ตอนที่ 2 นางฟ้าคืนเดียว (ส่วนที่ 2)
เมฆมองจานกระเบื้องเนื้อดีที่จัดเรียงขนมหวานพอดีคำชิ้นเล็กสลับสีอย่างสวยงาม แม้จะดูไม่ต่างจากขนมไทยทั่วไปที่เขาเคยเห็นมา แต่สีสันการจัดวางและความกระจุ๋มกระจิ๋มของชิ้นขนมชวนให้รู้สึกละเมียดละไมนัก
"คุณหญิงย่าลองชิมนะคะ" สาวน้อยเอ่ยชวน
"โอ้ย ไม่ต้องชิมแล้วลูก รสชาติเลี่ยงลือไปทั่วขนาดนี้ ดูซิแม่คุณแต่ละชิ้นกระร่อยกระริบบรรจงเหลือเกิน" คุณหญิงรวีวรรณพินิจดูตะโก้ชิ้นน้อยที่อยู่ในกระทงใบเตย ยอดแต้มแต่งด้วยกลีบกุหลาบมอญ ขนมของลีลาชิ้นเล็กพอดีคำ รูปทรงงดงาม แบบที่เด็กสาวๆ สมัยนี้เห็นแล้วถึงกับกรี๊ดกร๊าดในความน่ารักของมัน
"ชิมเสียตาเมฆ ถ้ามาเองน่ะ ไม่ได้ชิมครบหรอกนะ ขนมหนูลีเขาหมดตั้งแต่ยังไม่เที่ยง"
"นี่ยังไม่ครบนะจ้ะ หนูลีเขาสลับเมนูแต่ละวัน ทำทุกอย่างทุกวันไม่ไหว" คุณจงกลเอ่ยยิ้มๆ ปลาบปลื้มกับคำชมที่หลานสาวได้รับ
"หนูลีทำเองหมดเลยเหรอครับ" เมฆฉานเอ่ยถาม ไม่น่าเชื่อว่าแม่สาวที่เต้นยั่วด้วยลีลาร้อนแรงบนโต๊ะในผับจะทำอะไรแบบนี้ได้ แค่ต้มไข่เขายังไม่คิดว่าเธอจะทำเป็นเลยด้วยซ้ำ
"มีลูกมือน่ะค่ะ" เสียงเบาๆ ตอบกลับมา หากดวงตาหลุบต่ำ ไม่คิดจะแหงนเงยมาสบคนถาม
"แต่ก็ต้องดูแลเองทุกขั้นตอนนะจ้ะ ขนมไทยเป็นงานละเอียด" คุณจงกลเสริม
ลีลาฟังผู้ใหญ่ทั้งคู่คุยกันด้วยความรู้สึกแสนอึดอัด เธออยากไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน ไปจากสายตาของผู้ชายตาวาวที่มองมาเหมือนจะจับผิด ดวงตาที่ราวจะแผดเผาเธอเสียให้ไหม้หลอมอยู่ตรงนี้
"เอ่อ หนูลีขอตัวก่อนนะคะ อยากจะไปดูเขาเตรียมของสำหรับทำขนมพรุ่งนี้เสียหน่อย เด็กใหม่ๆ ยังทำงานไม่คล่องน่ะค่ะ" ในที่สุดสาวน้อยก็ทนความอึดอัดไม่ไหว ตัดสินใจเอ่ยขอตัว แม้ว่าอาจจะโดนผู้เป็นย่าตำหนิเอาทีหลังก็เถอะ ที่ทำเหมือนเสียมารยาททิ้งแขก
"ตามสบายเลยลูก ขอบใจนะหนูลี ขนมอร่อยมาก" คุณหญิงรวีวรรณหันมาเอ่ยกับสาวน้อยที่ถูกชะตานัก
"ขอผมตามหนูลีไปดูได้มั้ยครับ กินอร่อยแล้วอยากดูขั้นตอนการทำด้วย" คนตัวโตพูดขึ้น ลุกตามไปหน้าตาเฉย
"ได้ซิลูก ตามหนูลีไปเลยจ้ะ" คุณจงกลอนุญาต จะว่าไปยิ่งได้พูดคุยกันก็ยิ่งรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ใช้ได้ดีเดียว อาจเพราะเขาคุ้นชินกับการอยู่กับผู้ใหญ่ รู้ว่าจะพูดจาอย่างไรให้ถูกจิตต้องใจคนวัยเธอ
"แล้วอย่าไปกวนหนูลีเขาล่ะลูก" คุณหญิงรวีวรรณกำชับหลานชายราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กเล็กๆ
"ครับผม" เสียงรับคำอย่างร่าเริง พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ก้าวตามคนตัวเล็ก ซึ่งเดินตัดหมู่ไม้ไปยังเรือนไทยเงียบๆ
เมฆฉานมองตามแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวที่ทำเหมือนไม่สนใจว่ามีใครตามมา ชายหนุ่มรอจังหวะที่ทั้งคู่น่าจะพ้นสายตาผู้ใหญ่แล้ว เอื้อมคว้ามือน้อยเอาไว้
"เดี๋ยวซิ คุยกันก่อน" ลีลาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าว หมุนตัวกลับมาหาผู้ชายตัวโตที่กำลังสั่นคลอนประสาททุกส่วนของเธอ ดวงตากลมโตมองข้อมือที่ถูกมือใหญ่ๆ จับเอาไว้ หญิงสาวดึงมือตัวเองออกอย่างสุภาพ
"ผมตามหาคุณแทบแย่แน่ะ วันนั้นทำไมถึงหนีกลับไปหึ ปลุกกันหน่อยก็ยังดี" เสียงห้าวๆ ออดอ้อน ยอมรับว่าติดใจเธออยู่ไม่น้อยเลย แม้เป็นความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย และสนุกกันแค่ข้ามคืนก็เถอะ
"คุณพูดอะไรคะ ฉันว่าเราพึ่งพบกันนะคะ" ดวงตานั้นใสซื่อนัก ขณะจับจ้องมาที่ใบหน้าของคนตัวโต แววสงสัยใคร่รู้ที่ส่งมา ราวกับตบหน้าชายหนุ่มเข้าฉาดใหญ่
"เลิกเล่นละครเถอะน่าคุณ ผมไม่บอกผู้ใหญ่คุณหรอกว่าคุณทำอะไรลับหลังท่านบ้าง" ลีลาจ้องใบหน้าของคนพูดนิ่ง ระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด
"คุณหยุดพูดเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจเถอะค่ะ ฉันเดาไม่ออกว่าคุณมีเจตนาอะไร ขอโทษด้วยนะคะ มีงานต้องทำ" เมฆฉานรู้สึกเหมือนมีฝ่ามือที่มองไม่เห็นตบเข้าอีกฉาดใหญ่ที่ใบหน้าอีกรอบ เรื่องราวคล้ายๆ เขากำลังกลายเป็นผู้ชายที่ถูกฟันแล้วถึงยังไงยังงั้น
เจ้าของร่างบอบบางหมุนตัวทำท่าจะเดินผละไปอย่างไม่ใยดี เมฆฉานหรี่ตามองร่างนั้นนิ่ง อาจจะมีที่เขาจำผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ได้ แต่เธอคนนี้เขาจำได้แม่นยำเพราะความประทับใจ เธอสวย เธอน่ารัก โดยเฉพาะลีลาชวนหลงใหลบนเตียง แวบหนึ่งเขานึกเสียดายที่เธอใช้เนื้อตัวสิ้นเปลืองเช่นนั้น แต่ก็คิดว่าเธอคงมีเหตุผลที่ทำให้ต้องมาใช้ชีวิตเหลวแหลกเป็นนางฟ้าคืนเดียวให้ใครต่อใครเชยชม แต่วันนี้เมื่อพบเธอเข้า ชีวิตของเธอดูแล้วคงไม่มีความจำเป็นหรอกที่จะทำตัวเช่นนั้น ท่าทางนั่นคงเป็นความชอบ เป็นรสนิยม แต่ที่เขาไม่ชอบคือเธอ...หลอกลวง ปั้นท่าไร้เดียงสา โกหกซึ่งๆ หน้าเช่นนี้
"งั้นมาพูดกันด้วยภาษาที่เราเข้าใจแล้วกัน" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ กระชากร่างบอบบางหลบเข้ามุมหนึ่ง ใช้ไม้ใหญ่กำบังสายตาจากใครๆ ร่างเล็กๆ สะดุ้งอย่างตกใจริมฝีปากอิ่มขยับคล้ายจะกรีดร้องหากถูกปิดลงด้วยปากอุ่น และสัมผัสรุกรานรุนแรง ลีลากำมือแน่น ลมหายใจขาดห้วง หัวสมองมึนงง ทุกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่ถ่าโถม ที่มากที่สุดคือความโกรธที่มาพร้อมกับความหวาดหวั่น ความทรงจำอันเลวร้ายที่เธออยากลืมเลือนผุดขึ้นมา หัวใจดวงน้อยเต้นแรง มือเล็กๆกำแน่นจนเล็บจิกลงบนอุ้งมือ เหงื่อมากมายชื่นอยู่ในฝ่ามือน้อย และเมื่ออารมณ์ความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามารุนแรงเกินที่เจ้าร่างบางๆ จะรับมือไหว ลีลาก็รู้สึกว่าแสงทุกแสงดับลงพร้อมๆกับสติของเธอ
