"นายท่านขอรับ" ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามนายหน้าไปทำสัญญา ก็ถูกหนึ่งในทาสที่ซื้อไว้ดึงรั้งชายเสื้อของต้าหลาง
"มีอันใด" ต้าหลางหันไปมองอย่างข้องใจ เมื่อเห็นทาสนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
"ทะท่าน ช่วยพาภรรยากับบุตรสาวของข้าไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ" ต้าหลางหันมาหาซูมี่อย่างหนักใจ
ก่อนที่ซูมี่จะเอ่ยพูด ทาสอีกห้าคนก็คุกเข่าลงเสียงดังและบอกความต้องการที่เหมือนกัน
"เช่นนั้นก็ซื้อไปทั้งหมดเถิดท่านพ่อ" ซูมี่ถอนหายใจ หากมิใช่เป่าเปารับรองนางก็ไม่กล้าพาทุกคนกลับไปที่เรือน เพราะกลัวจะล่วงรู้เรื่องของนาง
นายหน้าที่ได้ยินก็ยิ้มกริ่ม ก่อนจะให้คนไปพาครอบครัวของทั้งห้าออกมา แล้วเดินนำต้าหลางกับซูมี่ไปห้องรับรองเพื่อจ่ายเงินและมอบสัญญาของทาสทั้งหมดให้
จากที่ต้าหลางจะได้ทาสบุรุษไปทำงานเพียงยี่สิบคน กับต้องพากลับถึงสามสิบสองคน
"ท่านมีรถม้าไปส่งที่จวนข้าหรือไม่" ซูมี่หันไปถามนายหน้า เขาก็รีบสอบถามที่อยู่ก่อนจะรับปากว่าจะไปส่งคนที่หมู่บ้านให้
ซูมี่เดินไปที่กลุ่มคนที่นางซื้อไว้ ก่อนจะมอบเงินให้เขาสิบตำลึงทองเพื่อไปซื้อเสื้อผ้าให้กับทุกคน โดยนางยกให้เขาเป็นพ่อบ้านจัดการเรื่องทุกเรื่องไปเลย เมื่อสอบถามความได้ว่าเขาเคยเป็นพ่อบ้านให้จวนของขุนนาง
เมื่อครอบครัวของขุนนางย้ายกลับไปที่เมืองหลวง ทาสที่อยู่ในเมืองเจียงซวงทั้งหมดก็ถูกขายทิ้ง ตัวเขาภรรยาและบุตรก็เป็นหนึ่งในนั้น ซูมี่จึงบอกให้เขาซื้อเพียงเสื้อผ้า และซื้อให้มากเสียหน่อย ให้เพียงพอกับทุกคนร่วมถึงเสื้อกันหนาวด้วย
สองพ่อลูกจึงพากันกลับหมู่บ้านเพื่อรีบไปบอกนางจางกุ้ยก่อน หากคนไปถึงก่อนที่สองพ่อลูกจะถึงนางจางกุ้ยคงได้ตกใจกันพอดี และก็เป็นเช่นที่สองพ่อลูกคิด เมื่อบอกนางจางกุ้ยเรื่องที่ซื้อคนมาทั้งหมด สามสิบสองคน นางจางกุ้ยก็ตบอกเพื่อเรียกสติทันที
"ที่อยู่จะพอหรือไม่" นางจางกุ้ยเอ่ยอย่างกังวล
"เรือนด้านข้างทั้งสองเรือนก็ยังว่าง ท่านแม่ก็ให้พวกเขาอยู่ไปเสียก่อน อย่างไรก็ไม่มีคนอยู่" ต้าหลางจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ท่านแม่ ท่านตาท่านยายเป็นเช่นใดบ้างเจ้าคะ" นางจางกุ้ยถอนหายใจเมื่อนึกถึงบ้านเดิมของนาง
เพราะพี่สะใภ้ที่มีนิสัยร้ายกาจนางถึงต้องแต่งออกมาตั้งแต่อายุเพียงสิบสี่หนาว ในตอนแรกนางจะไม่ได้แต่งกับต้าหลางแล้ว นางถูกพี่สะใภ้บังคับให้แต่งกับพ่อหม้าย แต่บิดามารดาของต้าหลางที่มาเห็นเหตุการณ์ ทั้งคู่รู้จักกับบิดามารดาของจางกุ้ยจึงสู่ขอนางให้ต้าหลางแทน
ตั้งแต่วันนี้จางกุ้ยก็ได้กลับไปที่บ้านเพียงสามครั้งเท่านั้น และทุกครั้งที่กลับไปนางก็จะถูกค่อนแคะเรื่องที่ไม่อาจมีบุตรชายได้ ต่อให้คิดถึงบิดามารดามากเพียงใด จางกุ้ยก็เลือกที่ไม่กลับไปที่บ้านเดิมอีกเลย ต้าหลางก็ไม่อาจทนเห็นนางเสียใจทุกครั้งที่กลับบ้านเดิมได้ก็เลยเห็นด้วยหากนางไม่กลับไป
