เข้าสู่ระบบตอนที่11
แล้วเธอคนนี้คือใคร
คืนนี้กวินยังคงกลับบ้านมืด แต่ก้ามปูก็พยายามที่จะเข้าใจ และเธอก็ไม่ได้ถามหตุผล เพราะคิดว่าคงไปดูแลลูกช่วยขวัญวิภาตามเดิม
“กินข้าวมาหรือยังคะ ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้านิ่งไม่ได้ทักทายเธอ
“พี่กินมาแล้ว เดี๋ยวพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ”
วันนี้กวินดูแปลกไปในความคิดของภรรยา ตั้งแต่กลับมาถึง เขาเห็นชายหนุ่มแอบยิ้มอยู่คนเดียวบ่อยๆ เหมือนกำลังคิดถึงเรื่องอะไรแล้วเผลอยิ้มออกมา
“วันนี้ไปไหนมาหรือคะ”
จากที่ไม่เคยถาม วันนี้ก้ามปูสงสัยจนเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่
“วันนี้มีลูกค้าจากเกาหลีมา เธอไม่เคยมาเมืองไทยเลย พี่ก็เลยต้องดูแลให้ดีหน่อย ตอนนี้เขาก็สั่งสินค้าของเราไปเกือบสิบล้านแล้ว พี่หวังว่าจะได้ยอดสั่งซื้อถึงห้าสิบล้านเลย เพราะบิดาของเขาเป็นเจ้าพ่อธุรกิจที่นั่นเลย”
สีหน้าของคนเล่าดูมีความสุขมาก ก้ามปูคิดว่าคงไม่มีอะไร สามีของเธอคงแค่ดีใจและมีความสุขที่สามารถทำเงินให้บริษัทได้มาก
บริษัทของกวินรับผลิตสินค้าต่างๆที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยใส่ลงไป ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า หมวก โคมไฟ ซึ่งประเทศที่เป็นลูกค้าคนสำคัญคือเกาหลีและญี่ปุ่น นานๆทีจะมีจีนเข้ามา ส่วนทางยุโรป กวีจะรับหน้าที่ดูแล
“ช่วงนี้คงกลับดึกเกือบทุกวันเลยนะ เพราะผมคงต้องดูแลเขาหน่อย ดูแล้วเขาก็สนใจสินค้าเรา เพียงแต่ยังไม่รู้สึกเชื่อใจในเรื่องราคา การดูแลเอาใจใส่เขาคงทำให้เขามั่นใจว่าเราจริงใจ และให้ราคาที่ดีที่สุด”
ก้ามปูพยายามมองข้ามความหึงหวงเพราะเท่าที่ฟังมา ก็พอจะเดาได้ว่าลูกค้าชาวเกาหลีคนนี้เป็นผู้หญิง
“ให้ก้ามปูช่วยอะไรไหมคะ อย่างน้อยก็พาเธอไปเที่ยว ผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจกันมากกว่า”
หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจอยากจะไปยุ่งกับงานของสามีหรอก แต่เธอแค่ลองพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของสามีเท่านั้น และมันก็ได้ผล
“ไม่เอาล่ะ อยู่บ้านขายของของคุณดีกว่า พี่จัดการได้ พี่นอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปรับเธอกินอาหารเช้าด้วย”
กวินนอนแล้วแต่ก้ามปูยังคงนอนไม่หลับ เธอลงมาข้างล่างเพื่อคุยโทรศัพท์ประชุมสายคุยกับทรายและส้มเพื่อถามความคิดเห็น
“ก้ามปูแกอยู่เฉยๆเลยนะ เดี๋ยวปล่อยไปสักวันสองวัน เดี๋ยวเราไปแอบดูกัน งานนี้ฉันว่าไม่ธรรมดา เพราะเมื่อคราวขวัญวิภา พวกเราเชื่อว่าเขาไม่กลับไปกินของเก่าที่เคยทิ้งเขาไปแน่นอน แต่นี่ของใหม่หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ”
ส้มแสดงความคิดเห็น เพราะเธอเป็นคนที่มีนิสัยชอบการปะทะอยู่แล้ว ต่างกับทรายที่เป็นคนที่รักความสงบ แต่ครั้งนี้ทรายก็เห็นด้วยกับส้มแต่ก่อนอื่นก้ามปูต้องอดทนที่จะไม่แสดงอะไรออกมาให้สามีสงสัย เพราะเขาจะระวังตัวมากขึ้นละสุดท้ายจะกลายเป็นทะเลาะกันเปล่าๆ
“มันมีลางสังหรณ์แปลกๆ ไม่เหมือนเมื่อคราวก่อน ขอบใจพวกแกมากแต่ฉันจะพยายามควบคุมตัวเองให้ไม่แสดงอะไรออกมาให้มากที่สุด”
ก้ามปูเธอให้สัญญากับเพื่อน ทั้งที่ตัวเธอเองยังไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าจะทำได้ไหม เธอยอมรับเลยว่าเธอรู้สึกหึงอย่างมาก ไม่เหมือนคราวก่อนที่เธอแค่เพียงรู้สึกน้อยใจ
ตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าชาวเกาหลีมาเมืองไทย จนถึงวันนี้ก็เกือบครึ่งเดือนแล้ว กวินยังคงดูแลเป็นอย่างดี แทบจะไม่มีเวลาให้ก้ามปูเลย
บางคืนหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองต้องเป็นฝ่ายปล้ำเขาเองด้วยซ้ำ ที่เธอทำไม่ใช่เพราะมีความต้องการ แต่เธอแค่รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าให้สามีอยากมีอะไรด้วย
“ใครส่งอะไรมานะ”
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ปลุกให้หญิงสาวที่นอนอยู่ข้างสามี หยิบขึ้นมาดู มีใครบางคนส่งรูปสามีของเธอกับสาวเกาหลีที่ดูสนิทสนมกันมาก มีทั้งกอดเอว หอมแก้ม และที่ทำให้ก้ามปูรู้สึกเหมดความอดทน คือภาพที่ทั้งคู่จูบปากกัน
คืนนี้หญิงสาวคงทำอะไรไม่ได้ เธอจึงส่งภาพทั้งหมดไปให้เพื่อนดู และวางแผนว่าจะตามกวินไปในคืนนี้ เพื่อจับให้ได้คาหนังคาเขา ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ไปถึงไหนกันแล้ว
เมื่อจุดหมายปลายทางชัดเจน ก้ามปูแกล้งนอนไม่สบาย เพื่อให้กวินมั่นใจว่าวันนี้เธอจะอยู่แต่ที่บ้านไม่ไปไหน
“กินยาแล้วพักผ่อนนะ งดส่งสินค้าสักวันลูกค้าคงไม่ว่าหรอก”
กวินเตรียมยาและน้ำเอามาวางไว้ที่หัวเตียง และบอกแม่บ้านให้ช่วยทำข้าวต้มร้อนๆมาให้ภรรยาของเขา ก่อนที่ตัวเขาเองจะออกไปทำงาน
เมื่อได้เวลานัดหมายส้มและทรายก็ขับรถมารับก้ามปูที่บ้าน หญิงสาวบอกกับมาสามีว่า เธอจะไปหาหมอ
รถที่ส้มเช่ามาจอดรออยู่ที่ถนนทางเข้าบริษัท ทั้งสามคนเลือกที่จะเช่ารถ เพราะกลัวกวินจะจำได้ และเมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน รถหรูก็ขับออกจากบริษัท
ทั้งสามคนขับรถตามต่อไปจนรถของกวินไปสิ้นสุดที่หน้าคอนโด ซึ่งเป็นคอนโดของครอบครัวของกวินซื้อไว้เพื่อให้ลูกค้าที่มาจากต่างประเทศได้มาพัก
“เฮ้ย! สวยว่ะ หุ่นโคตรดีเลย ผิวหรือสำลีว่ะนั่นจะขาวอะไรขนาดนี้”
ส้มหลุดปากชมทันที เมื่อสาวเกาหลีเดินลงมาจากคอนโดและเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างๆคนขับ ด้วยชุดที่แสนจะวาบหวิว
“ปากเนาะปาก แทนที่จะพูดให้เพื่อนสบายใจ” ทรายหันไปดุส้ม
“ส้มมันก็พูดความจริง เขาทั้งสวยทั้งหุ่นดี ไม่แปลกที่พี่กวินจะอยากอยู่ใกล้”
เมื่อรถของชายหนุ่มขับออกไปทั้งสองคนก็ขับตาม ตามจนไปถึงร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง ที่ดูแล้วพอจะมีมุมให้ทั้งสามได้นั่งแอบดูทั้งคู่
ภาพกวินนั่งกินข้าวกับสาวหมวยผิวขาวทั้งคู่ต่างเอาใจกัน สีหน้าของทั้งคู่แสดงความสุขอย่างชัดเจน ก้ามปูมองภาพสามีของเธอหัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุข หัวใจของเธอยิ่งเจ็ปวดมากขึ้นทุกที
“เฮ้ยแก เขากลับกันแล้ว”
ทั้งสามคนยังคงขับรถตามไป กวินมุ่งหน้ากลับไปที่คอนโดเพื่อส่งสาวชาวเกาหลี แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ กวินเดินตามขึ้นไปที่ห้องด้วย
“เฮ้ยก้ามปูแกคิดสิ ทำอย่างไรเราะจะตามขึ้นไปที่ห้องได้”
ส้มรู้สึกอยากจะให้เรื่องนี้มันจบๆสักที ถ้าขึ้นไปส่งกันถึงห้องขนาดนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน
ก้ามปูคิดขึ้นได้ว่า เธอจดทะเบียนสมรสถูกต้อง ชื่อและนามสกุลในบัตรประชาชนก็แสดงชัดเจนว่าเธอคือสะใภ้ของคนตระกูลนี้ เธอจึงตัดสินใจไปขอคีย์การ์ดสำรอง
“พอดีฉันลืมเอาคีย์การ์ดมาค่ะ และคุณกวินก็โทรไปหาบอกว่าไม่ค่อยสบายให้ฉันมาหา จะโทรเข้าไปก็กลัวจะไปรบกวนเขาที่กำลังไม่ค่อยสบาย ฉันขอยืมคีย์การ์สำรองหน่อยนะคะ”
ก้ามปูยื่นบัตรประชาชนให้พนักงานดู เพื่อให้เขาเชื่อว่าเธอคือภรรยาของกวินจริงๆ และในที่สุดเธอก็ได้คีย์การ์ดมาตามต้องการ
“พร้อมแล้วใช่ไหม ก้ามปูไม่ว่าสิ่งที่แกจะรู้จะเห็นคืออะไร แกต้องเข้มแข็ง”
สามคนเพื่อนสนิท ต่างมองหน้ากัน จับมือและพากันขึ้นไปยังห้องของกวิน
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