ร่างที่อ่อนระทวยทรุดฮวบลงไปทำเอาชายหนุ่มผู้เจนสังเวียนรักอย่างเมฆฉานมึนงง วงแขนแข็งแรงฉวยคว้าเอาไว้ แวบแรกอดคิดไม่ได้ว่ายัยตัวแสบนี่อาจจะมารยาเล่นบทคุณหนูใสซื่อไม่ประสา หากเมื่อก้มลงเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดราวกระดาษ เหงื่อกาฬเม็ดโตๆ ซึมทั่วที่ไรผม โธ่เว้ย! ยัยนี่เป็นลมเข้าจริงๆ หนุ่มหล่อทายาทมหาเศรษฐีช้อนร่างเล็กขึ้นไว้ในวงแขน ก้าวยาวๆ ตรงเข้าไปในเรือนไทยหลังใหญ่
ตอนที่ 5 ผู้เยาว์ (ส่วนที่ 3) เลอลักษณ์มองดูกำปั้นเล็กๆ ที่รัวใส่หมอนอิงที่วางอยู่บนตักอย่างจะใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ อาจารย์สาวส่ายศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ "พอแล้วหนูลี หมอนน้าพังหมดแล้ว" "หนูลีเกลียดไอ้ผู้ชายบ้าคนนั้นน้าลักษณ์ หนูลีอยากฟาดปากเขาแบบนี้ๆ" ลีลาทุบกำปั้นแรงๆ บนมองอิง ราวกับนั่นคือใบหน้าของคนที่เจ้าตัวอยากกระทำ "อยากเอาอะไรฟาดหัวเขาให้เลือดอาบด้วย เขามันบ้า จงใจมาหาเรื่องจับผิดหนูลี คอยดูนะวันหลังหนูลีจะเอายาถ่ายใส่ขนมใส่น้ำให้กิน" สาวน้อยเข่นเขี้ยว เลอลักษณ์รู้ดีว่าหลานสาวเจ็บแค้นใครนักหนา วันนี้ผู้ชายคนนั้นเล่นมาเฝ้าสาวน้อยทั้งวัน อาจารย์สาวไม่รู้หรอกว่าจุดประสงค์แท้จริงเขาจะมาจับผิด หรือว่าเกิดติดตาต้องใจลีลาเข้า แต่สำหรับลีลาแล้ว หัวใจที่หวาดระแวงคงไม่ทำให้สาวน้อยตีความเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก "น้าลักษณ์ หนูลีสั่งซื้อตุ๊กตาวูดูมาสาปแช่งอีตาพี่เมฆดีมั้ย" ความคิดพิสดารของหลานสาวทำเอาคนเป็นน้าถึงกับสะดุ้ง "อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามสั่งซื้อ หรือจะเย็บเองก็ห้าม อย่าเอาของแบบนี้มาไว้ห้องน้านะ
ตอนที่ 5 ผู้เยาว์ (ส่วนที่ 2) เสียงผิวปากเป็นทำนองเพลงดังมาพร้อมกับร่างสูงๆ ที่ก้าวเข้ามาในโถงกลางของห้องชุดบนชั้นพิเศษของโรงแรมหรูใจกลางกรุง สถานที่ในตำนานที่หนุ่มหล่อตระกูลมอเรลส่งต่อกุญแจให้กันมารุ่นต่อรุ่น ดินแดนสวรรค์ของสาวๆ หลายคนที่เคยมาเยือน บัดนี้มันถูกครอบครองโดยเมฆฉานแต่เพียงผู้เดียวมาพักใหญ่แล้ว นานๆทีภูหมอกถึงจะมีเอี่ยวได้แวะเวียนมาค้างบ้างเป็นครั้งคราว "อารมณ์ดีจังนะ หายไปไหนมา" น้องชายที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟากลางห้องร้องทัก ดวงตาเพ่งตรงไปที่กิ่งไม้ในมือที่พี่ชายถือมา "เคยเห็นมั้ยกระแตไต่ไม้" พี่ชายถามด้วยน้ำเสียงกึ่งๆ จะเหมือนอวด ทิ้งกายลงบนโซฟาอีกตัว