"ท่านตา ท่านยายเจ้าคงสบายดี หากล้มป่วยท่านลุงรองของเจ้าคงติดต่อแม่มาแล้ว" ซูมี่เมื่อเห็นมารดาไม่อยากพูดเรื่องบ้านท่านตาท่านยายนางก็เลิกพูดถึง
เพียงไม่นานคนที่ซื้อไว้ทั้งหมดก็ถูกส่งมาที่เรือนของตระกูลซู ชาวบ้านก็มาหยุดยืนมอง เมื่อเห็นว่าเป็นทาสที่ถูกซื้อมาเพื่อทำไร่ทำนา ต่างก็แยกย้ายกันไป
จางกุ้ยยกมือกุมหน้าผากเมื่อคนทั้งสามสิบสองเดินเข้ามาในเรือน ทุกคนคุกเข่าลงที่ลานเรือนเพื่อรอฟังคำสั่ง แต่ต้าหลางให้ทั้งหมดลุกขึ้น เพราะเขาต้องการคนมาช่วยงานไม่ได้ต้องการทาสที่มาคอยรับใช้เพียงอย่างเดียว
ทั้งหมดเมื่อได้ฟังก็ลอบเช็ดน้ำตา เพราะน้อยครั้งนักที่จะมีคนพูดกับพวกเขาเช่นนี้ เพียงแค่ซื้อตัวออกมาจากตลาดค้าทาสก็ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่ถึงคนละห้าชุดแล้ว
"เช่นนั้นวันนี้ก็ไปจัดการเรื่องที่นอนก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาพูดคุยเรื่องงานกัน" ต้าหลางเห็นสีหน้าของทุกคนอ่อนเพลียจึงเอ่ยขึ้น
"นายหญิงท่านนำน้ำนี้ให้ทุกคนดื่ม รับรองเรื่องภายในเรือนของท่านพวกเขาจะไม่พูดออกไป"
ซูมี่เอ่ยขัดพ่อของนางไว้ก่อน แล้วนางก็วิ่งเข้าไปในเรือนเพื่อเข้านำกามาใส่น้ำแล้วนำไปแบ่งให้ทุกคนได้ดื่ม ซูที่มิได้ถามเป่าเปาว่าน้ำที่นางให้มาคือน้ำอะไร และนำมาจากที่ไหน เพราะนางเชื่อมั่นในตัวเป่าเปา
ทุกคนรับน้ำมาดื่มอย่างไม่มีคำถาม เมื่อซูมี่ยืนมองว่าจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่ก็ไม่พบว่าทุกคนจะล้มลงแล้วน้ำลายฟูมปากนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แววตาทุกคนที่มองมาที่ครอบครัวของนางเปลี่ยนเป็นเคารพนอบน้อมมากขึ้น
"ท่านลุง ท่านชื่ออันใดเจ้าคะ" ซูมี่ถามท่านลุงที่นางยกให้เป็นพ่อบ้าน
"เรียนคุณหนู ข้าเกิดในจากบ่าวในจวนไม่มีชื่อแซ่ เมื่อมาเป็นพ่อบ้านก็ใช้แซ่ของเจ้านายขอรับ" ซูมี่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"เช่นนั้นข้าเรียกท่าน ท่านลุงกวง แล้วกันเจ้าค่ะ ทุกคนอยากใช้ชื่อใดก็ตั้งมาได้เลยส่วนแซ่ก็ใช้แซ่ของบิดาข้าแซ่ซูเจ้าค่ะ" ทุกคนคุกเข่าลงแล้วขอให้นางเป็นคนตั้งชื่อให้พวกเขา ซูมี่ยกมือกุมขมับ สามสิบกว่าคนนางจะตั้งเช่นใด
ครอบครัวของซูกวง ภรรยาป้าเหมย บุตรชายอาหมาน
ครอบครัวซูถัง ภรรยาป้าอวี้ บุตรสาวโม่ลี่(ติดตามซูมี่)
ครอบครัวซูโจว ภรรยานางจือ บุตรชายอาเต๋อ บุตรชายอาตง
ครอบครัวซูเจียง ภรรยานางเหอ บุตรสาวเสี่ยวจิ่ว
ครอบครัวซูต๋า ภรรยานางหยุน บุตรชายอาไห่ บุตรสาวเสี่ยวหลาน
ที่เหลือยังไม่มีครอบครัวนางเรียกตามลำดับเลขเพื่อให้จำได้ง่าย เช่นเสี่ยวอี เสี่ยวเอ้อ เสี่ยวซาน
กว่าจะตั้งชื่อเสร็จสมองของนางก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่นได้แล้ว
