ในขณะที่อินอวิ๋นหยางชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อสตรีตรงหน้าเงยขึ้นมาให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรได้อย่างชัดเจน และไม่คาดคิดว่าจะได้พบสตรีที่มีความงามมากถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเคยพานพบสตรีที่มีความงามมาแล้วทั่วหล้า แต่ความงามของสตรีเหล่านั้นกลับแตกต่างจากสตรีที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้เป็นยิ่งนัก แม้แต่พระองค์ยังต้องยอมรับว่านางงดงามมากจริงๆ
“ข้าก็แค่มาเก็บสมุนไพรเพื่อนำไปศึกษาตามตำรา บังเอิญผ่านมาเห็นเจ้ากำลังนั่งวุ่นวายอยู่กับเครื่องดนตรี ข้าพอมีความรู้เกี่ยวกับกู่ฉินอยู่บ้างก็เลยเพียงแค่จะแนะนำก็เท่านั้น” อินอวิ๋นหยางบอกอีกฝ่ายกลับไปหยางเฟยอี้พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะทำตาโตเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ขึ้นมาทันทีเล่นเอาอุปราชรูปงามแทบกลั้นยิ้มเอาไว้เกือบไม่ทันกับท่าทีพิลึกพิลั่นของนาง“ถ้าเช่นนั้นท่านก็สามารถซ่อมกู่ฉินของข้าได้นะสิ!” นางถามกลับไปด้วยความอยากรู้คิ้วเข้มเรียงตัวได้รูปสวยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามกลับมาเช่นนั้น“ซ่อม!” รับสั่งทวนคำดังกล่าวหยางเฟยอี้พยักหน้าขึ้นลงพร้อมเอ่ยขึ้น“ใช่! ท่านซ่อมเป็นหรในขณะที่อินอวิ๋นหยางชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อสตรีตรงหน้าเงยขึ้นมาให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรได้อย่างชัดเจน และไม่คาดคิดว่าจะได้พบสตรีที่มีความงามมากถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเคยพานพบสตรีที่มีความงามมาแล้วทั่วหล้า แต่ความงามของสตรีเหล่านั้นกลับแตกต่างจากสตรีที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้เป็นยิ่งนัก แม้แต่พระองค์ยังต้องยอมรับว่านางงดงามมากจริงๆ“ข้าก็แค่มาเก็บสมุนไพรเพื่อนำไปศึกษาตามตำรา บังเอิญผ่านมาเห็นเจ้ากำลังนั่งวุ่นวายอยู่กับเครื่องดนตรี ข้าพอมีความรู้เกี่ยวกับกู่ฉินอยู่บ้างก็เลยเพียงแค่จะแนะนำก็เท่านั้น” อินอวิ๋นหยางบอกอีกฝ่ายกลับไปหยางเฟยอี้พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะทำตาโตเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ขึ้นมาทันทีเล่นเอาอุปราชรูปงามแทบกลั้นยิ้มเอาไว้เกือบไม่ทันกับท่าทีพิลึกพิลั่นของนาง“ถ้าเช่นนั้นท่านก็สามารถซ่อมกู่ฉินของข้าได้นะสิ!” นางถามกลับไปด้วยความอยากรู้คิ้วเข้มเรียงตัวได้รูปสวยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามกลับมาเช่นนั้น“ซ่อม!” รับสั่งทวนคำดังกล่าวหยางเฟยอี้พยักหน้าขึ้นลงพร้อมเอ่ยขึ้น“ใช่! ท่านซ่อมเป็นหร
