Mag-log inตอนที่10
เหตุผล
“เมื่อคืนมานอนนี่เหรอ พ่อหลับไม่รู้เรื่องเลย”
ชลธีแปลกใจที่เห็นลูกเคยที่โต๊ะอาหาร เพราะเขาก็เคยแอบคิดว่ากวินไม่ห่วงลูกสาวเขาเลย ถึงได้ปล่อยให้ทำอะไรคนเดียวตลอด แต่ก็ไม่พูดเพราะเป็นเรื่องครอบครัว
“ครับ อยู่ดีๆก็นอนไม่หลับ ไม่มีคนให้นอนกอดก็เลยขับรถมากลางดึก วันนี้ก็เลยลางานเลย ว่าจะพาก้ามปูไปทำธุระเสียหน่อย แล้วจะเอาลูกสาวคุณพ่อกลับมาคืนนะครับ เพราะเห็นว่ายังสั่งของกันไม่เสร็จ”
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวพ่ออยู่บ้านก็จะทำไปพลางๆก่อน ตั้งแต่ก้ามปูหันมาขายของแบบนี้ คนแก่อย่างพ่อรู้สึกตัวเองมีค่าขึ้นเยอะเลย”
กรณ์ไม่ต้องเหงาอีกแล้ว เพราะหนึ่งเดือนเขาต้องไปจีนห้าวัน และหนึ่งเดือนก้ามปูก็จะมานอนกับเขาสองคืน ส่วนกุ้งนางเธอมาหาเขาบ่อยอยู่แล้วในช่วงกลางวัน คนสูงอายุจึงรู้สึกชีวิตไม่เหงาอีกต่อไป
“วันนี้พี่กวินจะพาก้ามปูไปไหนคะ”
หญิงสาวสงสัยตั้งแต่ที่สามีของเธอบอกกับบิดาที่โต๊ะอาหารแล้ว แต่คิดว่าเดี๋ยวค่อยถามตอนออกจากบ้านดีกว่า
“เดี๋ยวก็รู้ รับรองว่าทีที่พี่จะพาก้ามปูไป ก้ามปูต้องได้เข้าใจและรักพี่มากขึ้น”
กวินไม่อยากบอกอะไร เพราะมันจะเป็นแค่เพียงคำพูดแต่เขาอยากให้หญิงสาวได้ไปเห็นด้วยตาของตัวเองมากกว่า
“ที่นี่ที่ไหนคะ”
“เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ” ชายหนุ่มหันมาตอบภรรยาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วเรามาที่นี่กันทำไมคะ” หญิงสาวสงสัย
“หลายคืนที่ผมกลับดึก มีคนที่อยู่ในนี้เป็นสาเหตุผมถึงอยากพาคุณมาเจอ”
ก้ามปูเปลี่ยนสีหน้า เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรง ความจริงแล้ว เธอตั้งใจ ว่าอีกไม่นาน เธอจะขอหย่ากับกวิน เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับคนที่เขารัก แต่นี่เขากำลังจะพาเธอมาเจอใคร
“สวัสดีครับ ผมมาหาเด็กชายธราดล”
กวินเดินไปที่ห้องวิชาการของโรงเรียน เพื่อติดต่อขอพบนักเรียนที่นี่
“คุณลุง มาทำไม ผมมาเรียนไม่ว่างนะ”
รูปร่างหน้าตาของเด็กชายที่วิ่งมาหากวินเรียกได้ว่าหน้าตาดีมาก แต่จากลักษณะการพูดนำเสียง ท่าทาง ทำให้ก้ามปูรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นเด็กพิเศษ
“วันนี้คุณลุงพาแฟนมาด้วย ชื่อคุณป้าก้ามปู สวัสดีหรือยังครับ”
ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้ภรรยา เพื่อให้เธอเข้าใจว่าเด็กคนนี้คือเหตุผล
“ยังไม่เลิกเรียนผมยังสวัสดีไม่ได้ ไปเรียนก่อนนะ”
พูดจบเด็กชายตัวสูงที่ดูเหมือนอายุมากแล้ว ก็วิ่งกลับไปยังห้องเรียน
“ธราดลเป็นลูกชายของขวัญวิภากับสามีของเธอชาวเกาหลี พ่อของธราดลมีภรรยาอยู่แล้ว และเขาก็กลับประเทศไป แต่ก็ยังช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย และนานๆครั้งจะมาหาลูกเสียที”
“เขาอายุเท่าไหร่แล้วคะ” หญิงสาวถามเพราะดูตัวเหมือนโต แต่บุคลิกเหมือนเด็ก
“ธราดลอายุแปดปีแล้วแต่ยังอยู่อนุบาลสองอยู่ เขายังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดี” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับมองตามเด็กชายไป
“ที่ผมกลับดึกเพราะมาช่วยขวัญเขาดูลูกในบางวัน ที่งานเขาไม่เสร็จ เพราะไม่ไว้ใจที่จะจ้างใครมาดูแล เพราะเด็กออทิสติกมักจะมีอารมณ์รุนแรงและไม่ค่อยมีมารยามทางสังคม ดูอย่างเมื่อกี้ผมให้เขาสวัสดีคุณ เขาก็ไม่ทำ เพราะเขาเคยทำเฉพาะก่อนมาเรียนและหลังเลิกเรียนเท่านั้น”
