ไพลินแทบลืมความอ่อนเพลียที่มีเมื่อเมสันเอ่ยว่าจะคุยกับหมอที่ดูแลเธอ
“ทำไม..ทำไมฉันถึงจะเจอหมอที่รักษาเธอไม่ได้ หรือเธอมีอะไรปิดบังฉันอยู่” เสียงเรียบถามพร้อมกับหรี่ตามองคนที่นอนบนเตียงคนป่วยด้วยสายตาจับผิด
“ปละ…เปล่าค่ะ หนูแค่คิดว่ามันไม่จำเป็น จะเสียเวลาคุณเปล่า ๆ มันไม่ได้สำคัญอะไร” เมสันที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองภรรยาเด็กของตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ย้ายตัวเองขึ้นมานั่งเบียดบนเตียงคนป่วยอย่างช้า ๆ สายตาคมกริบโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าหวานที่ซีดเซียวแบบไม่ยอมกระพริบตาแม้แต่น้อย
“พูดใหม่ซิ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มถามอย่างนุ่มนวลแต่ฟังดูเหมือนบังคับอยู่ในที ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย
ไพลินไม่ได้พูดซ้ำและไม่ยอมมองหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้โน้มเข้ามาใกล้กับใบหน้าเธอจนห่างกันแค่คืบ
ความใกล้ทำให้หญิงสาวได้กลิ่นประจำกายของผู้ชายที่เธอโหยหามาตลอด มันเป็นกลิ่นที่ทำเธออ่อนระทวยทุกครั้งที่เขามาใกล้ แต่ว่าตอนนี้มันกลับเป็นกลิ่นที่ทำเธอรู้สึกเหม็นจนอยากจะอ้วกออกมา
“คุณขยับตัวออกไปหน่อยได้มั้ยคะ” เธอบอกเขาพร้อมทำหน้าเหมือนไม่สู้ดีนัก
“ใกล้นิดใกล้หน่อยมันเป็นอะไร ฉันเป็นผัวเธอจะมาหวงเนื้อหวงตัวไว้ให้ใคร” แม้จะเห็นถึงความผิดปกติจากท่าทีของหญิงสาวแต่ความหงุดหงิดที่ถูกเมียเหมือนไล่อ้อม ๆ ก็ทำให้ เมสันอดไม่ได้ที่จะเสียงแข็งออกไป
เมื่อไม่สามารถสื่อความหมายให้ชายหนุ่มเข้าใจถึงอาการที่เธอมีตอนนี้ได้และอาการพะอืดพะอมที่มีก็กำลังแล่นริ้วขึ้นมามากเรื่อย ๆ เธอจึงต้องพุ่งตัวขึ้นจากที่นอนแล้วคว้ากระโถนที่อยู่ใกล้มือมารองอ้วกที่ขย้อนออกมาอย่างไม่สามมารถทนได้อีกต่อไป
เมสันตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูกกับอาการของหญิงสาวในตอนนี้จึ้งเอื้อมไปกดออดเรียกพยาบาล เพียงแค่อึดใจก็มีพยาบาลสาวเดินเข้ามาหน้าตาตื่นที่สัญญาณขอความช่วยเหลือจากห้องผู้ป่วยวีไอพีดังขึ้น
“คนไข้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” พยาบาลสาวถามเสียงตื่น
“จู่ ๆ เธอก็ทำหน้าพะอืดพะอมแล้วก็อ้วกออกมาจนหมดแรง คุณช่วยมาดูหน่อย” เมสันคือคนที่ตอบคำถามพยาบาลสาวแทนคนป่วยและขอความช่วยเหลือให้มาดูอาการของหญิงสาว
ไพลินที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นอะไรอยากจะทักท้วงชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะพูดอะไรมากในตอนนี้
พยาบาลสาวรีบเดินมาใกล้พร้อมช่วยถือกระโถนอย่างไม่นึกรังเกียจและลูบหลังเธออย่างแผ่วเบา อาการตื่นตระหนกเมื่อครู่เริ่มหายไปเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ญาติคนป่วยขอความช่วยเหลือ
“ดีขึ้นมั้ยคะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลถามเมื่อเห็นคนป่วยหยุดอาเจียน
หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอนกายนอนลงไปเหมือนเดิม แม้อาการอาเจียนจะหมดไปแต่ความวิงเวียนที่มีอยู่ยังไม่หมด เธอจึงนอนหลับตานิ่งราวกับว่าถ้าหากเผลอดิ้นแม้เพียงนิดเดียวความพะอืดพะอมนั้นจะแล่นริ้วขึ้นมาอีก จึงทำได้เพียงแค่นอนหลับตาฟังเสียงหายใจของตนเอง
“เธอเป็นอะไรทำไมถึงเป็นแบบนี้” เสียงเครียดหันไปถามพยาบาล
ท่าทีของพยาบาลเมื่อเจอคำถามของชายหนุ่มแสดงออกมาว่างงไม่น้อยที่อีกฝ่ายถามเหมือนไม่รู้อาการป่วยของคนไข้
“นี่คุณยัง...”
