Share

บทที่ 10

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
หลังจากได้วัตถุดิบมาจากห้องเครื่องแล้ว เสี่ยวเจาก็ไม่กล้าโอ้เอ้อยู่ข้างนอกนาน

นางกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แล้วจะเสียเสบียงอาหารเพียงหนึ่งเดียวนี้ไป

นางจะต้องชนะในสงครามปกป้องอาหารครั้งนี้ให้ได้!

อวี๋ผินพาชุ่ยอิงยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนขโมยของเสี่ยวเจา ก็แค่นเสียงเย็น

นางแค่ไม่ได้จับตาดูเจียงหวนเพียงไม่กี่วัน คนของตำหนักรองฝั่งตะวันตกนี่ก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว!

“ชุ่ยอิง เจ้าไปดูสิว่า นางกำลังแอบทำอะไรอยู่?”

หลังจากชุ่ยอิงรับคำก็รีบตามไปทันที ไม่นานนัก ชุ่ยอิงก็กลับมา

“พระสนมเพคะ บ่าวเห็นนังเด็กเสี่ยวเจานั่น ไม่รู้ว่าไปเอาต้นหอมกับแป้งหมี่มาจากไหนเพคะ”

“อะไรนะ?”

อวี๋ผินอ้าปากค้างเล็กน้อย ไม่อาจปิดบังความประหลาดใจได้

“เจ้าดูชัดแล้วหรือ? นางระมัดระวังถึงเพียงนั้น ก็เพื่อของแค่นี้?”

ชุ่ยอิงพยักหน้า น้ำเสียงจริงจัง “บ่าวตามเสี่ยวเจาไปตลอดทาง เห็นกับตาว่านางนำวัตถุดิบไปซ่อน หลังจากนางไปแล้ว บ่าวยังเข้าไปดูอีกครั้ง ยืนยันว่าเป็นแค่ต้นหอมกับแป้งหมี่ธรรมดา ๆ ไม่มีแม้แต่เศษเนื้อเลยเพคะ”

ชุ่ยอิงเหลือบมองสีหน้าของอวี๋ผินอย่างประจบประแจง

“พระสนม จะให้บ่าวพาคนไปที่ตำหนักรองฝั่งตะวันตก สั่งสอนนางสักหน่อยหรือไม่เพคะ?”

ช่วงนี้พระสนมกำลังอารมณ์ไม่ดี ถือโอกาสนี้ระบายอารมณ์เสียเลย

อวี๋ผินหัวเราะเยาะ ในใจเต็มไปด้วยความดูถูก

ก่อนหน้านี้นางจงใจสั่งให้คนตัดส่วนแบ่งของเจียงหวน ตอนนี้ดูเหมือนจะได้ผลดีเยี่ยม

เมื่อนึกถึงภาพเจียงหวนหัวกระเซิงหน้าตามอมแมมแทะหมั่นโถวเย็นชืดแล้ว อวี๋ผินก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก นาน ๆ ครั้งถึงจะ “ใจกว้าง” สักที

นางยกยิ้มมุมปากแล้วโบกมือ “ไม่ต้อง พวกนางอยากจะกินของที่พวกหมาแมวจรจัดกิน ก็ปล่อยให้พวกนางกินไป”

“พระสนมช่างมีจิตใจเมตตากรุณาเสียจริงเพคะ” ชุ่ยอิงยิ้มประจบ

อวี๋ผินแค่นเสียงหึหนึ่งครั้ง แล้วหันหลังเดินจากไป

เจียงหวนไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย พอถึงเวลาอาหารเย็น ก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นกับเสี่ยวเจา

โชคดีที่วัตถุดิบที่เต๋อซั่นให้มาแม้จะมีไม่กี่ชนิด แต่ปริมาณก็ไม่น้อย พอจะให้นางกับเสี่ยวเจาประทังชีวิตไปได้อีกสองสามวัน

ผัดต้นหอม ต้มเส้นบะหมี่ให้สุก ราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ บะหมี่คลุกต้นหอมที่หอมกรุ่นก็เสร็จเรียบร้อย

เจียงหวนถือชามนั่งอยู่ที่โต๊ะ ซู้ดเส้นบะหมี่เข้าไป

ด้วยฝีมือของนาง การจะเอาวัตถุดิบจากขันทีน้อยคนนั้นเพิ่มอีกหน่อยคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

ต่อไปพอสนิทกันแล้ว นี่ก็คือช่องทางนำเข้าของนางเลยนะ!

การแก่งแย่งชิงดีในวังหลังล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ ก่อนทะลุมิติเข้ามาในนิยายก็เป็นแค่ทาสแรงงานที่สิ้นหวังคนหนึ่ง

จะแข่งขันไปเพื่ออะไร? เป็นคนขี้เกียจที่นอนกินบ้านกินเมืองไปวัน ๆ มันไม่ดีกว่าหรือ?

