“สอบสวนเธอ” ร่างสูงชี้ไปที่หญิงสาวก่อนจะนั่งไขว่ห้างเพื่อรอการเริ่มสอบสวน
เบลอนเดอร์เดินเข้าไปที่ร่างบางก่อนจะเริ่มการสอบสวนในทันที ในเมืองของเขาถือสมุดกับปากกาขนนกเพื่อบันทึกการสอบสวน
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” เบลนเดอร์มองไปร่างบางด้วยสายตาราบเรียบและใช้โทนเสียงทุ้มต่ำ
“….” กรีนไม่ได้ตอบอะไรออกไปก่อนจนรู้สึกถึงบางอย่างที่เข้ามากระทบที่ตัว มันคือโคลนที่ผสมน้ำคราบสีดำดูน่าขยะแขยงทำให้กรีนนั้นถึงกับตกใจ
“ให้ความร่วมมือกับพวกเราก่อนที่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่โคลน” เบลนเดอร์เอ่ยอีกครั้งด้วยแล้วมองไปที่ตาสวยของร่างบางตรงหน้า
“น้ำ...มากับน้ำ” กรีนเงยหน้ามองทหารที่กำลังถามคำถามเพื่อสอบสวน เขาเหมือนคนที่ไม่ได้ดูร้ายอะไรแต่ดวงตาของเขามันกลับดูเยือกเย็น
“ทำไมเจ้าถึงขึ้นมาจากน้ำ” เบลนเดอร์ค่อย ๆ ถามอย่างช้า ๆ พร้อมสังเกตดวงตาสีน้ำตาลทองเพื่อดูความผิดปกติ
“ฉันจมน้ำ…ฉันกลัว” กรีนตอบด้วยเสียงแผ่วเบาและนึกถึงตอนที่ตัวเองกำลังอยู่ภายใต้น้ำวนที่มีพลังมหาศาลมันทั้งหนาวเหน็บและน่ากลัว ทั้งความมืดมิดที่ตัวเองเกลียดชังทำให้ไม่อยากนึกถึงมันอีก
“ตอบให้ชัดเจนกว่านี้ !” เบลนเดอร์เดินอ้อมไปยังด้านหลังของหญิงสาว ก่อนจะใช้ไม้ท่อนสั้นฟาดลงที่พนักผิงหลังเก้าอี้ของเธออย่างแรงจนเกิดเสียงดัง
“ฮรึก…ก็บอกว่าขึ้นมาจากน้ำไง !! ฉันจมน้ำแล้วมาโผล่ที่นี่ กรี๊ด !!”กรีนตกใจก่อนจะถูกของเหลวสีดำสาดเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว
“อย่าขึ้นเสียงต่อหน้านายท่านมันเสียมารยาท” เบลนเดอร์เดินมายืนที่ด้านหน้าของร่างบางอีกครั้งพร้อมกับเชยคางมนให้สบตา
“พอก่อน” ร่างสูงที่นั่งมองมาสักพักมองหญิงสาวที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว และเมื่อองครักษ์ของตนเริ่มแตะต้องตัวเธอเขากลับอยากหยุดมันไว้แค่นั้นจึงเอ่ยขัด
“ครับท่าน...” เบลนเดอร์ถอยออกมาให้ผู้เป็นนายได้เข้ามาพูดด้วยตัวเอง
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเป็นไส้ศึกที่ถูกส่งมาใช่หรือไม่” บาบารัสถามด้วยเสียงราบเรียบพร้อมกับนั่งยองลงที่ด้านหน้าของหญิงสาวที่ตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกไปเป็นน้ำเสียงที่ดูใจเย็นไม่กดดัน
“คือ...ฉันจมน้ำแล้วฉันก็ถูกน้ำวนดูดลงไปรู้สึกตัวอีกทีก็มาโผล่ที่นี่แล้ว…ฉันไม่ได้โกหก” กรีนสบตาเข้ากับร่างสูงก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ตัวเองนั้นมาที่นี่ได้อย่างไร
“แล้วยังไงต่อ เล่าให้ข้าฟังที” สายตาคมมองร่างบางพร้อมกับสะกดจิตหญิงสาวให้พูดความจริงออกมา
“ฉันจมลงไปในน้ำมันดูดฉันลงไปในความมืด มันหนาว น่ากลัว และมืดมาก...” เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้อีกครั้งร่างกายกลับสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีจนอีกคนฝ่ายสัมผัสได้
“ตอนขึ้นมาที่นี่ เจ้าเห็นอะไร” บาบารัสถามอีกคนอย่างช้า ๆ และมองจ้องไปที่นัยน์ตาสวยของหญิงสาวที่กำลังโดนมนตร์สะกด
การที่เธอโผล่เข้ามาที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะบ่อน้ำแห่งการเวลานั้นมันต้องผ่านประตูมิติเท่านั้น หรือผู้ที่มีเวทมนตร์ในการข้ามผ่านเวลามาถึงจะโผล่มาที่นี่ได้ เพราะพวกเขาเองก็ใช้ทางนี้ในการเดินทางไปอีกเมืองเช่นกัน
“งู...ฉันเห็นงูตัวใหญ่มาก…มันน่ากลัว” กรีนนึกถึงตอนที่ตัวเองนั้นเจอกับงูตัวใหญ่ยักษ์ภายในป่า มันน่ากลัวมากจนเธอนั้นสลบไปแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“นางไม่ได้โกหก” ร่างสูงหยุดการสะกดจิตเพียงเท่านั้นพร้อมเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้และมองจ้องไปที่หญิงสาว เพราะในตอนพาเธอมาที่นี่เขามีความรู้สึกบางอย่างเหมือนเคยผูกพันธ์หรือเคยเจอเธอที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่เขากลับจำมันไม่ได้จู่ ๆ ความรู้สึกหงุดหงิดก็ก่อกวนจิตใจเขาอีกครั้ง
“…” กรีนเหมือนรู้สึกว่าสติตัวเองดับวูบไปก่อนจะกลับมามีสติอีกครั้ง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เธอเห็นชายที่อ้างว่าเป็นผู้ปกครองเมืองแห่งนี้กำลังนั่งมองเธอด้วยสายตาหงุดหงิด
หญิงสาวคิดในใจว่าชายตรงหน้าเป็นอะไรนักหนาชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับตลอดเวลาเหมือนถ้ามีใครขัดใจเขาก็พร้อมที่สวนกลับทันทีและในเวลานี้หญิงสาวเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน
ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร…
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