โรงเตี๊ยมเมืองกุย
แม้ซ่างเป่าเหลียนแสดงท่าทีอยากช่วยเหลือคนที่ได้รับพิษ ทว่านายทหารสามคน ต่างยืนยันจะจับตัวของสิงตู้เหยาไว้ ด้วยมันเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด เมื่อมีคนผิด พวกเขาก็จับไปลงโทษ เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง ยิ่งเกี่ยวพันกับอารักษ์คนใหม่ที่เดินทางมาจากเมืองหลวง ก็ต้องเร่งทำผลงาน ด้วยการปิดคดีให้เร็วที่สุด
ทว่าซ่างเป่าเหลียนเมื่อคิดว่าจะทำสิ่งใด นางมุ่งมั่นมาก โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้อื่น คือเรื่องที่นางพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง อีกอย่างภาพสุดท้ายก่อนต้องนอนเป็นผักในโลกเก่า นางมีจิตมุ่งมั่นจะช่วยเหลือผู้อื่นจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งหมดคือวิชาชีพที่ได้ร่ำเรียนมา ยิ่งกว่านั้นโลกคู่ขนาน นางยังมีตัวช่วยเป็นกระเป๋าเครื่องมือทางการแพทย์
หญิงสาวหันไปทางสาวใช้ตน ถามด้วยน้ำเสียงเรียบหากจริงจัง
“เสี่ยวเหยา มั่นใจหรือไม่ว่ามิได้ยุ่งเกี่ยวกับ อาหารหรือสิ่งใดในห้องครัว”
สิงตู้เหยาในยามนี้ตาแดง มือไม่เย็นไปหมด ก่อนรวบรวมเสียงของตนเอ่ยกับซ่างเป่าเหลียน ด้วยรู้ว่าคงจะมีแต่คนผู้นี้ที่ช่วยเหลือนางได้ “โถ นายหญิง บ่าวไม่ใช่คนเหลวไหล หรือมีจิตใจเหี้ยมโหด อีกอย่างบ่าวยังอยากใช้ชีวิตจนได้ออกเรือนเจ้าค่ะ เช่นนี้คงไม่กล้าทำให้ตนเดือดร้อนแน่ๆ”
การที่สิงตู้เหยาเรียกหญิงสาวว่า นายหญิง คือการให้เกียรติ และเป็นการยอมรับ ดังนั้นสิงตู้เหยายามนี้จึงเป็นคนของซ่างเป่าเหลียนเต็มตัว
ยามนั้น คิ้วเรียวเสียงเลิกขึ้น มีรอยยิ้มประดับที่มุมปากของซ่างเป่าเหลียน แม้จะมองออกว่าสาวใช้กลัวความผิดจึงอ่อนข้อลงก็ตาม อย่างไรนางยังเด็ก การให้โอกาสคนย่อมพบทางประเสริฐในภายหน้า
“บ่าวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวสิ่งใด จะมีแค่เทียบยา แล้วก็สมุนไพรต่างๆ ที่นำไปเพื่อต้มน้ำแกงเท่านั้น และก็อยู่ในรถม้าของเราโดยตลอด คนที่จัดเตรียมไว้เป็นหมอในค่าย พวกเขาไม่กล้าประสงค์ร้ายต่อนายหญิงแน่”
“ดี เช่นนั้น ย่อมทำให้ข้าเชื่อใจว่า มีผู้อื่นวางยาในอาหาร รวมถึงน้ำแกงถ้วยนี้ หรือไม่อาจไม่ใช่การปรุงในอาหาร แต่เป็นสิ่งอื่น!”
แม้ซ่างเป่าเหลียนจะกล่าวเช่นนั้น แต่ฝ่ายทหารมิได้สนใจ ยังยืนยันจะจับกุมตัวสาวใช้ให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น หญิงสาวจึงต้องปกป้องคนของตน ในฐานะนายหญิง เรื่องนี้นางจะยอมหักไม่ยอมงอ
“พี่ทหารทั้งสาม สามารถควบคุมตัวสาวใช้ข้าไว้ได้ แต่เรื่องนี้ข้าเป็นผู้เสียหายเช่นกัน ดังนั้นจนกว่าจะช่วยเหลือผู้ได้รับพิษให้พ้นอันตราย พวกท่านควรปิดล้อมที่นี่ ห้ามคนเข้าออกย่อมสมควรที่สุด ส่วนข้าจะพยายามดูแลผู้ป่วยให้”
ซ่างเป่าเหลียนไม่ได้อวดฉลาดใด ๆ เพียงแต่ยามนี้ สัญชาติญาณของการเป็นแพทย์ห้องฉุกเฉินกลับคืนมาสู่ร่างกายนี้ อีกทั้งนางมองเห็นว่ามีหลายสิ่งที่ตนพอจะช่วยเหลือผู้อื่นได้
“อาซ่ง จับตาดูให้ดี หากมีใครทำร้ายเสี่ยวเหยา... เจ้ารู้ใช่ไหมว่า จะต้องทำอย่างไร”
