Share

2. นางผู้อัปลักษณ์

last update Last Updated: 2025-10-28 20:50:07

ณ ตลาดทาสนคร ‘วาเซต’

... ... ... ...

เสียงกลองและพิณจากพื้นเมืองไอยคุปต์ดังคลอไปทั่วนครวาเซต เมืองหลวงเก่าแก่แห่งแคว้นบนของอียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำไนล์ พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ รัศมีสีทองอ่อนเริ่มแต่งแต้มแนวเสาศิลาแห่งวิหารเพธา และกลิ่นกำยานลอยฟุ้งขจายไปในอากาศราวกับเป็นฤกษ์ยินดีได้ต้อนรับผู้มาใหม่

อัมพุชินีอยู่ในกลุ่มทาสชั้นสูงที่รอคอยการนำขึ้นประมูลในลานกลางของตลาด นครวาเซต นั้นขึ้นชื่อว่าเป็น นครแห่งการค้าขาย ทั้งทองคำ ไข่มุก เครื่องหอม และชีวิตมนุษย์

เหล่าทาสจากดินแดนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนูเบีย ลิเบีย ชาวฮิตไทต์ หรือ ชาวเปอร์เซีย ต่างก็ถูกจัดแบ่งโดยผู้ดูแลตลาดตามคุณลักษณะพิเศษ

อัมพุชินีมิใช่เพียงหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ หากแต่กายเปล่งประกายด้วยความสง่างามที่ไม่อาจปฏิเสธ เส้นผมยาวดำขลับ ริมฝีปากชมพูอ่อนระเรื่อดั่งธรรมชาติ และเรียวดวงตาประดุจกลีบบัวบาน จึงมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาของนายตลาดผู้มากอำนาจ

“นางคือ 'บรรณาการจากอารยัน' ใช่หรือไม่” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นพลางเดินสำรวจ

“ถูกแล้ว ขอรับ” เสียงผู้ดูแลคาราวานตอบ “ธิดาแห่งกัมโพชน์”

“จงอย่าทำร้ายผิวของนาง อย่าให้มีรอยช้ำแม้เพียงปลายนิ้ว” ชายผู้นั้นกล่าวอย่างเร่งร้อน

“นางจักขึ้นกลางลานในยามบ่าย แดดยามนั้นงามขับกับสีผิวนาง”

เหล่าทาสถูกแบ่งเข้าสู่คอกเล็กคอกน้อย อัมพุชินีถูกพาไปยังกระโจมประดับผ้ากรองแสงซึ่งใช้สำหรับการแต่งองค์ทรงเครื่อง เธอมิได้ขัดขืน หากแต่เพียงนิ่งเงียบขณะข้าหลวงรับใช้ชาวกัมโพชน์ต์สองคน กำลังล้างหน้าและจัดทรงผมให้อย่างเบามือ แต่เธอขอร้องให้ทั้งสองนางปกปิดรูปโฉมของใบหน้าอันงดงามด้วยปานดำจากดินหม้อ ขณะนี้เธอต้องการเข้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้โดยปราศจากตัวตนแท้จริง

“อันใดจึงหลอกพระองค์เองด้วย” หญิงรับใช้กระซิบถามเบา ๆ ขณะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้อัมพุชินีกลายเป็นคนธรรมดาสามัญ แถมยังมีใบหน้าไม่น่ามองอีก

“หากฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเห็นพระองค์ในวันนี้ บางที...” อีกคนหนึ่งกล่าวยังไม่ทันจบ

พระธิดามิได้ตอบกลับ ได้แต่เหม่อมองออกไปยังเบื้องนอก ผ่านผ้าขาวบางที่พลิ้วไหวจากแรงลมทะเลทราย

ลานกลางตลาดเริ่มเต็มไปด้วยกลุ่มชนชั้นสูง พ่อค้า คหบดี และขุนนางต่างพากันจับจองที่นั่ง เพื่อประมูลทาสพิเศษประจำรอบวาระ จันทราเต็มดวง เสียงของนักบรรยายดังแว่วมาจากเวทีไม้ยกพื้นสูง

“...นางทาสผู้นี้ จากแดนฟากฝั่งตะวันออกไกล แม้ใบหน้าอัปลักษณ์ แต่มีความรู้สมุนไพร ศิลปะ และภาษาบูรพา นางยังสามารถจำแนกเสียงของ สายลม และกลิ่นของดอกไม้ เพียงแค่หลับตา...”

