Share

บทที่ 9

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เสี่ยวเจาเบิกตากว้างทันที แม้แต่แป้งทอดไส้เนื้อในมือก็ไม่สนใจที่จะกินต่อ

“นายหญิงน้อยมีวิธีหรือเพคะ?”

เจียงหวนขยิบตาให้เสี่ยวเจา ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งพลางเอ่ยขึ้น “ในวังมีคนตั้งมากมาย ใครบอกว่าเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบจะต้องให้พวกเราออกหน้าเองกันเล่า”

เสี่ยวเจาเข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงหวนทันที “นายหญิงน้อยหมายความว่าจะหาคนมาช่วยพวกเราซื้อหรือเพคะ?”

เมื่อคิดว่าในอนาคตจะได้กินอาหารฝีมือของเจียงหวนอีก เสี่ยวเจาก็ดีใจขึ้นมาทันที แต่ดีใจได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที บนใบหน้าของนางก็กลับเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง

“แต่ว่าใครจะยอมช่วยพวกเรากันล่ะ?”

นายหญิงหลายคนในวังหลังชอบรังแกนายหญิงน้อยของนางที่สุด ทำให้บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักต่าง ๆ ก็พลอยไม่ให้เกียรตินายหญิงน้อยไปด้วย

เจียงหวนมองแวบเดียวก็เข้าใจความกังวลในใจของเสี่ยวเจา จึงค่อย ๆ ชี้แนะ

“ในวังนี้ ที่ไหนมีวัตถุดิบเยอะที่สุดกันนะ?”

เสี่ยวเจาตาสว่างทันที “ห้องเครื่องเพคะ!”

ห้องเครื่องรับผิดชอบพระกระยาหารของฮ่องเต้ สนมในวังหลังยากที่จะเข้าไปแทรกแซงได้

แต่พวกนางประการแรกคือไม่มีญาติพี่น้อง สองคือไม่ได้รับความโปรดปราน จะเอาอะไรไปติดสินบนคนอื่นเขา?

เสี่ยวเจารู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลย

“นายหญิงน้อย ที่ห้องเครื่องนั่นผลประโยชน์เยอะ แต่พวกเรายากจนข้นแค้นนะเพคะ”

“ความคิดตื้น ๆ ”

เจียงหวนใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเสี่ยวเจาเบา ๆ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในใจเต็มไปด้วยแผนการ

“ใครบอกว่าการติดสินบนต้องใช้เงินเท่านั้นกันล่ะ?”

นางกัดแป้งทอดไส้เนื้อไปหนึ่งคำ แล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเจา

เสี่ยวเจาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยความสงสัย เจียงหวนก็รีบกระซิบแผนการในใจของนางให้เสี่ยวเจาฟัง ยิ่งฟังดวงตาของเสี่ยวเจาก็ยิ่งเป็นประกาย

ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นายหญิงน้อยพูดจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไปได้!

เสี่ยวเจารู้สึกตื่นเต้นดีใจ ลุกพรวดขึ้นมา “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!”

เจียงหวนแหงนหน้ามองเสี่ยวเจาที่สูงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วโบกมือไปมา

“เจ้าจะรีบร้อนไปไหน คนก็ไม่ได้หนีไปไหนเสียหน่อย กินข้าวก่อน”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่” เจียงหวนขัดคำพูดของเสี่ยวเจา ดึงนางกลับมานั่งลงอีกครั้ง แล้วยัดแป้งทอดไส้เนื้อใส่มือนาง “ดูแป้งทอดไส้เนื้อสีเหลืองอร่ามหอมกรุ่นนี่สิ เจ้าจะยอมทิ้งมันไปหรือ?”

เสี่ยวเจารู้สึกเสียดาย เสี่ยวเจาจึงเลือกที่จะนั่งลงกินแป้งทอดต่อ

เจียงหวนเห็นดังนั้นก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ กินแป้งทอดของตนเองอย่างช้า ๆ

อืม อร่อยจริง ๆ ฝีมือตัวเองนี่ดีจริง ๆ

หลังจากที่ทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว เสี่ยวเจาก็เก็บกวาดเรียบร้อย ออกจากตำหนักรองฝั่งตะวันตก ไปเดินด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ใกล้ ๆ ห้องเครื่อง

นางแอบสังเกตการณ์บรรดาข้ารับใช้ที่เข้าออกห้องเครื่อง คัดกรองเป้าหมายที่จะเข้าหาอย่างละเอียดตามที่เจียงหวนบอก

แต่ยังไม่ทันที่เสี่ยวเจาจะเลือกคนได้ ก็มีคนเข้ามาหานางเสียก่อน

ขันทีน้อยคนหนึ่งผิวขาวสะอาด ใบหน้าดูใจดี รูปร่างท้วมเล็กน้อย เดินมาอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเจาแล้วเอ่ยถามตามระเบียบ

“เจ้าอยู่ตำหนักไหน? ชื่ออะไร? มาทำอะไรแถวนี้?”

