ログインไข่มุกวางแก้วกาแฟลงตรงมุมโต๊ะ ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับลังเลบางอย่าง คิรินทร์เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สายตาคมกริบจ้องใบหน้าซีดของเธออย่างจับผิด
“มีอะไร? ทำไมไม่พูด” น้ำเสียงเรียบแต่กดต่ำจนคนฟังสะดุ้ง ไข่มุกกำชายกระโปรงแน่น นิ้วมือสั่นน้อยๆ ความกลัวความกังวล และความจริงที่กำลังจะพูด กดทับอยู่บนบ่าเธอหนักอึ้ง “ท่านประธานมุกมีเรื่องจะถาม” เธอเงยหน้าขึ้นเหมือนจะพูด แต่พอเห็นดวงตาคมของเขาก็รีบหลุบตาลงอีกครั้ง “พูดมาสิผมรอฟังอยู่” คิรินทร์วางปากกาลง พลิกเก้าอี้หันมาสบตากับเธอเต็มๆ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง ก่อนตัดสินใจถามคำถามที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา “สมมุติว่าถ้ามีผู้หญิงเดินมาบอกคุณว่าตั้งท้องคุณจะทำยังไงเหรอคะ” เธอกัดริมฝีปากแน่น มือประสานกันจนข้อนิ้วขาวซีด “ให้เอาออกสิ” น้ำเสียงของเขาคมกริบเย็นชาเหมือนใบมีด “ลูกของผมต้องเกิดจากความรักเท่านั้น ไม่ใช่จากความพลาดหรือความไม่ตั้งใจของใครสักคน” คำพูดนั้นกระแทกหน้าหญิงสาวเต็มแรง จนเธอรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังโคลงไปมาริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาแดงก่ำทันที แต่น้ำตาเธอไหลไม่ได้เพราะต่อหน้าเขา เธอไม่ควรแสดงความอ่อนแอ “…..” เธอก้มหน้าหลบ สองมือกำไว้แน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ คิรินทร์มองสีหน้าเธอแล้วขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีท่าทีแปลกๆ “คุณถามทำไม? หรือว่าคุณท้อง” เขาโน้มตัวมาด้านหน้า น้ำเสียงเข้มขึ้นอย่างหงุดหงิด ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องใบหน้าของเธอไม่กะพริบความคิดแล่นวาบขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว เขาเช็กประวัติพนักงานทุกคนอย่างละเอียดข้อมูลไข่มุกคือโสดสนิท ไม่มีประวัติชายคนไหนในชีวิตส่วนตัว อีกฝ่ายอาจจะแค่ถามเล่นๆ “ไหนคุณบอกว่าเป็นผู้หญิงโสดไง หรือคุณไปพลาดท้องกับใครมา” เขาถามเสียงแข็ง ไข่มุกใจเต้นแรง เธอกัดริมฝีปากจนแทบเลือดออก พยายามเก็บซ่อนความจริงสุดกำลัง “มะ ไม่มีอะไรค่ะ มุกแค่ถามเฉยๆ” น้ำเสียงเธอเบาหวิวจนแทบไม่เป็นเสียง เขามองเธออย่างจับผิดสายตาเย็นชายิ่งกว่าเดิม เขาไม่ได้ตามติดชีวิตของหญิงสาวขนาดนั้น หากจะมีแฟนหรือคนรักก็ไม่ได้ผิดอะไร มีแต่เขาที่หงุดหงิดทุกครั้งกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาว “คุณเป็นพนักงานของบริษัทผมเป็นผู้ช่วยของผม ด้วยซ้ำ เพราะงั้นคุณควรรู้จักวางตัวรักษาระยะห่างจากผู้ชายให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ให้ใครต่อใครเอาไปนินทาได้ไม่เว้นแต่ละวัน” เขาออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ ทุกคำหนักเหมือนค้อนฟาดลงบนอกไข่มุก คำพูดนั้นฟังเหมือนตำหนิ แต่ในน้ำเสียงกลับมีอะไรบางอย่าง เพียงแต่เขาเองก็ไม่ยอมรับ “ค่ะ มุกทราบ” เสียงเธอเบาและสั่น จนฟังดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน “ทราบ แต่ยังไม่เรื่องให้ได้ยินมาถึงหูผมคุณอายุยังน้อย หน้าตาก็ดีอย่าคิดจะเป็นของเล่นหรือเมียเก็บใครเด็ดขาด” แต่คิรินทร์กลับยิ่งหงุดหงิดขึ้น เพราะสีหน้าของเธอมันไม่ปกติเลย เขาเท้าศอกกับโต๊ะโน้มตัวเข้าหาเธอ สายตาคมกริบกวาดมองตั้งแต่ใบหน้าซีดจนถึงริมฝีปากที่กัดแน่น “คุณท้องกับผู้ชายคนอื่น เลยมาถามผมใช่ไหม” ไฟในอกไข่มุกเหมือนดับวูบ หัวใจเหมือนถูกบีบจนเจ็บแน่น เธอพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอสั่นจนเขารู้มากไปกว่านี้ “มะ ไม่ใช่นะคะ มุกแค่ถามเฉยๆ ไม่มีอะไร” แต่น้ำเสียงเธอเหมือนคนโกหก และคิรินทร์ก็ดูออก เขาขมวดคิ้วมองเธออย่างจับผิดมากกว่าเดิม “แน่ใจ? ถ้าคุณท้องขึ้นมาจริงๆ อย่าคิดเอามาโยงกับผมเชียว” หญิงสาวยืนนิ่งราวกับถูกคำพูดของเขาตรึงไว้กับพื้นอกเธออึดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก จะตอบก็พูดไม่ออก จะเถียงก็ไม่มีแรงพอ ก๊อก ก๊อก ก๊อก “คุณคินอยู่ไหมคะ?” ลิต้าคู่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจนัก พอเห็นผู้ช่วยอยู่ในห้องรอยยิ้มนั้นก็แผ่วลงทันทีไข่มุกสะดุ้งได้สติกลับมาในเสี้ยววินาที เขามีคู่หมั้นแล้วผู้หญิงตรงหน้าที่สวยสมบูรณ์แบบ และเหมาะสมกับเขาทุกอย่าง แต่เธอเป็นแค่ผู้ช่วยเงินเดือนน้อยๆ ฐานะหน้าตาธรรมดาต่อให้ไม่มีเรื่องคืนนั้น เธอก็ไม่คู่ควรยืนอยู่ใกล้เขาอยู่ดี เธอไม่ควรทำให้พวกเขาทะเลาะกัน ไม่ควรเป็นต้นเหตุของปัญหา และไม่ควรหวังอะไรเกินตัว “ขะ ขอโทษค่ะ มุกขอตัวนะคะ” เธอรีบก้มศีรษะหัวใจเธอหนักราวกับมีอะไรมาทับจนหายใจแทบไม่ออก ขาเธอแทบก้าวไม่ออกจากห้อง แต่ก็ฝืนเดินออกไปอย่างเร็วที่สุด “เธอทำงานผิดอะไรอีกล่ะคะ ถึงโดนดุขนาดนี้” ลิต้าหันมาถามเขา เป็นแค่ผู้ช่วยเลขาทำไมถึงมีสิทธิ์เดินเข้าออกห้องประธานบริษัทเป็นว่าเล่น คิรินทร์หงุดหงิดขึ้นเฉียบพลันทั้งที่เมื่อครู่ยังทำเสียงเย็นใส่ไข่มุกแท้ๆ แต่พออีกฝ่ายออกไปกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด ไข่มุกรีบเดินหนีออกมาจากห้องทำงานของเขาให้เร็วที่สุด แต่พอก้าวถึงห้องน้ำ เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอก็ทรุดตัวลงทันทีมือรีบยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่พุ่งขึ้นมาแบบควบคุมไม่ได้ ไหล่ทั้งสองไหวสั่นแรงเหมือนคนหมดแรงจะยืน “ฮึก…” น้ำตาไหลลงไม่หยุดจนมองอะไรไม่เห็น คำพูดของเขายังดังก้องในหัว เหมือนหัวใจถูกเหยียบซ้ำๆ จนแหลกเป็นผง เธอก้มมองท้องแบนราบของตัวเองที่จริงมีเด็กตัวน้อยสองคนหัวใจสองดวงที่เต้นอยู่ข้างใน “แม่ขอโทษนะลูก” น้ำตาไหลเปื้อนมือที่ปิดปากอยู่ เธอไม่อยากให้เขารับผิดชอบเพราะความสงสาร หรือเพราะคิดว่าเธอจะมาแบล็กเมล เธอไม่อยากถูกเขาดูถูกมากไปกว่านี้ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอและลูกตอนนี้คือ ไปให้ไกลจากเขาเท่าที่จะทำได้ อย่าให้คนที่สูงเกินเอื้อมแบบเขามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเธออีก หญิงสาวเช็ดน้ำตาออกลวกๆ พยายามสูดหายใจแรงเพื่อปรับตัวให้กลับมาเป็นปกติ เพราะอีกไม่กี่นาทีเธอต้องสวมหน้ากากเดิมและกลับไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มุกดีขึ้นหรือยัง” เพนนีถามหลังจากที่เห็นว่าไข่มุกกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานแล้ว “ดีขึ้นแล้วค่ะ” “มุกท้องเหรอทำไมอาการแย่ลง ดูหน้าสิดูไม่ได้เลย” คำถามตรงไปตรงมาทำให้ไข่มุกพูดไม่ออก เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธมองซ้ายขวากลัวว่าจะมีคนผ่านมาได้ยิน โดยเฉพาะเขาคนนั้น “มุกจะท้องได้ยังไง” “นั่นสิ แฟนก็ยังไม่มีอย่าถือสาพี่เลยนะแก่แล้วก็เป็นแบบนี้” เพนนียิ้มให้รุ่นน้อง “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอไม่อยากเก็บมาใส่ใจ “ทำไมคุณลิต้ามาหาท่านประธานบ่อยจัง หรือจะมีข่าวดีหมั้นกันตั้งนานแล้วก็ไม่เห็นแปลก เหมาะสมกันที่สุดเลย” “เขาเหมาะสมกันแล้ว” เธอพึมพำเบาๆ “อุ๊ย ดูทำหน้าเข้าเดี๋ยวนี้หวงท่านประธานเหรอ?” เพนนีแกล้งแซว แต่ไม่รู้เลยว่าความจริงมันเจ็บกว่านั้นมาก “เปล่าค่ะ ใครจะกล้าคิดอะไร” หญิงสาวได้แต่ก้มหน้า กดเอกสารในมือแน่นจนสั่น “โหววว ทำเสียงแบบนั้นไม่เหมือนดีใจเลยนะ” เพนนียังไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจร้ายเธอแค่พูดตรงตามนิสัย “คนหาเช้ากินค่ำอย่างเราแม้แต่คิดก็ไม่คู่ควรแล้วค่ะ” ไข่มุกสูดลมหายใจลึกพยายามกดความเจ็บลงไปที่ก้นบึ้งของหัวใจ ไข่มุกเงยหน้าจากงานทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด แต่พอเห็นทั้งสองคนเดินเคียงกันออกมา หัวใจก็เหมือนถูกบีบช้าๆ “เย็นนี้คุณพ่ออยากเจอคุณนะคะ อย่าลืม” ลิต้าเอามือคล้องแขนคิรินทร์อย่างสนิทสนม น้ำเสียงหวานจนคนฟังรู้สึกแสบหู “ผมกลับแล้วนะ มีเอกสารสำคัญส่งเมลไว้ให้ผมด้วย” สายตาคมคู่นั้นมองเธอเพียงเสี้ยววินาที แต่เหมือนลากเวลานานจนเธอแทบหายใจไม่ออก “ค่ะท่านประธาน” ไข่มุกพยายามตอบให้เสียงนิ่งที่สุด “ผมไม่อยู่อย่ามัวแต่นั่งคุยเรื่องคนอื่นจนลืมหน้าที่ตัวเอง” เขาตอบแค่นั้น ก่อนหมุนตัวออกไปพร้อมลิต้าที่เดินแนบชิดไม่ห่าง ทันทีที่ลิฟต์ปิดลงหญิงสาวก็หลุบตาลงต่ำ เธอไม่ควรหวั่นไหวกับภาพตรงหน้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีคู่หมั้น แต่หัวใจมันกลับโง่และอ่อนแอเกินกว่าจะสั่งให้หยุดรู้สึก เธอยกมือขึ้นแตะหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ลูกจ๋า แม่จะไม่ทำให้หนูต้องเป็นปัญหาในชีวิตใคร เราจะอยู่ให้ไกลที่สุดจากเขาให้ไกลที่สุด”หนึ่งปีผ่านไปครอบครัวของคิรินทร์และไข่มุกยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ลูกๆ ทั้งสามโตขึ้นเป็นเด็กซนแต่แสนรู้ ส่วนวายุ ลูกคนนั้นดื้อไม่แพ้พี่ชายเลย เล่นเอาคนเป็นพ่อแทบกุมขมับเช้าวันเสาร์สายลมต้องไปเรียนเต้น ไข่มุกไม่ได้บังคับลูก แต่เพราะลูกสาวอยากไป เธอจึงได้แต่สนับสนุนและตามใจ“ทำไมต้องรีบไปด้วยคะ” เธอถามลูกเสียงนุ่ม“สายลมนัดเจเจไว้ค่ะ” สายลมตอบด้วยตาเป็นประกาย“เด็กหนุ่มตัวขาวๆ ใช่ไหม” ไข่มุกนึกขึ้นได้ทันที เธอจำได้ว่าเคยเจอกันครั้งหนึ่ง“ใช่ค่ะ แม่อย่าบอกพ่อนะคะ เดี๋ยวพ่อดุว่าสายลมคบแต่เพื่อนผู้ชาย” สายลมยิ้มเจ้าเล่ห์“ได้ค่ะ แม่จะเก็บเป็นความลับของเราเอง” เธอหัวเราะเบาๆ พลางลูบหัวลูกสาว“ปล่อยลูกไปหาผู้ชายอีกแล้วนะ!” คิรินทร์ได้ยินทุกอย่าง เขาแทบรับไม่ได้ที่ลูกสาวตัวน้อยมีเพื่อนผู้ชาย“คุณคินสายลมเพิ่งจะกี่ขวบเองเขายังไม่เข้าใจความรักหรอกค่ะ” ไข่มุกอมยิ้ม เอ็นดูสามีไม่น้อย“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมวิ่งตามผู้ชายแบบนี้ล่ะ” เขาหวงลูกสาวเพียงคนเดียว“ทีลูกชายของคุณยังวิ่งตามผู้หญิงเลยนะคะ” เธอว่า พลางคิดถึงความซนและพฤติกรรมแสบๆ ของลูกชายแต่ละคน“นั่นผู้ชายแต่สายลมเป็นผู้หญิง” “เขานิสัยเห
วายุ กฤตเมธานนท์ ลูกชายคนเล็กของคิรินทร์กับไข่มุกลืมตาดูโลกครบหกเดือนแล้ว และตั้งแต่วันนั้นชีวิตของท่านประธานบริษัทหมุนกลับด้านทันที เพราะเขาดันสัญญากับเมียว่าจะเลี้ยงลูกเอง และไข่มุกก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกเช้าแทบไม่ได้พัก เขาต้องตื่นมาแต่งตัวให้สามแฝดไปโรงเรียนไหนจะต้องอุ้ม และเล่นกับวายุที่ติดพ่อเป็นแม่เหล็ก พอหันกลับไปดูตัวเองในกระจกก็แทบจำไม่ได้ภาพท่านประธานผู้สง่างามหายไป เหลือเพียงพ่อบ้านหัวฟูผู้มีแพมเพิสและขวดนมเป็นอาวุธประจำตัวเท่านั้นหมดความเป็นท่านประธานโดยสมบูรณ์จริงๆคิรินทร์ที่เพิ่งอุ้มวายุ เดินผ่านมาอย่างเงียบขรึมวันนี้ไข่มุกจะไปทำผม เขาเลยพาลูกชายมาทำงานด้วย แต่ประโยคที่ลอยเข้าหูทำให้ก้าวชะงัก“อิจฉาน้องไข่มุกจังเลย วาสนาดีมาก”“นั่นสิ ไม่รู้ไปรักกันตอนไหน”“น้องมุกสวยขนาดนั้น ไม่แปลกที่ท่านประธานจะชอบ”เสียงหัวเราะคิกคักดังเบาๆ ทั้งสามสาวเอียงตัวเข้าหากันอย่างเมามัน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนอยู่ด้านหลัง“ดูท่านประธานรักภรรยามากนะคะ”“พาลูกมาทำงานด้วยเกือบทุกวันใครบ้างจะไม่อิจฉา”ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนกระแอมหนึ่งครั้ง สามสาวหันกลับมาช้าๆ เหมือนหน