ท่ามกลางเสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่ผู้ชม ณ มุมสูงของอัฒจันทร์ ฟาโรห์เมเรนคาเรประทับอยู่ภายใต้ฉัตรทองคำ พระพักตร์ยังคงเคร่งขรึม ดวงเนตรจับจ้องเวทีเบื้องล่างเป็นระยะ

และในวินาทีนั้นเอง...เมื่อม่านไหมสีฟ้าถูกเปิดออก ร่างของอัมพุชินีปรากฏในแสงตะวันอ่อนยามบ่าย เสื้อผ้าเรียบง่ายมิได้มีอันใดที่จะเน้นความงามจับตาของพระธิดาจากแดนไกล ผ้าโพกศีรษะประดับด้วยดอกบัวอบแห้ง ผ้าสไบผืนโตสีอิฐหม่นคลุมชุดส่าหรีไว้ข้างใน กำลังพลิ้วไหวตามสายลมเอื่อยๆ ยามบ่าย

ทั้งตลาดเงียบกริบ แม้เสียงเบาๆ ยังมิอาจดังเล็ดลอดออกมา แม้สายลมก็ยังมิกล้าพัดแรง พระเนตรคมวาวของ ฟาโรห์ใจหิน… กำลังทอดทัศนาลงมาอย่างไม่ลดละ แล้วเสียงเริ่มประมูลก็ดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบนั้น...

“สิบแท่งทองคำ”

“สิบสอง”

“สิบห้า กับแก้วผลึกจากฟินิเชีย”

เสียงประมูลกำลังดังเซ็งแซ่ทั่วทั้งลาน แต่แล้ว...เสียงหนึ่งจากเบื้องบนก็ผุดดังกังวานเหนือเสียงใดใด...

“หยุดประมูล!!!”

ทุกสายตาหันขึ้นไปยังเบื้องบน ฟาโรห์เมเรนคาเร ลุกประทับยืน พระหัตถ์ยกขึ้น พระพักตร์สงบนิ่ง

“ด้วยอำนาจของเราแต่เพียงผู้เดียว!!! นางผู้นี้จะถูกส่งไปยังตำหนักบูรพา”

เสียงอุทานดังครางในหมู่ฝูงชน แต่ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน นักบรรยายคุกเข่าทันที

“นางจะถูกนำทูลถวายฝ่าพระบาทตามพระราชประสงค์...พระเจ้าข้า”

... ... ... ...

เสียงกระซิบท่ามกลางหมู่นางทาสภายในบริเวณตำหนักหลวงประจำทิศตะวันออก อัมพุชินีก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบพร้อมนางเฒ่าและสาวน้อยวัยสิบหกปี ที่ตามมาคอยปรนนิบัติรับใช้เจ้านาย

กลุ่มนางทาสในเรือนพักท้ายสุดภายในบริเวณตำหนักหลวงแห่งนี้ พากันเล่าขานว่า พระราชวังทองคำ แห่งนี้ดั่งฮาเร็มของเหล่านางสนมจากทั่วทุกมุมของทวีป ฐานะของพวกนางเหล่านั้นมีทั้งเป็น บรรณาการ ของกำนัล หรือ แม้แต่เป็นเชลยจากอาณาจักรที่พ่ายแพ้

สำหรับอัมพุชินีนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มนางทาสถูกประมูลจากตลาดกลางนครวาเซต จึงถูกกำหนดให้เข้าพักอาศัยที่เรือนพักภายในตำหนักเย็น ด้านหลังพระราชวังทองคำ ตำหนักเย็นแห่งนี้จัดไว้เป็นที่พักสำหรับเหล่าสนมที่ถูกลงโทษ นางทาสในที่แห่งนี้ทุกคนจึงถูกจัดให้มีหน้าที่รับใช้บรรดาสนมต้องโทษทั้งหลาย

ภารกิจแม้ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่อัมพุชินีกลายเป็นเป้าสายตาของบรรดาสนมที่ต้องการจับผิดเหล่านั้น

“นางทาสคนนั้น ทำไมจึงมีคนติดตาม” สนมนางหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าถาม” สนมอีกนางที่เป็นพวกพ้องถามอย่างลังเล

“นางต้องเป็นหญิงสูงศักดิ์” นางคนแรกคาดเดาจากสายตาที่เห็น

“ได้ยินนางทาสที่ถูกประมูลมา... เล่าว่า นางปฏิเสธเป็น บรรณาการ ช่างเขลายิ่งนัก!!! ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธเช่นนี้” นางคนต่อมาเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน

... ... ... ...