โจวซ่งขมวดคิ้ว สีหน้าเข้มขรึม ไม่รู้ด้วยเหตุใด นี่คงเป็นครั้งแรกนับแต่สตรีผู้นี้ก้าวขึ้นรถม้าได้แสดงท่าทีเหมือนนายหญิงอย่างแท้จริง ชั่วขณะหนึ่งเขาอดคิดไม่ได้ว่า นานแล้วที่ตงเยี่ยหรง ไม่ได้มีสตรีที่ใบหน้างดงามล่มเมือง หากแฝงด้วยท่าทางที่เหมือนนางหงส์อยู่เคียงข้างกาย และนางผู้นี้เหมาะสมกับท่านแม่ทัพยิ่งนัก
ซ่างเป่าเหลียนก้าวไปดูอาการคนได้รับพิษจากบะหมี่เป็ด อาการหนักสุดที่ไม่ได้สติคือ สตรีที่ผู้อื่นเรียกนางว่าไป๋ฮูหยิน นามว่ารั่วจิ้ง ภรรยาของอารักษ์ ที่เดินทางมาเมืองนี้ และเขาถือตราแทนฮ่องเต้ ในการตรวจสอบสิ่งต่างๆ แล้วบันทึกข้อมูลใช้ในการรายงานเรื่องราวของแคว้นเจียงหนาน
“นางกลืนสิ่งใดลงท้องก่อนหน้านี้หรือไม่”
สาวใช้ของไป๋ฮูหยินตัวสั่น หน้าซีด และตอบว่า
“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินบ่นว่าร้อน ไม่สบายตัว จิบน้ำชาไปบ้าง พอมาถึงโรงเตี๊ยมก็อยากกินบะหมี่เป็ดเลืองชื่อ นางกินไปได้สองสามคำก็เวียนศีรษะ แล้วสลบไปเลย ส่วนนายท่าน กับนายท่านรอง แค่ตักน้ำแกงเข้าปาก ต่างพากันอาเจียนออกมา”
ซ่างเป่าเหลียนมองไปที่บะหมี่ และนางให้สาวใช้นางนั้น ยกมาใกล้ๆ ท่าทางที่ผู้อื่นเห็น คาดหมายว่านางจะตักชิมน้ำแกง หรือเส้นบะหมี่ พอหญิงสาวแค่ดมกลิ่น และท่าทางเหมือนรับรู้ได้ว่ามีพิษ จึงวางถ้วยบะหมี่ลง พร้อมมีเสียงคนโล่งอกไปตามๆ กัน
“ช้าก่อนแม่นาง ด้านบนนั้นพวกข้าสั่งแบบแห้ง แต่มีอาการคลื่นไส้ โชคดีที่หลานชายเป็นคนตะกละ หยิบเนื้อน่องเป็ดกัดไปหนึ่งคำ ไม่ทันกลืนลงท้องก็คายทิ้ง” ชายวัยกลางคนบอก ยามนี้เขากำลังลูบหลังหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ท่าทางอิดโรยอยู่สักหน่อย “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อาหารแล้วละ... แต่เป็นภาชนะที่ใส่บะหมี่ รวมถึงถ้วยน้ำแกงของข้าที่เสี่ยวเหยาต้มให้!” สิ่งที่หญิงสาวประกาศ ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่นั้น มีหลายคนที่เริ่มแสดงพฤติกรรมน่าสงสัยให้เห็น “พี่ทหาร ได้ยินเช่นนี้แล้วพวกท่าน ยังไม่คิดปิดประตู ห้ามคนในออกจากโรงเตี๊ยมอีกหรือ” เสียงของนางทำให้เถ้าแก้โรงเตี๊ยมตื่นตัว พอๆ กับทหารทั้งสามนาย ฝ่ายหวังตันกลับเข้ามาพร้อมกระเป๋าปฐมพยาบาล ส่วนสิงตู้เหยาถูกปล่อยตัว นางจึงไปขอเสื้อผ้าคนงานด้านหลังเปลี่ยนชั่วคราว แล้วเข้ามาเป็นลูกมือของซ่างเป่าเหลียน จากนั้นการช่วยเหลือคนก็เริ่มต้นขึ้น และนี่ดูเหมือนจะเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญของผู้ติดตามซ่างเป่าเหลียน ซึ่งจะส่งผลให้ภายหน้าทุกคน ยอมรับในความสามารถนาง จากนั้น ฉากกั้นก็นำมาวางไว้ โดยที่ซ่างเป่าเหลียนให้สาวใช้ทั้งสองค
หญิงวัยห้าสิบปีเศษนอนอยู่บนพื้น อาการนางคือนอกจากไม่ได้สติ ยังต้องได้รับการกระตุ้นหัวใจให้กลับมาเดินอีกครั้ง (ปั๊มหัวใจ)“เถ้าแก่ห้ามให้ใครเข้ามายุ่มย่ามบริเวณนี้เด็ดขาด และคนที่เหลือ ถอยออกไปอีกสักหน่อย ข้าต้องการพื้นที่ช่วยเหลือคน รวมถึงอากาศเพียงพอสำหรับคนป่วยส่วนแม่บ้านหวังเปิดกระเป๋า และหันมาให้ข้าเห็นชัด ๆ หากต้องการสิ่งใด ข้าจะให้เจ้าหยิบให้ทันที” ซ่างเป่าเหลียนสั่งทุกอย่างชัดเจน น้ำเสียงนางมีอำนาจ ทุกคนที่ได้ยินจึงทำตามโดยไว ผิดแต่มีสายตาคู่หนึ่งลอบมองนางอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความประสงค์ร้าย อนิจจาซ่างเป่าเหลียนไม่ใช่ผู้วิเศษ มีดวงตาที่สาม