LOGINตอนที่5
มาทีหลังแต่ถูกต้อง
“ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน”
ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า
“ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ”
พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ
ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว
“หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ”
ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อมกอดพูด ภูษิตยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม เหมือนกลัวว่าอีกคนจะหายไปถ้าเขากอดไม่แน่นพอ
“พี่ภูรู้ไหม ความรักอาจเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข แต่จริง ๆแล้วหนูนาคิดว่าความเข้าใจ ความจริงใจ สำคัญกว่า”
ความเป็นนักเขียนทำหญิงสาวคิดคำพูดที่ดูสวยงามได้อย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนอนกอดเธออยู่รู้สึกซาบซึ้ง จนตัดสินใจ จะเล่าความจริงทุกเรื่องให้เธอฟัง
“หนูนาคิดแบบที่พูดจริง ๆ หรือแค่ใช้คำพูดให้พี่รู้สึกสบายใจ” ภูแกล้งถาม
“เห็นไหมคะ แค่นี้พี่ภูก็ไม่เชื่อใจหนูนาแล้ว อย่างนี้เมื่อไหร่เราจะเป็นชีวิตคู่ที่มีความสุขคะ หรือพี่ภูแค่คิดว่า แต่งๆกันไป เบื่อเมื่อไหร่ก็เลิก...”
ปากหนาโน้มมาปิดปากบาง ยังไม่ทันที่หนูนาจะได้พูดจบ
“อื้อ อืม” หญิงสาวพยายามดึงปากหนี
“ทีหลังอย่าพูดคำว่าเลิกอีก พี่ไม่ชอบฟัง และถ้ายังไม่เชื่อจะทำโทษให้หนักเลย”
สายตาของชายหนุ่มที่มองสำรวจไปทั่วร่างกายของหนูนาทำให้เธออายจนต้องหันหน้าไปอีกทาง
“นึกว่าจะเก่งจริง หลบตาทำไมล่ะ มองหน้าพี่สิ”
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอาย ภูษิตจึงยิ่งแกล้งเข้าไปใหญ่ จนหนูนาต้องแกล้งหลับตาลง
บรรยากาศเริ่มดีขึ้น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของอดีตคนรักให้ภรรยาคนปัจจุบันฟังทั้งหมด เพื่อที่ตัวเขาเองจะได้สบายใจและหนูนาจะได้ไม่ต้องคิดมาก
“แล้วพี่ภูยังรักเขาอยู่ไหมคะ”
หญิงสาวถามกลับทันที หลังจากที่อีกฝ่านเล่าจบ เพราะภูษิตเล่าแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้บอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนรักเก่าเลย
“ก่อนหน้านี้พี่คิดว่าพี่รักเมย์นะ และคงอยู่ไม่ได้ถ้าต้องไม่มีเขา แต่พอเริ่มมองความจริงและตัดใจได้ ย้อนมองกลับไป ที่ผ่านมามันคงเป็นความผูกพันมากกว่า เพราะเราเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกัน และตอนนี้พี่ไม่มีเขาในชีวิตแล้ว พี่ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย อาจเป็นเพราะตอนนี้พี่มีคนสวยให้พี่นอนกอดอยู่แบบนี้ก็ได้นะ”
หนูนาโดนหอมแก้มเข้าฟอดใหญ่อีกที จนเธอรู้สึกเหมือนแก้มเธอแทบจะหลุดติดปากสามีไปด้วย
“แต่หนูนามาทีหลังเขา จะกลายเป็นว่าหนูนามาแย่งพี่ภูจากเธอหรือเปล่าคะ”
ภายใต้ความเข้มแข็งหนูนาก็มีความอ่อนโยน อ่อนแอ น้อยใจเก่งซ่อนอยู่ เธอไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองกำลังมาแย่งใคร หรือไม่อยากรู้สึกว่าชายหนุ่มเลือกเธอเพียงเพราะใหม่กว่า
“ไม่มีใครแย่งใครจากใครได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ยินยอม พี่เลือกหนูนาแล้ว และหนูนาก็คงเลือกพี่เหมือนกัน เราถึงได้มานอนกอดกันวันนี้ พรุ่งนี้พี่จะทำหน้าที่เพื่อนที่ดี หนูหน้าไปเยี่ยมเมย์เป็นเพื่อนพี่นะ”
