กรีนรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอนั้นถูกบีบอัดจากใต้ผืนน้ำ ขณะที่ร่างกายของเธอถูกดูดลงไปในน้ำวนอย่างรวดเร็ว เธอพยายามจะดิ้นรนและขัดขืน แต่แรงน้ำอันมหาศาลกลับดูดกลืนร่างกายของเธอลงไปอย่างไม่ปราณี
แสงอาทิตย์ที่เคยส่องกระทบผิวน้ำค่อย ๆ เลือนลางหายไปจนหมดสิ้น ความมืดมิดตามแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกแห่ง เหมือนราวกับว่าเธอถูกขังอยู่ในโลกที่ไม่มีแสงสว่าง มันเงียบสงบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อาศัยอยู่เลย
แรงดันน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปอดของเธอเริ่มจะขาดอากาศหายใจ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ภาพของครอบครัว เพื่อนฝูง ผุดขึ้นมาในความคิด เธออยากจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้โอกาสนั้นจะเลือนลางไปทุกที
ในขณะที่กำลังจะหมดสติ กรีนเห็นภาพของธงสีแดงผืนเดิมอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันกลับไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีดำมืดทั้งยังดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
เมื่อร่างของกรีนจมลงลึกขึ้นเรื่อย ๆ ความเงียบสงบภายใต้ผืนน้ำกลับดูน่ากลัว ความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่รอบตัวกรีนนั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มันเหมือนกับหลุมดำที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้
กรีนพยายามจะขยับร่างกายเพื่อหนีจากความมืดมิด แต่ก็ทำได้เพียงแค่ดิ้นรนอย่างไร้ผล ร่างกายของเธอเริ่มจะอ่อนล้าและหมดแรงลง ทุกที
ในความมืดมิดนี้ กรีนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกลืนหายไป กลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบแห่งนี้ ร่างกายที่กำลังจมดิ่งภาพบางอย่างปรากฏฉายขึ้นมาในความคิดเป็นเมืองที่มีเพียงแสงไฟของคบเพลิงตั้งเรียงรายอยู่ตามทาง กรีนเห็นตัวเองกำลังเดินเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ปกคลุมไปด้วยความมืดที่มีเพียงแสงรำไรของแสงจันทร์ รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ความเยือกเย็นที่สัมผัสกับผิวกาย แสงของหิ่งห้อยแข่งกันส่องแสงระยิบระยับเพื่อเชื้อเชิญผู้มาเยือน กลิ่นความดิบชื้นของผิวดินสัมผัสกับจมูกของเธอทำให้รู้สึกเหมือนจริงแม้เธอนั้นกำลังจมดิ่งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบก็ตาม…
เธอนั้นเพียงคิดว่าชีวิตของเธอที่ผ่านมาอาจจะถูกใช้จนคุ้มแล้ว และในเมื่อชีวิตของเธอนั้นกำลังจะสูญสิ้นเธอก็พร้อมจะปล่อยทุกอย่างไป แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกกลัวและเสียใจที่ต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้บอกลากับใครเลย
ร่างของกรีนลอยเคว้งอยู่ในน้ำ เส้นผมของเธอขยับไปตามกระแสน้ำ ใบหน้าของเธอซีดเซียวและไร้ชีวิตชีวา ดวงตาคู่สวยปิดลงอย่างสงบราวกับกำลังหลับใหล
เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เริ่มจะขาดรุ่งริ่งและเปียกชุ่ม ในขณะที่ร่างของกรีนค่อย ๆ จมลงสู่ก้นทะเลสาบ เธอก็ได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนมาพบร่างของเธอ