อีกทั้งมุ่งมั่นอยากช่วยคนจึงไม่ทันเห็น การกระตุ้นหัวใจของคนงานหญิงผ่านหลายอึดใจใหญ่ๆ ท่ามกลางสายตาที่ให้ความสนใจ และสิงตู้เหยานางอ้าปากค้าง นางปลื้มใจนายหญิงเหลือเกิน แต่แรกนางอิจฉาความงามอีกฝ่าย ด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์ ผิวขาวราวกับไข่ต้มปลอกเปลือก พอนางให้การช่วยเหลือผู้อื่น ก็ประหนึ่งมีรัศมีทาบทับร่าง ตั้งแต่เกิดมาสิงตู้เหยาไม่เคยชื่นชมใครเช่นนี้ นางถูกเก็บมาเลี้ยง กระทั่งได้รับใช้ในค่ายทหาร และนี่คงเป็นสตรีค
เมื่อรถม้าเดินทางมาได้พักใหญ่ หวังตันก็บอกกับซ่างเป่าเหลียน “คืนนี้ คงต้องนอนที่อารามข้างหน้า เป็นสำนักนางชี แม่นางเหลียนสะดวกหรือไม่” เพราะสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ดังนั้นการนอนค้างคืนที่โรงเตี๊ยมดังกล่าว ยิ่งสร้างความยุ่งยากตามมา อีกทั้งคำสั่งตงเยี่ยหรงคือเดินทางไปให้ถึงเมืองหวางอินโดยด่วนที่สุด ทำให้หวังตันเลือกพักที่อื่น “ข้ากินง่าย นอนง่าย ขอให้มีหลังคาคุ้มหัวก็หลับสบาย ส่วนพวกเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีเถิด” ซ่างเป่าเหลียนบอกหวังตัน และหันไปทางสิงตู้เหยา จากนั้นนางก็สำรวจกระเป๋าปฐมพยาบาลของตน โดยยามนี้นางบอกให้ผู้อื่นเรียกว่า ‘หีบยาเทพธิดา’ ชื่อฟังดูเหมือนยกหางตนเองอยู่บ้าง แต่ทำให้มันไม่ถูกด้อยค่าหรือมองเป็นของประหลาดจนเกินไป ด้วยผู้คนในยุคสมัยนั้น เคารพเทพเซียน และบรรพบุรุษ “บ่าวเห็นไป๋ฮูหยินมองหีบยาเทพธิดาตาเป็นมันเลยเจ้าค่ะ เช่นนี้ เราต้องจ้างหน่วยคุ้มกันมาดูแลด้วยหรือไม่” สิ่งที่สิงตู้เหยากล่าวทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ นางไม่ควรเปิดเผยตนเองนัก โดยเฉพาะความรู้เรื่องการรักษาคน ซึ่งในตอนจับชีพจรรั่วจิ้งทำให้รู้ว่าฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ พออยาก
เข้าหาลูกสะใภ้ และหลังจากได้กินอาหารพอไม่ให้หิวเกินไป ซ่างเป่าเหลียนก็ได้พักสงบสติอารมณ์ นางไม่อยากพบผู้ใดเลย แต่ก็นั่นแหละ ได้มีสาวใช้ในค่ายผู้หนึ่งมาก่อนกวน สิงตู้เหยาคือคนที่มาปรากฏตัว พร้อมท่าทางที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ อีกฝ่ายเรียกว่าจับตาดูซ่างเป่าหยวนตั้งแต่ถูกต้อนมาที่ค่ายเมืองเหนี่ยว โดยอยู่ในฐานะเชลย ทว่าพอถูกจับแต่งตัว แต่งหน้า นางก็งดงามจนผู้ใดพบเห็นก็ริษยา ซึ่งหนึ่งนั้นก็คือสิงตู้เหยา “เห็นว่าท่านคงอยากกินของหวาน ข้าเลยแอบนำของว่างมาให้ มีขนมถั่วกวน แล้วก็ลูกผลับแห้ง” สิงตู้เหยาประสงค์ดีเช่นนั้นหรือ ความจริงก็คือไม่เลย นางอยากมาเห็นสภาพซ่างเป่าเหลียนด้วยตาของตนมากกว่า ว่าเป็นที่โปรดปราณของตงเยี่ยหรงจริงหรือไม่ ด้วยนานแล้วที่เขาไม่เรียกหาใครให้มาปรนนิบัติ และส่วนมากหลังจากอุ่นเตียงด้วยกันแล้ว ก็มักจะถูกส่งตัวไปที่อื่น ไม่ก็หายสาบสูญ หาตัวไม่พบอีก ทว่าซ่างเป่าเหลียนผู้นี้ กลับได้มาพักผ่อนในกระโจมส่วนตัว ด้วยเหตุนี้คนงานอย่างสิงตู้เหยาจึงได้เงินค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ จากคณิกาคนอื่นในค่ายฯ ให้มาสืบเรื่องราว ดวงตากลมโตมองคนงานหญิง ก
