Share

บทที่ 9

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เสี่ยวเจาเบิกตากว้างทันที แม้แต่แป้งทอดไส้เนื้อในมือก็ไม่สนใจที่จะกินต่อ

“นายหญิงน้อยมีวิธีหรือเพคะ?”

เจียงหวนขยิบตาให้เสี่ยวเจา ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งพลางเอ่ยขึ้น “ในวังมีคนตั้งมากมาย ใครบอกว่าเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบจะต้องให้พวกเราออกหน้าเองกันเล่า”

เสี่ยวเจาเข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงหวนทันที “นายหญิงน้อยหมายความว่าจะหาคนมาช่วยพวกเราซื้อหรือเพคะ?”

เมื่อคิดว่าในอนาคตจะได้กินอาหารฝีมือของเจียงหวนอีก เสี่ยวเจาก็ดีใจขึ้นมาทันที แต่ดีใจได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที บนใบหน้าของนางก็กลับเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง

“แต่ว่าใครจะยอมช่วยพวกเรากันล่ะ?”

นายหญิงหลายคนในวังหลังชอบรังแกนายหญิงน้อยของนางที่สุด ทำให้บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักต่าง ๆ ก็พลอยไม่ให้เกียรตินายหญิงน้อยไปด้วย

เจียงหวนมองแวบเดียวก็เข้าใจความกังวลในใจของเสี่ยวเจา จึงค่อย ๆ ชี้แนะ

“ในวังนี้ ที่ไหนมีวัตถุดิบเยอะที่สุดกันนะ?”

เสี่ยวเจาตาสว่างทันที “ห้องเครื่องเพคะ!”

ห้องเครื่องรับผิดชอบพระกระยาหารของฮ่องเต้ สนมในวังหลังยากที่จะเข้าไปแทรกแซงได้

แต่พวกนางประการแรกคือไม่มีญาติพี่น้อง สองคือไม่ได้รับความโปรดปราน จะเอาอะไรไปติดสินบนคนอื่นเขา?

เสี่ยวเจารู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลย

“นายหญิงน้อย ที่ห้องเครื่องนั่นผลประโยชน์เยอะ แต่พวกเรายากจนข้นแค้นนะเพคะ”

“ความคิดตื้น ๆ ”

เจียงหวนใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเสี่ยวเจาเบา ๆ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในใจเต็มไปด้วยแผนการ

“ใครบอกว่าการติดสินบนต้องใช้เงินเท่านั้นกันล่ะ?”

นางกัดแป้งทอดไส้เนื้อไปหนึ่งคำ แล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเจา

เสี่ยวเจาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยความสงสัย เจียงหวนก็รีบกระซิบแผนการในใจของนางให้เสี่ยวเจาฟัง ยิ่งฟังดวงตาของเสี่ยวเจาก็ยิ่งเป็นประกาย

ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นายหญิงน้อยพูดจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไปได้!

เสี่ยวเจารู้สึกตื่นเต้นดีใจ ลุกพรวดขึ้นมา “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!”

เจียงหวนแหงนหน้ามองเสี่ยวเจาที่สูงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วโบกมือไปมา

“เจ้าจะรีบร้อนไปไหน คนก็ไม่ได้หนีไปไหนเสียหน่อย กินข้าวก่อน”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่” เจียงหวนขัดคำพูดของเสี่ยวเจา ดึงนางกลับมานั่งลงอีกครั้ง แล้วยัดแป้งทอดไส้เนื้อใส่มือนาง “ดูแป้งทอดไส้เนื้อสีเหลืองอร่ามหอมกรุ่นนี่สิ เจ้าจะยอมทิ้งมันไปหรือ?”

เสี่ยวเจารู้สึกเสียดาย เสี่ยวเจาจึงเลือกที่จะนั่งลงกินแป้งทอดต่อ

เจียงหวนเห็นดังนั้นก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ กินแป้งทอดของตนเองอย่างช้า ๆ

อืม อร่อยจริง ๆ ฝีมือตัวเองนี่ดีจริง ๆ

หลังจากที่ทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว เสี่ยวเจาก็เก็บกวาดเรียบร้อย ออกจากตำหนักรองฝั่งตะวันตก ไปเดินด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ใกล้ ๆ ห้องเครื่อง

นางแอบสังเกตการณ์บรรดาข้ารับใช้ที่เข้าออกห้องเครื่อง คัดกรองเป้าหมายที่จะเข้าหาอย่างละเอียดตามที่เจียงหวนบอก

แต่ยังไม่ทันที่เสี่ยวเจาจะเลือกคนได้ ก็มีคนเข้ามาหานางเสียก่อน

ขันทีน้อยคนหนึ่งผิวขาวสะอาด ใบหน้าดูใจดี รูปร่างท้วมเล็กน้อย เดินมาอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเจาแล้วเอ่ยถามตามระเบียบ

“เจ้าอยู่ตำหนักไหน? ชื่ออะไร? มาทำอะไรแถวนี้?”