ร่างกายที่ดำดิ่งยังไม่ทันลงไปถึงก้นทะเลสาบ แต่กลับมีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นดึงให้เธอลอยกลับขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง ใบหน้าสวยสัมผัสกับอากาศเมื่อโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำจึงทำให้เธอพยายามกอบโกยอากาศเข้าไปในปอดอย่างโหยหา ร่างกายที่เคยชาวาบจากความหนาวเย็นของใต้น้ำพยายามตะเกียกตะกายหาทางกลับขึ้นฝั่ง
ร่างบางสำลักน้ำที่เข้าไปภายในร่างกายสลับกับพยายามกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด ดวงตาสวยดูวิตกกังวล ในขณะที่พยายามหาทางขึ้นฝั่ง เธอมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบทางตรงหน้าที่สามารถขึ้นไปได้ แต่เพราะร่างกายที่อ่อนล้าทำให้เธอนั้นเคลื่อนตัวได้ช้า เสียงหายใจหอบของเธอบ่งบอกถึงความอ่อนล้าที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางค่อย ๆ ตะเกียกตะกายคลานขึ้นฝั่งอย่างอ่อนแรง พร้อมนอนพาดลงไปกับขอบบางอย่างที่เป็นโคลนเปียกแฉะและมีเถาวัลย์อยู่เต็มไปหมด
เมื่อหลับตาลงให้กับความเหนื่อยล้า เธอกลับลืมไปแล้วว่าที่แห่งนี้มันไม่ใช่สถานที่ที่ตนเองนั้นรู้จักหรือคุ้นเคย เมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติ ดวงตาสีน้ำตาลทองกระพริบถี่เพื่อรับแสงอีกครั้ง แต่เมื่อมองไปทางไหนเธอก็ไม่พบแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา มีเพียงแสงที่คล้ายกับแสงจันทร์ทำหน้าที่นำทาง
หมอกหนาปกคลุมไปทั่วบริเวณ และความหนาวเย็นที่สัมผัสกับร่างกาย ทำให้เธอถึงกับขนลุกไปทั้งตัว เสื้อผ้าของเธอที่สวมใส่ฮู้ดผ้าร่มและกางเกงยีนส์ที่ขาดไปบางส่วนจากน้ำวน ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกอุ่นขึ้นแม้แต่น้อย และด้วยความกลัวก็ยิ่งทำให้เธอหนาวสั่นเหมือนคนจับไข้
ความหนาวเย็นและความมืดเป็นสิ่งที่เธอเกลียดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มันยิ่งดึงดูดความรู้สึกหวาดกลัวของเธอออกมา ทำให้เธออ่อนแอ และยิ่งมองไปไกลเท่าไหร่หนทางก็ยังคงไร้แสงสว่าง ร่างบางขยับเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงความเฉอะแฉะ พร้อมกับสำรวจร่างกายของตัวเอง ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดทำให้เธอสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ร่างเล็กมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง พื้นที่แห่งนี้เป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีหลุมอยู่ทั่วทุกบริเวณและเธอก็กำลังนั่งอยู่บนขอบของปากหลุมที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและเถาวัลย์
“นี่ฉันอยู่ที่ไหน…” กรีนพึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงง
บรรยายกาศอึมครึมและความเงียบสงัดทำให้เสียงหยดน้ำที่ตกกระทบผืนน้ำดังก้องเพิ่มความน่ากลัวอย่างชัดเจน เมื่อพยายามกลับมาตั้งสติอีกครั้ง และสังเกตรอบกายที่ไร้ผู้คน แต่กลับได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่รอบตัว
“นะ…นั่น…สะ...เสียงอะไร…”