มอบตัว หลังการพักผ่อนที่เรียบง่ายที่สำนักนางชี ซ่างเป่าเหลียนรู้สึกมีความสุข และผ่อนคลายอย่างแท้จริง นอกเหนือจากนั้นอาหารเจที่สำนักนางชีอร่อยถูกปาก ผักสด เต้าหู้เนื้อดี น้ำแกงหัวผักกาดขาวหวานหอมเลิศรส นางกินอาหารได้มากเช่นนั้น เลยง่วงเร็วสักหน่อย ฝ่ายหวังตันคอยสังเกต และหลายหนเหมือนต้องการอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมการตั้งครรภ์ของหญิงสาว “แม่บ้านหวัง...” หวังตันละอายใจเล็กน้อย นางเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ต้องคอยจับผิดคนที่อายุน้อยกว่า อีกทั้งใจนึกสงสารซ่างเป่าเหลียน ชะตาชีวิตคุณหนูเจ็ดผู้นี้ จะว่าไปก็อาภัพนัก “บอกข้ามาเถิด อาเหลียน” เมื่ออยู่กันตามลำพัง หวังตันเรียกหญิงสาวอย่างสนิทสนม นั่นคงเป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักกัน ทำให้มั่นใจว่าสตรีคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ส่วนเรื่องเป็นสายลับให้แก่สกุลซ่างหรือไม่นั่น คงต้องพิสูจน์กันในภายหน้า อย่างไรก็ตามยามนี้หวังตันผ่อนปรนสิ่งต่างๆ ลงมากแล้ว อีกอย่างคำสั่งของตงเยี่ยหรงก็เคร่งครัด สตรีผู้นี้ห้ามไม่ให้ใครลบหลู่เกียรติ และส่งนางให้ถึงเมืองหวางอิน “เรื่องยับยั้งการตั้งครรภ์นั้น ข้าได้กินยาของต
“พวกท่านขวางทางรถนายหญิงข้า นับว่าถูกต้องแล้วหรือ” สิงตู้เหยาออกไปยืนหน้าด้านรถม้า สาวใช้ผ่านความตายมาหลายหน อายุน้อยก็จริง แต่นางติดตามกองทัพมาตั้งแต่ห้าขวบ ไฉนจะเกรงกลัวสิ่งใดง่ายๆ สมแล้วที่ตงเยี่ยหรงคัดเลือกมา โดยที่นางก็สมัครใจด้วย “แม่นางน้อย บอกให้นายหญิงของเจ้ามอบตัวเสียดีๆ” “มอบตัว!” สิงตู้เหยาโมโหจริงๆ แล้ว “ถูกต้อง คนงานหญิงที่โรงเตี๊ยมเสียชีวิต เช่นนี้นายหญิงของเจ้า ย่อมเป็นคนวางยา พยายามฆ่าทุกคน” นายทหารผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงจริงจัง สิงตู้เหยากำหมัดแน่น อยากช่วยนายหญิงตน ทว่าไม่ทันได้ทำสิ่งใด ซ่างเป่าเหลียนก็ก้าวลงจากรถม้า “มีเรื่องใดเยี่ยงนั้นหรือ” ซ่างเป่าเหลียนถาม และฝ่ายทหารเตรียมพุ่งเข้ามาจับตัวนาง “จับตัวนักโทษ อย่าให้นางหลบหนีไปได้!” เสียงเข้มดังขึ้น ทว่าเป็นตอนนั้นที่ หวังตันต้องขัดขวาง เพื่อรักษาเกียรติของซ่างเป่าเหลียน และสายตาโจวซ่งก็มองนาง เป็นการสื่อสาร ที่เรียกได้ว่าเฉพาะพวกที่ถูกฝึกฝนเท่านั้นจึงจะเข้าใจได้ “เจ้ารู้ใช่ไหมอาซ่งว่าต้องทำอย่างไรบ้าง” “ป้าหวัง ข้าถูกฝึก
ความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม เมื่อไป๋ฉูเกิดอาการเช่นนั้น ผู้ช่วยเขาและผู้ติดตาม ต่างเข้ามาประครองตัว ชายวัยกลางคน เหงื่อแตกท่วมหน้า ริมฝีปากคล้ำจัดอาการบอกให้รู้ว่า เขามีปัญหาเรื่องความดัน แลหัวใจ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมาที่ซ่างเป่าเหลียนดูเหมือนจะพยายามออกปากขอร้องให้นางช่วยเหลือ ตัวเขาเห็นว่านางมีความสามารถทางการแพทย์ ส่วนมากน้อยแค่ไหน ก็พิสูจน์แล้วว่านางสามารถชุบชีวิตหญิงคนงานในโรงเตี๊ยมให้ฟื้นได้ ทั้งที่ได้รับน้ำมันสกัดที่รุนแรง และในตอนนั้นจู่ๆ รั่วจิ้งก็ปรากฏตัว นางเป็นสะใภ้สกุลไป๋ ทว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานที่จวนผู้ว่า หรือศาลเมืองกุย แต่นางคงลืมบางสิ่ง ยิ่งเห็นว่าไป๋ฉูมีอาการแย่ก็หวีดร้องโวยวาย ทำอย่างไรได้น้องสามีผู้นี้ สำคัญกับนางยิ่งนัก ซ่างเป่าเหลียนถอยหลบ ทว่ามือของรั่งจิ้งเร็วมาก อีกฝ่ายฉุดแขนนาง แล้วออกแรงบีบด้วย ไม่ใช่แค่บีบหากเล็บแหลมคมจิกเข้าเนื้อ “แม่นางเหลียน มีความรู้เรื่องรักษาคนมิใช่หรือ เหตุใดถึงเพิกเฉยเช่นนี้” ซ่างเป่าเหลียนคนใหม่ มิใช่สตรีที่อ่อนแอ หรือ มีจิตใจสูงส่งช่วยคนจนตนเองต้องเดือดร้อน ดังนั้นจึงตอบว่า
เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัว หวังตันนั้นไม่ค่อยสบายใจ นางเห็นว่าสิ่งต่างๆ ไม่ถูกต้อง ราวกับมีคนจงใจ อยากให้ซ่างเป่าเหลียนมีโทษสถานหนัก นอกจากนั้นทั้งไป๋ฉู กับรั่วจิ้ง สองคนนี้หากเป็นไปได้ก็ควรอยู่ให้ห่างๆ “อาเหลียน สถานการณ์ไม่ดีนัก แต่อย่ากังวล บ้านเมืองย่อมมีกฎหมาย อีกอย่างภายใต้การดูแลของท่านแม่ทัพ ตัวท่านย่อมปลอดภัย” “ข้าแค่ทำหน้าที่ของราษฎรที่ดีคนหนึ่ง การช่วยเหลือคนครัวผู้นั้นด้วยความบริสุทธิ์ การที่นางเสียชีวิตย่อมมีเงื่อนงำ” ซ่างเป่าเหลียนย่อมมั่นใจว่า คนครัวปลอดภัยจากน้ำมันสกัด แต่อาจถูกทำร้ายด้วยวิธีอื่นจนสิ้นชีวิต อีกอย่างนางไม่ทันได้เห็นศพ จึงวิเคราะห์สิ่งใดยังไม่ได้มากกว่านี้ “อาซ่งกำลังสืบเรื่องพวกนี้ คาดว่าไม่นานคงได้คำตอบ ถึงอย่างนั้นทั้งไป๋ฉู และรั่วจิ้ง ทั้งคู่ต่างประสงค์ร้ายต่อท่าน” “เรื่องนั้นข้าก็ห่วง และเท่าที่พอจะสังเกตจากน้ำเสียง และสีหน้ารองเจ้าเมืองไป๋ และความห่วงใยของรั่วจิ้งที่มีต่อเขา อย่างไรย่อมเชื่อได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เกินพี่สะใภ้กับน้องสามี” หวังตันพยักหน้าตาม ก่อนเอ่ยต่อ “ที่โรงเตี๊ย
“ไม่ทันได้เข้าหอ แต่เสี่ยวเหยา ก็ช่วยข้าด้วยมือและปากของเจ้าได้” “ทะ ท่านเอาเปรียบข้า” “แล้วเสี่ยวเหยายอมหรือไม่”เขาถาม และเตรียมจะจูบอย่างจริงจังมากว่าเดิม “ข้าจะเป็นสตรีคนเดียวของท่าน และท่านก็จะเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของลูก เช่นนี้ ยังต้องถามสิ่งใดอีก” ยามนี้คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ซ่างเป่าเหลียน หากเป็นสามีของนาง ซึ่งสลบไปหนที่สามแล้ว กระทั่งฟื้นคืนสติเขาก็คำรามเสียงดัง และให้คนไปถามหมอหลวง ทั้งหมอตำแยที่เตรียมการช่วยคลอดผู้เป็นภรรยา หูซีเกอเดินมาถึงหน้าของชายหนุ่ม ก็เข่าอ่อนลงไปนั่งบทพื้น “ท่านแม่ทัพคลอดแล้วขอรับ และฮูหยินฝากให้มาบอกท่านว่า หากไม่ดื่มหรือกินอะไรสักก่อน ห้ามเข้าไปดูหน้าลูกเด็ดขาด” “เหลียนเหลียนใจร้ายกับข้าเช่นนั้นหรือ” เขาว่า และใจอยากจะพุ่งเข้าไปประตูด้านในที่นางคลอดบุตร แต่ยามนี้มีทั้งเจี้ยนจาง และก็หวังตันขวางเอาไว้ “รักษาสุขภาพด้วยเถิดบิดา ไม่อย่างนั้นน้องชายข้า จะมีใครอุ้มและสอนเขาขี่ม้า และยิงธนูเล่า” “ไอ้ลูกเวร นั่นเจ้าแช่งข้าหรือ” ตงเยี่ยหรงพอมีแรงก็ชี้หน้าเจี้ยนจา
ตอนพิเศษ 2ลูกแฝดของท่านแม่ทัพ ยามนี้ ซ่างเป่าเหลียนอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวโตกำลังว้าวุ่นใจหนัก ตั้งแต่มาอยู่เมืองหลวงที่จวนแม่ทัพ ตงเยี่ยหรง ก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับนาง พอรู้ว่าเด็กในท้องเป็นฝาแฝด (หญิงสาวใช้เครื่องตรวจจากหีบยาเทพธิดา) เขาก็เฝ้าโทษตัวเองว่า เป็นพวกมักมากไม่รู้จักหักห้ามใจ ด้วยชวนนางอุ่นเตียงแบบไม่มีวันพัก “เหลียนเหลียน... ข้าผิดต่อเจ้า และสองแฝดนัก หักโหมเช่นนี้ เด็กน้อยอาจได้รับการกระทำกระเทือน” “ผิดต่อข้า... และสองแฝด” เขาบอกแล้วก็ลงไปนั่งคุกเข่า และใช้หูแนบกับครรภ์ของนาง ตั้งใจฟังเสียงของลูกที่อยู่ข้างใน “อีกไม่นานพวกเขาก็คลอด หากพวกเขาไม่แข็งแรง นั่นย่อมหมายความว่า ฟ้าดินโทษข้าผู้แซ่ตงแล้ว” น้ำเสียงเขาฟังแล้วก็เศร้าสร้อย หัวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ยามนี้ตงเยี่ยหรงคงมีความเครียดมิน้อย หญิงสาวมองเขา ยิ่งใกล้ชิด ก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของบุรุษผู้นี้ เขาอบอุ่นพึ่งพาได้ ที่สำคัญรักนางมาก จนบางครั้งอาจมากเกินกว่าคนปกติไปสักหน่อย “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หรงเกอชอบสิ่งใด ภรรยาท่านก็ปรารถนามีความสุขด้วย บางครั้งโลดโผนไปบ้าง นั่
เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้ และถูกจับโยนขึ้นหลังม้า โดยที่ร่างสูงใหญ่ประกบด้านหลัง เสียงหายใจของคนตัวโตเป็นจังหวะที่มั่นคง ร่างกายเขาแผ่ไอสังหารออกมาเป็นระยะๆ ยามนั้นนางคิดว่าเขาคงอยากหักกระดูกนาง ไม่ก็จับไปเซ่นไหว้ภูตผี สำหรับทำสงคราม หากความคิดทุกอย่างจบลงที่ เขากล่าวเสียงเข้มๆ ข้างหู “เป็นเจ้าใช่ไหม ที่มากับแม่บ้านหวัง แล้วเหตุใดถึงตกอยู่ในพวกมือสังหาร หรือเป็นสายลับให้กับพวกกบฏ” เมื่อนางไม่ตอบ มือใหญ่จึงบีบลำคอระหง เขาออกแรงหนักอยู่สักหน่อย และนั่นจึงทำให้ซ่างเป่าเหลียนเกิดความกลัวจับใจ “มดปลวกยังมีค่ามากกว่าชีวิตเจ้า” เสียงเขา และการแสดงออกนั้น ทำให้หญิงสาว นิ่งค้างและหัวสมองว่างเปล่า โอ้ โชคดีเท่าใด ที่นางไม่ได้เข้าหอกับไคซีผู้เป็นเจ้าบ่าว หาไม่แล้วการมีพ่อสามีที่เผด็จการ ทั้งชอบใช้กำลัง ย่อมเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง “ผะ ผู้น้อย ไม่ทราบสิ่งใด หลังจากพลัดหลงกับครอบครัว ก็ถูกต้อนไปเป็นเชลย แล้วเมื่ออยู่ตลาดผ้า ก็หลงทาง จนถูกจับเป็นตัวประกัน” “หึๆ ๆ เจ้ามีประโยชน์อันใดแก่พวกนั้น มันถึงคิดจับตัวไว้ หรือว่าเป็นความงามรึ” น้
การเป็นอยู่ที่ค่ายเชลยลำบากไม่น้อย แต่ซ่างเป่าเหลียนที่แกล้งทำเป็นสติไม่ดี ทำให้นางไม่ถูกรังแกหรือข่มเหงจากผู้อื่น วันนี้นางออกมาด้านนอก หวังตันต้องการแรงงาน ช่วยขนของจากตลาด และสิ่งที่อีกฝ่ายจัดหาคือ เกลือ น้ำตาล แล้วก็เครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร แล้วยังด้าย ผ้าต่างๆ นอกจากนั้นก็ของอื่นๆ ซึ่งทหารในค่ายฝากมาซื้ออีกหลายสิบรายการ ขณะที่ซ่างเป่าเหลียนรออยู่ที่ด้านข้างร้านขายของ ก็เป็นตอนนั้นที่ นางเห็นว่าตนพอจะมีโอกาสหลบหนี นางใช้ความคิดอยู่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น จึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อตน ในนั้นนางซ่อนเข็มเงินเอาไว้ “เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใด” คนที่ถามคือ สิงตู้เหยา ด้วยมั่นใจว่าซ่างเป่าเหลียนหยิบของบางออกมาจากแขนเสื้อ และกำลังซ่อนไว้ ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนไม่ตอบ นางใช้ความเร็วอย่างที่สุด แทงเข็มเงินเข้าที่ลำคอด้านข้างของสิงตู้เหยา ชั่วพริบตาเดียว ร่างของสิงตู้เหยาจึงโงนเงนไปมา ก่อนค่อยๆ ทรุดลงไปบนพื้น “จะ เจ้า... แกล้งความจำเสื่อม แล้วยังทำร้ายคนของแม่ทัพตง” สิงตู้เหยาพูดได้เท่านั้น นางก็สลบไป และนั่นคือโอกาสอันดีของซ่างเป่าเหลียน สองขานางรีบ
