เสียงอาชาและเหล่าทหารเคลื่อนตัวไปยังป่าแห่งกาลเวลาทางตอนเหนือของเมืองซิลเวอร์วิลล์ เพื่อสำรวจพื้นที่ตามตารางเวลาการลาดตระเวน แสงแดดที่ไม่เคยเข้าถึงทำให้ทุกคนต่างต้องถือคบเพลิงในการเดินทาง บรรยายกาศที่หนาวเหน็บไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ เพราะภายในร่างกายของพวกเขานั้นเยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศด้านนอกเสียอีก
ทหารร่างกำยำเดินเข้ามาหาผู้นำของเมือง ดวงตาสีเหลืองทองดุดัน น่ากลัว กำลังรอการรายงานผลการตรวจตราพื้นที่ด้วยท่าทีนิ่งขรึม องครักษ์ที่อยู่ขนาบข้างผู้นำเปิดทางให้กับทหารผู้นั้นพร้อมกับโค้งคำนับ ผู้เป็นนาย
“รายงานท่านบาบารัส ตอนนี้ทางตอนเหนือทุกอย่างปกติไม่มีสิ่งใดบุกรุกครับท่าน”
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” เสียงเคร่งขรึมที่อยู่บนหลังม้าสีดำที่เด่นสง่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่ทหารใต้บังคับบัญชาของตนเอง
“แน่ใจ…ครับ ข้าน้อยว่าไม่น่าพลาดอะไร” เสียงตะกุกตะกักเอ่ยขึ้นด้วยความลังเลใจในคำถามของผู้เป็นนาย
“และสิ่งที่ข้าให้เจ้าไปหา เจอร่องรอยอะไรหรือไม่” เสียงดุดันเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะมองจ้องคนที่ยังก้มมองพื้นโดยไม่สบตากับตน
“มะ…ไม่เจอขอรับ” เสียงเข้มเริ่มสั่นกลัวเพราะผู้เป็นายเริ่มกดดันตนกับสิ่งที่ได้รับมอบหมาย
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี !” สายตาคมมองไปที่องครักษ์ก่อนจะปัดมือไปในอากาศ เพื่อไล่ทหารคนนั้นออกไปด้วยความหงุดหงิด
องครักษ์นามว่าวิลล์ทำตามคำสั่งเขาพาทหารลาดตระเวนออกไปให้ห่างจากผู้เป็นนาย เนื้อตัวที่สั่นเทาของทหารนายนี้ ทำให้วิลลที่กำลังเดินตามอยู่นั้นรู้ได้เลยว่าเขาเป็นทหารใหม่ที่เพิ่งเข้ามาประจำการ และถูกเหล่าเพื่อนทหารส่งให้เข้ามารายงานผู้เป็นนาย
สายตาคมที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจจ้องมองไปยังเบื้องหน้า ของชายป่าเขานั้นออกลาดตระเวนมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังทำให้ใจของเขานั้นร้อนรุ่มอยู่เสมอ มันคือหน้าที่และเขาก็ใช้หน้าที่ในเรื่องส่วนตัวด้วยเช่นกัน หากลูกน้องจะมองเขาในแบบไหนเขาก็ไม่เคยสน ต่อให้มีคำซุบซิบนินทาสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยให้คำเหล่านั้นเข้ามาในโสตประสาทแม้แต่น้อย เขาต้องหาว่าที่คู่หมั้นของเขาให้เจอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม
“เบลนเดอร์” บาบารัสเอ่ยขึ้นหลังจากที่วิลล์พาทหารนายนั้นออกไปพร้อมกับเบลนเดอร์ที่เดินสวนเข้ามา
“ครับ ท่านบาบารัส” เบลนเดอร์ตอบรับพร้อมกับโค้งคำนับ
“ข้ายังคงให้พวกเจ้าทำเหมือนทุกครั้ง ไม่ว่านางจะเป็นหรือตายก็ต้องหานางให้พบ” เมื่อเอ่ยจบร่างหนาก็ดึงบังเหียนเพื่อบังคับม้าให้ออกตัว
“ครับท่าน จะทำให้สุดความสามารถ” เบลนเดอร์รับคำผู้เป็นนายก่อนจะขึ้นบังคับม้าตามออกไป
ตลอดทางที่เต็มไปด้วยสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ต่างหลบทางให้กับผู้ยิ่งใหญ่ของเมือง เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่สามารถแปรงกายเป็นงูได้ เพียงแค่การที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้มันมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน
