Share

บทที่ 10

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
หลังจากได้วัตถุดิบมาจากห้องเครื่องแล้ว เสี่ยวเจาก็ไม่กล้าโอ้เอ้อยู่ข้างนอกนาน

นางกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แล้วจะเสียเสบียงอาหารเพียงหนึ่งเดียวนี้ไป

นางจะต้องชนะในสงครามปกป้องอาหารครั้งนี้ให้ได้!

อวี๋ผินพาชุ่ยอิงยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนขโมยของเสี่ยวเจา ก็แค่นเสียงเย็น

นางแค่ไม่ได้จับตาดูเจียงหวนเพียงไม่กี่วัน คนของตำหนักรองฝั่งตะวันตกนี่ก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว!

“ชุ่ยอิง เจ้าไปดูสิว่า นางกำลังแอบทำอะไรอยู่?”

หลังจากชุ่ยอิงรับคำก็รีบตามไปทันที ไม่นานนัก ชุ่ยอิงก็กลับมา

“พระสนมเพคะ บ่าวเห็นนังเด็กเสี่ยวเจานั่น ไม่รู้ว่าไปเอาต้นหอมกับแป้งหมี่มาจากไหนเพคะ”

“อะไรนะ?”

อวี๋ผินอ้าปากค้างเล็กน้อย ไม่อาจปิดบังความประหลาดใจได้

“เจ้าดูชัดแล้วหรือ? นางระมัดระวังถึงเพียงนั้น ก็เพื่อของแค่นี้?”

ชุ่ยอิงพยักหน้า น้ำเสียงจริงจัง “บ่าวตามเสี่ยวเจาไปตลอดทาง เห็นกับตาว่านางนำวัตถุดิบไปซ่อน หลังจากนางไปแล้ว บ่าวยังเข้าไปดูอีกครั้ง ยืนยันว่าเป็นแค่ต้นหอมกับแป้งหมี่ธรรมดา ๆ ไม่มีแม้แต่เศษเนื้อเลยเพคะ”

ชุ่ยอิงเหลือบมองสีหน้าของอวี๋ผินอย่างประจบประแจง

“พระสนม จะให้บ่าวพาคนไปที่ตำหนักรองฝั่งตะวันตก สั่งสอนนางสักหน่อยหรือไม่เพคะ?”

ช่วงนี้พระสนมกำลังอารมณ์ไม่ดี ถือโอกาสนี้ระบายอารมณ์เสียเลย

อวี๋ผินหัวเราะเยาะ ในใจเต็มไปด้วยความดูถูก

ก่อนหน้านี้นางจงใจสั่งให้คนตัดส่วนแบ่งของเจียงหวน ตอนนี้ดูเหมือนจะได้ผลดีเยี่ยม

เมื่อนึกถึงภาพเจียงหวนหัวกระเซิงหน้าตามอมแมมแทะหมั่นโถวเย็นชืดแล้ว อวี๋ผินก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก นาน ๆ ครั้งถึงจะ “ใจกว้าง” สักที

นางยกยิ้มมุมปากแล้วโบกมือ “ไม่ต้อง พวกนางอยากจะกินของที่พวกหมาแมวจรจัดกิน ก็ปล่อยให้พวกนางกินไป”

“พระสนมช่างมีจิตใจเมตตากรุณาเสียจริงเพคะ” ชุ่ยอิงยิ้มประจบ

อวี๋ผินแค่นเสียงหึหนึ่งครั้ง แล้วหันหลังเดินจากไป

เจียงหวนไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย พอถึงเวลาอาหารเย็น ก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นกับเสี่ยวเจา

โชคดีที่วัตถุดิบที่เต๋อซั่นให้มาแม้จะมีไม่กี่ชนิด แต่ปริมาณก็ไม่น้อย พอจะให้นางกับเสี่ยวเจาประทังชีวิตไปได้อีกสองสามวัน