“ฉันดีขึ้นแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรจะเรียกนะคะขอบคุณมาก” เสียงแผ่วเบาที่ขัดขึ้นเรียกให้ทั้งเมสันและพยาบาลสาวหันไปมองทางคนป่วย
ไพลินแม้จะยังรู้สึกเหมือนโลกหมุนแค่ไหนแต่ความกลัวว่าพยาบาลจะหลุดพูดอะไรที่เธอไม่อยากให้เมสันรู้ออกมาจึงชิงพูดขัดขึ้นทั้งที่เรี่ยวแรงแทบไม่มี
เมสันมองไปยังภรรยาสาวของตัวเองทั้งรู้สึกหงุดหงิด ไม่เข้าใจ โมโห น้อยใจ สารพัดที่ถาโถมเข้ามาในความรู้สึกเขาตอนนี้ แต่เมื่อเห็นสภาพของคนบนเตียงก็ต้องยอมข่มอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้
ชายหนุ่มหันไปขอบคุณเจ้าหน้าที่เมื่อดูแล้วไพลินน่าจะต้องการพักผ่อนมากกว่ามีอะไรที่จะต้องขอความช่วยเหลือ เมื่อคนป่วยและญาติไม่มีอะไรแล้วพยาบาลสาวจึงขอตัวเดินออกจากห้องไป
“เธอมีอะไรอยากจะบอกฉันหรือกำลังปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า” ร่างสูงเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างเตียงคนป่วยอีกครั้ง เสียงทุ้มที่เอ่ยถามแฝงไว้ด้วยความอัดอั้นบางอย่าง
หญิงสาวรู้สึกถึงสายตาอันคมกริบที่มองมาที่เธอแม้ว่าเธอจะยังหลับตาอยู่ คำถามที่ชายหนุ่มถามออกมานั้นเหมือนกับว่าเขากำลังจับผิด
“ไม่มีค่ะ”เธอใจดีสู้เสือตอบออกไป
“เธอแน่ใจ?” ไพลินลืมตามามองชายหนุ่ม เริ่มรู้สึกหวั่นใจแปลก ๆ ที่ถูกต้อนถามเหมือนกับว่าเขารู้อะไรมา
“คุณพูดมาดีกว่าค่ะว่าต้องการรู้เรื่องอะไร หนูไม่ได้เก่งพอที่จะอ่านใจคุณออกหรอกค่ะ” เธอบอกไปอย่างอ่อนล้าเวลานี้เธอไม่มีแรงพอที่จะมาเล่นเกมส์เดาใจอะไรกับเขาแม้แต่น้อยเพราะกำลังต่อสู้กับอาการคลื่นไส้ที่เหมือนจะปะทุมาอีกครั้ง
“หึ..ไม่ปิดบังต่อไปล่ะ ปิดอีกสิ ไม่ต้องการให้ฉันรู้ไม่ใช่หรือไง” เสียงนิ่งระคนไปด้วยความน้อยใจที่จนกระทั่งตอนนี้หญิงสาวก็ยังไม่คิดจะบอกความจริงกับเขา
ไพลินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีจากคำพูดที่ออกมา นัยน์ตาคู่คมนั้นฉายแววคล้ายเจ็บปวดและเสียใจยามที่มองมายังเธอ
หญิงสาวหลบสายตาคู่นั้นและมองไปทางอื่น ความรู้สึกตอนนี้บอกเธอว่าเขารู้แล้วในสิ่งที่เธอไม่อยากให้รู้ อันที่จริงเธอไม่ได้กลัวว่าเขาจะรู้แต่กลัวว่าเขาจะรังเกียจและมองเธอแย่ไปกว่าเดิมที่ปล่อยให้ตัวเองท้องต่างหาก ทั้งที่เธอก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้
“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่หนูท้อง หนูคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรกับคุณ ขนาดหนู..คุณยังมองไมต่างจากอากาศธาตุ แล้วเด็กในท้องจะมีความหมายอะไร ที่คุณมาหาหนูวันนี้ก็คงไม่ได้มาเพราะห่วง แต่คงกลัวว่าหนูจะปล่อยให้ตัวเองท้องโตแล้วเอาไปเป็นข้ออ้างให้คุณเดือดร้อนและมีปัญหากับคนรักมากกว่า แต่อย่าห่วงไปเลยค่ะ เพราะหนูตัดสินใจเกี่ยวกับเด็กในท้องไว้แล้ว เขาจะไม่มีวันไปสร้างความวุ่นวายให้กับคุณแน่นอน” เธอฝืนใจพูดในสิ่งที่คิดจนจบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับจะร้องไห้เต็มแก่