ซูมี่นางส่งฮ่องเต้และฮองเฮาลงแช่น้ำโดยให้ มามาและหยางกงกงคอยดูแลแล้วก็พาองค์รัชทายาทไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋"เพราะพระองค์เห็นหม่อมฉันเป็นน้องสาว และหม่อมฉันก็เห็นพระองค์เป็นพี่ชาย จึงได้พามาที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋" ซูมี่นางอธิบายเรื่องการเปลี่ยนไขกระดูกและการฝึกวรยุทธให้องค์รัชทายาทได้เข้าใจอย่างน้อยองค์รัชทายาทก็ต้องมีวรยุทธไว้ปกป้องพระองค์เอง เพื่อเกิดเหตุการณ์เช่นกบฏองค์ชายรองอีกครั้ง"มี่เออร์ เปิ่นหวางไม่เสียทีที่รักเจ้าเหมือนดั่งน้องสาว" องค์รัชทายาทเอ่ยออกมาจากใจ เพราะเขารักนางเหมือนน้องสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่นางช่วยเสด็จพ่อของตนไว้ ไม่คิดว่านางจะไว้ใจตนจนมอบเรื่องวิเศษเช่นนี้ให้"พระองค์อดทนให้ได้นะเพคะ" ซูมี่บอกองค์รัชทายาทเมื่อมาถึงด้านในถ้ำของเสี่ยวไป๋"เปิ่นหวางจะอดทน" ซูมี่พยักหน้าให้ฮุ่ยหมิ่นคอยดูแลองค์รัชทายาท ส่วนนางจะกลับไปดูทางฮ่องเต้ ฮองเฮาก่อนเสียงกรีดร้องขององค์รัชทายาทดังออกมาจากนอกถ้ำ เสี่ยวไป๋ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน"ร้องดังกว่าเจ้าในยามนั้นเสียอีก" ซูมี่อดจะหัวเราะเสียงดังออกมามิได้เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋เมื่อกลับมาถึงถ้ำของเสี่ยวเฮย ฮ่องเต้ก็ขึ้นจากน้ำมาเรี
นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตรงหน้าของตนได้เปลี่ยนไป แปลงสมุนไพรที่มีสมุนไพรหายากมากมาย ผัก ผลไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมดเสี่ยวไป๋ในยามนี้ตัวใหญ่จนน่าตกตะลึง แล้วไหนจะหมาป่าสี่ตัวกับหมีควายที่กำลังวิ่งมาทางนี้อีก ฮูหยินไป๋เกือบจะเป็นลมแต่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองไว้เสียก่อนเป่าเปาที่ปรากฏกายด้วยรูปร่างที่แท้จริงบินไปตรงหน้าของนายท่านไป๋ เขาจ้องมองทุกสิ่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แม้จะผ่านเรื่องน่าเหลือเชื่อมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้นับว่าเกินเขาจะรับไว้"มี่เออร์นี่เรื่องอันใด" เขาเอ่ยเสียงที่แทบหาไม่เจอออกมาอย่างอยากเย็นซูมี่เล่าเรื่องภายในมิติของนางให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ได้ฟัง นางพาทั้งคู่ไปที่ถ้ำของเสี่ยวเฮย เพื่อให้พวกเขาลงไปแช่ในน้ำ เพราะทั้งคู่ไม่ต้องเปลี่ยนไขกระดูกเช่นนางกับฮุ่ยหมิ่นจึงไม่ต้องไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋เมื่อทั้งสองลงไปแช่ในน้ำ เพียงหนึ่งชั่วยามเมื่อขึ้นมาจากน้ำต่างก็พบความเปลี่ยนแปลงของตน นายท่านไป๋ที่มีโรคปวดตามข้อตามอายุของตนก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้ก่อนหน้านี้จะกินผักผลไม้ของตระกูลซูแต่ก็ต้องกินเป็นระยะเวลานานถึงจะเห็นผลรูปลักษณ์ของทั้งคู่ก็ดูจะอ่อนเยาว์ขึ้นอ