เสี่ยวเจาไม่ได้ตอบ แต่พินิจพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด

อืม รูปร่างแบบนี้ คุณสมบัติแบบนี้ ตรงตามลักษณะคนที่เหมาะสมที่นายหญิงบอกไว้เป๊ะ!

เพียงแต่บริเวณนี้มีคนเดินผ่านไปมา ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะพูดคุย

เสี่ยวเจาทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ มองซ้ายทีขวาที แล้วจึงพูดเสียงเบา “กงกง ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เจ้าคะ”

เต๋อซั่นมองเสี่ยวเจาอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่านางต้องการจะทำอะไร

“มีเรื่องอะไร พูดตรงนี้ไม่ได้หรือ?”

เมื่อเห็นว่าเต๋อซั่นไม่ยอมไปกับนาง เสี่ยวเจาก็ก้มลงมองท้องของเต๋อซั่นอีกครั้ง แล้วหยิบห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออกมาจากอกเสื้อ

“กงกง บ่าวมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะขอให้กงกงช่วยเหลือ หากกงกงยินยอม บ่าวยินดีจะมอบของอร่อยนี้ให้กงกง”

เต๋อซั่นราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง

ขอร้องเถอะ ที่นี่คือห้องเครื่องนะ?

นางกำนัลน้อยคนนี้จะเอาของอร่อยเลิศรสอะไรออกมาได้ ช่างเหมือนกับการอวดเก่งต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ

อีกอย่าง เขาเป็นศิษย์น้องเล็กของหวังเต๋อกุ้ย ปกติก็ชอบวิ่งมาที่ห้องเครื่องที่สุดแล้ว ทำหน้าที่ยกอาหารไปถวายฝ่าบาท ของอร่อยอะไรบ้างที่ยังไม่เคยชิม?

เต๋อซั่นไม่ใส่ใจ “ของอร่อยของเจ้าต่อให้จะอร่อยแค่ไหน จะอร่อยกว่าของในห้องเครื่องได้หรือ?”

“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเจาตอบอย่างมั่นใจ “กงกงลองชิมดูสักคำก็รู้แล้ว”

เมื่อเห็นว่านางไม่ได้พูดเล่น เต๋อซั่นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขามองเสี่ยวเจาอย่างสงสัยอีกสองสามครั้ง ความอยากรู้อยากเห็นก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที

ไหน ๆ ตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ก็เลยตามเสี่ยวเจาไปยังที่ลับตาคนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ

“ของอร่อยอะไร เปิดให้ข้าดูหน่อย”

คราวนี้เสี่ยวเจาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป ท่ามกลางสายตาที่คาดหวังของเต๋อซั่น นางก็เปิดห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออก

แป้งทอดไส้เนื้อสีเหลืองอร่ามที่เย็นชืดแล้ว นอนแผ่อยู่บนใบบัวอย่างเหี่ยวเฉา

ความคาดหวังในแววตาของเต๋อซั่นหายไปในทันที เขาพ่นลมออกจากจมูก

“แค่นี้?”

เมื่อเสี่ยวเจาเห็นว่าเต๋อซั่นดูถูก ก็รีบเอ่ยขึ้น “กงกงอย่าได้ดูถูกแป้งทอดนี่นะเจ้าคะ! แป้งทอดนี่รสชาติดีมาก!”

เมื่อคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว กินสักคำรองท้องก็คงไม่เป็นไร เต๋อซั่นจึงหยิบแป้งทอดขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ

จะได้ไล่นางกำนัลน้อยคนนี้ไปให้พ้น ๆ จะได้ไม่มาวอแวกับเขาอีก

ถึงแม้จะเย็นแล้ว แต่แป้งก็ยังคงกรอบอร่อย ไส้เนื้อก็หอมรสชาติเข้มข้น อบอวลไปทั่วปาก

เต๋อซั่นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย อดไม่ได้ที่จะกัดเข้าไปอีกคำ

เขาไม่เคยกินของอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!

กินคำแล้วคำเล่า

เมื่อเสี่ยวเจาเห็นว่าเต๋อซั่นกินอย่างเมามัน ก็ฉวยโอกาสเหมาะ ดึงแป้งทอดครึ่งชิ้นที่เหลือกลับมาทันที

“อ๊ะ กงกงอย่ากินเลยดีกว่าเจ้าค่ะ ของหยาบ ๆ เช่นนี้ จะคู่ควรกับปากอันสูงส่งของกงกงได้อย่างไร?”

“ช้าก่อน!”

เมื่อแป้งทอดในปากถูกฉวยไป เต๋อซั่นก็รีบคว้าข้อมือของนางไว้ทันที

พอสบเข้ากับดวงตาที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเสี่ยวเจา เขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียกิริยาไป จึงรีบกระแอมเพื่อกลบเกลื่อน

“ข้า...ข้าแค่กลัวว่าจะสิ้นเปลืองอาหาร!”

เสี่ยวเจารู้ว่าเรื่องนี้สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว

นางบอกแล้วว่าฝีมือของนายหญิงน้อยของนางเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า! ไม่มีใครปฏิเสธได้!

นางคืนแป้งทอดให้เต๋อซั่นอย่างว่าง่าย จนกระทั่งเต๋อซั่นกินหมดทั้งชิ้น นางจึงค่อย ๆ เอ่ยปาก

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ กงกง ข้าไม่ได้พูดผิดกระมัง”

โบราณว่าไว้ เมื่อรับของของคนอื่นมาแล้ว ก็พูดอะไรได้ไม่เต็มปาก

ท่าทีของเต๋อซั่นที่มีต่อเสี่ยวเจา ไม่มีความรำคาญใจเหมือนตอนแรกอีกต่อไป

“ว่ามาเถอะ เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร?”

เมื่อเสี่ยวเจาได้ยินดังนั้น ก็รีบเข้าเรื่องทันที แล้วเอ่ยขึ้น “กงกง คืออย่างนี้เจ้าค่ะ บ่าวชื่อเสี่ยวเจา เป็นสาวใช้ข้างกายของจวงฉางไจ้ อยากจะขอให้กงกงช่วยซื้อวัตถุดิบให้หน่อยเจ้าค่ะ”

เต๋อซั่นสงสัย “เจ้าเป็นแค่นางกำนัลที่รับใช้นายหญิง จะเอาวัตถุดิบไปทำอะไร?”

“กงกงท่านไม่ทราบ” เสี่ยวเจาพูดพลางทำหน้าเศร้า “นายหญิงน้อยของบ่าวปกติจะถูกหักค่าใช้จ่ายอย่างหนักตลอด ในวังต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวดูสีหน้าคนอื่น อาหารการกินก็ทำเองมาตลอด แต่ตอนนี้ถูกกักบริเวณมาหลายวันแล้ว ในตำหนักไม่มีข้าวสารแป้งหมี่เหลือเลยแม้แต่น้อย แป้งทอดไส้เนื้อที่ให้กงกงวันนี้ ก็เป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้ว...”

น้ำเสียงของเสี่ยวเจาเศร้าสร้อยน่าสงสาร ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้า ถูจนเปลือกตาจนแดงก่ำ

“วันก่อนนายหญิงต้มข้าวต้ม ต้องใช้เข็มปักผ้าค่อย ๆ คีบเมล็ดข้าวทีละเม็ด! แล้วก็เสื้อผ้าของบ่าว...” นางยกชายกระโปรงขึ้นมาสะบัด ๆ บริเวณที่เปื้อนคราบน้ำมันมีรูโหว่ขนาดใหญ่ “ท่านดูสิเจ้าคะ! หนูมันหิวจนแทะชายกระโปรงบ่าวเหมือนเป็นแป้งทอดไปแล้ว!”

นางสะอื้นออกมาเสียงหนึ่ง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสั่งน้ำมูกเสียงดังลั่น

“กงกงโปรดพิจารณาด้วยเถิดเจ้าค่ะ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่านายหญิงน้อยของบ่าวจะเลี้ยงหนูไม่ไหวแล้ว!”

เต๋อซั่นฟังอยู่นานครึ่งค่อนวัน ยังรู้สึกงง ๆ อยู่บ้าง

ในวังยังมีนายหญิงที่น่าสงสารขนาดนี้ด้วยหรือ?

เห็นแก่แป้งทอดไส้เนื้อชิ้นนี้ เขาก็พอจะช่วยได้บ้าง แต่ก็ช่วยแบบโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้

“เอาละ ๆ ไม่ต้องร้องคร่ำครวญแล้ว ที่ห้องเครื่องยังเหลือต้นหอมกับเส้นบะหมี่อยู่บ้าง เจ้าจะเอาหรือไม่”

“มีแค่เท่านี้เองหรือเจ้าคะ?”

