หลี่ตงรีบเปิดประตูรถให้เฉิงซีหยวนที่เดินมาอย่างเร่งรีบ“ไปต่อที่ไหนไหมครับ ท่าน” ถามเพราะเคยถามประจำ แม้ในใจจะคิดว่าเฉิงซีหยวนกับเหรินหมยไม่น่าจะมีอะไรกันจึงคิดเผื่อว่าคืนนี้เฉิงซีหยวนยังไม่ได้คู่นอนก็ตาม“ไปพบซูจิงที่บ้านของเขา” หลี่ตงยิ้มบางๆ คิดไปเองว่าเฉิงซีหยวนคงตั้งใจไปพบซูจิงเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานแต่กลับมาอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่ผู้หญิงไซด์ไลน์หลี่ตงพารถเคลื่อนขึ้นสู่ถนนหลัก“นายว่า ฉันผิดใช่ไหมกับเรื่องทั้งหมด” ตั้งใจไประบายความโกรธที่เหรินเหมยทำให้เขาโกรธ บางทีนี่อาจเป็นวิธีแก้แค้นที่ดีที่สุด“อะ ผิดเรื่องอะไรครับท่าน”“เรื่องที่ผ่านมาห้าปีนั่นนายยังคิดว่าฉันผิดอยู่ไหมเป็นฉันใช่ไหมที่ต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้”“ไม่ทราบครับ แต่ให้คิดในแบบของผม เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกอย่างมันบังเอิญ หากคนที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็คงต้องเป็นคุณหมอถงคนนั้นแต่เขาก็ได้รับผลกรรมไปแล้ว ไม่มีงานหมดอนาคตกับเรื่องนี้ไปแล้ว บางทีหากมาทบทวนดูดีดีคุณก็ควรจะคิดเสียว่าเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องของเวรกรรมทุกคนได้รับกรรมไปแล้วแม้แต่คุณจีเธอก็ต้องอุ้มท้องและเลี้ยงดูลูกของคุณเพียงลำพังทั้งๆ
“คุณจีครับ” พนักงานส่งสินค้านำดอกกุหลาบสีแดงช่อโตมายื่นให้กับจีเหรนเหมยต่อหน้าซูจิงและจือหราน“โอโห้ อะไรเนี๊ยะทำไมต้องเป็นคุณจีด้วยนะทำไมไม่เป็นฉัน” จือหรานพูดขึ้นดังๆ ยื่นหน้ามาสุดดอกกุหลาบช่อดตนั่นในอ้อมแขนของเหรินเหมย“ใครกันนี่ ทุ่มทุนน่าดูแลเลย อย่าบอกนะว่าาาา” ใจคิดไปถึงคนที่จูบเร่าร้อนกันเมื่อคืนอย่าบอกนะว่าชาไช้ส่งดอกกุหลาบมาให้จีเหรินเหมย ซูจิงรู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวอิจฉา หึงหวงหรืออะรกันแน่“ใครคะคุณจาง” จือหรานถามด้วยความซื่อ“ก็คุณชาไช้ที่มารับคุณ จีเมื่อวานอย่างไรเล่ากันจริง” น้ำเสียงแปร่งๆ ในตอนท้าย“ไม่มีการ์ดบ่งบอกเจ้าของว่าคือใคร” เหรินเหมยส่ายหน้าไปมา วางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะ แต่เหลือบตาไปเห็นการ์ดโผล่ออกมาหยิบขึ้นมาอ่านดู ลายมือเรียงกันเป็นระเบียบแต่ข้อความชวนให้หัวเสีย“สวัสดี ที่ระบายความอยาก…คิดถึงกันไหม” ไม่ลงท้ายชื่อคนเขียน เหรินเหมยรีบขยำการ์ดไว้ในมือกลัวว่าจือหรานกับซูจิงจะเห็น เม้มปากแน่นคิดว่าคำพูดของตัวเองเมื่อคืนจะทำให้เขารามือแต่ดูสิ่งที่เป็นฟีดแบ็กกลับบมาแต่ละอย่างน่าหัวเสีย“ฉันพร้อมแล้วค่ะเรามาดูของที่จะให้แขกในงานกันดีกว่าคุณมีตัวอย่างให้เลือกไหม” เหร