เช่นสัตว์ตัวน้อยที่อยู่ริมทางในตอนนี้ ที่ร่างอันสง่างามกำลังเคลื่อนตัวผ่าน นั่นคือชนชั้นสามัญชนระดับเอ็กซ์ที่เป็นชนชั้นทั่วไป แค่ใช้ชีวิตไป วัน ๆ หาอาหารเพื่อประทังชีวิตและประกอบอาชีพต่าง ๆ เพื่อการอยู่รอด สามารถแปลงกายเป็นงูขนาดเล็กและขนาดทั่วไปเพื่อการออกล่าและการใช้ชีวิต
ในอีกชนชั้นหนึ่งที่กำลังรับใช้ร่างหนา สายตาคมดุ อันทรงอำนาจของเมืองนี้ก็คือ เวทย์อารักขา เป็นงูระดับชนชั้นกลาง และเป็นทหารที่ผ่านการศึกษาระดับพรีเอ็กซ์ เพื่อเข้ารับใช้ผู้นำเมืองและเป็นทหารเพื่อปกป้องบ้านเมือง
ชนชั้นนี้มีเพียงเวทย์ขั้นพื้นฐาน หากใครที่จะศึกษาเข้าในชนชั้นนี้ต้องมีฐานะร่ำรวยแต่ไม่เทียบเท่ากับตำแหน่งตระกูลใหญ่ที่สามารถจ่ายเพื่อแลกกับวิชาอันสูงส่ง มักมีการแก่งแย่งชิงดีกันในกลุ่มชนชั้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงตำแหน่ง หรือการเอาใจผู้นำเมืองเพื่อไต่เต้าเป็นผู้ปกครองเมือง แต่การที่จะเป็นผู้ปกครองเมืองนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด…
และชนชั้นสุดท้ายที่ไม่ต้องเอ่ยให้มากความ นั่นคือบุคคลที่กำลังบังคับบังเหียนม้าไปตามทางด้านหน้า สายตาที่มุ่งมั่นและเย่อหยิ่งกำลังสำรวจอย่างละเอียดทุกระเบียบนิ้ว ชนชั้นของเขาคือระดับผู้ปกครองเมือง ระดับทริพเพิลเอ็กซ์ เป็นระดับที่สูงที่สุดในวัฏจักรแห่งนี้ เขาเป็นผู้มีอำนาจ แข็งแกร่งและร่ำรวยที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้หากไม่ใช่คนในระดับเดียวกัน
ระดับเวทย์ของชนชั้นนี้คือขั้นสูงสุด สามารถแปลงกายเป็นพญางูยักษ์ ที่มีขนาดลำตัวใหญ่กว่าต้นไม้สูงใหญ่บางต้น แต่การที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ผู้นำเมืองคนนี้ก็เกือบจะแทบเอาชีวิตตัวเองไม่รอดเช่นกัน
“หยุด” บาบารัสเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เพราะเขาได้ยินเสียงบางอย่างที่แล่นเข้ามาในโสตประสาท
“ครับท่าน” วิลล์เอ่ยขึ้นหลังจากผู้เป็นนายสั่ง
เสียงการแตกกระจายหรืออะไรบางอย่างของน้ำดังเข้ามาโสตประสาท ทำให้ร่างหนาหยุดนิ่งเพื่อให้ฟังเสียงได้อย่างถนัด เขาส่งสัญญาณบอกองครักษ์ให้หยุดนิ่ง และมันคือสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีสิ่งผิดปกติจากทางที่พวกเขามา
ไม่รอช้าร่างสูงกระโดดลงจากหลังม้า และวิ่งไปทางบ่อน้ำแห่งกาลเวลาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะค่อย ๆ กลายร่างเป็นอสรพิษยักษ์ สองขาที่วิ่งเร็วขึ้นพร้อมกับกระโดดขึ้นเหนืออากาศ ตามลำตัวที่บ่งบอกความเป็นมนุษย์ค่อย ๆ กลายเป็นเกล็ดสีดำเลื่อม ปลายเกล็ดส่องแสงทอประกายทองเมื่อได้สะท้อนกับแสงจันทร์ มันดำเงาและงดงาม หากใครที่ได้ชื่นชมมันอย่างใกล้ชิดอาจจะได้หลงไหลในความสง่างามนั้น แต่หากได้สบตากับเจ้าของเรือนร่างอันทรงพลังอาจจะกลายเป็นฝันร้ายได้เช่นกัน
ร่างหนาที่กลายเป็นอสรพิษใหญ่ยักษ์มุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำแห่งกาลเวลาพร้อมกับเหล่าทหารที่แปลงกายตามผู้เป็นนายไปยังที่หมายอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารไม่ลืมที่จะทิ้งระยะห่างจะได้ไม่ขัดหูขัดตาร่างใหญ่ หากได้ขัดใจหรือทำอะไรให้เขารำคาญใจก็อาจจะถูกลงโทษอย่างไม่ปราณีโทษฐานที่ทำอะไรไม่คิด
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