“มีแค่เท่านี้” เต๋อซั่นตอบอย่างหนักแน่น เขาไม่ใช่ผู้ดูแลห้องเครื่อง ให้ของเท่านี้ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

เสี่ยวเจาไม่เชื่อ ห้องเครื่องใหญ่โตขนาดนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีของเหลือแค่นี้

นางอยากจะขอเพิ่มอีกหน่อย แต่เต๋อซั่นยืนกรานคำเดียวว่ามีแค่เท่านี้

เสี่ยวเจาหมดหนทาง ทำหน้าเศร้าหมอง สุดท้ายก็ยังคงรับต้นหอมกับเส้นบะหมี่ไป

อย่างไรเสีย มีก็ยังดีกว่าไม่มี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 235

    “เรายังมีฎีกาที่ต้องพิจารณาอีกบางส่วน ดึกหน่อยค่อยมาเยี่ยมเจ้า”ฮั่วหลินวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวกับเจียงหวน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความสงบในยามปกติ[นางคงจะมีความสุขมากกระมัง?][เราพยายามแสดงออกมากแล้วนะ]เจียงหวนพยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เพคะ ฝ่าบาทค่อยๆ เสด็จนะเพคะ”ฮั่วหลินถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกจากตำหนักเว่ยยางไปเมื่อประตูตำหนักปิดลง ทั่วทั้งตำหนักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงเจียงหวนและเติ้งหมอม่อที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นางคล้ายอยากจะกล่าวสิ่งใดแต่ก็ลังเลเจียงหวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนอย่างช้าๆเมื่อเติ้งหมอม่อเห็นว่าพระสนมของตนดูอารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเก่านางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง หลังไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังคงตัดสินใจเอ่ยปากพระสนมทรงพระปรีชาและมีเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังทรงเยาว์วัย ทั้งยังตกอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จึงมีบางคำพูดที่นางในฐานะหมอม่อผู้ดูแลจำเป็นต้องพูด“พระสนมเพคะ” เสียงที่ถูกลดจนเบาอย่างยิ่งของเติ้งหมอม่อเต็มไปด้วยความกังวลอันเข้มข้น“พระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อพระสนมเมื่อครู่นั้น เป็นความโปรดปรานสูงสุดอย่างหาได้ยากยิ่ง”เจี

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 234

    หลังจากเดินเล่นในสวนกับเจียงหวนไปสักพัก ฮั่วหลินก็อยู่รับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเป็นธรรมชาติเหล่าข้าราชบริพารจัดอาหารอันงามประณีตลงบนโต๊ะทรงกลมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมตะเกียบ จาน ชามครบถ้วนพร้อมสรรพฮั่วหลินนั่งตัวตรงอยู่ที่หัวโต๊ะ รถเข็นของเจียงหวนถูกเข็นมาอยู่ในตำแหน่งข้างกายเขาส่วนเติ้งหมอม่อก็ยืนค้อมศีรษะอยู่ใกล้ๆ อย่างเคารพ เตรียมปรนนิบัติในทุกเมื่ออาหารเพิ่งขึ้นโต๊ะหมด ฮั่วหลินมิได้รีบขยับตะเกียบ แต่กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะรอบหนึ่งแทน[หึ ให้ทำตัวเป็น ‘น้ำฝนน้ำค้าง’ ที่ตกต้องถ้วนหน้างั้นหรือ? วันนี้เราจะให้นางได้เห็นว่า “น้ำพระเมตตา” ของเราจะไปตกอยู่ที่ใด][เราจะคีบอาหารให้นางเอง แบบนี้คงชัดเจนพอแล้วกระมัง? มาดูกันว่าเติ้งหมอม่อจะมีสิ่งใดมาพูดอีก]เจียงหวนเพิ่งหยิบชามใบเล็กตรงหน้าของตนขึ้นมา ก็ได้ยินคำพูดเต็มไปด้วย “ปณิธานอันแรงกล้า” ของฮั่วหลินพอดีนางฝืนกลั้นยิ้ม หลุบตาทอดมองปลายจมูก ตาจ้องจมูกจมูกจ้องใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินจากนั้นก็เห็นฮั่วหลินคีบเนื้อปลานึ่งชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้ววางลงในชามของเจียงหวนอย่างมั่นคง“ปลานี้ทั้งสดทั้งนุ่ม เจ้ากินให้มาก

