Masukตอนที่5
อึดอัด
ก้ามปูนั่งมองตัวเองผ่านกระจกที่ติดอยู่กับโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ภายในห้องนอนของเธอ หญิงสาวคิดถึงคำพูดของแม่สามี ใช่ เธอควรดูแลตัวเองให้ดูดีกว่านี้
การหาข้อมูลในการดูแลรูปร่างเริ่มขึ้นทันที เธอต้องทำได้ ก้ามปูบอกกับตัวเอง อย่างน้อยเธอก็ทำเพื่อตัวเองไม่ได้ทำเพื่อต้องการแข่งกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตของสามีเท่านั้น
“กลับมาแล้วเหรอคะ เหนื่อยไหมทำงาน”
หญิงสาวที่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดของที่ซื้อมาหันมาทักสามีที่เพิ่งเปิดประตูห้องนอนเข้ามา
“อุ๊ย! ”
ก้ามปูตกใจเมื่ออยู่ดีๆกวินก็เดินมาหอมแก้มและกอดเธอเสียจนแน่น
“วันนี้คุณแม่ผมพาไปไหนมาบ้าง อะไรล่ะนี่เต็มโต๊ะเลย”
ชายหนุ่มถามพร้อมกับมองไปที่กระปุกครีมต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
“พาไปเสริมสวย ไปซื้อของที่จะทำให้ผู้หญิงไม่สวย อย่างก้ามปู น่าจะพอดูดีขึ้นมาค่ะ”
หญิงสาวตอบแบบประชดประชัน ด้วยน้ำเสียงและใบหน้าแบบนิ่งเฉย เธอได้แต่หวังว่าสามีของเธอจะพูดอะไรออกมาบ้าง เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อขวัญวิภา
“ก็ดีนะ พี่อยากให้ภรรยาของพี่สวยที่สุด แต่ที่สุดในสายตาของพี่คนเดียวเท่านั้น”
กวินยังคงปากหวานแต่มันไม่ได้ทำให้ก้ามปูรู้สึกดีเลย กลับทำให้เธอรู้สึกว่า เขากำลังพยายามที่จะกลบเกลื่อนความผิดอะไรบางอย่าง
“เหมือนกันเลยค่ะ ก้ามปูก็อยากให้สามีหล่อที่สุดในสายตาของภรรยาคนนี้คนเดียว”
ก้ามปูเธอไม่ชอบเลยที่ต้องพยายามเก็บงำความรู้สึกภายในจิตใจแบบนี้ แต่เธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ที่เธอจะโวยวายหรือเคล้นถามเพื่อหาความจริงจากปากของสามี เพราะกวินไม่มีทางที่จะพูดความจริงหรือถ้าเขาพูดความจริง ก้ามปูก็รู้ว่าเธอก็คงไม่เชื่อ จนกว่าจะได้คำตอบด้วยตัวเอง
“อยู่บ้านเบื่อไหม หรือจะไปทำงานที่บริษัทกับพี่”
กวินมองหน้าภรรยาที่เขากำลังกอด ด้วยความรู้สึกที่เหมือนอ่านหัวใจเธอออก
“เบื่อค่ะ แต่คงยังไม่ไปทำงาน ก้ามปูอยากปรับตัวกับการที่ต้องมีสามีให้ได้ก่อน อีกอย่างยังไม่อยากจะไปยุ่งย่ามที่บริษัท เพราะเดี๋ยวพนักงานจะพากันคิดว่าแต่งงานไม่ทันกี่วัน ก็มาทำงานเพื่อเฝ้าสามีเสียแล้ว”
กวินได้ฟังคำพูดของภรรยา เขายิ่งกอดเธอไว้แน่นกว่าเก่า ตอนนี้ภายในห้องนอนที่เมื่อคืนมันยังมีความสุขอบอวลอยู่เลย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นความอึดอัด เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่พูดตรงๆออกมา
