ดวงตาของหย่งฟางเบิกกว้างขึ้น เมื่อใช้มือวาดท่าใหม่เพื่อร่ายมนต์ จากนั้นก็สามารถสัมผัสกับวัตถุได้ เธอจับคางของชายหนุ่มไว้ แล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางดันมันขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉู่เหยียนถูกบังคับให้เปิดปากออก เผยให้เห็นลิ้นของเขา บนนั้นมีเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่ง
ใบหน้าของหย่งฟางเคร่งขรึมขึ้น พลังคำสาปถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เหรียญทองแดงเหรียญนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ที่คุณนายฉู่ จะใส่ของป้องกันเพื่อให้ลูกชายฟื้นคืนสติ เพราะเหรียญทองแดงนี้เป็นของที่ขุดขึ้นมาจากหลุมฝังศพ ของแบบนี้มีพลังแห่งความอาฆาตติดอยู่
น่าจะไม่มีใครรู้ว่าฉู่เหยียนมีสิ่งนี้อยู่ในปาก หรืออาจเป็นไปได้ว่าคุณนายฉู่ถูกหลอกให้เชื่อ และยินยอมให้ใครบางคนใส่ของนี้เข้าไปในปากลูกชายของหล่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นคนที่คุณนายที่ไว้ใจ และทำให้เข้าใกล้ฉู่เหยียนได้
เพราะตอนที่หย่งฟางเข้ามา เธอเห็นบอดี้การ์ดในชุดสูทดำ คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอดเวลา พลังคำสาปที่หนักแน่น กลับเข้ามารวมตัวบนร่างของชายหนุ่มที่ดูน่ารักขณะหลับใหล หย่งฟางก็รู้ว่าวิญญาณของเธอจะต้องกลับคืนร่างแล้ว จึงปล่อยมือจากคางของเขาแล้วเปลี่ยนท่าใหม่เพื่อร่ายคาถาอีกครั้ง
ทันใดนั้นเส้นด้ายแดงก็รัดแน่น ดึงวิญญาณของเธอกลับเข้าสู่ร่าง หย่งฟางลืมตาขึ้นในอ่างอาบน้ำ ข้างนอกมีคนเคาะประตูอยู่ จึงลุกขึ้นแล้วเปิดออก เห็นว่ามีคนอยู่ข้างนอกเจ็ดถึงแปดคน
เมื่อเห็นว่าหย่งฟางไม่เป็นอะไร คนรับใช้หญิงคนหนึ่งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดด้วยเสียงเบาๆ "คุณนายหย่ง คุณทำให้พวกเราตกใจหมดเลย คุณทำอะไรอยู่ในห้องน้ำ?"
หล่อนมาส่งอาหาร และรู้จากบอดี้การ์ดว่าหย่งฟางเข้าไปในนั้น จึงเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ คิดว่าหย่งฟางอาจทำอะไรโง่ๆ เพราะไม่สามารถยอมรับได้ ว่าต้องแต่งงานกับคุณชายที่ป่วยหนัก และนอนหมดสติอยู่บนเตียง
"ถ้าไม่ออกมา บอดี้การ์ดคงต้องพังประตูเข้าไปแล้ว"
"ใช่แล้วๆ เงียบไปนานแบบนี้ น่ากลัวจริงๆ"
เมื่อเร็วๆ นี้ มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นมากมายในตระกูลฉู่ พวกหล่อนทำงานที่นี่ ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เมื่อเหล่าคนรับใช้พูดเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ ในห้องเหลือแค่หย่งฟางกับช่างแต่งหน้า
หย่งฟางมองไปที่หล่อน "ช่วยฉันหน่อยสิ ไปเรียกน้องสาวสองคนนั้นขึ้นมาหน่อย"
ช่างแต่งหน้ากะพริบตาแล้วพยักหน้า ลุกขึ้นไปทำตามคำสั่ง ไม่นานนักสองพี่น้องตระกูลฉู่ก็มา ยังไม่ทันเห็นตัวเสียงก็ลอยมาถึงแล้ว
"พี่สะใภ้หาพวกเราเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า" เมื่อพูดจบ ร่างเล็กๆ สองร่างก็วิ่งเข้ามาหา
หย่งฟางพยักหน้า แล้วตบที่เบาะนุ่มของโซฟา "นั่งสิ มีเรื่องจะคุย"
ฉู่เสี่ยวเฉียวและฉู่เสี่ยวจินจึงนั่งลง ช่างแต่งหน้าก็กลับมานั่งที่เดิม หอบหายใจด้วยความเหนื่อย
"มีเรื่องอะไรเหรอ?" สองพี่น้องถาม
หย่งฟางถามตรงๆ "ในบ้านของพวกเธอ มีใครที่สนิทกับคุณนายฉู่และนายท่านบ้าง?"
