ต้าหลางนำออกมาเพียงสามหัวเท่านั้นมิได้นำออกไปขายมาก เพราะเขาอยากจะนำเงินไปสร้างเรือนหลังใหม่ หากจะนำของในมิติออกไปก็ต้องหลบสายตาของชาวบ้าน จึงอยากให้มีกำแพงเรือนที่สูงขึ้น และบ้านที่แข็งแรงเพื่อให้ผ่านหน้าหนาวไปได้
ซูมี่นางรู้สึกหิวจึงชวนบิดามารดาออกจากมิติเพื่อไปทำอาหารที่เรือน ซูมี่ที่เห็นมารดาหอบของอยู่ในอ้อมแขนมากมายก็ส่ายหัว ก่อนที่จะพาทั้งสองออกไป ต้าหลางกับจางกุ้ยก็ยังเอ่ยลาและบอกจะเข้ามาหาเป่าเปาบ่อยๆอีกด้วย
เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว เวลาที่ผ่านไปเหมือนพวกเขาเข้าไปได้ไม่นาน ต้าหลางกับจางกุ้ยที่คิดว่าออกมาฟ้าจะมืดเสียแล้วต่างก็แปลกใจ
"ท่านแม่ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูมี่พูด นางจางกุ้ยก็รีบร้อนหอบของเข้าครัวไปก่อนจะรีบลงมือเร่งทำอาหารอย่างรวดเร็ว
ทั้งสามนั่งกินข้าวอย่างรวดเร็ว เมื่อมีเครื่องปรุงที่มากกว่าเดิมอาหารที่ทำออกมาจึงมีรสชาติที่หน่อยกว่าในทุกวัน กับข้าวที่มากมายบนโต๊ะทั้งสามก็กินเสียหมดเรียบ
ชิงฉางที่อ่านหนังสืออยู่ในเรือน เพราะเรือนของเขาอยู่ติดกับตระกูลซูย่อมต้องได้กลิ่นอาหารที่ลอยมาถึงเรือนของเขา ชิงฉางต้องปิดตำราลงเพราะอ่านไม่รู้เรื่อง และเขาก็เดินไปดื่มน้ำเสียมากมายก่อนจะดับไฟเพื่อเข้านอนทันที
ชิงฉางเมื่อล้มตัวนอนลงบนเตียงก็คิดถึงเมื่อก่อนที่ซูมี่นางนำของมาให้ตนทุกวัน ต่อให้หวนคิดเสียดายในตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนตนคงได้กินอาหารพวกนั้นก่อนคนในตะกูลซูเสียอีก
เมื่อถึงเวลาที่จะเข้านอน ซูมี่เดินไปที่ห้องของบิดามารดานางนำที่นอน หมอนและผ้าห่มชุดใหม่ออกมาให้บิดามารดาได้ใช้ ต้าหลางที่ลองขึ้นไปนนั่งบนเตียงก็ชื่นชอบ หมอนที่บุตรสาวนำมาให้ใช้ก็แสนจะนุ่มสบาย ผ้าห่มก็ผืนหนาใหญ่ช่วยให้พวกเขาคลายหนาวได้อย่างดี
ซูมี่นางก็นำออกมาใช้ในห้องของนางเช่นกัน คืนนั้นคนในเรือนตระกูลซูต่างก็พากันนอนหลับอย่างสุขใจ ผิดกับเรือนข้างเคียงที่นอนไปท้องร้องไป
"ต้าหลาง เมื่อคืนเรือนเจ้าทำอันใดกิน" ลุงเผ่ยตะโกนถามเมื่อเห็นต้าหลางสะพายตะกร้าเพื่อเข้าเมือง
"ก็เหมือนกับเรือนอื่นนั่นแหละ แต่พวกข้าทำงานกันกว่าจะได้เข้าครัวก็มืดเสียแล้ว" ต้าหลางโบกมือให้ลุงเผ่ยก่อนจะเดินไปขึ้นเกวียนที่หน้าหมู่บ้าน
ภายในเกวียนก็มีชิงฉางที่นั่งอยู่ด้วย เพราะเขาต้องเข้าเมืองเพื่อไปสำนักศึกษา ต้าหลางไม่ได้เอ่ยทักหรือมองไปที่เขาเลย คนในเกวียนที่อยู่ใกล้เรือนต้าหลางก็พากันเอ่ยถามต้าหลางเช่นเดียวกับที่ลุงเผ่ยถาม
กว่าจะถึงประตูเมือง ต้าหลางก็ต้องหาเรื่องอื่นมาพูดเพื่อให้ชาวบ้านเลิกสนใจเรื่องอาหารในเรือนของตน พอถึงประตูเมืองต้าหลางก็รีบไปร้านยาเพื่อขายสมุนไพรทันที
เมื่อเสี่ยวเอ้อหน้าร้านเห็นต้าหลางก็รู้ว่าเขาต้องนำสมุนไพรมาขายก็เดินออกมาพูดคุยเช่นปกติ เมื่อต้าหลางเปิดผ้าที่ห่อโสมออก เสี่ยวเอ้อก็รีบไปตามหลงจู๊มาโสมของต้าหลางทันที