การเก็บและอดทนไม่ใช่นิสัยของหญิงสาว แต่เธอจำสิ่งที่กวินพูดบนเวทีได้ เขาขอให้เธอหนักแน่น เธอก็จะทำให้เขา จะพยายามหนักแน่นให้ถึงที่สุด
“พี่กวินคะ ตอนกลางวันบางวันก้ามปูจะขอกลับไปที่บ้านหาพ่อบ้างนะคะ ตอนนี้ท่านก็อยู่คนเดียวลูกสาวสองคนแต่งงานแยกกันออกมาอยู่ข้างนอกหมด คุณพ่อคงเหงาน่าดู”
บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเมื่อ หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนเรื่องพูดและน้ำเสียงดูสมใสร่าเริงเหมือนเดิม
“ได้สิ กุญแจรถอยู่บนหัวนอนนะ ไปไหนมาไหนก็ขับรถดีๆ พี่เป็นห่วง”
กวินแอบถอนหายใจ ที่ภรรยาของเขาไม่ทำให้ห้องนอนกลายเป็นห้องเย็นอีกต่อไป
“พี่กวินไปล้างหน้าล้างตา แล้วลงไปกินข้าวกันเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอเอา”
มณีบอกกับลูกสะใภ้ว่าที่นี่จะกินข้าวเย็นพร้อมกัน ดังนั้นถ้าใครจะไม่ได้กลับมากินควรต้องบอกไว้ก่อน เพราะจะได้ไม่รอ
“อยากให้พี่กวีมากินข้าวที่บ้านจัง จะได้อยู่กันพร้อมหน้า ก้ามปูก็จะได้เจอพี่กุ้งนางด้วย”
กวินคิดอย่างที่พูดจริงๆ ตั้งแต่พี่ชายของเขาแต่งงานไป บิดาก็ให้ไปดูแลบริษัทอีกสาขาที่อยู่นอกเมือง นานๆทีถึงจะได้กลับมาที่บ้าน ส่วนมากพ่อกับแม่จะเป็นฝ่ายไปหาเสียมากกว่า
“งานทั้งคู่คงยุ่ง และอีกอย่างการเดินทางจากบ้านของพี่กุ้งนางเข้ามาที่นี่ต้องฝ่ารถติดมาไม่รู้กี่ชั่วโมง ถ้าเป็นก้ามปูก็คงไม่มาเหมือนกัน”
กุ้งนางยังคงไปหาชลธีบิดาของเธออยู่บ่อยๆ เพราะบ้านอยู่ใกล้กันมากกว่าการเดินมาที่นี่ แต่ก้ามปูก็อยากทำให้ได้เหมือนพี่สาว ถึงแม้เธอต้องฝ่ารถติดออกไปเพื่อไปหาบิดาที่บ้าน
ความไม่สบายใจ ความรู้สึกอึดอัดตอนนี้ ยิ่งทำให้หญิงสาวอยากกลับบ้านไปหาพ่อ ถึงแม้จะไม่ได้ระบายความทุกข์ใจให้พ่อฟัง แต่แค่ได้เห็นหน้ากำลังใจก็มาเต็ม
“ก้ามปูกลับไปหาพ่อเขาบ้างนะ อยู่คนเดียวเดี๋ยวจะเหงาเอา”
กรณ์บิดาของกวินเข้าใจหัวอกความเป็นพ่อดี เพราะตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนของเขาเล่นพาลูกสาวทั้งสองคนแต่งงานออกมากันหมด
“ค่ะคุณพ่อ พรุ่งนี้หนูก็ตั้งใจว่าจะไปหาท่านอยู่เหมือนกัน”
บทสนทนาบนโต๊ะอาหาร ส่วนมากมณีจะเป็นฝ่ายชวนคุยเรื่องสนุกสนาน เพื่อให้ทุกคนมีความสุข และไม่มีการคุยเรื่องงานหรือเรื่องไม่สบายใจในเวลากินข้าวเด็ดขาด