เสี่ยวซานก็จัดการหาฤกษ์มงคล พร้อมทั้งหาแม่สื่อไปพูดคุยกับซูถัง ป้าอวี้ บิดามารดาของโม่ลี่เพื่อสุ่ขอนางตามธรรมเนียม เรื่องสินสอดและสินเดิมซูมี่นางก็จัดการให้อย่างใจกว้างจนบ่าวในเรือนที่ชอบพอกันมาบอกกล่าวนางว่าตนอยากจะแต่งกับคนนั้น คนนี้ ซูมี่ก็ไม่ขัดข้องพร้อมทั้งจัดการให้ทุกคน เพราะทุกคนที่กล้ามาพูดกับนางล้วนอยู่กับนางมาตั้งแต่ที่เมืองเจียงซวนงานมงคลของบ่าวในจวนแม่ทัพจัดขึ้นภายในเรือน แม้แต่จวนอื่นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า แม่ทัพไป๋กับฮูหยินจะใจกว้างถึงกับจัดงานในบ่าวของตนด้วยเพียงวันเดียวก็มีคู่แต่งงานในจวนถึงห้าคู่ ซูมี่แบกท้องที่ใหญ่โตของนางไปร่วมงานด้วย ทั้งยังอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับทุกคน ต้าหลาง จางกุ้ยก็พาบ่าวในจวนของเขามาร่วมงานด้วยเช่นกัน"ท่านพี่ ข้าคิดว่าข้าจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ"ซูมี่ดึงแขนเสื้อของฮุ่ยหมิ่นที่ร่วมดื่มเหล้ามงคล"ตามหมอตำแยประเดี๋ยวนี้" ฮุ่ยหมิ่นตกตะลึง เมื่อดึงสติมาได้ เขาก็ตะโกนเสียงดังภายในจวนจึงได้วุ่นวายไปหมด โม่ลี่ที่อยู่ในห้องหอก็อยากจะออกมาดูนายหญิงของตนใจแทบขาด แต่ก็โดนสั่งห้ามไว้ เพราะมีคนอยู่ในจวนมากมายให้นางวางใจได้ แต่นางก็มิยอมฟังยังออกจากห้องหอมาที่เ
คุณหนูหานร้องอย่างตกใจ พร้อมทั้งกระโดดไปที่ฮุ่ยหมิ่น แต่มีหรือที่คนอย่างฮุ่ยหมิ่นจะยอมให้สตรีนางอื่นมาโดนตัว เขาพุ่งหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะดึงซูมี่ออกห่างมาด้วยคุณหนูหานจึงล้มลงไปกองที่พื้นเสียงดัง สาวใช้ของนางต้องรีบเข้ามาประคองนายของตนอย่างเสียขวัญไหนจะมีเสือขาวที่นอนหมอบจ้องมาทางพวกนางเหมือนจ้องตะครุบเหยื่อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะทิ้งนายตนเองมิเช่นนั้นเมื่อกลับจวนไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษเช่นใด"ไล่มันออกไปสิเจ้าค่ะ" นางร้องสั่งฮุ่ยหมิ่นให้ไล่เสือขาว"เป็นเจ้าที่ต้องออกไป เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงของมี่มี่" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยเสียงเย็นอย่างไม่ไว้หน้าคุณหนูหานไม่คิดว่าฮุ่ยหมิ่นไม่รับตัวนางไว้ แล้วยังออกปากไล่นางออกจากจวนอีก นางจึงร้องไห้รีบร้อนออกจากจวนท่านแม่ทัพไปอย่างอับอาย"นางเข้ามาได้อย่างไร" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยถามบ่าวเสียงเข้ม"ข้าให้นางเข้ามาเองเจ้าค่ะ อยากรู้ว่านางมาด้วยเรื่องอันใด" ซูมี่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองมายังที่นั่ง"แล้วรู้หรือยังว่านางเข้ามาด้วยเรื่องอันใด" เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขากับตระกูลหานไม่ได้สนิทถึงขั้นต้องไปมาหาสู่กัน อีกอย่างฮูหยินรองก็ไม่ถูกกับมารดาของตนอีกด้