ผัดต้นหอม ต้มเส้นบะหมี่ให้สุก ราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ บะหมี่คลุกต้นหอมที่หอมกรุ่นก็เสร็จเรียบร้อย

เจียงหวนถือชามนั่งอยู่ที่โต๊ะ ซู้ดเส้นบะหมี่เข้าไป

ด้วยฝีมือของนาง การจะเอาวัตถุดิบจากขันทีน้อยคนนั้นเพิ่มอีกหน่อยคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

ต่อไปพอสนิทกันแล้ว นี่ก็คือช่องทางนำเข้าของนางเลยนะ!

การแก่งแย่งชิงดีในวังหลังล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ ก่อนทะลุมิติเข้ามาในนิยายก็เป็นแค่ทาสแรงงานที่สิ้นหวังคนหนึ่ง

จะแข่งขันไปเพื่ออะไร? เป็นคนขี้เกียจที่นอนกินบ้านกินเมืองไปวัน ๆ มันไม่ดีกว่าหรือ?

ไม่รู้ว่าเมื่อไรอวี๋ผินถึงจะมองเห็นจุดนี้ได้เสียที เลิกมาวอแวกับนางได้แล้ว

วันรุ่งขึ้น ณ ตำหนักหย่างซิน

ฟ้ายังไม่สว่างดี ฮั่วหลินก็ต้องตื่นบรรทมเพื่อไปว่าราชการแล้ว

หลังจากทรงล้างหน้าล้างตาแล้ว ก็มีข้ารับใช้เข้ามาช่วยสวมฉลองพระองค์ พอรัดเข็มขัดหยกแล้ว ในท้องก็ยิ่งว่างจนน่าใจหาย

ต้องไปว่าราชการทั้งที่ท้องว่างอีกแล้ว!

กฎของบรรพชนนี่จะฝึกเราให้เป็นอูฐหรืออย่างไร? ก่อนว่าราชการแม้แต่ข้าวสักคำก็ไม่ให้กิน!

เมื่อสวมฉลองพระองค์สำหรับว่าราชการเสร็จ ฮั่วหลินหันกลับมาก็เห็นตัวเองในกระจกทองสัมฤทธิ์พอดี

ในความเลือนรางนั้น ดูเหมือนว่าบนหัวของเขาจะมีตัวอักษรใหญ่ ๆ ลอยอยู่หลายตัว ยอดคนผู้หิวโหยอันดับหนึ่งแห่งต้าเหลียง

“ฝ่าบาท ได้เวลาเสด็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หวังเต๋อกุ้ยปรากฏตัวขึ้นอย่างถูกเวลา น้ำเสียงของเขาดึงความคิดของฮั่วหลินกลับมา

ฮั่วหลินทอดพระเนตรลงต่ำ สีพระพักตร์เย็นชา แล้วก้าวเท้ายาว ๆ เสด็จไปว่าราชการ

ณ ท้องพระโรง ฮั่วหลินประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร ฟังเหล่าขุนนางเบื้องล่างที่ผลัดกันพูดเรื่องหยุมหยิมไร้สาระ ก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง...

“ฝ่าบาท!” รองผู้ตรวจการหลิวปิ่งจงก้าวออกมาอย่างกะทันหัน

“กระหม่อมขอถวายฎีกาฟ้องร้องเฉินเต๋อโส่วเจ้าเมืองเจียงโจว ยักยอกเงินซ่อมแซมเขื่อนสามแสนตำลึงพ่ะย่ะค่ะ!”

ภายในท้องพระโรงเงียบกริบในทันที

สามแสนตำลึง? นี่มันซื้อซาลาเปาได้กี่ลูกกัน! หากนำมากองรวมกันเกรงว่าจะฝังเฉินเต๋อโส่วจนกลายเป็นสุสานซาลาเปาได้เลย!