เมสันนั่งนิ่งราวกับถูกสะกดเมื่อฟังหญิงสาวพูดจบ นัยน์ตาลึกล้ำนั้นสุดจะหยั่งได้ว่าคิดอะไรอยู่ อารมณ์ของชายหนุ่มกระเพื่อมไหวดั่งคลื่นน้ำที่ไม่คงที่เพราะคำพูดของผู้หญิงที่กำลังนอนป่วยตอนนี้
“เธอคิดได้แค่นี้ใช่ไหมลิน ในสายตาของเธอฉันมันเป็นทั้งไอ้งั่งที่ไม่รู้แม้แต่ว่าเมียตัวเองท้องถ้าไม่มีคนบอก เป็นทั้งคนเลวที่เธอคิดว่าหลอกให้เธอรักพอได้ครอบครองแล้วก็ทิ้ง เป็นทั้งคนชั่วที่เธอคิดว่าไม่ต้องการลูกทั้งที่ฉันพึ่งรู้ว่ามีเขาได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง…แต่กลับต้องมารู้ว่าเธอกำลังคิดกำจัดเขา เธอคิดได้แค่นี้ใช่มั้ย ตั้งแต่ออกมาจากบ้านเดวาลอฟมีสักครั้งไหมที่เธอคิดอยากฟังเหตุผลของฉัน” เสียงทุ้มแต่ฟังแล้วหน่วงในอารมณ์เอ่ยออกมาด้วยท่าทีสงบ สายตาที่มองคนเป็นภรรยานั้นไหววูบแต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นแล้วมองหญิงสาวอย่างเนิ่นนานราวกับอยากประทับภาพของเธอไว้ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก
ไพลินหันมาคิดจะท้วงในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด อยากบอกว่าเธอไม่ได้มองเขาแบบที่เขาเข้าใจ เพียงแต่เธอรู้สึกไร้ค่าในสายตาของเขาจนไม่อาจทนอยู่ในสภาวะแบบนั้นได้ก็เท่านั้นแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังห่างออกไปจนลับตา
หลังจากที่ไม่เข้าใจกันเมสันก็ไม่มาโรงพยาบาลให้ไพลินเห็นหน้าอีกเลย มีเพียงลูคัส ดีแลน และเจเดนเท่านั้นที่สลับกันมาคอยติดตามอาการของหญิงสาวอยู่ไม่ห่างตามคำสั่งของชายหนุ่ม“เป็นไงบ้างวันนี้” ลูคัสเดินเข้ามาทักทายระหว่างที่ไพลินกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากโรงพยาบาล“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มอ่อน“เดี๋ยวเจเดนจะพากลับนะ ช่วงนี้หมอห้ามทำอะไรหนักให้พักผ่อนเยอะ ๆ ก่อน เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนมันจะกระทบต่อลูกในท้องได้ง่าย” เมื่อพูดถึงลูกแล้วไพลินก็หน้าจ๋อยลงไปอีก ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะทำยังไงดีกับอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้องถึงแม้จะเคยบอกว่าต้องการยุติการตั้งครรภ์แต่เอาเข้าจริงเธอกลับรู้สึกหวงแหนชีวิตน้อย ๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก“แต่ลินต้องทำงานนะคะ แล้วแบบนี้….” เธอกังวลถึงความปลอดภัยของลูกน้อย “ก็ไม่ต้องทำ พ่อของลูกมันรวยจะตายทำไมต้องทำ อยู่เฉย ๆ ให้มันเลี้ยงน่ะดีแล้ว” ลูคัสพูดเล่นแต่หมายความตามนั้นจริง ๆไพลินได้แต่ยิ้มเศร้า ๆ ให้กับคำพูดของลูคัส ตั้งแต่วันนั้นที่เขามาหาเธอจนตอนนี้เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย แล้วสิ่งที่ลูคัสพูดมันจะเป็นไปได้ยังไง“เขาไม่สนใจลินหรอกค่ะ อีกอย่างลินกับเขาก็ไม่ได้เกี
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา