Share

บทที่ 11

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
“เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งจะผ่านอุทยานหลวงมา คนจากตำหนักเฉิงเต๋อสองสามคน ก็นั่งอยู่ในศาลานินทาหม่อมฉัน...”

อวี๋ผินพร่ำบ่นไม่หยุด เล่าเรื่องที่ได้ยินในอุทยานหลวงให้เจียกุ้ยเฟยฟัง ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า

“หม่อมฉัน... หม่อมฉันรู้สึกคับข้องใจเหลือเกินเพคะ...”

อวี๋ผินสะอื้นไห้ น้ำตาไหลพราก ปิ่นระย้าบนมวยผมนั้นสั่นไหวไปตามแรงสะอื้น

“ตอนที่ถวายตัวครั้งนั้น หม่อมฉันไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ก็จริง แต่นังพวกนั้นกลับโทษว่าการที่ฝ่าบาทไม่ยอมเสด็จมาวังหลัง เป็นความผิดของหม่อมฉันทั้งหมด ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ควันสีเขียวจาง ๆ ลอยขึ้นมาจากเตากระถางกำยาน เจียกุ้ยเฟยเอนกายอยู่บนเตียง ปลายนิ้วขยับลูกประคำไปมา แต่กลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว

วัน ๆ เอาแต่มาพูดเรื่องไร้สาระหยุมหยิมพวกนี้ น้ำตาที่สะสมมาหลายปีนี่ท่วมตำหนักฉางเล่อได้แล้ว!

“อันผินยังบอกว่าหม่อมฉันเป็นตัวซวยอีกนะเพคะ!”

อวี๋ผินกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น เล็บที่ย้อมสีชาดแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ

นางไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จมอยู่กับความอัปยศของตนเอง ร้องทุกข์กับเจียกุ้ยเฟยไม่หยุด

“เห็นได้ชัดว่าเป็นจวงฉางไจ้ที่ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ แต่กลับทำให้หม่อมฉันต้องมาทนความอัปยศโดยใช่เหตุ!”

“เหอะ”

เจียกุ้ยเฟยพลันแค่นหัวเราะเยาะออกมาเสียงหนึ่ง ลูกประคำในมือกระทบกับโต๊ะข้างเตียงเสียงดังลั่น

ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวแล้ว!

นางเหลือบมองอวี๋ผินอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือ?”

เสียงร้องไห้ของอวี๋ผินหยุดชะงักในทันที นางมองสีหน้าของเจียกุ้ยเฟยอย่างระมัดระวัง

“กุ้ยเฟย ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”

เจียกุ้ยเฟยลุกขึ้นนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นเชยคางของอวี๋ผิน ในดวงตาหงส์นั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

“หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำอวดฉลาด จะตกต่ำจนกลายเป็นตัวตลกของวังหลังได้อย่างไร!”

ในตำหนักจิ่นหวามีคนของนางอยู่ อวี๋ผินกักบริเวณเจียงหวนอย่างไร แล้วก็รีบเสนอหน้าไปหาฝ่าบาทอย่างไร นางรู้ดีแก่ใจ

แค่เจียงหวนคนเดียว ถึงแม้จะรูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง แต่ทางบ้านไม่มีอำนาจ ต่อให้มีข่าวลือว่าได้ถวายตัวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วจะเป็นอย่างไร?

แต่นังโง่ไร้หัวคิดคนนี้ วันรุ่งขึ้นก็ไปกักบริเวณเจียงหวน แถมยังเลียนแบบเจียงหวนทำอาหารให้ฝ่าบาทอีก

ไม่รู้ว่าใครให้ความมั่นใจกับนางกัน!

ตอนนี้ดีเลย ทำเรื่องฉลาดแต่กลับกลายเป็นโง่

ศัตรูของนางต่างแอบหัวเราะเยาะนางลับหลัง บอกว่านางนำคนโง่เง่าเป็นตัวตลกมาไว้ในปกครอง

แต่อวี๋ผินกลับยังกล้ามาเสนอหน้าร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้านาง คิดจะให้นางช่วยเหลือ!

ใบหน้าของอวี๋ผินขาวซีดราวกับกระดาษ อ้าปากคิดจะโต้เถียง แต่คำพูดที่ริมฝีปากกลับถูกสายตาอันเย็นชาของเจียกุ้ยเฟยทำให้ต้องกลืนกลับลงไป

ในเมื่ออวี๋ผินมาขอร้องนางถึงที่แล้ว เช่นนั้นก็ดี ให้อวี๋ผินไปลองหยั่งเชิงก่อนก็แล้วกัน

เจียกุ้ยเฟยมองอวี๋ผินที่อ้ำอึ้งไม่กล้าพูดจา แล้วกวักมือเรียก

“เจ้าเข้ามานี่ ข้าจะชี้ทางสว่างให้”

อวี๋ผินรีบเข้าไปใกล้ ๆ ฟังคำกระซิบของเจียกุ้ยเฟย ใบหน้าที่เคยขาวซีดของนางก็ค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดฝาด

“หม่อมฉัน ขอบพระทัยกุ้ยเฟยที่ชี้แนะเพคะ”

อวี๋ผินคุกเข่าลงกับพื้น จิตใจที่อยากจะต่อสู้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

เจียกุ้ยเฟยแค่นเสียงเย็นชาในใจ ขี้เกียจจะมองอวี๋ผินอีกต่อไป จึงโบกมือให้นางถอยออกไป

หากไม่ใช่เพราะเก็บอวี๋ผินไว้ยังมีประโยชน์ นางคงจะไล่อวี๋ผินไปนานแล้ว

ทางด้านนี้ หลังจากที่อวี๋ผินออกจากตำหนักฉางเล่อแล้ว ก็รีบกลับไปที่ตำหนักจิ่นหวาทันที สั่งให้ชุ่ยอิงไปเรียกเจียงหวนที่ตำหนักรองฝั่งตะวันตก

ไม่นานนัก เจียงหวนกับเสี่ยวเจาก็ตามชุ่ยอิงมาถึงตำหนักใหญ่

ถึงแม้ในใจเจียงหวนจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงก้มหน้า ทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“หม่อมฉันคารวะอวี๋ผิน ไม่ทราบว่าท่านเรียกหม่อมฉันมามีสิ่งใดจะสั่งหรือเพคะ”

หลายวันนี้มานี้นางอยู่ในตำหนักรอง ไม่ได้ไปหาเรื่องใครเลย

ปกติอวี๋ผินไม่ใช่ว่าเกลียดขี้หน้านางที่สุดหรอกหรือ? อยู่ดี ๆ จะมาเรียกนางไปทำไม!

เมื่อเห็นว่าเจียงหวนมาแล้ว อวี๋ผินก็เชิดคางขึ้นมองนาง ท่าทางดูหยิ่งยโสโอหัง

“จวงฉางไจ้ ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงโปรดฝีมือของเจ้า เช่นนั้น เจ้าไปทำอาหารมาสักสองสามอย่าง ให้ข้าได้ลองชิมบ้าง”

เจียงหวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองบนในใจ

อวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักของนาง หลายวันมานี้นางแทบจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว อวี๋ผินจะไม่รู้ได้อย่างไร!

ตอนนี้ยังมาเรียกนางไปทำอาหารอีก นางจะเอาอะไรทำ เอาชีวิตทำหรือ?

เสี่ยวเจาเป็นคนใจร้อน ยังไม่ทันที่นายหญิงจะพูดอะไร ก็ทรุดตัวลงคุกเข่าเสียงดังตุบ

“ทูลพระสนมเพคะ ตำหนักของพวกเราจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว จะเอาวัตถุดิบที่ไหนมาถวายท่านได้อีก...”

สีหน้าของอวี๋ผินมืดมนลงทันที แล้วเสียงตวาดของชุ่ยอิงก็ดังตามมา

“นายหญิงของเจ้ายังไม่ได้พูดเลย เจ้าเป็นแค่บ่าวจะมาพูดแทรกทำไม!”

เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเจียงหวน

เสี่ยวเจาเด็กสาวคนนี้อะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวคือปากไวเกินไป

ถ้าอยู่ในละครวังหลัง ตอนแรกก็คงกลายเป็นตัวประกอบที่ต้องตายไปแล้ว

“เสี่ยว...”

เจียงหวนกำลังจะบอกให้เสี่ยวเจาอย่าพูด แต่เสี่ยวเจากลับกลัวว่าอวี๋ผินจะหาเรื่องเจียงหวนเพราะเรื่องนี้ จึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

“พระสนมโปรดพิจารณาด้วยเถิดเพคะ! ถังข้าวสารของนายหญิงน้อยของบ่าวว่างเปล่ามาหลายวันแล้ว แม้แต่...”

เพียะ—

เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจน อวี๋ผินชักมือกลับ ปลอกเล็บยาวแหลมคมข่วนบนใบหน้าของเสี่ยวเจา ทิ้งรอยแดงยาวไว้หนึ่งเส้น

ชุ่ยอิงตกใจจนหน้าซีด รีบเอ่ยขึ้น “พระสนมเพคะ สั่งสอนบ่าวไพร่ไยต้องให้ท่านลงมือเอง ให้พวกบ่าวทำก็ได้เพคะ ท่านอย่าให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเลยเพคะ”

ฝ่ามือของอวี๋ผินชาไปทั้งแถบ แต่นางยังไม่หายโมโห

แค่นางกำนัลตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาทำโอหังต่อหน้านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดูท่าว่าการลงโทษครั้งที่แล้วจะเบาเกินไป!

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น สั่งการว่า “ลากออกไป ตบปาก!”

สิ้นเสียง ก็มีนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาทันที หิ้วปีกเสี่ยวเจาแล้วลากออกไป

“เสี่ยวเจา!”

เจียงหวนตกใจจนหน้าซีด พยายามจะเข้าไปขวางโดยไม่รู้ตัว

หลายเดือนที่ทะลุมิติเข้ามาในนิยายนี้ แม้ว่านางจะถูกเมินเฉยและทารุณมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยเกิดเรื่องใหญ่โตถึงขั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ

พอเคยชินกับการปล่อยปละละเลยแล้ว จิตใจก็พลอยเกียจคร้านทำตัวสบาย ๆ ไปด้วย จนลืมไปว่าตนเองอยู่ในวังหลังที่พร้อมจะขย้ำคนได้ทุกเมื่อ!

เมื่อเห็นว่าครั้งนี้อวี๋ผินเอาจริง เจียงหวนก็ร้อนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

เด็กโง่คนนี้ ครั้งที่แล้วก็เจ็บตัวไปทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ทำไมยังไม่รู้จักจำอีก!

มีหรือที่อวี๋ผินจะยอมให้เจียงหวนช่วยคน สายตาฉายแววอำมหิต ตวาดเสียงกร้าว

“ใครก็ได้ ยังไม่รีบจับตัวจวงฉางไจ้ให้ข้าอีก!”

มีบ่าวไพร่เยี่ยงไร ก็มีนายหญิงเยี่ยงนั้น!

นางยังต้องการให้เจียงหวนทำงานให้นางชั่วคราว จึงยังไม่สามารถลงโทษเจียงหวนได้ ถือว่านางโชคดีไป

แต่นางกำนัลคนนี้ วันนี้นางจะต้องสั่งสอนให้ได้!

“เพคะ”

นางกำนัลอีกสองคนเดินเข้ามา ประกบซ้ายขวาคนละข้าง แล้วจับตัวเจียงหวนไว้

เจียงหวนร้อนใจจนเหงื่อท่วมตัว ในสถานการณ์เช่นนี้จะแข็งขืนไม่ได้ ต้องใช้วิธีประนีประนอม

“พระสนม เป็นเสี่ยวเจาที่ไม่รู้ความ นางก็แค่กลัวว่าจะปรนนิบัติไม่ดีพอ ทำให้พระสนมไม่พอใจ ขอให้พระสนมโปรดเมตตาด้วยเถิดเพคะ!”

นางก้มหน้าต่ำมาก ท่าทางแทบจะคุกเข่าลงไปในดิน

พยายามพูดจาอ่อนหวาน เกลี้ยกล่อมอวี๋ผิน

แต่ยังไม่ทันที่เจียงหวนจะพูดจบ น้ำเสียงที่เย็นชาไร้ความปรานีของอวี๋ผินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เอาผ้ามาอุดปากจวงฉางไจ้ไว้ ข้าไม่ต้องการให้จวงฉางไจ้พูดตอนนี้!”

เมื่อครู่ตอนที่ให้เจียงหวนทำอาหารให้นาง เจียงหวนไม่ตอบ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว!

ชุ่ยอิงเป็นคนมีไหวพริบอย่างยิ่ง รีบเอาผ้าเช็ดหน้ายัดเข้าไปในปากของเจียงหวนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงหวนคายผ้าเช็ดหน้าออกมา ยังหาเชือกมามัดไว้ด้วย

“อื้อ ๆ ...”

เจียงหวนดิ้นรนไม่หยุด แต่แขนทั้งสองข้างกลับถูกจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

ร่างเล็ก ๆ ของเสี่ยวเจาถูกลากออกไป ความตื่นตระหนกของนางอยู่ในสายตาของเจียงหวนอย่างชัดเจน ทะลวงหัวใจของนางจนเป็นรู

เมื่อเสียงของไม้ไผ่ฟาดลงบนเนื้อหนังดังขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างของเจียงหวนก็เกร็งขึ้นมาทันที

นางได้ยินเสียงกรีดร้องครั้งแรกของเสี่ยวเจาค้างอยู่ในลำคอ ดูเหมือนนางจะพยายามอดทนไม่ร้องออกมา

แต่พอถูกไม้ไผ่ฟาดลงไปอีกสองสามครั้ง เสี่ยวเจาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“อ๊า!”

เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตบหน้าเป็นระยะ ๆ

เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเสี่ยวเจา ไม่นานแก้มของนางก็บวมเป่ง

พออ้าปากกรีดร้อง ก็จะทำให้แผลฉีกขาด เลือดก็ไหลออกมาอีกครั้ง

นางกำนัลที่ลงโทษล้วนเป็นคนของอวี๋ผิน ลงมืออย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย เพียงครู่เดียว เสียงกรีดร้องของเสี่ยวเจาก็ค่อย ๆ แผ่วลง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status