หลี่ตงถอนหายใจยาว“ออกรถได้แล้วหลี่ตง มัวชักช้าอะไรอยู่…ฉันหิว…จะตายอยู่แล้ว” เน้นคำว่าหิวจนเหรินเหมยรู้สึกแสลงหูคนอะไรเก่งในการใช้คำพูดป่วนประสาทอมยิ้ม ปล่อยให้เหรินเหมยที่เอาแต่คอยนั่งตัวแข็งเพราะไม่อยากโดนตัวเฉิงซีหยวนอีกคนกลับค่อยๆ สอดมือไปโอบรอบเอวบางของเหรินหมย เหรินเหมย เม้มปากแล้วหยิกไปที่แขนของอีกคนอย่างจัง“โอ๊ะ”“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่ซีหยวน” ซูจิงถามดังๆ ด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ซีหยวนสะดุ้งโหยง“เปล่าเหมือนมีตัวอะไรมันกัด ที่หลัง”“ฉันช่วยดูให้ไหมคะ” ซีหยวนยิ้มเจื่อนๆ หันหลังไปให้ซูจิงดู“ไม่มีนี่คะ หลี่ตงต้องเอารถไปล้างได้แล้วค่ะ ต้องมีตัวอะไรแน่ๆ” เหรินเหมยนั่งนิ่งเฉิงซีหยวน ยิ้มมุมปาก“ฝากไว้ก่อน”“พี่หมายถึงอะไรคะ” ซูจิงอดสงสัยท่าทีเจ้าคิดเจ้าแค้นของซีหยวนเสียไมไ่ด้“เจ้าแมลงตัวดีนั่นแหละคนดูถ้าจับได้หรือเข้าตาจนอยู่ในกำมือของฉันเมื่อไหร่จะจัดการให้ร้องขอชีวิตทีเดียว” ซูจิงหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลกแต่เหรินเหมยกลับเม้มปากนิ่ง“เธอพูดเรื่องที่ชวนคุณจีมาทำงานกับอวิ๋นเฉิงหรือยัง” ซูจิงทำตาโต“ค่ะพี่ซีหยวนลองถามคุณจีดูอีกทีสิคะ”“ถาม”“หะว่าอย่างไรนะคะ”“ก็ถามว่าอยากจะไปทำงานที่
เหรินเหมยยิ้มสาสมใจ เฉิงซีหยวนคว้าข้อมือเหรินเหมยใต้โต๊ะบีบอย่างแรง “ปล่อยนะ” เผลอพูดเสียงดัง“อ่อ นี่สะกิดฉ้นด้วยเท้าของเธอแบบนี้ต้องการอะไรจะให้ปล่อยง่ายๆ ได้หรือถ้าปล่อยไปแล้วใครจะรู้ว่าเธอแอบสะกิดฉัน” เหรินหมยอ้าปากค้างเมื่อคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินหันมองและหยุดมือที่กำลังสารวนกับการตั้งหน้าตั้งตากินบางคนอมยิ้ม ซูจิงเงยหน้าขึ้นมองจือหรานอมยิ้ม แต่เหรินเหมยไม่ขำ ใช้เท้าเตะไปที่หน้าแข้งของเฉิงซีหยวนอย่างแรง“พลั๊ก โอ๊ย”“ทำร้ายผมทำไมผมผิดอะไรคุณลวนลามผมก่อนนะ”“ลวนลาม ใช้คำว่าลวนลามเลยหรือ”“นี่คุณมากินข้าว” เหรินเหมยยิ้มมุมปาก“ยังไม่เจอใช่ไหม” เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ไม่มีทางเจอ ไม่มีทางที่คุณจะได้เจอเขา”“พี่กับพับคุณจีคุณอะไรกันค่ะน่าสนุกจังกำลังหาใครอยู่หรือคะ”“หาเฉิงชาไช้ไงเขากำลังถามผมเรื่องเฉิงชาไช้คนนั้นคนที่สุภาพ ใจดี ที่ดูแลผู้หญิง เอาใจเก่ง ใส่ใจได้ทุกเรื่องใช่ไหมคุณจีคุณตามหาคุณเฉิงคนนั้น” ซูจิงหน้าถอดสี“ถ้าชาไช้ฉันเจอเขาทุกวัน ไม่จำเป็นต้องหา” เหรินเหมยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย“เมื่อไหร่จะแต่งกันล่ะ ฉันคงต้องเตรียมของขวัญแต่งงานใช่ไหม” เหน็บแนม เหรินเหมยยิ้ม“ให้คุณแต่ก่
“ฉันควรจะทำอะไรที่มันเด็ดขาดเสียที่จริงไปหลี่ตง” หลี่ตงพยักหน้าแบบงงพารถแล่นออกจากบ้านเฉิง“อะ ขะขะขอรับแต่อะไรที่ว่าเด็ดขาดนั่นคืออะไรครับ”หลี่ตงเริ่มสียวไส้แทนเหรินเหมยในเมื่อหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีเรื่องเหรินเหมยเข้ามานี่ เฉิงซีหยวนไม่เคยหาคู่นอนเหมือนอย่างเคย เว้นว่างมาหลายวันแล้ว กลัวว่าเจ้านายของเขาจะทำเรื่องที่ ที่ทำให้เหรินเหมยต้องยอมจำนน“ก็อย่างเช่น แย่งเอาเด็กๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน นายช่วยเรื่องหาทนายหรือไม่ก็หาที่ปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับการฟ้องเพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดู” หลี่ตงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ รถแล่นเข้ามาในโรงเรียนของอันอันและเชียวอู่“ไปกินข้าวเถอะหรือจะพักก็ได้ถ้าฉันอยากจะกลับจะเรียกให้มารับ” หลี่ตงยิ้ม“กระผมทานอาหารใกล้ๆ แถวนี้ท่านเรียกได้ตลอดครับ” เลี้ยวรถจากไป เฉิงซีหยวนสาวเท้าเข้าไปในโรงเรียนคุณครูสาวรีบเสนอหน้ามาต้อนรับ“สวัสดีค่ะท่าน วันนี้มาทำอะไรคะ” เฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ ทะแม่งหูกับคำว่าท่านที่มีเพียงหลี่ตงเท่านั้นที่ชอบใช้คำนี้“มารับลูกสาวกับลูกชายครับ” ครูสาวยิ้มหวานหยดเด็กในชั้นอนุบาลต่างมารุมล้อม มองคนตัวสูงหน้าหล่อว่าวันนี้จะเอาขนมอะไรมาเลี้ยงเด็
รถมาจอดลงตรงหน้าแล้ว เฉิงซีหยวนเงอะงะทำตัวไม่ถูกก้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนั่งรถโดยสารประจำทางแบบนี้มาก่อน “จุนลุง ไปกันเถอะ” อันอันพูดเจื้อยแจ้ว เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว รู้สึกว่ามือน้อยๆ นุ่มๆ ทั้งสองที่สอดอยู่ในอุ้งมือเขาให้เขารู้สึกว่าหัวใจหยาบกระด้างของเขาอ่อนโยนลงทันที หากได้กุมมือน้อยๆ แบบนี้พร้อมกับซูจ๋าย…..เขาจะรู้สึกดีแค่ไหนหัวใจอ่อนไหวไหวเอน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้คิดถึงช่วงเวลาดีดีกับซูจ๋าย“จุนลุงนั่งเลยค่ะ” เฉิงซีหยวนนั่งลงอย่างว่าง่ายป้าเหวยนั่งฝั่งตรงข้ามของอีกเบาะ พร้อมกับอันอันส่วนเชียวอู่ปีนขึ้นมานั่งบนตักของเฉิงซีหยวน“จุนุลงๆ ไปม่อต้องห่วงนะครับเชียวอู่รู้ว่าจุนลุงคงคิดถึงลูกำของจุนลุงมากๆ เลยใช่ไหมฮับ เชียวอู่จะดูแลจุนลุงเอง” เฉิงซีหยวนอมยิ้มอดขำกับท่าทีเป็นงานเป็นการของเชียวอู่ตัวน้อยไม่ได้ เด็กคนนี้เหมือนกับเฉิงซีหยวนเมื่อนานมาแล้วเมื่อครั้งที่ยังไม่พบกับความผิดหวังและยังมีศรัทธาไม่ผิดที่มักจะเข้าใจคนอื่น และใจดีเสมอกอดเชียวอู่ไว้ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจ “โอ๋ๆๆๆๆ จุนลุงฮับไม่ต้องร้องนะฮับ ต่อไปมากอดเชียวอู่ได้ตาหลอดเลยฮับถ้าวันไหนคิดถึงลูกของจุนลุง” มือเล็ก
"ป้าเหวยหนูวานป้าพาเด็กๆ ไปอาบน้ำให้หน่อยค่ะแล้วให้พวกแกทำการบ้านที่คุณครูให้มาที่ห้องด้านในด้วยค่ะ” ป้าเหวยรีบมาจูงแขนอันอันที่หันหน้าหันหลังแต่เชียวอู่ที่ยักคิ้วแผล็บๆเมื่อคนทั้งสามไปแล้ว “มีอะไรที่มีปัญหาในเรื่องการจัดการแต่งงานหรือเปล่าคะคุณเฉิงถึงมาถึงนี่” น้ำเสียงเรียบเฉยจนน่ากลัว“ไม่มีนี่” เฉิงซีหยวนพูดขึ้นเบาๆ กำลังหาวิธีรับมือกับความเฉยชาของเหรินเหมย“อย่างนั้นเชิญคุณกลับได้แล้วค่ะนี่ก็ใกล้จะมืดแล้วเป็นเวลาของครอบครัวเราไม่นิยมให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก” เฉิงซีหยวนยิ้มมุมปาก“ผมเป็นตัวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ” เหรินเหมยหลุบตามองพื้น แล้วเงยหน้าที่มีแววตามั่นคงไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับคำพูดตัดพ้อของเฉิงซีหยวนในเมื่อไม่เคยเกี่ยวข้องไม่เคยได้รับการช่วยเหลืออะไรในการเลี้ยงดูลูกที่อดยอมรับไม่ได้ว่าเป็นของเขาครึ่งหนึ่งแต่นั่นเพราะความบังเอิญหรอกนะหากไม่มีกรณีก่อนหน้าเหรินเหมยจะไม่มีมีทางเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเฉิงอันยิ่งใหญ่ และให้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขาผสมมา“ถ้าคุณยังไม่ไปฉันจะเรียกตำรวจ”“ใจร้ายที่สุดผมก็แค่อยากจะมาเจอเด็กๆ บ้างก็เท่านั้น” เหริอนเห
“จุนแม่ขาอย่าโกรธจุนลุงเลยนะคะจุนลุงแค่มาเล่นกับเรา” อันอันกับเชียวอู่ที่วิ่งเข้ามากอดแขนกอดขาเหรินเหมยไว้ ป้าเหวยวิ่งตามมาติดๆ แต่ไม่ทันเด็กทั้งสองเฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ไปซะ ไปจากชีวิตพวกเราเสีย”“จุนแม่ขาจุนลุงน่าสงสารนะคะเขาแค่คิดถึงลูกเขา” อันอันพูดพร้อมกับแววตาเศร้าสร้อย“แม่สอนกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เข้าใกล้คนแปลกหน้าไม่เคยจำหรือไรแม่จะลงโทษต่อไปแม่จะไปรับที่โรงเรียนทุกวันและตลอดเวลาสามเดือนนี้ห้ามกินไอศกรีมและซื้อของเล่น”“ฮือออออจุนแม่ใจร้ายที่สุดจุนแม่ใจร้ายยยยย เราสองคนไม่รักจุนแม่แล้ว”“เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูห้ามออกมาอันอัน พาน้องเข้าไปในห้อง” อันอันเบ้ปากร้องไห้ดังลั่นป้าเหวยรีบเข้ามาโอบกอดเด็กทั้งสองพาเดินเข้าห้องไป“เราผิดอะไรเราแค่อยากเล่นกับจุนลุงจุนลุงใจดีมาเล่นกับเราไม่เหมือนจุนแม่ที่ทำแต่งาน”“คุณคนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไปให้พ้นไปให้พ้นจากลูกของฉัน” เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว“ใจร้ายมากคุณทำกับลุกของผมแบบนี้ได้อย่างไรพวกแกไม่มีพ่อ ผมไม่มีทางปล่อยคุณกับลูกไปแน่ๆ นั่นคือลูกของผมเด็กๆ ต้องการผม”และหลายวันต่อมาในวันที่ฟ้าใส เหรินเหมยก็รู้ว่าเฉิงซีหยวนเอาจริงเมื่อจือหรา