ฉู่เสี่ยวจินรีบตอบ "แม่บ้านเหรินแล้วก็พ่อบ้านหลิน!"
"เป็นสองคนที่รับฉันมาบ้านตระกูลฉู่ใช่ไหม?" เธอถามต่อด้วยความสนใจ
ฉู่เสี่ยวเฉียวพยักหน้า "แม่บ้านเหรินเป็นนางนมของพี่ใหญ่ ตอนที่ยังเด็กแม่ของพี่ใหญ่สุขภาพไม่ดี โชคดีที่มีแม่บ้านเหรินช่วยดูแล"
"พ่อบ้านหลินเป็นหัวหน้าคนดูแล ตอนพี่ใหญ่ยังเด็ก เขาก็ดูแลพี่ใหญ่เหมือนลูกแท้ๆ"
หย่งฟางครุ่นคิดแล้วถามต่อ "การดูแลประจำวันของพี่ชายเธอ เช่นการเช็ดตัว ใครเป็นคนรับผิดชอบ?"
สองพี่น้องนึกอยู่สักพักแล้วนับนิ้ว "บางครั้งก็เป็นพยาบาลพิเศษ บางครั้งก็เป็นลุงหลิน บางครั้ง...ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว"
“แล้วแม่บ้านเหรินและลุงหลินมีลูกไหม?”
"แม่บ้านเหรินมีลูกชายคนหนึ่ง ทำงานอยู่ที่บริษัทฉู่ ส่วนลุงหลิน..." ฉู่เสี่ยวจินก้มหน้าด้วยความเศร้า "มีลูกสาวคนเดียวชื่อหลินเหมียน เธอเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน..."
"หลังจากที่พี่เหมียนเสียชีวิต ลุงหลินใช้เวลานานมากกว่าจะทำใจได้ ตอนนี้พี่ใหญ่ก็หมดสติไม่ฟื้น ลุงหลินจึงเศร้าโศกไปมากกว่าเดิม..."
ฉู่เสี่ยวเฉียวก็รู้สึกเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "เธอเป็นลูกคนเดียวด้วย..."
23:30 น.
หย่งฟางแต่งหน้าเสร็จแล้ว ก่อนที่ครอบครัวฉู่จะมาบังคับให้เธอไปทำพิธีการแต่งงาน หญิงสาวเก็บอุปกรณ์ที่สามารถพกพาได้ทั้งหมด ใส่ในกระเป๋าผ้า มีมีด เหรียญทองแดงห้าราชวงศ์ ที่มีเชือกสีแดงที่สวยงามพันรอบด้าม แผ่นกระดาษเหลืองที่มีสัญลักษณ์ แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้
ช่างแต่งหน้าเห็นเธอซ่อนสิ่งของแปลกๆ เหล่านี้ก็งงไปเลย นอกจากนี้เธอยังซ่อนม้วนเส้นด้ายแดงพันรอบข้อมือ ซึ่งเข้ากับชุดแต่งงานสีแดงได้อย่างแนบเนียน ทำให้ไม่โดดเด่น และสีขาวนวลของผิวหนัง เข้ากับมันได้อย่างสวยงาม
แผ่นกระดาษเหลืองถูกซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ดูเหมือนหลังจากที่เธอออกจากวงการไป หย่งฟางไม่เพียงแต่เป็นบ้า แต่ยังอาจถูกล้างสมองด้วยความเชื่อโชคลาง ช่างแต่งหน้าแสดงความรู้สึกเห็นใจ และคิดว่าเธอคงจะรวยแล้วหลังจากแต่งงานกับตระกูลฉู่ หวังว่าเธอจะสามารถ พ้นจากสถานการณ์นี้และกลับมามีสติ หย่งฟางสวมผ้าคลุมสีแดง ขณะที่ถูกพาเดินออกจากบริเวณด้านข้างแล้วมาที่ประตูหลัก
00:00 น.