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 233

    ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาเมื่อเจียงหวนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮั่วหลินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าสวนดอกไม้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างน่ากลัว[อะไรที่เรียกว่า “มอบพระเมตตาอย่างเท่าเทียม”? เราเคยไป “เมตตา” ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?][เหตุใดเติ้งหมอม่อจึงปรักปรำเราโดยไร้หลักฐานเช่นนี้?][เราเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาดไร้ราคี กลับถูกนางพูดจนเหมือนคนเจ้าชู้ประตูดินไปเสียได้]เสียงความในใจที่เดือดดาลและเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูของเจียงหวนนางมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของฮั่วหลิน พร้อมกับฟังคำบ่นในใจของเขา แล้วก็จะเกือบหัวเราะออกมาฮั่วหลินสาวเท้ายาวเข้ามา เขาตวัดตามองเติ้งหมอม่ออย่างเย็นชาแม้เติ้งหมอม่อถูกถลึงตาใส่จนงุนงง แต่ก็ยังรีบถวายคำนับ“บ่าวถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง และหันไปมองเจียงหวนแทน“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรือ?”เจียงหวนฝืนกลั้นรอยยิ้มที่มุมปาก พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติ“ทูลฝ่าบาท เติ้งหมอม่อกำลังสอนหม่อมฉันเรื่อง...เอ่อ กฎระเบียบของวังหลังเพคะ”[สอนอะไร? สอนให้นางยอม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 232

    เจียงหวนมองนางกำนัลน้อยที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในใจก็ถอนใจออกมาดูแล้วอายุยังไม่มาก ทำไมไม่รู้จักเรียนรู้แบบอย่างดีๆ กันนะ?“การขโมยทรัพย์สินในวังเป็นความผิดร้ายแรง ตามกฎสมควรได้รับโทษโบย 20 ครั้ง แล้วขับออกจากวัง”เจียงหวนจงใจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงก็ตั้งใจกดให้ต่ำลงหลายส่วนเมื่อนางกำนัลน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบโขกศีรษะทันที หน้าผากกระแทกพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดังตุบๆ“พระสนมโปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ขอพระสนมโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งเถิด!”เจียงหวนเหลือบมองเติ้งหมอม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับรอให้ตนตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวต่อว่า “แต่ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจงลองบอกมา ว่าเหตุใดจึงต้องขโมยปิ่นปักผมของผู้อื่น?”นางกำนัลน้อยตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ของบ่าวป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีเงินซื้อยาจริงๆ บ่าวได้ยินมาว่าปิ่นของพี่อวี้เป็นเงิน จึง... จึง...”เจียงหวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนมือที่หยาบกร้านของนางกำนัลน้อย มือคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยด้านและบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าทำงานหนักมาไม่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 231

    นางกำนัลน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางส่ายหน้าสุดกำลัง “ไม่ใช่เพคะพระสนม! เช้านี้ตอนบ่าวตื่นมาแล้วจัดเตียงพับผ้าห่ม ก็ยังไม่เห็นปิ่นปักผมอะไรเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายบ่าวแน่เพคะ ขอพระสนมโปรดให้ความเป็นธรรมแก่บ่าวด้วยเถิดเพคะ”นางร้องไห้อย่างหนักจนลมหายใจขาดห้วง ท่าทางโดดเดี่ยวไร้คนช่วยที่น่าเวทนาของนาง ทำให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกเห็นใจใบหน้าของเสี่ยวเจาเริ่มแสดงความสงสารออกมาแล้ว “พระสนม นางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้งเลยเพคะ...”ไม่เหมือนหรือ?เจียงหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยครู่หนึ่งอื้ม น้ำตาเป็นของจริง ความหวาดกลัวก็เป็นของจริง แต่ความเคียดแค้นกับความลนลานในส่วนลึกของดวงตาก็เป็นของจริงเหมือนกันชาติก่อน นางเคยเห็น ‘พวกไม่ยอมหยุดงาน’ ทะเลาะหยุมหัวกับ ‘พวกหยุดงานประท้วง’ ที่ทำงานทุกวัน แกแทงฉันทีหนึ่ง ฉันแทงแกหนึ่งที สลับกันไปมาพอเจ้านายมาถึงก็จะร้องไห้โฮ อ้างว่าตัวเองเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกใส่ความเหมือนตัวเอกในนิยายนางน่ะฝึกสายตามาจนมองออกหมดแล้ว โอเคไหม?แววตาของคนตรงหน้าล่อกแล่กไม่น

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 230

    เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status