ก้ามปูฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วรู้สึกสงสารทั้งตัว ขวัญวิภาและลูกชาย แต่เธอก็คิดว่ามันยังไม่ใช่เหตุผล ที่สามีของเธอจะต้องมาใกล้ชิดกับพนักงานสาวแบบนั้น มันคงต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ
“ก้ามปูเชื่อในสิ่งที่พี่เล่ามา แต่พี่แน่ใจใช่ไหมคะว่าไม่มีอะไรจะบอกมากกว่านี้”
“ยังมีอีกเรื่อง เราไปคุยกันระหว่างขับรถดีกว่าวันนี้พี่จะพาก้ามปูไปปรึกษาหมอ วางแผนการมีลูกด้วยกัน”
ชายหนุ่มตั้งใจว่าเขาจะมีลูกให้เร็วที่สุด ตัวเขาเอง รู้ตัวว่ามีผู้หญิงพยายามเข้ามในชีวิตอยู่บ่อยๆ เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าเขาแต่งงานเพราะทางผู้ใหญ่ไม่ใช่ความรัก แต่ถ้าเขามีลูก ทุกคนจะได้รู้เสียที ว่าเขารักภรรยาและเขาก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว
“ก้ามปูยังไม่ได้บอกเลยว่าอยากมีลูก พี่กวินจะรีบไปไหนคะ” หญิงสาวแซวเพราะตัวเธอยังอายุไม่เท่าไหร่
“รีบสิจะมีสักห้าคน ดังนั้นต้องรีบมี เดี๋ยวปู่ย่าตายายแก่หมด ไม่มีแรงเล่นกับหลาน”
รถเคลื่อนตัวออกจากหน้าโรงเรียน ก้ามปูก็หันมามองหน้านขับเพื่อรอฟังเรื่องที่เขาบอกว่ายังบอกเธอไม่หมด
“เป็นวัยรุ่นใจร้อนเลยนะ มองหน้าพี่ นี่รอฟังใช่ไหม”
กวินแซวภรรยา เพราะเขากำลังรู้สึกสบายใจที่จะได้เล่าความจริงทุกอย่าง ซึ่งตรงข้ามกับคนรอฟังที่กำลังรู้สึกกังวลและคาดเดาล่วงหน้าไปทั่ว
“พี่กับขวัญเราเคยเป็นแฟนกัน และมีอยู่ช่วงหนึ่ง มีลูกค้าสาว เข้ามาติดต่อจ้างบริษัทเราออกแบบบ้านจัดสรรให้ พี่ก็คิดแต่ว่าเขาคือลูกค้า ก็เอาใจโดยการไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย จนขวัญเขาไม่พอใจเราก็มีเรื่องทะเลาะกันทุกวัน จนวันหนึ่งก็มีลูกค้าจากเกาหลีเข้ามาร่วมงานกับเรา พี่ก็ส่งขวัญไปดูแล เพราะคิดว่าเขาจะได้ไม่ว่างจะได้ไม่ต้องมามัวทะเลาะกับพี่ แต่สุดท้ายความไม่เข้าใจกัน ขวัญคิดว่าพี่ต้องการตีตัวออกห่างจากเขาและกำลังหาผู้ชายคนอื่นมาให้ เขาเลยประชดมีอะไรกับลูกค้า ก็คือพ่อของธนาดล ตอนแรกขวัญพยายามที่จะเอาลูกออกแต่พี่ขอร้องไว้ และรับปากจะช่วยดูแล เพราะตอนนั้นสามีของเขาก็ยอมรับว่ามีภรรยาแล้วและบินหนีกลับประเทศเขาทันที”
เล่ามาเสียยาวอย่างละเอียดไม่มีอะไรปิดบังอีกแล้ว แต่กวินก็ไม่แน่ใจว่าก้ามปูฟังแล้วจะเข้าใจเขาหรือยิ่งโกรธเขามากขึ้น
“ความรู้สึกผิดและรับปากไว้จึงทำให้พี่ ต้องคอยช่วยเขาดูแลลูก แต่พี่รู้นะว่าเขาคิดว่าพี่ยังรักเขาอยู่ ถึงได้พยายามที่จะทำทุกอย่างให้เรามีปัญหากัน แต่พี่คิดว่าพี่ไม่หวั่นไหว พี่จึงไม่ได้สนใจ โดยที่พี่ลืมไป ว่าคงไม่มีเมียที่ไหนชอบให้สามีไปสนิทสนมกับผู้หญิงอื่น พี่ขอโทษนะ ขอแก้ตัว ขอเริ่มต้นเป็นสามีที่น่ารัก ให้โอกาสพี่นะ”
ก้ามปูไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี เพราะเธอไม่ชอบการพูดเธอชอบดูการกระทำมากกว่า
“วันนี้พี่ยังมีโอกาสอยู่ค่ะ”
เป็นคำตอบสั้นๆที่กวินฟังแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเอาจริงของภรรยา ก่อนแต่งงานเขาเคยคิดว่าก้ามปูคงเป็นลูกไก่ในกำมือเขา แต่สุดท้ายเจ้าสาวของเขาดุเอาจริงกว่าที่เขาคิด จนเขาเองกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเธอแทน
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