"ต้าหลางเจ้าไปได้ของดีเช่นนี้มาได้อย่างไร" หลงจู๊ลูบโสมหัวใหญ่ตรงหน้าอย่างชื่นชม แม้จะมีอายุเพียงห้าสิบปี แต่หัวโสมก็อวบใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นมากนัก
"บนเขาขอรับ" ต้าหลางเตรียมคำตอบมาแล้ว เพราะซูมี่บอกว่าหลงจู๊ที่ร้านต้องถามบิดาแน่นอน
"ตามข้ามา" หลงจู๊ที่ชื่นชมจนพอใจแล้วก็เดินนำต้าหลางไปที่ด้านหลัง เพื่อพูดคุยเรื่องราคากับท่านหมอ
"ไหนข้าขอดูโสมของเจ้าหน่อย" ท่านหมอเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องรับรองก็เอ่ยบอกให้ต้าหลางนำโสมออกมาให้เขาดู
"โสมห้าสิบปี" ท่านหมอเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะโสมที่มีขนาดหัวใหญ่เพียงนี้น่าจะมีอายุมากกว่าห้าสิบปี หากบอกว่าสามร้อยปีตนก็เชื่อ
"ข้าให้เจ้าหัวละ ห้าร้อยตำลึงทอง เจ้ามีกี่หัว" ท่านหมอพิจารณาโสมแล้วเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง
ต้าหลางที่ได้ยินจำนวนเงินก็มือไม้สั่นแทบจะหยิบโสมอีกสองหัวออกมาไม่ได้ เมื่อส่งโสมทั้งสามหัวให้กับท่านหมอแล้ว หลงจู๊ก็รีบไปนำตั๋วเงิน หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงมาให้ต้าหลาง
เพราะหลงจู๊ที่คุ้นเคยกับต้าหลางเป็นอย่างดี เขาจึงจัดการเรื่องเงินให้ต้าหลางโดยมีทั้งตำลึงเงิน ตั๋วเงินห้าสิบตำลึงเงิน ไปจนถึงหนึ่งร้อยตำลึงทอง เพื่อให้ต้าหลางสะดวกนำไปใช้
ต้าหลางส่งเงินให้หลงจู๊กับเสี่ยวเอ้อคนละหนึ่งตำลึงทองอย่างใจกว้าง และขอให้เก็บเรื่องที่ตนนำโสมมาขายเป็นความลับ ทั้งคู่ก็รับปากอย่างดี ก่อนที่ต้าหลางจะออกจากร้านไป
เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน ต้าหลางเดินไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้านเพื่อติดต่อขอซื้อที่ดิน เขาก็บอกถึงที่มาของเงินว่าเขาพบสมุนไพรที่ราคาดีบนภูเขาจนได้เงินมาซื้อที่และต้องการจะสร้างเรือนหลังใหม่
ก่อนที่เขาจะออกไปขายโสมได้พูดคุยกับจางกุ้ยและซูมี่แล้วว่าจะซื้อที่เท่าใด ต้าหลางจึงบอกความต้องการให้หัวหน้าหมู่บ้านว่าเขาอยากได้ที่ดินที่เหลือทั้งหมดที่ยาวไปถึงภูเขา แม่น้ำท้ายหมู่บ้าน
ผู้นำหมู่บ้านฉินได้ยินก็ตกใจ เพราะถ้าทั้งหมดเป็นที่เกือบสองร้อยหมู่ (1หมู่=666ตารางเมตร)
"เจ้าจะซื้อทั้งหมดจริงหรือต้าหลาง" เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
"จริงขอรับท่านลุงฉิน ข้าจะปลูกผัก สมุนไพรเพื่อหาเลี้ยงชีพขอรับ" ผู้นำหมู่บ้านฉินเมื่อได้ยินก็เข้าใจ เขาจึงได้นำแผนที่ของทางการออกมาชี้ให้ต้าหลางได้ดู
"ที่แปลงนั้นไม่มีใครอยากได้ ราคาจึงนับว่ายังไม่แพงนัก หมู่ละหกตำลึงเงิน" (10ตำลึง=1ตำลึงทอง)
ต้าหลางส่งเงินให้ผู้นำหมู่บ้านฉิน หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทอง ก่อนจะส่งค่าน้ำชาให้ท่านผู้นำหมู่บ้านฉินอีกห้าตำลึงเงินเป็นค่าดำเนินการ