เสี่ยวเจาไม่ได้ตอบ แต่พินิจพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด

อืม รูปร่างแบบนี้ คุณสมบัติแบบนี้ ตรงตามลักษณะคนที่เหมาะสมที่นายหญิงบอกไว้เป๊ะ!

เพียงแต่บริเวณนี้มีคนเดินผ่านไปมา ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะพูดคุย

เสี่ยวเจาทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ มองซ้ายทีขวาที แล้วจึงพูดเสียงเบา “กงกง ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เจ้าคะ”

เต๋อซั่นมองเสี่ยวเจาอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่านางต้องการจะทำอะไร

“มีเรื่องอะไร พูดตรงนี้ไม่ได้หรือ?”

เมื่อเห็นว่าเต๋อซั่นไม่ยอมไปกับนาง เสี่ยวเจาก็ก้มลงมองท้องของเต๋อซั่นอีกครั้ง แล้วหยิบห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออกมาจากอกเสื้อ

“กงกง บ่าวมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะขอให้กงกงช่วยเหลือ หากกงกงยินยอม บ่าวยินดีจะมอบของอร่อยนี้ให้กงกง”

เต๋อซั่นราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง

ขอร้องเถอะ ที่นี่คือห้องเครื่องนะ?

นางกำนัลน้อยคนนี้จะเอาของอร่อยเลิศรสอะไรออกมาได้ ช่างเหมือนกับการอวดเก่งต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ

อีกอย่าง เขาเป็นศิษย์น้องเล็กของหวังเต๋อกุ้ย ปกติก็ชอบวิ่งมาที่ห้องเครื่องที่สุดแล้ว ทำหน้าที่ยกอาหารไปถวายฝ่าบาท ของอร่อยอะไรบ้างที่ยังไม่เคยชิม?

เต๋อซั่นไม่ใส่ใจ “ของอร่อยของเจ้าต่อให้จะอร่อยแค่ไหน จะอร่อยกว่าของในห้องเครื่องได้หรือ?”

“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเจาตอบอย่างมั่นใจ “กงกงลองชิมดูสักคำก็รู้แล้ว”

เมื่อเห็นว่านางไม่ได้พูดเล่น เต๋อซั่นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขามองเสี่ยวเจาอย่างสงสัยอีกสองสามครั้ง ความอยากรู้อยากเห็นก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที

ไหน ๆ ตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ก็เลยตามเสี่ยวเจาไปยังที่ลับตาคนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ

“ของอร่อยอะไร เปิดให้ข้าดูหน่อย”

คราวนี้เสี่ยวเจาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป ท่ามกลางสายตาที่คาดหวังของเต๋อซั่น นางก็เปิดห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออก

แป้งทอดไส้เนื้อสีเหลืองอร่ามที่เย็นชืดแล้ว นอนแผ่อยู่บนใบบัวอย่างเหี่ยวเฉา

ความคาดหวังในแววตาของเต๋อซั่นหายไปในทันที เขาพ่นลมออกจากจมูก

“แค่นี้?”

เมื่อเสี่ยวเจาเห็นว่าเต๋อซั่นดูถูก ก็รีบเอ่ยขึ้น “กงกงอย่าได้ดูถูกแป้งทอดนี่นะเจ้าคะ! แป้งทอดนี่รสชาติดีมาก!”

เมื่อคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว กินสักคำรองท้องก็คงไม่เป็นไร เต๋อซั่นจึงหยิบแป้งทอดขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ

จะได้ไล่นางกำนัลน้อยคนนี้ไปให้พ้น ๆ จะได้ไม่มาวอแวกับเขาอีก

ถึงแม้จะเย็นแล้ว แต่แป้งก็ยังคงกรอบอร่อย ไส้เนื้อก็หอมรสชาติเข้มข้น อบอวลไปทั่วปาก

เต๋อซั่นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย อดไม่ได้ที่จะกัดเข้าไปอีกคำ

เขาไม่เคยกินของอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!

