพูดกับเธอสักคำ แม้หย่งฟางจะอยากยืนยันความคิดของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูลฉู่ ถามไปก็ไร้ประโยชน์

ชุดเจ้าสาวเป็นชุดกี่เพ้าสีแดงสดที่เข้ากับงานแต่ง หย่งฟางลองสวมดู พบว่าบริเวณเอวค่อนข้างหลวม ช่างตัดเสื้อจึงนำกล่องเข็มด้ายออกมาแก้ไขให้ทันที กระบวนการทำผมเสร็จสิ้นลง ใช้เวลารวมทั้งหมดสามชั่วโมง และไม่มีใครพูดอะไรสักคำ หลังจากเก็บอุปกรณ์เสร็จ ทีมงานก็ทยอยออกไป เหลือไว้เพียงช่างแต่งหน้าที่คอยตามติด

ทีมงานเพิ่งออกไป ก็มีชายร่างใหญ่ในชุดสูทดำสองคน ที่ดูเหมือนบอดี้การ์ดยืนเฝ้าประตูห้องทันที หย่งฟางลุกขึ้น ช่างแต่งหน้าข้างๆ ก็รีบยกกล่องแต่งหน้าขึ้นตามเธอทันที แต่พอเข้าใกล้ประตูก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนขวางไว้

“คุณผู้หญิง คุณนายสั่งว่าก่อนเริ่มพิธีแต่งงาน คุณต้องอยู่ในห้องนี้เท่านั้น”

หย่งฟางอยากจะออกไปสำรวจสถานที่ และหาคนที่รู้เรื่องมาสอบถามดู “ฉันทั้งหิวและกระหายน้ำ อยากจะลงไปกินอะไรสักหน่อย ถ้ากลัวว่าฉันจะหนี พวกนายก็ตามฉันมาก็ได้ ให้อยู่ในสายตาพวกนายตลอดได้ไหม”

บอดี้การ์ดส่ายหัว “คุณหนีไปไม่ได้หรอก ทางออกทุกทางของบ้านหลังนี้มีคนเฝ้าอยู่หมด กลัวแค่ว่าคุณจะหลบไปซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งจนหาไม่เจอ ทำให้เสียเวลา เอาเป็นว่าผมจะให้คนเอาของว่างมาส่งให้ที่นี่แทน” พูดจบเขาก็ใช้วิทยุสื่อสารแจ้งเรื่องนี้ให้คนในบ้านทราบ

“…” หย่งฟางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนรวยถึงชอบสร้างบรรยากาศข่มขวัญกันขนาดนี้ เอาเถอะ ถือว่าเล่นเกมตามบทบาทก็แล้วกัน เธอจึงไปที่ระเบียงของห้องนอนใหญ่ เพื่อดูว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือไม่

แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยให้เห็น จะมีก็แค่…ลมเย็นผิดปกติเป็นต้น

อาจารย์หย่งประเดิมงานแรกก็แต่งงานแก้เคล็ดเลยย

โดนหลอกมาแต่งงานแน่ๆ เงินก็ไม่ได้ นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่143 ฉลองกันครอบครัวใหญ่ [ตอนจบ]

    หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่142 ธูปแรกวันปีใหม่

    วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่141 บรรยากาศความเศร้า

    หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่140 หูอวี่จู้

    มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่139 จุดจบคนชั่ว

    ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่138 หานลี่ตง

    ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status