ไม่รู้ว่าเมื่อไรอวี๋ผินถึงจะมองเห็นจุดนี้ได้เสียที เลิกมาวอแวกับนางได้แล้ว

วันรุ่งขึ้น ณ ตำหนักหย่างซิน

ฟ้ายังไม่สว่างดี ฮั่วหลินก็ต้องตื่นบรรทมเพื่อไปว่าราชการแล้ว

หลังจากทรงล้างหน้าล้างตาแล้ว ก็มีข้ารับใช้เข้ามาช่วยสวมฉลองพระองค์ พอรัดเข็มขัดหยกแล้ว ในท้องก็ยิ่งว่างจนน่าใจหาย

ต้องไปว่าราชการทั้งที่ท้องว่างอีกแล้ว!

กฎของบรรพชนนี่จะฝึกเราให้เป็นอูฐหรืออย่างไร? ก่อนว่าราชการแม้แต่ข้าวสักคำก็ไม่ให้กิน!

เมื่อสวมฉลองพระองค์สำหรับว่าราชการเสร็จ ฮั่วหลินหันกลับมาก็เห็นตัวเองในกระจกทองสัมฤทธิ์พอดี

ในความเลือนรางนั้น ดูเหมือนว่าบนหัวของเขาจะมีตัวอักษรใหญ่ ๆ ลอยอยู่หลายตัว ยอดคนผู้หิวโหยอันดับหนึ่งแห่งต้าเหลียง

“ฝ่าบาท ได้เวลาเสด็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หวังเต๋อกุ้ยปรากฏตัวขึ้นอย่างถูกเวลา น้ำเสียงของเขาดึงความคิดของฮั่วหลินกลับมา

ฮั่วหลินทอดพระเนตรลงต่ำ สีพระพักตร์เย็นชา แล้วก้าวเท้ายาว ๆ เสด็จไปว่าราชการ

ณ ท้องพระโรง ฮั่วหลินประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร ฟังเหล่าขุนนางเบื้องล่างที่ผลัดกันพูดเรื่องหยุมหยิมไร้สาระ ก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง...

“ฝ่าบาท!” รองผู้ตรวจการหลิวปิ่งจงก้าวออกมาอย่างกะทันหัน

“กระหม่อมขอถวายฎีกาฟ้องร้องเฉินเต๋อโส่วเจ้าเมืองเจียงโจว ยักยอกเงินซ่อมแซมเขื่อนสามแสนตำลึงพ่ะย่ะค่ะ!”

ภายในท้องพระโรงเงียบกริบในทันที

สามแสนตำลึง? นี่มันซื้อซาลาเปาได้กี่ลูกกัน! หากนำมากองรวมกันเกรงว่าจะฝังเฉินเต๋อโส่วจนกลายเป็นสุสานซาลาเปาได้เลย!

ฮั่วหลินทรงเหลือบพระเนตรขึ้น จ้องมองหลิวปิ่งจง

“มีหลักฐานหรือไม่”

“มีพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวปิ่งจงค่อย ๆ ยืดตัวตรง ถวายหลักฐานที่สืบสวนมาได้ก่อนหน้านี้

ฮั่วหลินทรงรับมาทอดพระเนตรทีละอย่าง สีพระพักตร์ยิ่งดูยิ่งดำคล้ำ เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ทั้งหมดก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

นี่แหละขุนนางที่ดีแห่งต้าเหลียงของเขา!

เขาอุตส่าห์จัดการราชกิจอย่างขยันขันแข็งทุกวัน ในฐานะฮ่องเต้แล้วยามปกติแม้แต่ข้าวร้อน ๆ สักคำก็ยังไม่มี แต่ขุนนางเบื้องล่างกลับรู้จักเสพสุขกันดีนัก!

สู้สั่งตัดหัวพวกมันให้หมด ส่งไปให้ห้องเครื่องทำเป็นวัตถุดิบ รับรองว่าหอมกว่าเนื้อหมูแน่นอน!

ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็น ประกายเย็นเยียบวาบผ่านลูกปัดหยกที่ประดับอยู่บนหมวกเหมี่ยน

“วันนี้ให้อธิบดีศาลต้าหลี่เป็นผู้รับผิดชอบการสืบสวน ให้เสนาบดีกรมอาญาช่วยในการไต่สวน สืบสวนคดีทุจริตเจียงหนานให้ถึงที่สุด หากหลักฐานแน่ชัด ให้ลงโทษตามกฎหมาย”

อธิบดีศาลต้าหลี่และเสนาบดีกรมอาญาเมื่อได้ยินดังนั้น ก็พากันก้าวออกมาข้างหน้า

“กระหม่อมรับพระบัญชา”

หลังจากเลิกว่าราชการแล้ว หวังเต๋อกุ้ยก็สั่งยกเครื่องเสวยตามปกติ

ฮั่วหลินประทับอยู่ที่โต๊ะ หยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กเม็ดบัวไป่เหอ

โจ๊กเข้าพระโอษฐ์ อุณหภูมิเย็นเฉียบ ราวกับเพิ่งนำออกมาจากถ้ำน้ำแข็ง

สีพระพักตร์ของฮั่วหลินเย็นชา แต่ในพระทัยนั้นเดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมา

โจ๊กเม็ดบัวไป่เหอ! โจ๊กเม็ดบัวไป่เหออีกแล้ว!