ซูมี่นางส่งฮ่องเต้และฮองเฮาลงแช่น้ำโดยให้ มามาและหยางกงกงคอยดูแลแล้วก็พาองค์รัชทายาทไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋"เพราะพระองค์เห็นหม่อมฉันเป็นน้องสาว และหม่อมฉันก็เห็นพระองค์เป็นพี่ชาย จึงได้พามาที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋" ซูมี่นางอธิบายเรื่องการเปลี่ยนไขกระดูกและการฝึกวรยุทธให้องค์รัชทายาทได้เข้าใจอย่างน้อยองค์รัชทายาทก็ต้องมีวรยุทธไว้ปกป้องพระองค์เอง เพื่อเกิดเหตุการณ์เช่นกบฏองค์ชายรองอีกครั้ง"มี่เออร์ เปิ่นหวางไม่เสียทีที่รักเจ้าเหมือนดั่งน้องสาว" องค์รัชทายาทเอ่ยออกมาจากใจ เพราะเขารักนางเหมือนน้องสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่นางช่วยเสด็จพ่อของตนไว้ ไม่คิดว่านางจะไว้ใจตนจนมอบเรื่องวิเศษเช่นนี้ให้"พระองค์อดทนให้ได้นะเพคะ" ซูมี่บอกองค์รัชทายาทเมื่อมาถึงด้านในถ้ำของเสี่ยวไป๋"เปิ่นหวางจะอดทน" ซูมี่พยักหน้าให้ฮุ่ยหมิ่นคอยดูแลองค์รัชทายาท ส่วนนางจะกลับไปดูทางฮ่องเต้ ฮองเฮาก่อนเสียงกรีดร้องขององค์รัชทายาทดังออกมาจากนอกถ้ำ เสี่ยวไป๋ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน"ร้องดังกว่าเจ้าในยามนั้นเสียอีก" ซูมี่อดจะหัวเราะเสียงดังออกมามิได้เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋เมื่อกลับมาถึงถ้ำของเสี่ยวเฮย ฮ่องเต้ก็ขึ้นจากน้ำมาเรี
นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตรงหน้าของตนได้เปลี่ยนไป แปลงสมุนไพรที่มีสมุนไพรหายากมากมาย ผัก ผลไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมดเสี่ยวไป๋ในยามนี้ตัวใหญ่จนน่าตกตะลึง แล้วไหนจะหมาป่าสี่ตัวกับหมีควายที่กำลังวิ่งมาทางนี้อีก ฮูหยินไป๋เกือบจะเป็นลมแต่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองไว้เสียก่อนเป่าเปาที่ปรากฏกายด้วยรูปร่างที่แท้จริงบินไปตรงหน้าของนายท่านไป๋ เขาจ้องมองทุกสิ่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แม้จะผ่านเรื่องน่าเหลือเชื่อมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้นับว่าเกินเขาจะรับไว้"มี่เออร์นี่เรื่องอันใด" เขาเอ่ยเสียงที่แทบหาไม่เจอออกมาอย่างอยากเย็นซูมี่เล่าเรื่องภายในมิติของนางให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ได้ฟัง นางพาทั้งคู่ไปที่ถ้ำของเสี่ยวเฮย เพื่อให้พวกเขาลงไปแช่ในน้ำ เพราะทั้งคู่ไม่ต้องเปลี่ยนไขกระดูกเช่นนางกับฮุ่ยหมิ่นจึงไม่ต้องไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋เมื่อทั้งสองลงไปแช่ในน้ำ เพียงหนึ่งชั่วยามเมื่อขึ้นมาจากน้ำต่างก็พบความเปลี่ยนแปลงของตน นายท่านไป๋ที่มีโรคปวดตามข้อตามอายุของตนก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้ก่อนหน้านี้จะกินผักผลไม้ของตระกูลซูแต่ก็ต้องกินเป็นระยะเวลานานถึงจะเห็นผลรูปลักษณ์ของทั้งคู่ก็ดูจะอ่อนเยาว์ขึ้นอ