เสียงฆ้องดังก้องไปทั่ว
"ถึงเวลามงคลแล้ว!"
ในห้องโถงที่ตกแต่งแบบโบราณ ชั้นล่างถูกแต้มด้วยผ้าสีแดงยาวที่เรียบง่าย โต๊ะบนพื้นมีผ้าสีและเทียนสีเดียวกัน ที่ตำแหน่งหลัก มีคุณท่านฉู่และคุณนายฉู่นั่งอยู่ตรงนั้น ครอบครัวฉู่ไม่มีญาติหรือเพื่อนมาร่วมงานเลย ดังนั้นจึงไม่มีการตั้งโต๊ะเลี้ยงอาหาร
เจ้าบ่าวที่นอนหมดสติอยู่ในห้อง ถูกแทนที่ด้วยไก่สีแดงตัวหนึ่ง ที่หน้าของมันมีดอกไม้แดงห้อยอยู่ โดยพ่อบ้านหลินใช้ผ้าสีแดงห่อไว้ ไก่ตัวนี้ถูกจับไว้อย่างสงบไม่เคลื่อนไหว มีเพียงดวงตากลมๆ สองดวง มองไปที่คนสองคนที่ตำแหน่งหลัก แล้วมองไปที่หย่งฟาง
เป็นงานแต่งงานที่แปลกประหลาดที่สุด
พิธีกรพูดเสียงดัง “ไหว้ฟ้าและดิน!”
ลุงหลินคุกเข่าลงขณะถือไก่ แต่หย่งฟางยังไม่ขยับ
พิธีกรพูดซ้ำ “ไหว้ฟ้าและดิน!!”
“…”
“ไหว้ฟ้าและดิน!!!” พิธีกรแทบจะตะโกนออกมา
“พี่สะใภ้! พี่สะใภ้!” สองพี่น้องฉู่เตือนหย่งฟาง
คุณท่านและคุณนายสีหน้าไม่สู้ดี คุณนายฉู่กัดฟันพูด “กดเธอลงไปคุกเข่า!”
บอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามา แต่ว่าเจ้าสาวที่ถือเหรียญทองแดงไม่รู้มาจากไหน ใช้นิ้วมือถือแผ่นกระดาษสีเหลืองแล้วโยนไปที่เจ้าบ่าวไก่ กระดาษยันต์ติดอยู่ที่คอไก่สีแดง และเสียงของผู้ชายจากปากไก่ พูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่!”
หย่งฟางยิ้มออกมา อย่างไรก็ตามไก่สีแดงที่ติดแผ่นยันต์ก็พูดแค่คำเดียว แล้วถูกพ่อบ้านหลินที่มีสายตาเฉียบคม รีบเอากระดาษยันต์ออกแล้วบีบให้เป็นลูกบอล แต่ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้ยินแล้ว เป็นเสียงที่ชัดเจนมาก
“เสียงเมื่อกี้... คือพี่ฉู่เหยียนเหรอ?” พี่น้องฉู่รู้สึกสับสน
คุณนายฉู่มองไปที่ไก่ด้วยความตกใจ เสียงที่ได้ยินนั้นเหมือนกับเสียงของลูกชายของเธอ...แต่ว่าไก่จะพูดเสียงของฉู่เหยียนได้ยังไง?
คุณนายฉู่เริ่มตื่นตัวแ ละเชื่อว่าหย่งฟางกำลังสร้างความวุ่นวาย จึงไม่พอใจมาก “หย่งฟาง เธอจะร่วมมือหรือไม่ร่วมมือกันแน่?! เธอต้องให้เรากดหัวหรือยังไง!”
หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย
วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห
หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด
มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ
ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