Share

บทที่ 9

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เสี่ยวเจาเบิกตากว้างทันที แม้แต่แป้งทอดไส้เนื้อในมือก็ไม่สนใจที่จะกินต่อ

“นายหญิงน้อยมีวิธีหรือเพคะ?”

เจียงหวนขยิบตาให้เสี่ยวเจา ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งพลางเอ่ยขึ้น “ในวังมีคนตั้งมากมาย ใครบอกว่าเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบจะต้องให้พวกเราออกหน้าเองกันเล่า”

เสี่ยวเจาเข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงหวนทันที “นายหญิงน้อยหมายความว่าจะหาคนมาช่วยพวกเราซื้อหรือเพคะ?”

เมื่อคิดว่าในอนาคตจะได้กินอาหารฝีมือของเจียงหวนอีก เสี่ยวเจาก็ดีใจขึ้นมาทันที แต่ดีใจได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที บนใบหน้าของนางก็กลับเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง

“แต่ว่าใครจะยอมช่วยพวกเรากันล่ะ?”

นายหญิงหลายคนในวังหลังชอบรังแกนายหญิงน้อยของนางที่สุด ทำให้บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักต่าง ๆ ก็พลอยไม่ให้เกียรตินายหญิงน้อยไปด้วย

เจียงหวนมองแวบเดียวก็เข้าใจความกังวลในใจของเสี่ยวเจา จึงค่อย ๆ ชี้แนะ

“ในวังนี้ ที่ไหนมีวัตถุดิบเยอะที่สุดกันนะ?”

เสี่ยวเจาตาสว่างทันที “ห้องเครื่องเพคะ!”

ห้องเครื่องรับผิดชอบพระกระยาหารของฮ่องเต้ สนมในวังหลังยากที่จะเข้าไปแทรกแซงได้

แต่พวกนางประการแรกคือไม่มีญาติพี่น้อง สองคือไม่ได้รับความโปรดปราน จะเอาอะไรไปติดสินบนคนอื่นเขา?

เสี่ยวเจารู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลย

“นายหญิงน้อย ที่ห้องเครื่องนั่นผลประโยชน์เยอะ แต่พวกเรายากจนข้นแค้นนะเพคะ”

“ความคิดตื้น ๆ ”

เจียงหวนใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเสี่ยวเจาเบา ๆ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในใจเต็มไปด้วยแผนการ

“ใครบอกว่าการติดสินบนต้องใช้เงินเท่านั้นกันล่ะ?”

นางกัดแป้งทอดไส้เนื้อไปหนึ่งคำ แล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเจา

เสี่ยวเจาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยความสงสัย เจียงหวนก็รีบกระซิบแผนการในใจของนางให้เสี่ยวเจาฟัง ยิ่งฟังดวงตาของเสี่ยวเจาก็ยิ่งเป็นประกาย

ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นายหญิงน้อยพูดจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไปได้!

เสี่ยวเจารู้สึกตื่นเต้นดีใจ ลุกพรวดขึ้นมา “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!”

เจียงหวนแหงนหน้ามองเสี่ยวเจาที่สูงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วโบกมือไปมา

“เจ้าจะรีบร้อนไปไหน คนก็ไม่ได้หนีไปไหนเสียหน่อย กินข้าวก่อน”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่” เจียงหวนขัดคำพูดของเสี่ยวเจา ดึงนางกลับมานั่งลงอีกครั้ง แล้วยัดแป้งทอดไส้เนื้อใส่มือนาง “ดูแป้งทอดไส้เนื้อสีเหลืองอร่ามหอมกรุ่นนี่สิ เจ้าจะยอมทิ้งมันไปหรือ?”

เสี่ยวเจารู้สึกเสียดาย เสี่ยวเจาจึงเลือกที่จะนั่งลงกินแป้งทอดต่อ

เจียงหวนเห็นดังนั้นก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ กินแป้งทอดของตนเองอย่างช้า ๆ

อืม อร่อยจริง ๆ ฝีมือตัวเองนี่ดีจริง ๆ

หลังจากที่ทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว เสี่ยวเจาก็เก็บกวาดเรียบร้อย ออกจากตำหนักรองฝั่งตะวันตก ไปเดินด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ใกล้ ๆ ห้องเครื่อง

นางแอบสังเกตการณ์บรรดาข้ารับใช้ที่เข้าออกห้องเครื่อง คัดกรองเป้าหมายที่จะเข้าหาอย่างละเอียดตามที่เจียงหวนบอก

แต่ยังไม่ทันที่เสี่ยวเจาจะเลือกคนได้ ก็มีคนเข้ามาหานางเสียก่อน

ขันทีน้อยคนหนึ่งผิวขาวสะอาด ใบหน้าดูใจดี รูปร่างท้วมเล็กน้อย เดินมาอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเจาแล้วเอ่ยถามตามระเบียบ

“เจ้าอยู่ตำหนักไหน? ชื่ออะไร? มาทำอะไรแถวนี้?”