กินคำแล้วคำเล่า

เมื่อเสี่ยวเจาเห็นว่าเต๋อซั่นกินอย่างเมามัน ก็ฉวยโอกาสเหมาะ ดึงแป้งทอดครึ่งชิ้นที่เหลือกลับมาทันที

“อ๊ะ กงกงอย่ากินเลยดีกว่าเจ้าค่ะ ของหยาบ ๆ เช่นนี้ จะคู่ควรกับปากอันสูงส่งของกงกงได้อย่างไร?”

“ช้าก่อน!”

เมื่อแป้งทอดในปากถูกฉวยไป เต๋อซั่นก็รีบคว้าข้อมือของนางไว้ทันที

พอสบเข้ากับดวงตาที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเสี่ยวเจา เขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียกิริยาไป จึงรีบกระแอมเพื่อกลบเกลื่อน

“ข้า...ข้าแค่กลัวว่าจะสิ้นเปลืองอาหาร!”

เสี่ยวเจารู้ว่าเรื่องนี้สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว

นางบอกแล้วว่าฝีมือของนายหญิงน้อยของนางเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า! ไม่มีใครปฏิเสธได้!

นางคืนแป้งทอดให้เต๋อซั่นอย่างว่าง่าย จนกระทั่งเต๋อซั่นกินหมดทั้งชิ้น นางจึงค่อย ๆ เอ่ยปาก

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ กงกง ข้าไม่ได้พูดผิดกระมัง”

โบราณว่าไว้ เมื่อรับของของคนอื่นมาแล้ว ก็พูดอะไรได้ไม่เต็มปาก

ท่าทีของเต๋อซั่นที่มีต่อเสี่ยวเจา ไม่มีความรำคาญใจเหมือนตอนแรกอีกต่อไป

“ว่ามาเถอะ เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร?”

เมื่อเสี่ยวเจาได้ยินดังนั้น ก็รีบเข้าเรื่องทันที แล้วเอ่ยขึ้น “กงกง คืออย่างนี้เจ้าค่ะ บ่าวชื่อเสี่ยวเจา เป็นสาวใช้ข้างกายของจวงฉางไจ้ อยากจะขอให้กงกงช่วยซื้อวัตถุดิบให้หน่อยเจ้าค่ะ”

เต๋อซั่นสงสัย “เจ้าเป็นแค่นางกำนัลที่รับใช้นายหญิง จะเอาวัตถุดิบไปทำอะไร?”

“กงกงท่านไม่ทราบ” เสี่ยวเจาพูดพลางทำหน้าเศร้า “นายหญิงน้อยของบ่าวปกติจะถูกหักค่าใช้จ่ายอย่างหนักตลอด ในวังต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวดูสีหน้าคนอื่น อาหารการกินก็ทำเองมาตลอด แต่ตอนนี้ถูกกักบริเวณมาหลายวันแล้ว ในตำหนักไม่มีข้าวสารแป้งหมี่เหลือเลยแม้แต่น้อย แป้งทอดไส้เนื้อที่ให้กงกงวันนี้ ก็เป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้ว...”

น้ำเสียงของเสี่ยวเจาเศร้าสร้อยน่าสงสาร ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้า ถูจนเปลือกตาจนแดงก่ำ

“วันก่อนนายหญิงต้มข้าวต้ม ต้องใช้เข็มปักผ้าค่อย ๆ คีบเมล็ดข้าวทีละเม็ด! แล้วก็เสื้อผ้าของบ่าว...” นางยกชายกระโปรงขึ้นมาสะบัด ๆ บริเวณที่เปื้อนคราบน้ำมันมีรูโหว่ขนาดใหญ่ “ท่านดูสิเจ้าคะ! หนูมันหิวจนแทะชายกระโปรงบ่าวเหมือนเป็นแป้งทอดไปแล้ว!”

นางสะอื้นออกมาเสียงหนึ่ง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสั่งน้ำมูกเสียงดังลั่น

“กงกงโปรดพิจารณาด้วยเถิดเจ้าค่ะ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่านายหญิงน้อยของบ่าวจะเลี้ยงหนูไม่ไหวแล้ว!”

เต๋อซั่นฟังอยู่นานครึ่งค่อนวัน ยังรู้สึกงง ๆ อยู่บ้าง

ในวังยังมีนายหญิงที่น่าสงสารขนาดนี้ด้วยหรือ?