10 วันผ่านไปท่ามกลางสายลมพาดผ่านเมฆา จนยอดไม้เอนไหวลู่ลมไปตามแรงลม เสียงบรรเลงจากกู่ฉินดังก้องกังวานไปทั่วขุนเขาหลงเมิ่ง บริเวณหน้าผาที่เป็นลานหินกว้าง บัดนี้กลายเป็นสถานที่ฝึกฝนฝีมือการบรรเลงกู่ฉินอยู่เป็นประจำของผู้ที่ได้หวนคืนกลับมามีชีวิตใหม่และบางครั้งใบไม้สีเขียวที่ผลิใบได้ไม่นานถูกนางนำมาเป่าเลียนแบบเสียงขลุ่ยอันแสนไพเราะก้องกังวาน และถึงแม้ว่าหรงเฉินจะทำขลุ่ยไม้ไผ่ให้นางแล้วก็ตาม แต่เพราะว่าที่พี่เขยไม่ได้ล่วงรู้ศาสตร์ทางด้านดนตรี จึงไม่ล่วงรู้ว่านางต้องการขลุ่ยให้เสียงเวลาเป่าออกมาเป็นเช่นไรในขณะที่บริเวณด้านหน้าเทือกเขาหลงเมิ่ง ปรากฏบุรุษรูปงามภายใต้อาภรณ์ขาวจะมายืนฟังเสียงบรรเลงจากกู่ฉินที่ดังก้องกังวานเป็นเช่นนี้ตลอดระยะเวลาสิบวันที่ผ่านมา และยิ่งมีเสียงเป่าขลุ่ยขับขานท่วงทำนองนุ่มนวลสลับกับเสียงกู่ฉินอยู่เป็นระยะๆ จนอุปราชรูปงามแอบชื่นชมผู้มีศาสตร์ทางดนตรีผู้นี้เป็นยิ่งนักอินอวิ๋นหยางจะมายืนฟังการบรรเลงกู่ฉินที่ดังมาจากหลังเขาหลงเมิ่งไม่เคยขาด นับตั้งแต่วันแรกที่ทรงได้ยินครั้นวันที่สองเสียงบรรเลงกู่ฉินดังก้องกังวานขึ้นมาอีกในเวลาเดิมอีกครั้ง
เมื่อร่างสูงของหรงเฉินก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง สายตาเฝ้าคอยจับจ้องเจ้าแห่งพิษอยู่ตลอดเวลาจนทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการประหม่าจนมือไม้วุ่นวายไปหมด นางแก้เกี้ยวโดยการคว้าขนมที่ทำเองจับยัดใส่เข้าไปในปากพยายามไม่มองหน้าอีกฝ่าย พร้อมเสียงของหรงเฉินเอ่ยกับนางเบาๆ“ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยรู้หรือเปล่า” หรงเฉินบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปหา! หวู่ซานซานถึงกับอุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น จนนางยืนอ้าปากค้างทั้งๆ ที่ขนมยังเต็มปาก มือที่ถือขนมอยู่ยกค้างเอาไว้แต่แล้วก็ต้องตกใจมากยิ่งขั้นไปกว่าเดิม เมื่อหรงเฉินก้มลงกินขนมที่ถูกนางกัดครึ่งหนึ่งไปแล้วจากมือหน้าตาเฉยพร้อมยืนเคี้ยวอยู่ตรงหน้านาง“ขนมของเจ้ารสชาติล้ำเลิศยิ่งนัก จนไม่เคยคิดลิ้มลองจากที่ไหนเลย หากข้าอยากมีโอกาสได้ลิ้มลองขนมของเจ้าไปตลอดชั่วชีวิตนี้เจ้ายินดีหรือไม่ซานซาน” หรงเฉินบอกรักผ่านขนมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างเห็นได้ชัดหวู่ซานซานยืนตัวชาพูดอะไรไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินถ้อยคำดังกล่าวออกมาจากปากของบุรุษที่นางมีใจให้ ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเมื่อถูกบอกรักผ่านขนมของนางใบหน้าอิ
6 เดือนผ่านไปกระท่อมหลังเขาหลงเมิ่งสายลมหนาวพาดผ่านความเย็นยะเยือกมาพร้อมกับหิมะโปรยปรายเพิ่งผ่านพ้นไป เทือกเขาหลงเมิ่งอากาศจะเย็นตลอดทั้งปี ในยามฤดูเหมันต์มาถึงหิมะตกหนักทั่วทั้งเทือกเขาปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลนและมีระยะเวลายาวนานถึงสี่เดือนและเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเทือกเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสีสันสดใสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สีเขียวของใบไม้และต้นไม้มากมายเริ่มออกท้าทายสู่สายตาพร้อมบรรดาไม้ดอกหลากสีต่างเริ่มผลิดอกตูมเบ่งบานกันอย่างถ้วนหน้าโดยเฉพาะต้นดอกเหมยที่อยู่บนเทือกเขาหลงเมิ่ง ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเทือกเขาสูงที่ตั้งอยู่อย่างลึกลับจะเต็มไปด้วยต้นดอกเหมยขาวที่หายากกว่าสีใดๆ โดยทั่วไปจะพบเห็นเป็นสีแดงอมชมพู ดอกเหมยส่วนใหญ่จะแย้มบานในช่วงฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ตรงกันข้ามกับดอกเหมยบนเทือกเขาหลงเมิ่งกลับบานอยู่ตลอดทั้งปีในยามนี้กระท่อมหลังเขาหลงเมิ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใสของสตรีสองนางดังออกมาจากภายในกระท่อมอยู่เป็นระยะ เสียงหัวเราะดังกล่าวบ่งบอกว่ามีความสุขกับชีวิตของพวกนางมาก และยังมีอีกผู้หนึ่งที่จะแวะเวียนมาที่กระท่อมหลังเขาหลงเมิ่งอยู่บ่
พระราชวังหลงซางเป่ย“บัดซบสิ้นดี!” เสียงสบถดังกระหึ่มไปทั่วห้องทรงงานฮ่องเต้น้อยอินอวิ๋นฉวี่ถึงกับพระพักตร์สั่นระริก เมื่อสาสน์ด่วนส่งตรงมาจากอุปราชแห่งหยวนเป่ย เสด็จอาของพระองค์แจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระชายาฟางเยี่ยนลี่ ด้วยสาเหตุมาจากอาการประชวรของพระนางที่เป็นโรคประจำตัวเกิดกำเริบขึ้นและทรุดลงไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งจากไปในที่สุดฟิ้วววว!!! สาสน์ด่วนถูกปาลงไปที่พื้นด้วยแรงพิโรธยิ่งนัก“เสี่ยวฉิงจื่อ!” สุรเสียงตวาดก้องเรียกหาขันทีคนสนิทหากแต่ไร้สิ้นเสียงขานรับตอบกลับมาของขันทีเสี่ยวฉิงจื่อแต่อย่างใด“เจ้าเสี่ยวฉิงจื่อ!!!” ครั้งนี้สุรเสียงกร้าวตวาดดังกึกก้องมากยิ่งขึ้นไปอีก พระเนตรปูดโปนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเลยทีเดียว“พ่ะย่ะค่ะ!” เสียงขันทีคนสนิทขานรับดังมาจากด้านนอกห้องทรงงานก่อนจะปรากฏกายขึ้นตรงหน้าประตูพร้อมรีบเร่งก้าวเข้ามาภายในห้องทรงงานอย่างเร่งด่วน“กระหม่อมอยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” เสี่ยวฉิงจื่อรีบรายงานตัวอย่างรวดเร็ว“มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนไอ้ลูกเต
นอกห้องพระบรรทมแอดดด!!! เสียงเปิดประตูดังขั้นพร้อมร่างของหวู่ซานซานก้าวออกมาจากห้องบรรทม ท่ามกลางสายตาของหรงเฉินที่กำลังยืนกอดอกและถือดาบยาวอยู่ในมือ ร่างสูงยืนพิงเสาต้นใหญ่กำลังเฝ้าจับจ้องเจ้าแห่งพิษอยู่ในขณะนั้น “ท่านเข้าไปนานถึงหนึ่งก้านธูปเลยมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” หรงเฉินถามกลับไปเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าแห่งพิษมีบางอย่างผิดปกติ อีกทั้งดวงตาของนางยังจับจ้ององครักษ์หนุ่มตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา เจ้าแห่งพิษก้าวเดินไปหาหรงเฉินอย่างเชื่องช้า ด้วยกำลังคิดหาคำพูดที่เหมาะสมเพื่อเกลี่ยกล่อมให้บุรุษตรงหน้าเห็นด้วยกับนางเพราะหรงเฉินเป็นองครักษ์ที่ภักดีกับอุปราชหยวนเป่ยยิ่งนัก “ข้ามีบางอย่างที่จะต้องบอกกับท่านให้ล่วงรู้” หวู่ซานซานตัดสินใจบอกกลับไป “ท่านมีอะไรจะบอกกับข้าอย่างนั้นเหรอเจ้าแห่งพิษดูท่าเป็นเรื่องสำคัญอยู่ไม่ใช่น้อย พระชายาทรงเป็นอะไรมากไปกว่าที่ท่านคิดอย่างนั้นเหรอ” หรงเฉินถามกลับไป หวู่ซานซานพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันเป็นการยอมรับกลับมา “พระชายาเป็นอะไรที่มากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้จริงหรงเฉิน” คำกล่าวของเจ้าแห่งพิษทำให้องครักษ์หนุ่มขมวดคิ้วเข้าหา