ฮั่วหลินทรงเหลือบพระเนตรขึ้น จ้องมองหลิวปิ่งจง

“มีหลักฐานหรือไม่”

“มีพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวปิ่งจงค่อย ๆ ยืดตัวตรง ถวายหลักฐานที่สืบสวนมาได้ก่อนหน้านี้

ฮั่วหลินทรงรับมาทอดพระเนตรทีละอย่าง สีพระพักตร์ยิ่งดูยิ่งดำคล้ำ เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ทั้งหมดก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

นี่แหละขุนนางที่ดีแห่งต้าเหลียงของเขา!

เขาอุตส่าห์จัดการราชกิจอย่างขยันขันแข็งทุกวัน ในฐานะฮ่องเต้แล้วยามปกติแม้แต่ข้าวร้อน ๆ สักคำก็ยังไม่มี แต่ขุนนางเบื้องล่างกลับรู้จักเสพสุขกันดีนัก!

สู้สั่งตัดหัวพวกมันให้หมด ส่งไปให้ห้องเครื่องทำเป็นวัตถุดิบ รับรองว่าหอมกว่าเนื้อหมูแน่นอน!

ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็น ประกายเย็นเยียบวาบผ่านลูกปัดหยกที่ประดับอยู่บนหมวกเหมี่ยน

“วันนี้ให้อธิบดีศาลต้าหลี่เป็นผู้รับผิดชอบการสืบสวน ให้เสนาบดีกรมอาญาช่วยในการไต่สวน สืบสวนคดีทุจริตเจียงหนานให้ถึงที่สุด หากหลักฐานแน่ชัด ให้ลงโทษตามกฎหมาย”

อธิบดีศาลต้าหลี่และเสนาบดีกรมอาญาเมื่อได้ยินดังนั้น ก็พากันก้าวออกมาข้างหน้า

“กระหม่อมรับพระบัญชา”

หลังจากเลิกว่าราชการแล้ว หวังเต๋อกุ้ยก็สั่งยกเครื่องเสวยตามปกติ

ฮั่วหลินประทับอยู่ที่โต๊ะ หยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กเม็ดบัวไป่เหอ

โจ๊กเข้าพระโอษฐ์ อุณหภูมิเย็นเฉียบ ราวกับเพิ่งนำออกมาจากถ้ำน้ำแข็ง

สีพระพักตร์ของฮั่วหลินเย็นชา แต่ในพระทัยนั้นเดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมา

โจ๊กเม็ดบัวไป่เหอ! โจ๊กเม็ดบัวไป่เหออีกแล้ว!

ห้องเครื่องคิดว่าเขามีธาตุไฟในตัวขนาดไหนกัน! ถึงได้ทำแต่ของดับร้อนแบบนี้ทุกวัน!

แล้วก็ผักเคียงสีเขียวแถวนี้อีก!

ห้องเครื่องคิดว่าเขาเป็นกระต่ายหรือไร! เขากินผักจนลูกตาจะเขียวอยู่แล้ว!

แต่เพราะความหิวในท้อง ฮั่วหลินก็ยังคงเสวยโจ๊กทีละคำ ๆ จนหมดชาม

เพราะเรื่องทุจริตที่เจียงหนาน ฮั่วหลินงานยุ่งจนหัวหมุน ไม่มีเวลาเลยแม้แต่น้อย

หลายวันติดต่อกันที่ไม่ได้เรียกผู้ใดถวายตัว ในวังหลังก็มีข่าวลือใหม่แพร่สะพัดออกมา

พระสนมสองสามคนที่สนิทสนมกัน นั่งพูดคุยกันอยู่ในศาลากลางอุทยานหลวง

เฉินเต๋ออี๋โบกพัดกลมไปมา ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“เฮ้อ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงเรียกจวงฉางไจ้แล้ว ยังเรียกอวี๋ผินอีก ข้าก็นึกว่าฝ่าบาทจะทรงคิดได้แล้ว ยอมพักค้างคืนในวังหลังแล้วเสียอีก”