เห็นแก่แป้งทอดไส้เนื้อชิ้นนี้ เขาก็พอจะช่วยได้บ้าง แต่ก็ช่วยแบบโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้

“เอาละ ๆ ไม่ต้องร้องคร่ำครวญแล้ว ที่ห้องเครื่องยังเหลือต้นหอมกับเส้นบะหมี่อยู่บ้าง เจ้าจะเอาหรือไม่”

“มีแค่เท่านี้เองหรือเจ้าคะ?”

“มีแค่เท่านี้” เต๋อซั่นตอบอย่างหนักแน่น เขาไม่ใช่ผู้ดูแลห้องเครื่อง ให้ของเท่านี้ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

เสี่ยวเจาไม่เชื่อ ห้องเครื่องใหญ่โตขนาดนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีของเหลือแค่นี้

นางอยากจะขอเพิ่มอีกหน่อย แต่เต๋อซั่นยืนกรานคำเดียวว่ามีแค่เท่านี้

เสี่ยวเจาหมดหนทาง ทำหน้าเศร้าหมอง สุดท้ายก็ยังคงรับต้นหอมกับเส้นบะหมี่ไป

อย่างไรเสีย มีก็ยังดีกว่าไม่มี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 382

    เจียงหวนเห็นท่าทางสับสนมึนงงของนาง ก็รู้สึกอดขำไม่ได้การตอบสนองนี้ ช้าจนอ้อมโลกได้สองรอบครึ่งแล้วกระมังแต่ดูจากที่เปลี่ยนเรื่องพูดแล้ว แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ“อืม” เจียงหวนรับคำ “ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลินกุ้ยผิน รับสั่งให้ย้ายเข้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตะวันตก ภายหน้าเจ้าก็รักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ”“ฮือ ๆ ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระสนม”เหอหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา นางกอดแขนของเจียงหวนไว้แน่น หากไม่ใช่ว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว นางยังอยากคุกเข่าโขกหัวให้ด้วยซ้ำ“พระสนม พระสนมดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉัน… วันหน้าไม่ว่าสิ่งใดหม่อมฉันล้วนเชื่อฟังพระสนมเพคะ”เจียงหวนถูกนางกอดจนรู้สึกอึดอัด อยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิมครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายของเหอหลิงที่สั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายนางจึงกอดตอบเบาๆเหมือนปลาหมึกน้อยขี้กลัวไม่มีผิดเลยกอดแน่นขนาดนี้ กระดูกแทบจะหักอยู่แล้วแต่เห็นแก่ที่นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญหนีดีฝ่อมา ปล่อยให้กอดสักครู่ก็ได้ในขณะเดียวกัน เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยดังมาจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ฮั่วหลินสะสางเรื่องราววุ่นวายใน

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 381

    [ฮั่วถิง! เจ้าปีศาจชั่วนั่น!] เหอหลิงจมอยู่ในความอัดอั้นตันใจและความหวาดผวาอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเม็ดใหญ่ๆ พรั่งพรูไม่ขาดสาย“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงหวนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางเอ่ยหยอกล้อจากนั้นก็ตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าให้หายร้อนเล็กน้อย ก่อนจะป้อนให้นาง “มีอะไรประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดื่มยาก่อนเถิด”เหอหลิงอ้าปากอย่างว่าง่าย ยาขมๆ ไหลลงคอ ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้[ขมจัง][แต่พระสนมเป็นคนป้อน ต่อให้ขมอีกแค่ไหนก็กลายเป็นหวานแล้ว]นางดื่มยาทีละคำๆ ขณะที่น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ผสมเข้ากับยา ทั้งขมทั้งเค็มเจียงหวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ก็อดทอนถอนใจไม่ได้ร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว น้ำหูน้ำตาไหลลงมาผสมกับยาแล้ว นี่คิดจะเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพของยา’ หรืออย่างไรช่างเถิด อย่างไรก็ควรระบายออกมาบ้างหลังจากป้อนยาถ้วยหนึ่งหมดอย่างยากลำบาก สีหน้าของเหอหลิงคล้ายว่าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลทะลักออกมาจนน่ากลัวนางมองเจียงหวน ริมฝีปากสั่นเทา คล้ายมีคำพูดในใจเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงที่ใด“เอาล่ะๆ ร้องไห้จนตาบวมแล้ว เหมือนกบในอุทยานหลวงเลย”เจียงหวนวางถ้วยยาลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status