ดวงตายังจับจ้องที่มาลัยตัวกระแตด้วยรอยยิ้ม อุตส่าห์ออดอ้อนเสียยกใหญ่กว่ายัยตัวนิ่มนั่นจะยอมทำให้ จริงๆ เพราะเขาขู่ว่าจะขโมยจากที่เจ้าหล่อนทำให้ลูกค้าตามที่สั่งไว้หรอก แม่คุณถึงยอมทำให้เขาอีกตัว "เอามาจากไหน" น้องชายถาม ทั้งๆที่พอจะเดาออก ของแบบนี้ก็คงไม่พ้นเจ้าของเดียวกับซากมาลัยที่ข้างหมอนนั่นแหละ ภูหมอกคิดว่าตังเองพอเดาออกแล้วว่าพี่ชายหายไปอยู่ไหนมาเสียทั้งวัน
ตอนที่ 5 ผู้เยาว์ (ส่วนที่ 1) มือที่กำแน่นค่อยๆ คลายออก สาวน้อยคิดทบทวนหาบทสวดมนต์ที่ผู้เป็นย่าพร่ำสอนตั้งแต่รู้ความ เธอจะยกบทไหนมาสวดไล่ผู้ชายคนนี้ดี แผ่เมตตาหรือจะกรวดน้ำคว่ำขัน คว่ำไปบนหัวเขานั่นแหละให้น้ำมันล้างความหื่น ความห่ามของผู้ชายบ้าๆ คนนี้เสียให้หมด ลีลาผ่อนลมหายใจช้าๆ เธอไม่อยากโมโหจนเป็นลมไปอีกแบบวันนั้น โดยเฉพาะเป็นลมตอนอยู่กับผู้ชายอันตรายคนนี้ หลังจากที่อยู่ๆเธอก็เป็นลมไปในวันที่พบเจอคู่หมายครั้งแรก ลีลาไม่ได้ปริปากบอกทั้งคุณหญิงรวีวรรณและคุณจงกลว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เธอหมดสติ ผู้ใหญ่ทั้งสองเหมาเอาว่าเพราะเธอโหมงานหนักและร่างกายอ่อนแอ พอเลอลักษณ์มาหาเธอที่บ้าน คุณจงกลก็ไหว้วานให้น้าสาวพาเธอไปหาพบแพทย์ แต่เจ้ากรรมแพทย์ที่เลอลักษณ์พาเธอไปพบกลับเป็นจิตแพทย์ ลีลาเลยต้องเรียนรู้การจัดการอารมณ์คอร์สใหญ่จากคุณหมออารมณ์ดี ที่ฟันธงว่าเธอน่าจะหมดสติเพราะอารมณ์มากมายที่ประเดประดังเข้ามาจนเกินที่จะรับไหว เพราะใครล่ะ ก็เพราะผู้ชายกวนประสาทคนนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ จิตแพทย์แนะนำให้เธอปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเสียบ้างอย่าเก็บกักเอาไว้ ตอนนี้ลีลาอยากร
ตอนที่ 4 ก่อกวน (ส่วนที่ 3) "คุณย่าอยู่มั้ย พี่จะไปกราบท่านเสียหน่อย" ชายหนุ่มว่าแอบลอบสังเกตท่าทางของสาวน้อยโดยไม่ให้เธอรู้ตัว หากลีลาไม่มีท่ากังวลหรือระแวงใดใดแสดงออกมาให้เห็นเลยสักนิด ทั้งๆที่ชายหนุ่มคิดว่าเธอน่าจะต้องการกีดกันไม่ให้เขาพบคุณย่าของเธอ "คุณย่าไปธุระค่ะ" ลีลาตอบกลับเสียงแผ่ว ในใจรู้สึกยินดีเป็นที่สุดที่ผู้เป็นย่าไม่อยู่เธอกลัวว่าเขาจะไปพูดอะไรกับคุณย่าของเธอ ถึงตั้งใจว่าต่อให้เอามีดมาบั่นคอเธอก็ไม่มีทางยอมรับว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นคนที่เคยทำเรื่องบ้าๆกับเขา แต่ถ้าเป็นไปได้เธอไม่อยากให้เป็นเรื่องขึ้นมาให้ถูกผู้เป็นย่าไต่สวน ถึงจะเคยปิดบังและทำอะไรลับหลังผู้เป็นย่าอยู่บ่อยครั้ง แต่ลีลาก็ไม่เคยโกหกคุณจงกล สาวน้อยไม่มั่นใจเลยว่าเธอจะสามารถโกหกคนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เกิดได้ซึ่งๆ หน้าหรือไม่ และเธอก็ไม่อยากทำด้วย "คุณย่าไปกับคุณหญิงย่ารวีวรรณ พี่เมฆจะลองเช็คดูก็ได้นะคะเผื่อคิดว่าหนูลีโกหก" หญิงสาวว่า อดจะประชดออกไปไม่ได้ "หือ โกรธพี่เหรอครับที่เคยว่าหนูลี พี่ขอโทษนะพี่จำคนผิดน่ะ หนูลีเหมือนคนที่พี่เคยรู้จักมาก แต่คิด