ที่ห้องรับรองผู้ปกครอง คิรินทร์แทบสำลักลมหายใจของตัวเองเมื่อได้ยินคุณครูเล่าถึงพฤติกรรมของลูกชายให้ฟัง หากไข่มุกรู้เข้าคงปวดหัวน่าดู“ลูกคุณคิรินทร์แอบไปหอมแก้มน้องข้าวหอมค่ะ”เขาหันขวับไปมองเจ้าตัวการ เด็กชายตัวกลมแก้มแดงนั่งห้อยเท้าแกว่งไปมา ดวงตากลมแป๋วใสซื่อราวกับไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร“ทะเลทำไมทำแบบนั้นครับ” เสียงพ่อเข้มขึ้นเล็กน้อย “ทำไมเหรอครับ ก็น้องน่ารัก” ทะเลยิ้มกว้าง “ตัวแค่นี้รู้แล้วเหรอว่าอะไรน่ารัก” คิรินทร์ขมวดคิ้ว “พ่อพ่อพูดกับแม่ว่าน่ารัก ต้องจุ้บแก้ม” เด็กชายพยักหน้าเอาชนิดมั่นใจสุดชีวิตห้องประชุมเงียบสนิท ก่อนคุณครูจะกลั้นขำแทบไม่อยู่ ชายหนุ่มถึงกับเอามือกุมหน้า ซวยแล้วโดนลูกจับโป๊ะต่อหน้าคุณครูประจำชั้น“เรื่องนี้เราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน” “งั้นทะเลต้องแต่งงานกับน้องข้าวหอมก่อนเหรอครับ” ทะเลกะพริบตาปริบๆ เคยได้ยินพ่อกับแม่คุยกันว่าแตะตัวเพศตรงข้ามต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน “ยังไม่ต้องแต่ง ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนเข้าใจไหมครับ” หน้าเริ่มแดงจนหูร้อน “ครับพ่อพ่อ แต่ทะเลยังรักน้องอยู่นะ” เด็กชายยิ้มกว้าง
หลังจากงานแต่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ข่าวดีที่ทำให้ทั้งบ้านแตกตื่นก็มาถึงไข่มุกตั้งท้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนเลยสักนิดหญิงสาวแพ้ท้องหนักจนแทบลุกจากเตียงไม่ได้ ทุกเช้าเธออาเจียนจนไม่มีแรง พอกลิ่นอาหารแตะจมูกก็มวนท้องจนต้องหลับตากัดฟันกลั้นน้ำตา คิรินทร์ที่เห็นแบบนั้นหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เขานั่งข้างเตียงตั้งแต่เช้ามืด ลูบผมภรรยาอย่างเบามือ“ไข่มุกคุณไหวไหม” เสียงเข้มของเขาอ่อนลงอย่างน่าสงสาร“มุกไหวค่ะ” เธอพูดได้แค่นั้น ก่อนทิ้งตัวนอนซบหมอนอย่างหมดแรงคิรินทร์กำมือแน่นทุกครั้งที่เธออาเจียน เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนทำร้ายเธอ“เราไปหาหมอกันดีกว่า ฝืนแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“แค่แพ้ท้องเองค่ะ” ไข่มุกตอบเบาๆ แต่ภายในใจเธอก็เริ่มกังวลเหมือนกันท้องนี้ เหนื่อยและหนักกว่าตอนอุ้มท้องเจ้าสามแฝดหลายเท่าทำเอาชายหนุ่มยิ่งรู้สึกผิดจนแทบทนไม่ไหว เขาโน้มตัวลง ลูบหน้าท้องของเธออย่างทะนุถนอม“อย่าดื้อนะครับคนเก่ง แม่เขาเหนื่อยลูกต้องอ่อนโยนกับแม่หน่อยนะครับ” เสียงของเขาอ่อนโยนมาก เขาก้มลงหอมหน้าท้องเบาๆเหมือนกำลังขอโทษทั้งแม่ทั้งลูก“ถ้าคุณยังแพ้หนักแบบนี้ ครั้งนี้ผมจ