เธอเม้มปากแน่น พลางยื่นซองเอกสารปึกหนึ่งให้ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่อาจปิดบังคุณ”หมอถงหยิบแฟ้มมาเปิดดู เงียบไปครู่ใหญ่กู้เหวินเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “คุณหมอจูดี้...เธอขโมยน้ำเชื้อจากคลังโดยใช้ชื่อคนไข้เก่า และไปทำเด็กหลอดแก้วโดยไม่มีการอนุญาตใดๆ ... ที่สำคัญ เธอกำลังโกหกว่าเด็กในท้องเป็นผลจากการมีอะไรกับคุณเฉิงซีหยวน”หมอถงวางเอกสารลง ใบหน้าเคร่งขรึม “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้... นี่มันผิดทั้งจริยธรรมและกฎหมาย เขากำลังทำอะไรกันล้อเล่นอย่างนั้นหรือ”“คุณจูดี้กำลังจะลากผู้ชายที่ไม่เคยผิดอะไรให้ต้องรับผิดชอบกับการโกหกครั้งใหญ่ และยิ่งกว่านั้น… มันกำลังทำร้ายคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายเลยสักนิด เหรินเหมยเป็นคนดี ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ แถมยังรักลูกๆ และชีวิตที่กำลังอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดี”หมอถงพยักหน้าเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง “เข้าใจแล้วคุณห่วงเหรินเหมยสินะ”กู้เหวินสบตาสามี “ฉันรู้ว่าเหรินเหมยเข้มแข็ง แต่ก็ควรได้อยู่แบบสบายๆ เสียหทีหลังจากที่ต้องรนบกับคุณเฉิงมาตั้งนานและต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้ง5ปี”หมอถงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวช้า ๆ “ฉันจะไปพูดกับคุณเฉิงซีหยวนด้วยตัวเอง และจะเอาหลักฐา
นอกหน้าต่างห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดาษบาง ๆ พลิกเบา ๆ และลมหายใจของผู้หญิงสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันในห้องเก็บเอกสารลับของโรงพยาบาล BBBกู้เหวินภรรยาของคุณหมอถงที่ทำงานกับคลินิกภาวะเจริญพันธุ์ของจูดี้ ถอนหายใจแผ่วเมื่อวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า หมอฟานลี่ชิง"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูด... แต่นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง" เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนั้น จะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดอย่างไม่มีทางย้อนกลับหมอฟานเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบแต่สายตาเริ่มจับจ้องจริงจัง “หมายความว่ายังไง กู้เหวิน” กู้เหวินเม้มปาก ก่อนพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด“ตอนที่คุณจูดี้มาขอใช้คลินิกเพื่อทำ IVF… เธอใช้ชื่อคนไข้เก่าของโครงการอุ้มบุญ แต่รหัสตัวอ่อนที่เธอขอใช้นั้น... ไม่ได้เป็นของเธอค่ะแต่อ้างว่ามีคนไข้ที่คุณหมอฟานตั้งใจให้คุณจูดี้จัดการเพื่อให้เครดิต”เธอเลื่อนเอกสารผลแล็บและใบคำขอใช้สเปิร์มในอดีตให้หมอฟานดู “ดูตรงลายเซ็นต์ค่ะ มันเป็นการกรอกข้อมูลย้อนหลัง แล้วแอบขออนุญาตจากพนักงานใหม่ที่ไม่ตรวจสอบให้ดี ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าคุณจูดี้นำเสปริ์มของ ลูกค้าสรายหนึ่งออกไป”
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ
หมอฟานขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านบนเขามือที่จับพวงมาลัยแน่นนั้นสั่นเล็กน้อย แต่แววตาของหมอฟานเด็ดเดี่ยว"ไม่ว่าจะผลลัพธ์เป็นอย่างไร ฉันจะบอกความจริงกับซีหยวน... จะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดทำลายชีวิตใครอีก"รถแล่นฝ่าเข้าไปในความมืดมิดของคืนยาว เหมือนกับการเดินหน้าเข้าสู่การชำระล้างบาปที่ไม่มีวันหวนกลับ...กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยออกมาจากครัว เสียงหัวเราะใสๆ ของอันอันกับเชียวอู่ที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านอบอวลด้วยความอบอุ่นเฉิงซีหยวนเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเหรินเหมยในชุดผ้ากันเปื้อน รอยยิ้มที่มุมปากเขา อ่อนโยนอย่างที่เหรินเหมยแทบไม่เคยเห็นมาก่อน“เด็กๆๆๆ วันนี้พ่อทำอาหารด้วยตัวเองพวกหนูจัต้องลองชิมและให้กำลังใจโดยการกล่าวชมคุณพ่อด้วยนะครับ” เหรินเหมยอมยิ้ม“ทำไมต้องพูดแบบนี้ก่อนด้วยนะลูกๆ ก็ต้องชมคุณอยู่แล้วเพราะคุณตั้งใจทำ” อันอันกับเชียวอู่รีบมาชะโงกหน้ามองถาดปลาสามรสที่ส่งกลิ่นหอมหวน“น่ากินที่สุดเลยฮับจุนพ่อ” เชียวอู่พูดขึ้นดังๆ ยักคิ้วแผล็บๆ“เราต้องลองชิมก่อนเชียวอู่หากว่าจุนพ่อทำอร่อยต่อไปเราก็จะต้องให้จุนพ่อทำอาหารเสมอ” อันอันพูดขึ้นบ้าง เหรินเหมยยิ้ม
เสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว แก้วหนึ่งดังกริ๊กๆ เบา ๆ จูดี้นั่งเอนตัวพิงโซฟาหนังแทบจะกลายเป็นนอนเมามายแเล้ว ริมฝีปากแดงฉ่ำแห้งผากไปหมด เธอกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียงบนโต๊ะกระจก เศษแก้วเปล่าๆ วางกระจัดกระจาย ถัดไปคือแฟ้มผลตรวจครรภ์ที่ถูกเปิดค้างไว้ “ฮ่า... เขากำลังมีความสุข...สินะ บ้าจริงฉันทำไมต้องเศร้าก็แค่คู่นอนพวกผู้ชายก็แบบนี้เวลาอยากจะนอนด้วยก็พูดเสียหวาน ยอมทำทุกอย่างให้” เธอพึมพำเหมือนคนละเมอ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองความว่างเปล่า “ฮะฮะฮะฮ่าาาแล้วกับผู้หญิงคนนั้นละทำให้ถึงใจเหมือนที่ทำกับฉันไหมเหมือนที่นอนกับฉันไหมคุณหลงเสน่ห์ผู้หญิงจืดชืดคนนั้นได้อย่างไรเราเข้าขากันดีจะตายทำไมคุณลืมฉันได้ลงคอ เฉิงซีหยวน ซีหยวนซีหยวนคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้...”เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ“จูดี้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ แกจะขังตัวเองแบบนั้นไม่ได้” เป็นเสียงคุ้นเคยของคุณหมอฟานลี่ชิงที่กังวลใจอย่างปิดไม่มิดจูดี้หัวเราะในลำคอ แล้วลุกเซ ๆ ไปเปิดประตู เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเปื้อนน้ำตา“หนูโง่เองใช่ไหม..ที่ไปหลงรักเขาผู้ชายที่ไม่มีให้หัวใจให้ใครนอกจาก ซูจ๋าย แล
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