ตอนที่ 4 ก่อกวน (ส่วนที่ 2)รถสปอร์ตคันหรูพุ่งเข้าซองจอดอย่างรวดเร็วเม่นยำในทีเดียวโดยไม่ต้องขยับถอยหาจังหวะให้เข้าที่แต่อย่างใด แสดงถึงความชำนาญและความมั่นใจอันเปี่ยมล้นของคนขับ ร่างสูงใหญ่เปิดประตูรถเดินล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆ เข้าไปภายในร้าน ใบหน้าคมคายแบบลูกเสี้ยวไทยฝรั่งเศสโดดเด่นและดึงดูดทุกสายตาของคนที่นั่งอยู่ในร้าน หากเจ้าตัวทำเหมือนมองไม่เห็นสายตาเหล่านั้น "คุณหนูลีล่ะ" เมฆฉานเอ่ยถามเด็กในร้านที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากคราวก่อน "อยู่ร้านดอกไม้ค่ะ" คนถูกถามตอบกลับมาแทบในทันที เพราะรู้ดีตั้งแต่คราวก่อนแล้วว่าหนุ่มหล่อผู้นี้คือคู่หมายที่ผู้ใหญ่พามาจับจองดูตัวเจ้านายสาว "ขอบใจ" คำขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มทำเอาพนักงานในร้านพาลมือไม้สั่นไปหมด คุณย่าไปหาหนุ่มหล่อขนาดนี้จากไหนมาให้หลานสาวกันนี่ หล่อไม่พอเห็นว่ารวยติดอันดับโลกเลยเดียว แต่ก็ดูเหมาะสมกับคุณหนูลีคนแสนดีและแสนสวยแล้วล่ะ เมฆฉานเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างร้านดอกไม้และร้านขนมหวาน จากข้อมูลที่เขาเก็บจากครั้งที่แล้ว ช่วงกลางวันลีลาจะอยู่ในร้านดอกไม้
ตอนที่ 4 ก่อกวน (ส่วนที่ 1) ประตูห้องนอนภายในห้องชุดสุดหรูถูกผลักเปิดออก พร้อมกับร่างสูงในชุดลำลองเดินย่ำโครมๆ เข้าไปภายในอย่างถือวิสาสะ เสียงน้ำกระทบพื้นที่ดังมาจากห้องน้ำด้านใน บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องอยู่ที่ไหน ภูหมอกกวาดสายตาไปรอบห้องนอนกว้าง เมื่อเมฆฉานพี่ชายของเขาไม่ได้เอาใครมานอนด้วยจริงๆ เสียด้วยซิ น้องชายคู่หูมองเตียงนอนที่มีเพียงรอยยับย่นแค่ด้านเดียวอย่างครุ่นคิด ตั้งแต่เจอแม่นางฟ้าคืนเดียวนั่นดูเหมือนเมฆฉานจะไม่ค่อย 'หิ้ว' ใครติดไม่ติดมือมาเล่นบทรักเท่าไหร่ จริงๆพี่ชายของเขาก็ไม่ใช่คนไม่มีขอบเขตเรื่องพวกนี้ ผู้หญิงที่เมฆฉานจะพามาส่วนใหญ่ก็รู้จักมักคุ้นกันบ้างแล้ว เจ้าพ่อสถานบันเทิงระดับภาคพื้นเอเชียอย่างหนุ่มมอเรลคนนี้ระวังตัวพอสมควร น่าจะมีแต่ครั้งนั้นที่แม่นางฟ้านั่นทำให้เมฆฉานลืมขีดคั่นข้อกำหนดของตัวเอง พาแม่สาวที่ไม่รู้ที่มาที่ไปมาขึ้นเตียง พอตอนเช้าแม่นั่นก็หายตัวไป ทิ้งให้เมฆฉานควานหาตัวเจ้าหล่อนให้วุ่น ภูหมอกไม่อยากจะคิดว่าหญิงสาวผู้นั้นจะใช้เวลาเพียงแค่ข้ามคืนขโมยหัวใจพี่ชายของเขาไปเสียแล้ว แต่ที่ผ่านมาเมฆฉานไม่เคยสนใจใครเท่านี้