เสี่ยวเจาไม่ได้ตอบ แต่พินิจพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด

อืม รูปร่างแบบนี้ คุณสมบัติแบบนี้ ตรงตามลักษณะคนที่เหมาะสมที่นายหญิงบอกไว้เป๊ะ!

เพียงแต่บริเวณนี้มีคนเดินผ่านไปมา ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะพูดคุย

เสี่ยวเจาทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ มองซ้ายทีขวาที แล้วจึงพูดเสียงเบา “กงกง ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เจ้าคะ”

เต๋อซั่นมองเสี่ยวเจาอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่านางต้องการจะทำอะไร

“มีเรื่องอะไร พูดตรงนี้ไม่ได้หรือ?”

เมื่อเห็นว่าเต๋อซั่นไม่ยอมไปกับนาง เสี่ยวเจาก็ก้มลงมองท้องของเต๋อซั่นอีกครั้ง แล้วหยิบห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออกมาจากอกเสื้อ

“กงกง บ่าวมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะขอให้กงกงช่วยเหลือ หากกงกงยินยอม บ่าวยินดีจะมอบของอร่อยนี้ให้กงกง”

เต๋อซั่นราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง

ขอร้องเถอะ ที่นี่คือห้องเครื่องนะ?

นางกำนัลน้อยคนนี้จะเอาของอร่อยเลิศรสอะไรออกมาได้ ช่างเหมือนกับการอวดเก่งต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ

อีกอย่าง เขาเป็นศิษย์น้องเล็กของหวังเต๋อกุ้ย ปกติก็ชอบวิ่งมาที่ห้องเครื่องที่สุดแล้ว ทำหน้าที่ยกอาหารไปถวายฝ่าบาท ของอร่อยอะไรบ้างที่ยังไม่เคยชิม?

เต๋อซั่นไม่ใส่ใจ “ของอร่อยของเจ้าต่อให้จะอร่อยแค่ไหน จะอร่อยกว่าของในห้องเครื่องได้หรือ?”

“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเจาตอบอย่างมั่นใจ “กงกงลองชิมดูสักคำก็รู้แล้ว”

เมื่อเห็นว่านางไม่ได้พูดเล่น เต๋อซั่นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขามองเสี่ยวเจาอย่างสงสัยอีกสองสามครั้ง ความอยากรู้อยากเห็นก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที

ไหน ๆ ตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ก็เลยตามเสี่ยวเจาไปยังที่ลับตาคนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ

“ของอร่อยอะไร เปิดให้ข้าดูหน่อย”

คราวนี้เสี่ยวเจาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป ท่ามกลางสายตาที่คาดหวังของเต๋อซั่น นางก็เปิดห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออก

แป้งทอดไส้เนื้อสีเหลืองอร่ามที่เย็นชืดแล้ว นอนแผ่อยู่บนใบบัวอย่างเหี่ยวเฉา

ความคาดหวังในแววตาของเต๋อซั่นหายไปในทันที เขาพ่นลมออกจากจมูก

“แค่นี้?”

เมื่อเสี่ยวเจาเห็นว่าเต๋อซั่นดูถูก ก็รีบเอ่ยขึ้น “กงกงอย่าได้ดูถูกแป้งทอดนี่นะเจ้าคะ! แป้งทอดนี่รสชาติดีมาก!”

เมื่อคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว กินสักคำรองท้องก็คงไม่เป็นไร เต๋อซั่นจึงหยิบแป้งทอดขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ

จะได้ไล่นางกำนัลน้อยคนนี้ไปให้พ้น ๆ จะได้ไม่มาวอแวกับเขาอีก

ถึงแม้จะเย็นแล้ว แต่แป้งก็ยังคงกรอบอร่อย ไส้เนื้อก็หอมรสชาติเข้มข้น อบอวลไปทั่วปาก

เต๋อซั่นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย อดไม่ได้ที่จะกัดเข้าไปอีกคำ

เขาไม่เคยกินของอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!

กินคำแล้วคำเล่า

เมื่อเสี่ยวเจาเห็นว่าเต๋อซั่นกินอย่างเมามัน ก็ฉวยโอกาสเหมาะ ดึงแป้งทอดครึ่งชิ้นที่เหลือกลับมาทันที

“อ๊ะ กงกงอย่ากินเลยดีกว่าเจ้าค่ะ ของหยาบ ๆ เช่นนี้ จะคู่ควรกับปากอันสูงส่งของกงกงได้อย่างไร?”

“ช้าก่อน!”

เมื่อแป้งทอดในปากถูกฉวยไป เต๋อซั่นก็รีบคว้าข้อมือของนางไว้ทันที

พอสบเข้ากับดวงตาที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเสี่ยวเจา เขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียกิริยาไป จึงรีบกระแอมเพื่อกลบเกลื่อน

“ข้า...ข้าแค่กลัวว่าจะสิ้นเปลืองอาหาร!”