ตอนพิเศษ 1คำแนะนำก่อนอ่านเนื้อหาในตอนพิเศษนี้เล่าเรื่องซ่างเป่าเหลียนตามฉบับนิยายที่แพทย์หญิงห้องฉุกเฉิน(เป่าเหลียน)เคยอ่านผ่านตา เป็นตอนเสริมเพื่อเพิ่มความบันเทิง*** ดังนั้นบางส่วนจะไม่ต่อเนื่องกับนิยายเล่มหลัก ฉันจำได้ว่าอ่านนิยายที่มีแม่ทัพตงผู้เก่งกาจ กลายเป็นทรราชเมื่อนานมาแล้ว ทว่าช่วงนี้ได้ฝันต่อเนื่องถึงตัวละครที่ชอบบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่า อีกมุมหนึ่งเขามีความเผด็จการ ทั้งยังเข้าขั้นแบดบอย แบบฉบับที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน อีกอย่างทรราชแซ่ตง ช่างน่าค้นหากว่านิยายฉบับเดิมเสียอีก แน่นอนว่าในบางครั้งฉันอยากเป็นตัวละครอย่างซ่างเป่าเหลียน ที่ได้ท้าทายอำนาจเขา อีกอย่างสตรีผู้นี้ยังมีชื่อที่เหมือนฉันด้วย ซึ่งในขณะที่หลับๆ ตื่นๆ บนเตียงของผู้ป่วย ฉันได้เข้าไปโลดแล่นในเรื่องราวโลกคู่ขนาน มีตงเยี่ยหรงเป็นแม่ทัพใหญ่ และคือผู้พ่อสามีของซ่างเป่าเหลียนเรื่องราวในนิยาย หญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวเกิดความเครียดจัด เท่าที่นางรับรู้ ยามนี้เดินทางมาจวนจะถึงเรือนหอแล้ว ทว่ากับมีเรื่องชวนให้นางต้องประสบเหตุร้ายครั้งใหญ่ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะนางรักคนที่ไม่ควรรัก หรือไม่คงเกิดจาก นาง
กระทั่งเจี้ยนจางกล่าวเข้ามา และบอกว่า “บิดามาถึงแล้ว ท่านแม่...” ซ่างเป่าเหลียนดีใจ ผิดแต่ครรภ์ของนางใหญ่ขึ้นมาก จะให้รีบขยับตัวแล้วออกไปพบชายหนุ่มอย่างที่ใจปรารถนานั้นก็หาทำได้อย่างรวดเร็วไม่ “แล้วเหตุใด แม่ทัพตงยังเป็นตาแก่อืดอาด ไม่มาให้ข้าเห็นหน้าเสียที” เสียงนางเขียวสักหน่อย และไม่นาน เขาก็อุ้มเด็กทารกหญิงมา ท่าทางเขาทะมัดทะแมงทีเดียว ไม่ได้มีทีท่าเหมือนคนไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน “ลูกของรั่วจิ้ง... นางขี้เหร่เสียจริง” คำพูดเขาทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหัวเราะร่วน และเห็นจะเป็นจริง เด็กทารกหญิงหน้าตาผิดจากมารดา แต่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ทั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดังไม่เกรงกลัวใคร “ท่านไม่รังเกียจนาง หรือคิดทำร้าย ข้าก็เบาใจ” “เหลียนเหลียน นี่ภรรยาเห็นว่าข้าเป็นคนเช่นไร ถึงจะกินคนได้ และนี่เป็นเพียงตัวอ่อนเล็กๆ ข้าหาใช่คนอำมหิตสักหน่อย” เขาว่าจบก็ส่งทารกให้หูซีเกอรับไป จากนั้นก็เข้ามาหาผู้เป็นภรรยา คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรู้หน้าที่จึงค่อยๆ ถอยห่างออกไป “นอกจากยามนี้ ข้าได้ชัยชนะ ทั้งปราบกองกำลังของอี้อ๋องเรียบร้อย ยังมีข่
