LOGINตอนที่6
นิ่งไม่ใช่ไม่รู้สึก
คืนที่สองของการแต่งงาน มันสมควรเป็นคืนที่มีความสุขตามประสาคนเพิ่งแต่งงานกัน ก้ามปูจึงเลือกที่จะเก็บความสงสัย ความไม่ไว้ใจ ไว้ภายในใจให้ลึกที่สุด เราะตอนนี้เธอสมควรมีความสุข
ไฟทุกดวงดับลง เพลงรักก็เริ่มต้น กวินยังคงทำให้เจ้าสาวของเขามีความสุขได้เสมอ เรื่องบนเตียงชายหนุ่มไม่เป็นรองใคร และที่สำคัญคือความเอาใจเก่งและปากหวานคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวภรรยาไว้จนก้ามปูรู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงสามี
“พี่ไปทำงานแล้วนะ วันนี้คงกลับมืดหน่อยกินข้าวเลยไม่ต้องรอ”
กวินหอมแก้มภรรยาก่อนไปทำงานเหมือนเมื่อวาน เพียงแต่วันนี้เขาบอกกับเธอว่าไม่ต้องรอกินข้าว
หญิงสาวอยากถามว่าทำไม แต่เธอคิดว่าการเงียบแกล้งโง่น่าจะดีที่สุด ถ้าเธอต้องการรู้ความจริง
“คุณพ่อคุณแม่คะ พี่กวินฝากบอกว่าเย็นนี้ไม่ต้องรอกินข้าว เขาจะกลับมืดหน่อย”
ลูกสะใภ้บอกพ่อและแม่ของสามี ที่นั่งเล่นกันอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะวันนี้กรณ์ไม่ได้เข้าบริษัทจึงพักผ่อนอยู่บ้าน
“เพิ่งจะแต่งงานก็จะกลับมืดแล้ว มันยังไงกันลูกชายคุณ”
มณีหันไปถามสามีด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เหมือนว่าทั้งคู่รู้อะไรกันอยู่
“ผมว่าคุณเป็นแม่ น่าจะพูดกับลูกได้มากกว่าผม ผมถ้าพูดเดี๋ยวจะดูใจร้ายไป”
ก้ามปูนั่งฟังคนทั้งคู่เถียงกัน เธอยิ่งแน่ใจว่าทั้งสองคนมีอะไรที่พยายามปิดบังเธออยู่
“คุณพ่อคุณแม่มีอะไรที่ปิดบังหรือยังไม่ได้บอกให้หนูรู้เกี่ยวกับพี่กวินหรือเปล่าคะ”
จากที่ตั้งใจจะไม่สนใจเรื่องที่กำลังทำให้เธอไม่สบายใจอยู่ แต่ก้ามปูก็ทนไม่ไหวเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนพูดให้เธอสงสัยแบบนี้
“ไม่มีลูก”
ทั้งสองคนต่างตอบพร้อมกัน ด้วยใบหน้าที่ตกใจเหมือนกันทั้งคู่ คงไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะถามตรงๆแบบนี้
“แม่กับพ่อก็หมายถึงเตือนเรื่องที่ควรจะเอาใจเมียให้มากกว่านี้ เพราะหนูกับกวินก็ไม่ได้เริ่มต้นจากคุ้นเคยกันแม่กับพ่อก็อดห่วงไม่ได้”
คำพูดของแม่สามีฟังดูดีแต่มันก็หมายถึงเขารู้ว่าการแต่งงานไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก ทั้งคู่ก็เลยกลัวว่า ลูกชายของเขาจะห่างเหินเธอ หรือไม่รักเธอเท่านั้นเอง
“ถ้าเป็นแบบนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะคะ ก้ามปูเข้าใจว่าการที่เราจะรักใครสักคนมันบังคับกันไม่ได้ แต่ขอแค่เพียงมีอะไรให้บอกกันอย่างน้อยเราก็ถือว่าเราเป็นสามีภรรยา ถ้าคิดว่าไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ก็แค่มาบอกกันตรงๆ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ”
จากตอนแรกที่มณีอดเป็นห่วงลูกสะใภ้ไม่ได้ ว่าจะตามลูกชายของเขาไม่ทัน ตอนนี้เขากลับกลัวว่าลูกชายของเขาน่าจะเจอของจริงเข้าให้แล้ว
“ก้ามปูกับกุ้งนางไม่มีอะไรเหมือนกันเลย” กรณ์กอดอกพูดอย่างจริงจัง
“ก็คงเหมือนกวีกับกวินลูกเราแหละค่ะ เลี้ยงมาเหมือนกันแท้ๆ นิสัย หน้าตา ไม่เหมือนกันเลย”
มณีเธอคิดว่าเธอเลี้ยงลูกทั้งสองคนมาเหมือนกันแต่ในความเป็นจริง เธอให้ความรักและตามใจลูกชายคนเล็กมากกว่า จนกรณ์ต้องคอยเติมเต็มให้กวีลับหลังเสมอ เพราะกลัวลูกชายคนโตจะเสียใจ
“คุณกรณ์คุณว่าเราตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีไหม” มณีหันไปจับแขนสามีเพื่อให้เขาตั้งใจฟังและหันมาตอบเธอ