ค่ำวันนั้น ภายในตำหนักหลวงประจำทิศตะวันออก เสียงน้ำไหลจากลำธารประสานเสียงใบไม้ร่วงหล่นลงพื้นเบาๆ ท่ามกลางความเงียบสงัด อัมพุชินียืนอยู่ตรงกอบัวศักดิ์สิทธิ์ ร่างของเธอค์สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาวเรียบ ผมปล่อยทอดยาว ร่างสูงโปร่งบอบบางกำลังรอผู้ยิ่งใหญ่ของตำหนักแห่งนี้

ประตูตำหนักเปิดออกอย่างช้า ๆ ฟาโรห์เมเรนคาเรก้าวเข้ามาเพียงลำพัง ไม่มีข้าราชบริพาร ไม่มีสนม หรือผู้ติดตาม พระเนตรสีอำพันของพระองค์จ้องมองอัมพุชินีอย่างสงบนิ่ง ความรู้สึกเย็นชาของกษัตริย์หนุ่มผู้นี้แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูภายในตำหนัก

นางทาสเช่นเธอถูกเรียกหาให้เข้าเฝ้าเพื่อรับใช้พระองค์ เป็นคืนแรกที่พระธิดาพลัดถิ่นกลายมาเป็นทาสต่ำต้อยภายใต้เงาของพระราชวังอันใหญ่โตแห่งนี้

“ใช่...พระองค์ที่ประมูลข้ามา เพราะเหตุอันใดกัน!!!” อัมพุชินีพึมพำอย่างใจเย็น

“ในโถงท้องพระโรงเมื่อวันวาน พระเนตรของพระองค์ที่จ้องข้า...น่าจะมีความลับปิดบังไม่ให้ผู้ใดรับรู้”

อัมพุชินีย้อนนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่เธอถูกประมูล มาจนถึงวันวานที่ถูกเรียกให้เธอเงยหน้าขึ้นกลางท้องพระโรง แล้วรับสั่งให้นางทาสเช่นเธอเข้ามารับใช้พระองค์ถึงตำหนักบรรทมชั้นใน

นางทาสที่มีรูปหน้าอัปลักษณ์เช่นเธอ ไม่น่าจะได้รับสิทธิ์อันใดเลย แต่กลับถูกเรียกให้มารับใช้ ท่ามกลางเสียงซุบซิบกล่าวอ้างว่า ฟาโรห์หัวใจหิน พระองค์นี้ไม่เคยให้โอกาสนางทาสคนใดได้เข้าใกล้...แม้เพียงปลายพระบาทมาก่อน แต่เพราะเหตุใดนางทาสอัปลักษณ์เช่นนางผู้นี้ จึงได้รับโอกาส ณ ราตรีจันทราเต็มดวงในคืนนี้

“ฝ่าพระบาท…เพคะ” เสียงของอัมพุชินีบางเบาราวสายลม หัวใจของเธอสั่นไหวหวาดหวั่น

“เหตุใด เจ้าจึงไปอยู่ที่ตลาดประมูลนั่น” ฟาโรห์หนุ่มเชยคางเธอขึ้นเพื่อสบพระเนตรสีอำพันของพระองค์ ความจริงจะต้องถูกเปิดเผยจากปากของเธอเอง พระองค์จะไม่บังคับ

“ข้า... ข้า อัปลักษณ์เช่นนี้ พระองค์จะยอมรับให้ข้าอยู่ตำหนักสนม...รึ!!!” น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบไม่เต็มคำ

“ข้ามิได้มองเพียงรูปลักษณ์ แม้เจ้าจักอัปลักษณ์เพียงใด แต่ข้าอยากให้เจ้าช่วย” พระสุรเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขอร้องเรียบเฉย ไม่มีทีท่าต้องการเธอให้มาสนองอารมณ์แต่ประการใด

“ฝ่าพระบาท ให้ข้าช่วยอันใด... หากมิได้เกินพละกำลังของข้า” อัมพุชินีเหลือบเห็นดวงเนตรเต็มไปด้วยความอยากรู้บางอย่าง

“เจ้ารู้จักวาดภาพ ใช่หรือไม่ ข้าสนใจลายเส้นบนแผ่นภาพ” พระพักตร์สีน้ำผึ้งมีสีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าในใจของพระองค์กำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่ากำลังอยากได้ความรู้ใหม่จากสาวดินแดนตะวันออก