เมื่อเฉินเต๋ออี๋เอ่ยถึงเรื่องนี้ อันผินก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในใจ

การที่ฝ่าบาททรงยอมโปรดปรานวังหลัง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ใครจะไปรู้ว่ามันจะแค่เริ่มต้นจริง ๆ

“ทั้งหมดเป็นเพราะอวี๋ผินนั่นแหละ คราวก่อนถวายตัวทำเอาฝ่าบาททรงขยะแขยงพอแล้ว คราวนี้ดีเลย ทั้งวังหลังพลอยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปกับนางด้วย!”

หลี่ไฉเหรินฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา

“อวี๋ผินปรนนิบัติไม่ดีก็จริง แต่จวงฉางไจ้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งมิใช่หรือ? ฝ่าบาทคงไม่ทรงพิโรธพวกเราหมดทุกคน เพียงเพราะอวี๋ผินคนเดียวหรอกกระมัง?”

เฉินเต๋ออี๋ไม่ได้ใส่ใจ “หลายวันมานี้ก็ไม่เห็นฝ่าบาททรงเรียกจวงฉางไจ้เลย จวงฉางไจ้ผู้นี้เห็นได้ชัดว่าสิ้นความโปรดปรานแล้ว”

อันผินแค่นหัวเราะเยาะ “จวงฉางไจ้เป็นคนในตำหนักของอวี๋ผิน ถ้าให้ข้าพูดนะ ต้องเป็นเพราะอวี๋ผินตัวซวยนั่นเลยทำให้ต้องเดือดร้อนไปด้วย”

...

หลายคนในศาลาผลัดกันพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ หัวข้อสนทนาล้วนวนเวียนอยู่กับเรื่องน่าอับอายที่อวี๋ผินก่อไว้ในคืนที่ถวายตัว

พวกนางคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ไม่ได้สังเกตเลยว่าอวี๋ผินที่อยู่ไม่ไกลนัก ได้ยินคำพูดของพวกนางทั้งหมดแล้ว

อวี๋ผินโกรธจนตัวสั่นเทา หากเป็นปกติ นางคงจะเดินเข้าไปต่อว่าแล้ว

แต่ตอนนี้คนพวกนี้รวมตัวกันอยู่ หากนางเดินเข้าไปอีก ก็เท่ากับเดินเข้าไปให้คนด่า

ปกติแล้วอวี๋ผินมีเจียกุ้ยเฟยคอยหนุนหลัง เบื้องล่างก็ยังมีเจียงหวนนังคนอ่อนแอรังแกได้ง่ายนั่นให้ระบายอารมณ์ได้ เคยต้องมาทนรับความอัปยศเช่นนี้เมื่อไรกัน

ด้วยความโกรธแค้น อวี๋ผินจึงตรงไปยังตำหนักฉางเล่อของเจียกุ้ยเฟยทันที

หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าพบ อวี๋ผินก็เดินตรงเข้าไป เมื่อเห็นเจียกุ้ยเฟยที่กำลังเอนกายอยู่บนเตียงกุ้ยเฟย ริมฝีปากก็ขยับ แล้วก็ร้องไห้คร่ำครวญออกมา

“กุ้ยเฟย ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ!”

เจียกุ้ยเฟยเหลือบพระเนตรขึ้น มองอวี๋ผินอย่างไม่ใส่ใจนัก

“น้องหญิงเป็นอะไรไปหรือ?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 235