“คุณกำลังคิดว่าจะทำอะไร”
กรณ์เข้าใจในสิ่งที่ภรรยาพูด แต่เขาไม่รู้ว่ามณีกำลังคิดจะทำอะไร
“ให้เงินสักก้อน แล้วให้นางไปหางานทำใหม่เอา”
มณีใช้น้ำเสียงจิกเน้นคำว่านาง จนกรณ์ส่ายหน้าเพราะไม่ชอบใจ
“เรียกเขาดีๆหน่อย อย่างน้อยเขาก็เคยเป็นพนักงานที่ดีคนหนึ่งของบริษัท” กรณ์เตือนสติภรรยา
“ฉันขอโทษแล้วกัน แต่คุณลูกเราไม่ได้เป็นคนบอกเลิก ตัวเองเป็นฝ่ายไปท้องกับผู้ชายคนอื่นและอยู่ดีๆพอเห็นตากวินแต่งงาน จะมาทำท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้มันควรแล้วเหรอคะคุณ” มณีเริ่มพูดด้วยความโมโห
“ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ถ้าลูกชายของเราไม่เล่นด้วย การให้เขาออกจากที่บริษัท คุณคิดว่ามันจะทำให้ปัญหาจบจริงเหรอ เขาสองคนไปเจอกันที่อื่นไม่ได้ใช่ไหม ผมว่าคนที่เรามีสิทธิ์จะจัดการคือลูกชายของเรามากกว่า ดีกว่าที่เราจะเที่ยวไปจัดการคนอื่น”
ตั้งแต่เล็กจนโตมณีไม่เคยยอมให้กวินเป็นฝ่ายผิดไม่ว่าจะเรื่องใดๆก็ตาม อย่างตอนนี้เธอก็กำลังโยนความผิดไปให้คนรักเก่าของลูกชาย แทนการที่จะคุยกับกวินให้รู้เรื่อง
“คุณก็ทุกที ชอบคิดแต่ว่าฉันเข้าข้างแต่ลูก”
เมื่อไม่มีแนวร่วมมณีจึงลุกจากโซฟา คว้ากระเป๋าและขับรถออกจากบ้านไป กรณ์คิดในใจ ว่าคงไม่พ้นไปหาลูกชายคนโตให้ช่วยคุยกับกวินให้ เพราะทุกครั้งที่มีปัญหากวีจะต้องเป็นคนแก้ให้มารดาทุกที
เมื่อขึ้นมาอยู่บนห้อง ก้ามปูคิดฟุ้งซ่านไปหมด คิดว่าเรื่องราวต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จนเธอรู้สึกตัวเองเหมือนคนที่หึงจนขาดสติ
ทรายกับส้มคือสองคนที่เธอคิดถึง ส่วนกุ้งนางพี่สาวของเธอ ก้ามปูไม่อยากเอาเรื่องไม่สบายใจไปให้ และกลัวว่าเรื่องนี้จะถึงหูพ่อของเธอด้วย
“ใจเย็น ทำเฉยๆไปก่อน ในเมื่อครอบครัวเขาอยากได้เธอแกเป็นลูกสะใภ้เอง ฉันว่าเขาต้องจัดการทุกอย่างได้ ถ้ามันเป็นอย่างที่แกคิดนะ”
ทรายเตือนสติเพื่อนหลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมด เพราะเธอรู้จักก้ามปูดี หญิงสาวผู้รักศักดิ์ศรีเป็นที่สุด ถ้าโดนสามีนอกใจรับรองต้องมีใครตายกันไปข้างหนึ่งแน่ๆ
“ฉันจะพยายามนะแก ตอนนี้ก็ทำเป็นไม่คิดอะไร แต่มันคงเก็บไว้ได้ไม่นานถ้าพี่กวินยังทำให้สงสัยแบบนี้”
ก้ามปูเธอเป็นคนไม่ชอบการโกหกแต่เธอก็ไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องทุกเรื่องของสามี โดยเฉพาะสามีที่ไม่ได้รักเธอแต่แต่งงานเพราะความยินดีของผู้ใหญ่
“ดีแล้ว แต่ถ้าวันไหนที่แกพยายามจนสุดแล้ว ฉันแนะนำให้แกถามพี่เขาตรงๆ และเชื่อพี่เขา แต่เชื่อแบบมีสติไม่ใช่แบบโง่ ที่แกเป็นแบบนี้เพราะแกรักพี่เขาแล้วแหละก้ามปู”
สมกับที่เป็นเพื่อนกันมานาน ทรายพูดแทงเข้าไปในหัวใจของหญิงสาว มันถูกต้องทุกคำ เธอรักกวินแล้วและสิ่งที่ทำให้ก้ามปูต้องเป็นแบบนี้ เพราะเธอไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเหมือนกับเธอ
“ขอบใจมากทราย รักแกนะ ฉันจะทำให้ได้อย่างที่แกบอก ขอบใจที่รับฟังความทุกข์ของฉัน”
“ก็เราเพื่อนกัน มีอะไรก็บอกมา เราสามคนพร้อมลุยด้วยช่วยกันเสมอไม่ใช่เหรอ”
ก้ามปูอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อรู้ว่าเพื่อนหมายถึงลุยแบบไหน แต่ตอนนี้เธอโตแล้วคงต้องลุยแบบมีสติกันหน่อย เมื่อได้ระบายหญิงสาวก็รู้สบายใจมากขึ้น จึงนอนดูวิธีการออกกำลังกายแทนการคิดเรื่องของสามีให้ปวดหัว
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