“ข้าสนใจวาดภาพมาตั้งแต่เล็ก หากพระองค์อยากให้ข้าช่วย ข้ายินดีรับใช้...เพคะ” ขณะตอบดวงตาของสาวน้อยหลุบต่ำมองพื้นห้องหินอ่อนสีเทาหม่นดั่งฟ้าเยี่ยมยามโพล้เพล้

“เอ่อ...ข้ายังมิได้รู้ชื่อแท้จริงของเจ้าเลย” คำถามนี้ทำเอาเธอสะดุ้ง แล้วที่ตลาดประมูลนั่นเธอได้ยินประกาศชื่อนั้น... เป็นนามแฝงที่เธอจงใจ อัมพุชินีกำลังลังเลว่าจะยอมให้พระองค์เรียกเธอเช่นไรดี หรือว่า ... ทูลพระองค์ไปตามตรง

“พระองค์ เรียกชื่อข้าตามที่ประกาศกลางการประมูลนั่นเถิด...เพคะ”

“ข้าจักเรียกเจ้า... อัมพุ นับแต่คืนนี้ ข้าจักให้เจ้ามาที่ห้องบรรทมทุกคืน เว้นเสียแต่ว่า...” ฟาโรห์ร่างสูงโปร่งกำยำกำลังนึกไปถึงอะไรบางอย่าง

“อันใดรึ... ที่พระองค์ทรงห้ามข้า...” เธอยังต้องการข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมให้จบความในประโยคนั้น

“เว้นแต่... คืนที่ข้าหลับตั้งแต่ยามแรก” พระองค์มองปฏิกิริยาของหญิงสาวที่ก้มหน้าเพื่อรอคำรับสั่ง

“เพคะ... ข้ายินดีรับใช้ หากให้ข้ามาสอนวาดภาพ ข้าจักต้องไปหากระดาษและสี จากแห่งใด”

“ข้าจักหาให้เจ้าเอง” พระองค์ยังไม่ได้ไขปัญหาที่อยู่เบื้องลึกในใจ

“พระองค์มีปัญหาบรรทมไม่หลับ ใช่หรือไม่” เป็นคำถามที่ทำให้พระองค์นิ่ง ก่อน ตัดสินใจกล่าวอะไรออกมาบางอย่าง

“นี่คือความลับของข้า...” สีพระพักตร์ดูเจื่อนไป

“วางพระทัยเถิด... ข้าจักสอนพระองค์วาดภาพ เพื่อให้พระทัยได้พักผ่อน…เพคะ”

และในราตรีอันยาวนาน ณ ตำหนักทิศตะวันออกของฟาโรห์ แสงโคมน้ำมันสะท้อนผนังที่มีภาพของดอกบัว ภูเขา และจันทรา

สตรีผู้เคยเป็นพระธิดาแห่งแคว้นที่ล่มสลาย…

จะเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะ นางทาสผู้วาดฝันขององค์ราชัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   5. ภารกิจแรก (ซ่อนนัยยะ)

    ค่ำคืนนี้ พระราชวังหลวงแห่งไอยคุปต์เรืองรองทอประกายแสงแห่งดวงตาเทพรา พระจันทร์ทรงกลดฉาบแสงเงินบนหลังคาทองคำของตำหนักทุกหลัง และในท่ามกลางอุทยานหลวงที่เงียบสงบ ท้องฟ้าดูเหมือนจะเฝ้ามองการเริ่มต้นของบริบทที่สำคัญยิ่ง ...ที่มีเพียงหัวใจสองดวงเท่านั้นที่เข้าใจความหมายในท่วงทำนองความเป็นไปอัมพุชินี ยืนอยู่หน้าตำหนักขนาดย่อมติดสวนบัวหลวง ที่เพิ่งได้รับพระราชทานจากฟาโรห์เมเรนคาเร พร้อมตราตำแหน่ง "จิตรกรหลวงแห่งไอยคุปต์" เธอเป็นหญิงทาสคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของพระราชวังทองคำแห่งนี้คำกล่าวขานนี้ไม่ใช่เพียงชื่อเรียก หากคือ 'เกียรติยศ' ที่ไม่มีนางทาสนางใดในไอยคุปต์เคยได้ครอบครองมาก่อนพื้นที่ทำงานภายในตำหนักที่นางได้รับนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ แต่ทว่าเต็มไปด้วยแสงเทียน กลิ่นบัวหลวง และพู่กันที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะหินมีผืนผ้าเปลือกไม้จากแคว้นอียาเทป รอให้ศิลปะจากปลายนิ้วเรียวของเธอมอบชีวิตให้อย่างมีสีสัน“ตำแหน่งนี้...หาใช่เพื่อข้าแต่ผู้เดียว...”อัมพุชินีพึมพำ...“หากเพื่อแคว้นที่ล่มสลาย เพื่อพระบิดา เพื่อความทรงจำที่มิอาจถูกลบเลือน”ในขณะเดียวกัน ฟาโรห์เมเรนคาเร เสด็จกลับสู่ตำหนักปร