ทันทีที่ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก เสียงเจี๊ยวจ้าวของสามแฝดก็ดังลั่นราวกับพายุลูกเล็กๆ ถาโถมเข้ามาในห้อง เห็นแม่นอนแบบนั้นสงสัย“แม่เป็นอะไรฮะ!”“แม่เจ็บตรงไหน!”“เจ็บมากไหมแม่!”ทั้งธารา ทะเล และสายลมถามซ้ำไปมาไม่หยุดจนไข่มุกแทบตอบไม่ทัน ได้แต่ยิ้มอ่อนปลอบลูกให้สบายใจ“แม่ไม่เป็นไรค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย อ๊ะ เดี๋ยวก่อนลูก”ยังไม่ทันจบประโยค เด็กทั้งสามก็พยายามปีนขึ้นเตียงเหมือนคิดว่าได้กอดแม่แล้วอาการจะหาย แต่คิรินทร์รีบเข้ามาห้ามเด็กๆ นั้นไว้ก่อน“ช้าๆ ครับ แม่ยังเจ็บอยู่ ห้ามปีนขึ้นเตียงนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่จริงจัง มือใหญ่แตะหัวลูกทีละคนอย่างปลอบโยนสามแฝดหยุดทันที ดวงตากลมใสจ้องแม่อย่างเป็นห่วง ก่อนจะค่อยๆ ยืนเรียงกันข้างเตียงมือเล็กๆ เอื้อมไปแตะหลังมือแม่เบาๆ ราวกับกลัวทำเธอเจ็บมากกว่าเดิม“พวกหนูจะไม่ทำแม่เจ็บ” สายลมกระซิบเสียงแผ่ว“ธาราจะเฝ้าแม่ทั้งวันเลย”“ทะเลจะเป็นลูกผู้ชายเข้มแข็ง”ไข่มุกหัวเราะใจอบอุ่นจนล้นอก ส่วนคิรินทร์ยืนมองภาพตรงหน้า และรู้ทันทีว่าต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ครอบครัวนี้ก็จะผ่านมันไปด้วยกันเสมอ“แม่จ๋า” สายลมยังจำภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา “คุณคินอ
คิรินทร์จับมือไข่มุกไว้แน่นราวกลัวว่าเธอจะหายไป หมอแจ้งว่าไม่มีอันตราย กระสุนถูกตำแหน่งที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับเขาแค่เธอเจ็บนิดเดียวก็รับไม่ได้แล้ว“ไข่มุกผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” เขาพูดแผ่วเบา เสียงสั่นด้วยความรู้สึกผิดหญิงสาวยังไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ยาสลบ นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ส่วนลูกๆ เขาให้พี่เลี้ยงมาช่วยดูแลไว้ในคืนนี้ เพื่อให้มีเวลาเฝ้าเธออยู่ตรงนี้ไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้นแอรีสจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนรีบตามมาที่โรงพยาบาลทันที“ไอ้คิน…” เขาเรียกเพื่อนเบาๆ“ไข่มุกปลอดภัยดี” คิรินทร์ตอบน้ำเสียงยังสั่นคลอน“ฉันขอโทษที่พ่อกับน้องสาวของฉัน” แอรีสเม้มปาก“ไม่ต้องรู้สึกผิดแอรีส แกไม่ใช่พวกเขา แกคือเพื่อนของฉัน” คิรินทร์หันไปสบตาเพื่อนแน่นหนัก“ลิต้าฉันให้แกจัดการ” เขาไม่ได้รู้สึกผูกพันกับสองพ่อลูกนั่นอยู่แล้ว เรียกว่าไม่ถูกกันเลยก็ได้แอรีสออกมาสร้างบริษัทของตัวเองโดยมีคิรินทร์คอยช่วยเหลือ“ส่งให้ตำรวจซะ หากฉันจัดการเองคงเป็นศาลเตี้ยเท่านั้น” เขาเห็นแก่ที่อเล็กซ์เคยสร้างบริษัทมาพร้อมกัน เลยส่งให้ตำรวจจัดการ“นายพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะได้มีแรง”“นายอย่าคิดมากนะ”พอแอรีสออกไปชา