เสี่ยวซานก็จัดการหาฤกษ์มงคล พร้อมทั้งหาแม่สื่อไปพูดคุยกับซูถัง ป้าอวี้ บิดามารดาของโม่ลี่เพื่อสุ่ขอนางตามธรรมเนียม เรื่องสินสอดและสินเดิมซูมี่นางก็จัดการให้อย่างใจกว้างจนบ่าวในเรือนที่ชอบพอกันมาบอกกล่าวนางว่าตนอยากจะแต่งกับคนนั้น คนนี้ ซูมี่ก็ไม่ขัดข้องพร้อมทั้งจัดการให้ทุกคน เพราะทุกคนที่กล้ามาพูดกับนางล้วนอยู่กับนางมาตั้งแต่ที่เมืองเจียงซวนงานมงคลของบ่าวในจวนแม่ทัพจัดขึ้นภายในเรือน แม้แต่จวนอื่นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า แม่ทัพไป๋กับฮูหยินจะใจกว้างถึงกับจัดงานในบ่าวของตนด้วยเพียงวันเดียวก็มีคู่แต่งงานในจวนถึงห้าคู่ ซูมี่แบกท้องที่ใหญ่โตของนางไปร่วมงานด้วย ทั้งยังอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับทุกคน ต้าหลาง จางกุ้ยก็พาบ่าวในจวนของเขามาร่วมงานด้วยเช่นกัน"ท่านพี่ ข้าคิดว่าข้าจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ"ซูมี่ดึงแขนเสื้อของฮุ่ยหมิ่นที่ร่วมดื่มเหล้ามงคล"ตามหมอตำแยประเดี๋ยวนี้" ฮุ่ยหมิ่นตกตะลึง เมื่อดึงสติมาได้ เขาก็ตะโกนเสียงดังภายในจวนจึงได้วุ่นวายไปหมด โม่ลี่ที่อยู่ในห้องหอก็อยากจะออกมาดูนายหญิงของตนใจแทบขาด แต่ก็โดนสั่งห้ามไว้ เพราะมีคนอยู่ในจวนมากมายให้นางวางใจได้ แต่นางก็มิยอมฟังยังออกจากห้องหอมาที่เ
คุณหนูหานร้องอย่างตกใจ พร้อมทั้งกระโดดไปที่ฮุ่ยหมิ่น แต่มีหรือที่คนอย่างฮุ่ยหมิ่นจะยอมให้สตรีนางอื่นมาโดนตัว เขาพุ่งหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะดึงซูมี่ออกห่างมาด้วยคุณหนูหานจึงล้มลงไปกองที่พื้นเสียงดัง สาวใช้ของนางต้องรีบเข้ามาประคองนายของตนอย่างเสียขวัญไหนจะมีเสือขาวที่นอนหมอบจ้องมาทางพวกนางเหมือนจ้องตะครุบเหยื่อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะทิ้งนายตนเองมิเช่นนั้นเมื่อกลับจวนไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษเช่นใด"ไล่มันออกไปสิเจ้าค่ะ" นางร้องสั่งฮุ่ยหมิ่นให้ไล่เสือขาว"เป็นเจ้าที่ต้องออกไป เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงของมี่มี่" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยเสียงเย็นอย่างไม่ไว้หน้าคุณหนูหานไม่คิดว่าฮุ่ยหมิ่นไม่รับตัวนางไว้ แล้วยังออกปากไล่นางออกจากจวนอีก นางจึงร้องไห้รีบร้อนออกจากจวนท่านแม่ทัพไปอย่างอับอาย"นางเข้ามาได้อย่างไร" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยถามบ่าวเสียงเข้ม"ข้าให้นางเข้ามาเองเจ้าค่ะ อยากรู้ว่านางมาด้วยเรื่องอันใด" ซูมี่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองมายังที่นั่ง"แล้วรู้หรือยังว่านางเข้ามาด้วยเรื่องอันใด" เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขากับตระกูลหานไม่ได้สนิทถึงขั้นต้องไปมาหาสู่กัน อีกอย่างฮูหยินรองก็ไม่ถูกกับมารดาของตนอีกด้