ร่างกายที่อ่อนแรงพยายามลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าไปหาเสียงนั้นด้วยความสงสัย จากพื้นน้ำกลายเป็นพื้นโคลนยิ่งยากต่อการเดินเข้าไปหาเป้าหมายแต่กลับไม่พบอะไรเลย กรีนทำได้เพียงเงี่ยหูฟังไปตามจุดต่าง ๆ และเดินไปทางที่ได้ยินเสียงตกกระทบของกิ่งไม้อีกครั้ง มันดังวนอยู่รอบตัวเธอเหมือนกำลังหลบหนีจากการถูกค้นพบ
เสียงดังกรอบแกรบของกิ่งไม้ยังคงดังอยู่เรื่อย ๆ สร้างความหงุดหงิดให้กับร่างบางได้ไม่น้อย เพราะไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนมันกลับย้ายไปส่งเสียงอีกทางด้านหนึ่งของเธอเสมอ ก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบไปอย่างไม่มีสาเหตุ
เธอเดินเข้าไปยังทางที่เป็นทางราบเรียบคล้ายทางเดิน สายตาก้มมองพื้นที่เปียกชุ่มและเฉอะแฉะตลอดเวลา เพราะความสว่างนั้นไม่อาจจะส่องถึงทำให้ต้องเพ่งสายตาในการเดินไปข้างหน้ามากกว่าปกติ เสียงนั้นกลับมาอีกครั้งทำให้ร่างบางถึงกับชะงักไป เพราะมันได้ยินชัดกว่าทุกครั้ง
มีเสียงบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เธอ ความเย็นที่สัมผัสกับร่างกายอีกครั้ง ทำให้เธอนั้นถึงกับเสียวสันหลังวาบ เพราะทางที่เดินมาเหมือนเป็นทางตัน และมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ตรงบริเวณนั้น ในใจเธอคิดเพียงว่ามันอาจจะสูงใหญ่จนเป็นเงาดำน่ากลัว ตาเรียวสวยค่อย ๆ เงยขึ้นเพื่อมองสิ่งตรงหน้า แต่ต้นไม้ต้นนี้กลับมีพื้นผิวที่แตกต่างไปมันดูคล้ายกับเกล็ดของอะไรบางอย่าง
เสียงหัวใจที่เต้นระรัวจนสัมผัสได้ ด้วยความคิดไปต่าง ๆ นานา และความแปลกของสิ่งตรงหน้านั้นอาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่คิด แต่เมื่อยิ่งไล่สายตามองมันเท่าไหร่ มันกลับยิ่งมองชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ความเลื่อมมันของเกล็ดที่ดำสนิท และแสงสีทองที่ปลายเกล็ดสะท้อนกับแสงจันทร์ สิ่งที่เห็นยิ่งเด่นชัดในความคิดของเธอว่านี่ไม่น่าจะใช่ต้นไม้อีกต่อไป
กรีนเงยใบหน้าขึ้นมองจนสบสายตาเข้ากับดวงตาเรียวคมสีเหลืองทองเป็นประกายที่เด่นชัดออกมาจากความมืด รูปร่างของมันแผ่รังสีของความน่ากลัวออกมา ดูมีอำนาจและความดุดัน บ่งบอกถึงความดุร้ายและน่ากลัว และนั่นคือ อสรพิษ…
เสียงหายใจหอบระรัวของกรีนเพิ่มขึ้นจากความตื่นกลัว ร่างอัน น่ากลัวเริ่มขยายรังสีแห่งความร้าย ขาเรียวค่อย ๆ ถอยก้าวออกมาอย่าง ช้า ๆ เพราะตระหนักได้ถึงสิ่งที่อันตรายต่อชีวิตของเธอ
ร่างสูงใหญ่มองหญิงสาวโดยไม่ละสายตาดวงตาจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวกับสิ่งแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างปรากฏขึ้นมาในความคิด เขารู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้าเรียวสวยนี้ การสวมใส่เสื้อผ้าและหน้าตาของเธอที่ผิดแปลกไปจากคนในพื้นที่ หยดน้ำที่เกาะตามเรือนร่างทำให้ผิวพรรณของเธอดูเปล่งประกายเนียนสวยตัดกับผิวขาวใสที่กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
สายตาสั่นระริกพร้อมหยาดน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นออกมา มันเต็มไปด้วยความคับแน่นในอกจนเริ่มหายใจไม่ออก ร่างบางที่หอบหนักขึ้น ด้วยความกลัวที่เกาะกินหัวใจจนแขนขาอ่อนแรงเซล้มลงไปกับพื้น สายตาที่สอดประสานกับร่างสูงใหญ่ทำให้หัวใจของกรีนเต้นรัวก่อนที่สติจะดับวูบไป
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