หญิงสาวหอมแก้มสามีแทนคำตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเผลอหลับไปด้วยกัน มารู้สึกตัวอีกที เมื่อถูกภาวิณีใช้แม่บ้านมาเรียกไปทานอาหารมื้อเย็น
“ขอโทษนะครับ พอดีเผลอหลับกันไป”
ภูษิตรีบขอโทษมารดาที่ลืมเวลาอาหารเย็น เพราะเขารู้ว่าแม่ของเขาเหงาแค่ไหนที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่แต่บ้าน เพราะพ่อเลี้ยงชนินทร์เอาแต่ทำงงาน งานทั้งที่บริษัทที่ตอนนี้ภูษิตก็ยังช่วยอยู่ และยังจะงานที่คนในบ้านไม่รู้อีก เขาจึงแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย
“คงเหนื่อยจากขนของที่บ้านนู้นกันมา”
ภาวิณีพูดพร้อมกับตักผัดผักใส่กุ้งให้ลูกสะใภ้ ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ
“คุณแม่ครับ เมย์เขาโทรมาว่าป่วยอยากให้ผมไปเยี่ยม ผมเลยว่าพรุ่งนี้จะพาหนูนาไปเยี่ยมเธอ คุณแม่จะไปด้วยกันไหมครับ”
คำพูดของลูกชายทำเอาคนเป็นแม่ ตกใจจนช้อนแทบหลุดจากมือก่อนจะหันหน้ามามองลูกสะใภ้
“เรื่องทุกอย่างผมเล่าให้หนูนาฟังแล้วครับ เธอเข้าใจ”
“ค่ะ คุณแม่พี่ภูบอกหนูนาแล้ว ไปด้วยกันนะคะ คุณแม่อยู่แต่บ้านเหงาเปล่าๆ”
ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี ในความคิดของหนูนาแม่ของเธอก็อยู่คนเดียว แต่ยังดูสดชื่นกว่าภาวิณีเสียอีก อาจเป็นเพราะพ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว แต่พ่อเลี้ยงชนินทร์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ทำตัวเหมือนไม่มีตัวตน
“ได้สิ เสร็จแล้ว เราไปดูของเข้าเรือนหอหนูกัน” แม่สามีออกความเห็น
“คุณแม่คะ พี่ภูยังไม่ยอมบอกเลย ว่าเรือนหออยู่ที่ไหน คุณแม่บอกหนูนาไม่ได้เหรอคะ”
เมื่อรู้ว่าอ้อนสามีเรื่องนี้ไม่มีทางสำเร็จ หนูนาจึงหันไปอ้อนแม่สามีแทน
“อีกไม่กี่วันก็ได้รู้แล้ว ใจเย็นๆนะ ตอนนี้ทาสีจะเสร็จแล้ว เราไปหาซื้อของเข้าบ้านกันดีกว่า”
ภาวิณีรู้ว่าถ้าขืนเธอยอมบอก มีหวังลูกชายเธอต้องโกรธเธอแน่ ๆ และเธอมั่นใจว่าถ้าลูกสะใภ้ได้เห็นเรือนหอที่ลูกชายของเธอตั้งใจสร้างหนูนาจะต้องประทับใจแน่ ๆ จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไปก่อน
“เห็นคุณแม่ยิ้มแบบนี้ หนูนามีความสุขจังเลยค่ะ”
หญิงสาวเผลอพูดออกไป เมื่อเห็นแม่สามียิ้มเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้จะได้ออกไปข้างนอกกับลูก
“แม่ไม่ค่อยยิ้มขนาดนั้นเลยเหรอ”
ภาวิณีถามน้ำเสียงเศร้ากลับไป เธอไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าเธอไม่ได้ยิ้มแบบนี้ความสุขนานแค่ไหนแล้ว
“อาจเป็นเพราะหนูนาเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยมั้งคะ เลยไม่ค่อยได้เห็น เอ่อ..คุณแม่คะ ถ้าเราซื้อสินค้าตอนนี้ เราต้องให้เขาเอาไปส่งเลยไหม”
ลูกสะใภ้เปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดี เพราะแม่สามีเริ่มกลับมาทำหน้าเศร้า
“เราสั่งไว้ แล้วค่อยให้สาขาที่อยู่ใกล้บ้าน ไปส่งตามเวลาที่เรานัดไหมายไว้”
หนูนาเริ่มอยากเห็นเรือนหอของเธอแล้ว แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับพรุ่งนี้เธอจะได้ไปเจอกับอดีตคนรักของสามี หญิงสาวแอบตื่นเต้นกลัวจะสวยสู้ไม่ได้ แต่การเอาแม่ของภูษิตไปด้วยก็ทำให้หนูนารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เธอไม่ได้กลัวทางนู้นจะพูดอะไร แต่เธอกลัวตัวเองมากกว่าที่จะเผลอพูดอะไรออกไป
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