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   4. เสียงกระซิบในวังหลวง

    ยามราตรีปกคลุมดินแดนไอยคุปต์อีกครา... แม้ดวงจันทร์จะส่องแสงเหนือแม่น้ำไนล์ หากแต่มิอาจกลบเงามืดแห่งริษยาและเพลิงอิจฉาที่ค่อย ๆ ก่อตัวในพระราชวังหลวงข่าวลือเรื่อง ‘นางทาสจากแดนชมพูทวีป’ ผู้ทำให้ฟาโรห์เมเรนคาเร ทรงเปลี่ยนจากความเฉยชา เป็นพระราชาที่ทรงเริ่มยิ้มแย้มและมีพระบัญชากับนางผู้นี้ถี่บ่อยยิ่งนัก... ได้แพร่กระจายไปราวไฟลามต้นกกและภายในห้องสนมเอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักกลางอันงดงามระยับนั้นเอง กลิ่นชาดหอมกรุ่นจรุง... ปะปนกับกลิ่นความเคลือบแคลงใจ“เจ้าเห็นหรือไม่... ฟาโรห์มิทรงทอดพระเนตรพวกเราอีกต่อไป...” สุ้มเสียงของ ‘เนเฟรตารี’ สนมเอกแห่งวังหลวง ทายาทของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จากเมืองเธบส์ เอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย“แต่ทรงวาดภาพดอกบัว… หัวร่อต่อกระซิกกับนางทาสไร้ตัวตนจากแคว้นล่มสลาย!!!” สนมอีกผู้หนึ่งกล่าวเสริมเสียงแหลมเจือพิษริษยา สายตาดุร้ายจิกมองออกไปยังนอกตำหนักสนมที่อยู่รวมกันนับสิบคน นางมักสอพลอยกยอสนมเอกอยู่เนืองๆ และเพียรพยายามยกตนข่มสนมบรรณาการต่างถิ่นต่างแดนอยู่ตลอด และไม่ยอมน้อยหน้าและลงให้สนมคนใด... ยกเว้นสนมเอกเนเฟรตารี เท่านั้นในตำหนักกลางที่พำนักของเหล่าส

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   3. อาการของฟาโรห์

    ค่ำคืนแห่งไอยคุปต์…... ... ... ...ม่านรัตติกาลทาบทอลงเหนือมหาปิรามิดอันสูงตระหง่าน พระจันทร์ดวงโตลอยคล้อยเหนือแม่น้ำไนล์ เปล่งแสงนวลกระทบผืนน้ำส่องประกายระยิบ ไออุ่นของสายลมแห่งทะเลทรายพัดเบา ๆ ผ่านซุ้มไม้ดอกของพระตำหนักทิศตะวันออก ขับเอากลิ่นบัวหลวงหอมกรุ่นละมุนชวนให้จิตได้เพลิดเพลินผ่อนคลายอัมพุชินี นางทาสจากแดนชมพูทวีป ยังคงดำรงตนอย่างเรียบง่ายในสถานะอันต่ำต้อย หากแต่ในค่ำคืนนี้ เธอกลับได้รับพระบัญชาให้เข้าเฝ้าฟาโรห์เมเรนคาเร ณ ห้องบรรทมส่วนพระองค์ด้วยเหตุผลหนึ่ง…“ฝ่าพระบาท คืนนี้ทรงบรรทมไม่หลับอีกหรือ...เพคะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาขณะก้มกราบแนบพื้นหินอ่อนเบื้องหน้าฟาโรห์เมเรนคาเร มิได้ทรงสนพระทัยในความอ่อนน้อมนั้นนัก พระวรกายอันสูงสง่าเอนพิงแท่นหินสลักรูปเทพอนูบิส พระเนตรหม่นหมองยิ่งนักจนแลคล้ายแสงเปลวเทียนริบหรี่ใกล้ดับ“ข้าหลับตาลงมิได้… แม้นหลับลงได้คราใด ดวงจิตกลับกระตุกหวั่นไหวดั่งถูกปีศาจร้ายไล่ล่าในความฝัน”“ขอพระองค์...รับการถวายพระโอสถสมุนไพร จักชะลอความว้าวุ่นในพระทัยลงได้...เพคะ” อัมพุชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยอัมพุชินีมิได้รอช้า นางเปิดหีบยาไม้จันทน์หอมที่นำติดตัว