    “เรายังมีฎีกาที่ต้องพิจารณาอีกบางส่วน ดึกหน่อยค่อยมาเยี่ยมเจ้า”ฮั่วหลินวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวกับเจียงหวน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความสงบในยามปกติ[นางคงจะมีความสุขมากกระมัง?][เราพยายามแสดงออกมากแล้วนะ]เจียงหวนพยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เพคะ ฝ่าบาทค่อยๆ เสด็จนะเพคะ”ฮั่วหลินถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกจากตำหนักเว่ยยางไปเมื่อประตูตำหนักปิดลง ทั่วทั้งตำหนักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงเจียงหวนและเติ้งหมอม่อที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นางคล้ายอยากจะกล่าวสิ่งใดแต่ก็ลังเลเจียงหวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนอย่างช้าๆเมื่อเติ้งหมอม่อเห็นว่าพระสนมของตนดูอารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเก่านางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง หลังไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังคงตัดสินใจเอ่ยปากพระสนมทรงพระปรีชาและมีเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังทรงเยาว์วัย ทั้งยังตกอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จึงมีบางคำพูดที่นางในฐานะหมอม่อผู้ดูแลจำเป็นต้องพูด“พระสนมเพคะ” เสียงที่ถูกลดจนเบาอย่างยิ่งของเติ้งหมอม่อเต็มไปด้วยความกังวลอันเข้มข้น“พระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อพระสนมเมื่อครู่นั้น เป็นความโปรดปรานสูงสุดอย่างหาได้ยากยิ่ง”เจี

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 234

    หลังจากเดินเล่นในสวนกับเจียงหวนไปสักพัก ฮั่วหลินก็อยู่รับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเป็นธรรมชาติเหล่าข้าราชบริพารจัดอาหารอันงามประณีตลงบนโต๊ะทรงกลมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมตะเกียบ จาน ชามครบถ้วนพร้อมสรรพฮั่วหลินนั่งตัวตรงอยู่ที่หัวโต๊ะ รถเข็นของเจียงหวนถูกเข็นมาอยู่ในตำแหน่งข้างกายเขาส่วนเติ้งหมอม่อก็ยืนค้อมศีรษะอยู่ใกล้ๆ อย่างเคารพ เตรียมปรนนิบัติในทุกเมื่ออาหารเพิ่งขึ้นโต๊ะหมด ฮั่วหลินมิได้รีบขยับตะเกียบ แต่กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะรอบหนึ่งแทน[หึ ให้ทำตัวเป็น ‘น้ำฝนน้ำค้าง’ ที่ตกต้องถ้วนหน้างั้นหรือ? วันนี้เราจะให้นางได้เห็นว่า “น้ำพระเมตตา” ของเราจะไปตกอยู่ที่ใด][เราจะคีบอาหารให้นางเอง แบบนี้คงชัดเจนพอแล้วกระมัง? มาดูกันว่าเติ้งหมอม่อจะมีสิ่งใดมาพูดอีก]เจียงหวนเพิ่งหยิบชามใบเล็กตรงหน้าของตนขึ้นมา ก็ได้ยินคำพูดเต็มไปด้วย “ปณิธานอันแรงกล้า” ของฮั่วหลินพอดีนางฝืนกลั้นยิ้ม หลุบตาทอดมองปลายจมูก ตาจ้องจมูกจมูกจ้องใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินจากนั้นก็เห็นฮั่วหลินคีบเนื้อปลานึ่งชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้ววางลงในชามของเจียงหวนอย่างมั่นคง“ปลานี้ทั้งสดทั้งนุ่ม เจ้ากินให้มาก