ฮุ่ยหมิ่นก็ตั้งใจทำเช่นที่เขาพูดจริง นับตั้งแต่วันนั้นมา ฮุ่ยหมิ่นก็เหมือนจะเร่งมือเรื่องทำบุตรทุกค่ำคืน เพราะซูมี่นางกลับไปที่จวนโหวทุกวันเพื่อดูน้องชายบ้างวันฮุ่ยหมิ่นกลับมาจากค่ายทหารยังหาภรรยารักไม่พบ จนต้องตามไปที่จวนท่านพ่อตาเพื่อรับนางกลับจวน"เกิดอันใดขึ้น" ฮุ่ยหมิ่นที่เพิ่งกลับมาถึงเรือน ก็เห็นบ่าววิ่งกันให้วุ่น"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินนางกินอันใดมิได้ขอรับ บ่าวในเรือนจึงต้องไปทำใหม่เสียหลายรอบ" พ่อบ้านซานรีบบอกฮุ่ยหมิ่น"ตามหมอหรือยัง" ฮุ่ยหมิ่นเหมือนจะลืมไปว่าซูมี่นางรู้วิชาแพทย์"ฮูหยินมิได้ตามขอรับ" พ่อบ้านซานหลบสายตาของฮุ่ยหมิ่น"ประเสริฐ" เขารีบร้อนเดินไปที่เรือนของตนเพื่อดูอาการของซูมี่ และอยากจะตำหนินางที่ไม่ยอมตามหมอ"มี่มี่ เหตุใด เจ้าถึงไม่ตามหมอ" ฮุ่ยหมิ่นเข้ามาถึงก็เอ่ยถามทันทีแต่เมื่อเห็นโม่ลี่ประคองกระโถนในมือเพื่อให้ซูมี่นางอาเจียนก็รีบร้อนเข้ามานั่งข้างนางทันที"ท่านยังมิรู้อีกหรือว่าข้าเป็นอันใด" ซูมี่เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง เสี่ยวไป๋ก็เข้ามาซุกอยู่ที่ท้องของนางอย่างห่วงใย"ดื่มก่อนเจ้าค่ะนายหญิง" เป่าเปาส่งถ้วยน้ำในมือของนางให้ซูมี่ เมื่อนางดื่มเข้าไปอาการอยากอาเจี
ภายในห้องโถงเรือนหลักของจวนแม่ทัพ ในยามนี้มีเพียงบิดามารดาของฮุ่ยหมิ่นเท่านั้น เพราะเขาแยกจวนมาอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพแล้ว วันนี้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เพียงมาพักช่วงรับตัวเจ้าสาวเข้าจวน"คารวะท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ" ซูมี่ยกน้ำชาขึ้นเหนือคิ้วของนาง ส่งให้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋"นับจากนี้เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าอีกคนแล้ว" ฮูหยินไป๋จินชาเล็กน้อย ก่อนจะวางโฉนดที่ดินนอกเมืองให้ซูมี่ห้าร้อยหมู่เพื่อรับขวัญลูกสะใภ้"หากมีเรื่องอันใดที่จัดการไม่ได้ ก็บอกแม่สามีของเจ้าแล้วกัน" นายท่านไป๋ก็ชาขึ้นดื่มเล็กน้อยพร้อมทั้งโบ้ยให้ทางฮูหยินไป๋รับเรื่องไว้ฮุ่ยหมิ่นส่ายหัว เมื่อเห็นมารดาทำหน้าเหมือนอยากจะทุบบิดาของตน ซูมี่นำของที่นางเตรียมไว้มอบให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ เมื่อทั้งคู่เปิดดูก็ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะนางให้โสมที่นางปลูกไว้ให้ทั้งสองถึงห้าหัวแต่ถ้าทั้งคู่รู้ว่าโสมของนางมีเป็นพันหัวไม่รู้จะแสดงสีหน้าเช่นไร แม้โสมทั้งห้าหัวจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นที่เสี่ยวเฮยนำมาให้ซูมี่ แต่ถ้าเทียบกับที่จวนอื่นมี ในมือของทั้งคู่ตอนนี้ก็ถือว่าใหญ่ที่สุด ฮูหยินไป๋กอดกล่องไม้ไม่ยอมส่งให้สาวใช้ถือ เมื่อทานอาหารเช