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   2. นางผู้อัปลักษณ์

    ณ ตลาดทาสนคร ‘วาเซต’... ... ... ...เสียงกลองและพิณจากพื้นเมืองไอยคุปต์ดังคลอไปทั่วนครวาเซต เมืองหลวงเก่าแก่แห่งแคว้นบนของอียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำไนล์ พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ รัศมีสีทองอ่อนเริ่มแต่งแต้มแนวเสาศิลาแห่งวิหารเพธา และกลิ่นกำยานลอยฟุ้งขจายไปในอากาศราวกับเป็นฤกษ์ยินดีได้ต้อนรับผู้มาใหม่อัมพุชินีอยู่ในกลุ่มทาสชั้นสูงที่รอคอยการนำขึ้นประมูลในลานกลางของตลาด นครวาเซต นั้นขึ้นชื่อว่าเป็น นครแห่งการค้าขาย ทั้งทองคำ ไข่มุก เครื่องหอม และชีวิตมนุษย์เหล่าทาสจากดินแดนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนูเบีย ลิเบีย ชาวฮิตไทต์ หรือ ชาวเปอร์เซีย ต่างก็ถูกจัดแบ่งโดยผู้ดูแลตลาดตามคุณลักษณะพิเศษอัมพุชินีมิใช่เพียงหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ หากแต่กายเปล่งประกายด้วยความสง่างามที่ไม่อาจปฏิเสธ เส้นผมยาวดำขลับ ริมฝีปากชมพูอ่อนระเรื่อดั่งธรรมชาติ และเรียวดวงตาประดุจกลีบบัวบาน จึงมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาของนายตลาดผู้มากอำนาจ“นางคือ 'บรรณาการจากอารยัน' ใช่หรือไม่” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นพลางเดินสำรวจ“ถูกแล้ว ขอรับ” เสียงผู้ดูแลคาราวานตอบ “ธิดาแห่งกัมโพชน์”“จงอย่าทำร้ายผิวของนาง อย่าให้มีรอยช้ำแม้เพียงป

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   1. ของกำนัลพลัดถิ่น

    “พระธิดา!!! เสด็จเร็วเพคะ ประตูทิศตะวันตกพังแล้ว…!!!”... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...เสียงกลองศึกดังกึกก้องไปทั่วพื้นพสุธา ราวฟ้าระเบิดกลางวันแสกๆ สายลมตะวันตกพัดแรง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นธูปหอมจากวิหารกลางนคร เสียงสวดบวงสรวงของพราหมณ์มิอาจกลบเสียงคำรามของศัตรูที่กำลังไล่บดขยี้เข้าใกล้กำแพงหลวงพระราชวังสุบรรณนาฏราช แห่งนครทวารกะ ซึ่งตั้งอยู่เหนือเนินศิลาทอง คือ ศูนย์กลางแห่ง ราชอาณาจักรกัมโพชน์ ดินแดนแห่งอารยธรรมชมพูทวีปอันรุ่งโรจน์ สง่างดงามราวภาพวาดแห่งห้วงจินตนาการ ทว่าบัดนี้ ทั้งสายน้ำ ศิลา และวังหลวงกลับต้องสะท้านสะเทือนด้วยรอยเท้าของม้าศึกแห่งกองทัพอารยัน“ขอประทานอภัยเพคะ พระธิดาอย่าเสด็จไปด้านนอกเลยเพคะ ภายนอกนั่นหาใช่ที่สำหรับพระองค์ไม่…!!!”เสียงวิงวอนของนางข้าหลวงผู้ชราสั่นเครือขณะหมอบกราบอยู่แทบบาทของ พระธิดา อัมพุชินี พระธิดาองค์สุดท้องใน ราชาธิบดีสิวราช แห่งกัมโพชน์พระธิดามิได้ตรัสตอบ ดวงเนตรอ่อนละมุนดำขลับเต็มไปน้ำพระเนตร แต่ดำเนินอย่างสง่างามประหนึ่งนางอัปสรบนชั้นฟ้า เส้นพระเกศาดำยาวดุจใยไหมสะบัดตามแรงลม ส่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status