ฮุ่ยหมิ่นก็ตั้งใจทำเช่นที่เขาพูดจริง นับตั้งแต่วันนั้นมา ฮุ่ยหมิ่นก็เหมือนจะเร่งมือเรื่องทำบุตรทุกค่ำคืน เพราะซูมี่นางกลับไปที่จวนโหวทุกวันเพื่อดูน้องชายบ้างวันฮุ่ยหมิ่นกลับมาจากค่ายทหารยังหาภรรยารักไม่พบ จนต้องตามไปที่จวนท่านพ่อตาเพื่อรับนางกลับจวน"เกิดอันใดขึ้น" ฮุ่ยหมิ่นที่เพิ่งกลับมาถึงเรือน ก็เห็นบ่าววิ่งกันให้วุ่น"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินนางกินอันใดมิได้ขอรับ บ่าวในเรือนจึงต้องไปทำใหม่เสียหลายรอบ" พ่อบ้านซานรีบบอกฮุ่ยหมิ่น"ตามหมอหรือยัง" ฮุ่ยหมิ่นเหมือนจะลืมไปว่าซูมี่นางรู้วิชาแพทย์"ฮูหยินมิได้ตามขอรับ" พ่อบ้านซานหลบสายตาของฮุ่ยหมิ่น"ประเสริฐ" เขารีบร้อนเดินไปที่เรือนของตนเพื่อดูอาการของซูมี่ และอยากจะตำหนินางที่ไม่ยอมตามหมอ"มี่มี่ เหตุใด เจ้าถึงไม่ตามหมอ" ฮุ่ยหมิ่นเข้ามาถึงก็เอ่ยถามทันทีแต่เมื่อเห็นโม่ลี่ประคองกระโถนในมือเพื่อให้ซูมี่นางอาเจียนก็รีบร้อนเข้ามานั่งข้างนางทันที"ท่านยังมิรู้อีกหรือว่าข้าเป็นอันใด" ซูมี่เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง เสี่ยวไป๋ก็เข้ามาซุกอยู่ที่ท้องของนางอย่างห่วงใย"ดื่มก่อนเจ้าค่ะนายหญิง" เป่าเปาส่งถ้วยน้ำในมือของนางให้ซูมี่ เมื่อนางดื่มเข้าไปอาการอยากอาเจี
ภายในห้องโถงเรือนหลักของจวนแม่ทัพ ในยามนี้มีเพียงบิดามารดาของฮุ่ยหมิ่นเท่านั้น เพราะเขาแยกจวนมาอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพแล้ว วันนี้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เพียงมาพักช่วงรับตัวเจ้าสาวเข้าจวน"คารวะท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ" ซูมี่ยกน้ำชาขึ้นเหนือคิ้วของนาง ส่งให้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋"นับจากนี้เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าอีกคนแล้ว" ฮูหยินไป๋จินชาเล็กน้อย ก่อนจะวางโฉนดที่ดินนอกเมืองให้ซูมี่ห้าร้อยหมู่เพื่อรับขวัญลูกสะใภ้"หากมีเรื่องอันใดที่จัดการไม่ได้ ก็บอกแม่สามีของเจ้าแล้วกัน" นายท่านไป๋ก็ชาขึ้นดื่มเล็กน้อยพร้อมทั้งโบ้ยให้ทางฮูหยินไป๋รับเรื่องไว้ฮุ่ยหมิ่นส่ายหัว เมื่อเห็นมารดาทำหน้าเหมือนอยากจะทุบบิดาของตน ซูมี่นำของที่นางเตรียมไว้มอบให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ เมื่อทั้งคู่เปิดดูก็ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะนางให้โสมที่นางปลูกไว้ให้ทั้งสองถึงห้าหัวแต่ถ้าทั้งคู่รู้ว่าโสมของนางมีเป็นพันหัวไม่รู้จะแสดงสีหน้าเช่นไร แม้โสมทั้งห้าหัวจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นที่เสี่ยวเฮยนำมาให้ซูมี่ แต่ถ้าเทียบกับที่จวนอื่นมี ในมือของทั้งคู่ตอนนี้ก็ถือว่าใหญ่ที่สุด ฮูหยินไป๋กอดกล่องไม้ไม่ยอมส่งให้สาวใช้ถือ เมื่อทานอาหารเช