บอกรักลูกเมีย ไคซีไม่รู้ว่าเขาพลาดตรงไหน ทั้งที่หนีจากสกุลฟ่าน มาอยู่ในพื้นของตน และตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ สักระยะ ก่อนหาทางเดินทางไปให้ไกลจากอำนาจอี้อ๋อง หากสุดท้ายเขาก็ถูกแว้งกัดจนได้ ยามนี้พอกลับเข้าป้อมสกุลไค ก็ไม่มีเงาซ่างเป่าเหลียนแล้ว ส่วนรั่วจิ้งทั้งที่พึ่งคลอดลูก นางกับตัดช่องน้อยพอตัว คงเพราะกลัวมีภัยถึงตัวจึงชิงดื่มยาพิษตายตามพี่ชายไป ไคซีคลุ้มคลั่งหนัก เขาพาคนของตนที่ยังรอดชีวิต ออกตามหาซ่างเป่าเหลียน ใช้เวลาเข้าวันที่สาม คนของเขานั้นเหลือไม่ถึงยี่สิบชีวิต บ้างก็หลบหนีไป บ้างบาดเจ็บหนักจนทนพิษไม่ไหว ยามนี้ สิ่งที่เขาคาดไม่ถึง คณะของซ่างเป่าเหลียนเดินทางเข้าใกล้เมืองหลวงทุกที ซึ่งแทนที่จะถูกคนของอี้อ๋องเข้าสกัดแล้วจับกุม กลับกลายเป็นว่ารถม้าของนางผ่านทุกด่านได้อย่างไม่ติดขัด ความรู้สึกของชายหนุ่มยามนี้ เต็มไปด้วยความกลัว หรือเป็นไปได้ว่า แผ่นดินนี้สิ้นอี้อ๋องแล้ว ทั้งที่อีกฝ่ายพึ่งก้าวขึ้นบัลลังก์ได้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ ไคซีมองไปยังรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ และเขาก็เร่งฝีเท้าม้า ควบทะยานมันอย่างเอาเป็นเอาตายหวังสกัดไม่ให้ซ
จางเจี้ยนสวมรอยเป็นไคซีต่อไป แล้วพาขบวนเล็กๆ ของซ่างเป่าเหลียนออกไปด้านนอกป้อมลับด้วยทางใต้ดิน การเดินทางไม่ได้ยาก หรือน่าหวาดหวั่นเกินไป เพราะมีอุโมงค์ยาวพาออกไปนอกพื้นที่ กระทั่งหมดเตรียมขึ้นรถม้าไปให้ไกลพื้นที่การต่อสู้ ร่างเด็กชายก็ปรากฏพร้อมมือสังหารกลุ่มหนึ่ง “เสี่ยวหรานหรอกหรือ” สิงตู้เหยาคันไม้คันมือ นางชอบเด็ก แต่เด็กปีศาจก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ สมควรได้รับโทษ “หมอเหลียน ข้ารู้ว่าท่านอยู่ในรถม้า โปรดแสดงตัว และมอบน้องสาวให้ข้าเสียเถอะ” ฝ่ายสิงตู้เหยาเข้ามารายงานสถานการณ์ด้านนอกต่อนายหญิงที่รถม้า และขออนุญาต จัดการเด็กชาย “อย่าให้เกิดสิ่งใดรุนแรง เราต้องผ่านพื้นที่นี้ให้ได้ ลดการสูญเสีย เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง” ซ่างเป่าเหลียนบอกสิงตู้เหยา “บ่าวย่อมเชื่อฟังนายหญิง” พูดจบ สิงตู้เหยาจึงก้าวมาอยู่ตรงหน้าเด็กชาย “เสี่ยวหราน... น้องสาวเจ้านั้น นายหญิงส่งไปร่ำเรียนวิชาต่างๆ ที่สำนักนางชี บนเขาไป๋ซาน ไฉนยังมาตามที่นี่อีก และเท่าที่ข้าจำได้ เจ้าหายตัวไปพร้อมทำเรื่องผิดต่อนายหญิง” “เจี่ย
ทั้งใต้หล้านี้ ข้ากลัวคนผู้เดียว หลายวันผ่านไปกระทั่งถึงช่วงเวลาที่รั่วจิ้งคลอด ความโกลาหลต่างๆ ก็เกิดขึ้น ภายนอกป้อมลับ มีกองกำลังจะบุกเข้ามา คือกลุ่มคนที่เครียดแค้นต่อไคซี และฟ่านเทียนโหว หากยังนับว่าดีที่ มีมือสังหารช่วยตึงกำลังไว้ ยามนั้นโจวซ่งได้ส่งสัญญาณขอหน่วยเสริม พร้อมจัดเตรียมรถม้าสำหรับการหลบหนีของซ่างเป่าเหลียน “ฮูหยิน นับแต่ก้าวจากค่ายทหารของแม่ทัพตงครั้งนั้น ไม่หน้าเชื่อว่า อยู่ที่ใดก็ต้องเดินทางเสมอ” ซ่างเป่าเหลียนหันมาทางหวังตันแล้วตอบว่า “ฟ้าลิขิตไว้เช่นนี้ จำที่ข้าบอกไว้ได้หรือไม่ เมื่อกลับเมืองหลวงเมื่อใด ที่นั่นทุกคนจะอยู่อย่างสงบ และไม่ต้องลำบากหลบหนีศัตรูแน่นอน” “ฮูหยินมั่นใจเช่นนั้น ว่าเราจะได้ไปเมืองหลวง ข้าก็ตั้งตารอจริงๆ ทว่ายามนี้ แคว้นเจียงหนานมีอี้อ๋องเป็นใหญ่ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หรือ” “ได้สิ แม่ทัพตงจะเป็นคนพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี เขาไม่ลืมคำพูดที่ให้ไว้กับข้าแน่นอน” หญิงสาวว่า แล้วมองไปยังรั่วจิ้ง อีกฝ่ายซึ่งมีอาหารเจ็บครรภ์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนสงบลง อีกทั้งนางใกล้คลอดเต็มที “ข