ห้องเครื่องคิดว่าเขามีธาตุไฟในตัวขนาดไหนกัน! ถึงได้ทำแต่ของดับร้อนแบบนี้ทุกวัน!

แล้วก็ผักเคียงสีเขียวแถวนี้อีก!

ห้องเครื่องคิดว่าเขาเป็นกระต่ายหรือไร! เขากินผักจนลูกตาจะเขียวอยู่แล้ว!

แต่เพราะความหิวในท้อง ฮั่วหลินก็ยังคงเสวยโจ๊กทีละคำ ๆ จนหมดชาม

เพราะเรื่องทุจริตที่เจียงหนาน ฮั่วหลินงานยุ่งจนหัวหมุน ไม่มีเวลาเลยแม้แต่น้อย

หลายวันติดต่อกันที่ไม่ได้เรียกผู้ใดถวายตัว ในวังหลังก็มีข่าวลือใหม่แพร่สะพัดออกมา

พระสนมสองสามคนที่สนิทสนมกัน นั่งพูดคุยกันอยู่ในศาลากลางอุทยานหลวง

เฉินเต๋ออี๋โบกพัดกลมไปมา ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“เฮ้อ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงเรียกจวงฉางไจ้แล้ว ยังเรียกอวี๋ผินอีก ข้าก็นึกว่าฝ่าบาทจะทรงคิดได้แล้ว ยอมพักค้างคืนในวังหลังแล้วเสียอีก”

เมื่อเฉินเต๋ออี๋เอ่ยถึงเรื่องนี้ อันผินก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในใจ

การที่ฝ่าบาททรงยอมโปรดปรานวังหลัง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ใครจะไปรู้ว่ามันจะแค่เริ่มต้นจริง ๆ

“ทั้งหมดเป็นเพราะอวี๋ผินนั่นแหละ คราวก่อนถวายตัวทำเอาฝ่าบาททรงขยะแขยงพอแล้ว คราวนี้ดีเลย ทั้งวังหลังพลอยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปกับนางด้วย!”

หลี่ไฉเหรินฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา

“อวี๋ผินปรนนิบัติไม่ดีก็จริง แต่จวงฉางไจ้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งมิใช่หรือ? ฝ่าบาทคงไม่ทรงพิโรธพวกเราหมดทุกคน เพียงเพราะอวี๋ผินคนเดียวหรอกกระมัง?”

เฉินเต๋ออี๋ไม่ได้ใส่ใจ “หลายวันมานี้ก็ไม่เห็นฝ่าบาททรงเรียกจวงฉางไจ้เลย จวงฉางไจ้ผู้นี้เห็นได้ชัดว่าสิ้นความโปรดปรานแล้ว”

อันผินแค่นหัวเราะเยาะ “จวงฉางไจ้เป็นคนในตำหนักของอวี๋ผิน ถ้าให้ข้าพูดนะ ต้องเป็นเพราะอวี๋ผินตัวซวยนั่นเลยทำให้ต้องเดือดร้อนไปด้วย”

...

หลายคนในศาลาผลัดกันพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ หัวข้อสนทนาล้วนวนเวียนอยู่กับเรื่องน่าอับอายที่อวี๋ผินก่อไว้ในคืนที่ถวายตัว

พวกนางคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ไม่ได้สังเกตเลยว่าอวี๋ผินที่อยู่ไม่ไกลนัก ได้ยินคำพูดของพวกนางทั้งหมดแล้ว

อวี๋ผินโกรธจนตัวสั่นเทา หากเป็นปกติ นางคงจะเดินเข้าไปต่อว่าแล้ว

แต่ตอนนี้คนพวกนี้รวมตัวกันอยู่ หากนางเดินเข้าไปอีก ก็เท่ากับเดินเข้าไปให้คนด่า

ปกติแล้วอวี๋ผินมีเจียกุ้ยเฟยคอยหนุนหลัง เบื้องล่างก็ยังมีเจียงหวนนังคนอ่อนแอรังแกได้ง่ายนั่นให้ระบายอารมณ์ได้ เคยต้องมาทนรับความอัปยศเช่นนี้เมื่อไรกัน

ด้วยความโกรธแค้น อวี๋ผินจึงตรงไปยังตำหนักฉางเล่อของเจียกุ้ยเฟยทันที

หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าพบ อวี๋ผินก็เดินตรงเข้าไป เมื่อเห็นเจียกุ้ยเฟยที่กำลังเอนกายอยู่บนเตียงกุ้ยเฟย ริมฝีปากก็ขยับ แล้วก็ร้องไห้คร่ำครวญออกมา

“กุ้ยเฟย ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ!”

เจียกุ้ยเฟยเหลือบพระเนตรขึ้น มองอวี๋ผินอย่างไม่ใส่ใจนัก

“น้องหญิงเป็นอะไรไปหรือ?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status