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 233

    ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาเมื่อเจียงหวนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮั่วหลินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าสวนดอกไม้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างน่ากลัว[อะไรที่เรียกว่า “มอบพระเมตตาอย่างเท่าเทียม”? เราเคยไป “เมตตา” ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?][เหตุใดเติ้งหมอม่อจึงปรักปรำเราโดยไร้หลักฐานเช่นนี้?][เราเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาดไร้ราคี กลับถูกนางพูดจนเหมือนคนเจ้าชู้ประตูดินไปเสียได้]เสียงความในใจที่เดือดดาลและเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูของเจียงหวนนางมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของฮั่วหลิน พร้อมกับฟังคำบ่นในใจของเขา แล้วก็จะเกือบหัวเราะออกมาฮั่วหลินสาวเท้ายาวเข้ามา เขาตวัดตามองเติ้งหมอม่ออย่างเย็นชาแม้เติ้งหมอม่อถูกถลึงตาใส่จนงุนงง แต่ก็ยังรีบถวายคำนับ“บ่าวถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง และหันไปมองเจียงหวนแทน“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรือ?”เจียงหวนฝืนกลั้นรอยยิ้มที่มุมปาก พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติ“ทูลฝ่าบาท เติ้งหมอม่อกำลังสอนหม่อมฉันเรื่อง...เอ่อ กฎระเบียบของวังหลังเพคะ”[สอนอะไร? สอนให้นางยอม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 232

    เจียงหวนมองนางกำนัลน้อยที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในใจก็ถอนใจออกมาดูแล้วอายุยังไม่มาก ทำไมไม่รู้จักเรียนรู้แบบอย่างดีๆ กันนะ?“การขโมยทรัพย์สินในวังเป็นความผิดร้ายแรง ตามกฎสมควรได้รับโทษโบย 20 ครั้ง แล้วขับออกจากวัง”เจียงหวนจงใจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงก็ตั้งใจกดให้ต่ำลงหลายส่วนเมื่อนางกำนัลน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบโขกศีรษะทันที หน้าผากกระแทกพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดังตุบๆ“พระสนมโปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ขอพระสนมโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งเถิด!”เจียงหวนเหลือบมองเติ้งหมอม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับรอให้ตนตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวต่อว่า “แต่ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจงลองบอกมา ว่าเหตุใดจึงต้องขโมยปิ่นปักผมของผู้อื่น?”นางกำนัลน้อยตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ของบ่าวป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีเงินซื้อยาจริงๆ บ่าวได้ยินมาว่าปิ่นของพี่อวี้เป็นเงิน จึง... จึง...”เจียงหวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนมือที่หยาบกร้านของนางกำนัลน้อย มือคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยด้านและบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าทำงานหนักมาไม่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 231

    นางกำนัลน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางส่ายหน้าสุดกำลัง “ไม่ใช่เพคะพระสนม! เช้านี้ตอนบ่าวตื่นมาแล้วจัดเตียงพับผ้าห่ม ก็ยังไม่เห็นปิ่นปักผมอะไรเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายบ่าวแน่เพคะ ขอพระสนมโปรดให้ความเป็นธรรมแก่บ่าวด้วยเถิดเพคะ”นางร้องไห้อย่างหนักจนลมหายใจขาดห้วง ท่าทางโดดเดี่ยวไร้คนช่วยที่น่าเวทนาของนาง ทำให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกเห็นใจใบหน้าของเสี่ยวเจาเริ่มแสดงความสงสารออกมาแล้ว “พระสนม นางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้งเลยเพคะ...”ไม่เหมือนหรือ?เจียงหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยครู่หนึ่งอื้ม น้ำตาเป็นของจริง ความหวาดกลัวก็เป็นของจริง แต่ความเคียดแค้นกับความลนลานในส่วนลึกของดวงตาก็เป็นของจริงเหมือนกันชาติก่อน นางเคยเห็น ‘พวกไม่ยอมหยุดงาน’ ทะเลาะหยุมหัวกับ ‘พวกหยุดงานประท้วง’ ที่ทำงานทุกวัน แกแทงฉันทีหนึ่ง ฉันแทงแกหนึ่งที สลับกันไปมาพอเจ้านายมาถึงก็จะร้องไห้โฮ อ้างว่าตัวเองเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกใส่ความเหมือนตัวเอกในนิยายนางน่ะฝึกสายตามาจนมองออกหมดแล้ว โอเคไหม?แววตาของคนตรงหน้าล่อกแล่กไม่น

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 230

    เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status