เสี่ยวเจารู้ว่าเรื่องนี้สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว

นางบอกแล้วว่าฝีมือของนายหญิงน้อยของนางเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า! ไม่มีใครปฏิเสธได้!

นางคืนแป้งทอดให้เต๋อซั่นอย่างว่าง่าย จนกระทั่งเต๋อซั่นกินหมดทั้งชิ้น นางจึงค่อย ๆ เอ่ยปาก

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ กงกง ข้าไม่ได้พูดผิดกระมัง”

โบราณว่าไว้ เมื่อรับของของคนอื่นมาแล้ว ก็พูดอะไรได้ไม่เต็มปาก

ท่าทีของเต๋อซั่นที่มีต่อเสี่ยวเจา ไม่มีความรำคาญใจเหมือนตอนแรกอีกต่อไป

“ว่ามาเถอะ เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร?”

เมื่อเสี่ยวเจาได้ยินดังนั้น ก็รีบเข้าเรื่องทันที แล้วเอ่ยขึ้น “กงกง คืออย่างนี้เจ้าค่ะ บ่าวชื่อเสี่ยวเจา เป็นสาวใช้ข้างกายของจวงฉางไจ้ อยากจะขอให้กงกงช่วยซื้อวัตถุดิบให้หน่อยเจ้าค่ะ”

เต๋อซั่นสงสัย “เจ้าเป็นแค่นางกำนัลที่รับใช้นายหญิง จะเอาวัตถุดิบไปทำอะไร?”

“กงกงท่านไม่ทราบ” เสี่ยวเจาพูดพลางทำหน้าเศร้า “นายหญิงน้อยของบ่าวปกติจะถูกหักค่าใช้จ่ายอย่างหนักตลอด ในวังต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวดูสีหน้าคนอื่น อาหารการกินก็ทำเองมาตลอด แต่ตอนนี้ถูกกักบริเวณมาหลายวันแล้ว ในตำหนักไม่มีข้าวสารแป้งหมี่เหลือเลยแม้แต่น้อย แป้งทอดไส้เนื้อที่ให้กงกงวันนี้ ก็เป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้ว...”

น้ำเสียงของเสี่ยวเจาเศร้าสร้อยน่าสงสาร ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้า ถูจนเปลือกตาจนแดงก่ำ

“วันก่อนนายหญิงต้มข้าวต้ม ต้องใช้เข็มปักผ้าค่อย ๆ คีบเมล็ดข้าวทีละเม็ด! แล้วก็เสื้อผ้าของบ่าว...” นางยกชายกระโปรงขึ้นมาสะบัด ๆ บริเวณที่เปื้อนคราบน้ำมันมีรูโหว่ขนาดใหญ่ “ท่านดูสิเจ้าคะ! หนูมันหิวจนแทะชายกระโปรงบ่าวเหมือนเป็นแป้งทอดไปแล้ว!”

นางสะอื้นออกมาเสียงหนึ่ง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสั่งน้ำมูกเสียงดังลั่น

“กงกงโปรดพิจารณาด้วยเถิดเจ้าค่ะ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่านายหญิงน้อยของบ่าวจะเลี้ยงหนูไม่ไหวแล้ว!”

เต๋อซั่นฟังอยู่นานครึ่งค่อนวัน ยังรู้สึกงง ๆ อยู่บ้าง

ในวังยังมีนายหญิงที่น่าสงสารขนาดนี้ด้วยหรือ?

เห็นแก่แป้งทอดไส้เนื้อชิ้นนี้ เขาก็พอจะช่วยได้บ้าง แต่ก็ช่วยแบบโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้

“เอาละ ๆ ไม่ต้องร้องคร่ำครวญแล้ว ที่ห้องเครื่องยังเหลือต้นหอมกับเส้นบะหมี่อยู่บ้าง เจ้าจะเอาหรือไม่”

“มีแค่เท่านี้เองหรือเจ้าคะ?”

“มีแค่เท่านี้” เต๋อซั่นตอบอย่างหนักแน่น เขาไม่ใช่ผู้ดูแลห้องเครื่อง ให้ของเท่านี้ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

เสี่ยวเจาไม่เชื่อ ห้องเครื่องใหญ่โตขนาดนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีของเหลือแค่นี้

นางอยากจะขอเพิ่มอีกหน่อย แต่เต๋อซั่นยืนกรานคำเดียวว่ามีแค่เท่านี้

เสี่ยวเจาหมดหนทาง ทำหน้าเศร้าหมอง สุดท้ายก็ยังคงรับต้นหอมกับเส้นบะหมี่ไป

อย่างไรเสีย มีก็ยังดีกว่าไม่มี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status