“กวินรีบมีหลานให้พ่อกับแม่เร็วๆนะ พี่ชายลูกก็ใจเย็นไปคนหนึ่งแล้ว จนแม่เริ่มไม่แน่ใจ ว่าหลานแม่ยังไม่มา หรือคู่นั้นเขายังไม่ปล่อยให้มี”
มณีอยากมีหลาน อยากมีหลายๆคนเลย เพราะอายุเธอก็มากขึ้น กลัวจะเลี้ยงหลานไม่ไหว อีกอย่างก็คิดว่าเด็กๆจะสร้างความสุขให้กับทั้งฝ่ายตาและฝ่ายปู่
“คุณแม่ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะเร่งเดินเครื่องอย่างเต็มที่”
ชายหนุ่มหันมามองสบตาภรรยา ก้ามปูอายจนหน้าแดงเลยแอบหยิกสามีที่ขาไปหนึ่งที
“ให้มันจริงเถอะ มีหลานเมื่อไหร่ พ่อจะวางทุกงานเลย อยากอยู่บ้านเล่นกับหลานมากกว่า เริ่มเบื่อกับการทำงานแล้ว แต่ก็ยังหาคนช่วยกวินมันไม่ได้ แต่อีกไม่นานลูกก็คงบริหารคนเดียวได้ใช่ไหม”
กรณ์เป็นนักธุรกิจที่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ไม่มีอะไร เขาได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจจากชลธีเพื่อนแท้ของเขามาตลอด เพียงแต่ชลธีกับเขามีนิสัยที่ต่างกัน เขาถึงมีฐานะที่ร่ำรวยกว่า ดังนั้นเขาจึงต้องการจะเป็นดองกับเพื่อน เพื่อที่ครอบครัวของชลธีจะได้กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกับเขา
“ให้หนูก้ามปูไปช่วยไหมล่ะคุณ ” มณีออกความคิดเห็น
“ยังไม่ต้องเลย เดี๋ยวก็ไม่ต่างจากคู่นู้น กุ้งนางไปช่วยงานกวี จนป่านนี้ถึงได้ยังไม่มีหลาน อยู่บ้านทำร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนเยอะๆ ไม่นานเดี๋ยวต้องได้ข่าวดีกันแน่ๆ ไปทำงานมีแต่ความเครียด ไว้มีหลานเมื่อไหร่ ปู่จะเลี้ยงเอง แล้วค่อยให้พ่อแม่ไปทำงานแทน”
กรณ์พูดเสียยาว เพราะเขาคิดว่าที่ลูกชายคนโตยังไม่มีลูกเพราะไม่ค่อยมีเวลาได้พักผ่อน อีกทั้งมีความเครียดและเหนือยกับงานทั้งสองคนสามีภรรยา
“คุณพ่อตั้งใจจะยึดลูกผมเลยนะ พอได้หลานก็จะรีบไล่พ่อแม่เขาไปทำงาน ตัวเองจะได้เลี้ยงหลานจะได้รักปู่กับย่ามากกว่าพ่อกับแม่ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มแซวผู้เป็นพ่อ
“ก็ใช่ รับรองติดปู่แน่ๆ เอาสักสองคนนะ ตามันจะได้ไม่เหงา แบ่งไปให้เลียงสักคนหนึ่ง”
กรณ์ยังอดห่วงเพื่อนไม่ได้ กลัวอยู่คนเดียวจะเหงา แต่เขาก็แอบพาเพื่อนไปสังสรรค์อยู่บ่อยๆเพื่อให้ชลธีไม่ต้องเหงาอยู่บ้านคนเดียว เพราะตอนนี้ชลธีวางมือเรื่องานทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่ส่งลูกสาวคนเล็กเรียนจบ เพราะกุ้งนางส่งเสียดูแลพ่ออย่างดี
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







