Share

บทที่ 11

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
“เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งจะผ่านอุทยานหลวงมา คนจากตำหนักเฉิงเต๋อสองสามคน ก็นั่งอยู่ในศาลานินทาหม่อมฉัน...”

อวี๋ผินพร่ำบ่นไม่หยุด เล่าเรื่องที่ได้ยินในอุทยานหลวงให้เจียกุ้ยเฟยฟัง ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า

“หม่อมฉัน... หม่อมฉันรู้สึกคับข้องใจเหลือเกินเพคะ...”

อวี๋ผินสะอื้นไห้ น้ำตาไหลพราก ปิ่นระย้าบนมวยผมนั้นสั่นไหวไปตามแรงสะอื้น

“ตอนที่ถวายตัวครั้งนั้น หม่อมฉันไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ก็จริง แต่นังพวกนั้นกลับโทษว่าการที่ฝ่าบาทไม่ยอมเสด็จมาวังหลัง เป็นความผิดของหม่อมฉันทั้งหมด ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ควันสีเขียวจาง ๆ ลอยขึ้นมาจากเตากระถางกำยาน เจียกุ้ยเฟยเอนกายอยู่บนเตียง ปลายนิ้วขยับลูกประคำไปมา แต่กลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว

วัน ๆ เอาแต่มาพูดเรื่องไร้สาระหยุมหยิมพวกนี้ น้ำตาที่สะสมมาหลายปีนี่ท่วมตำหนักฉางเล่อได้แล้ว!

“อันผินยังบอกว่าหม่อมฉันเป็นตัวซวยอีกนะเพคะ!”

อวี๋ผินกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น เล็บที่ย้อมสีชาดแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ

นางไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จมอยู่กับความอัปยศของตนเอง ร้องทุกข์กับเจียกุ้ยเฟยไม่หยุด

“เห็นได้ชัดว่าเป็นจวงฉางไจ้ที่ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ แต่กลับทำให้หม่อมฉันต้องมาทนความอัปยศโดยใช่เหตุ!”

“เหอะ”

เจียกุ้ยเฟยพลันแค่นหัวเราะเยาะออกมาเสียงหนึ่ง ลูกประคำในมือกระทบกับโต๊ะข้างเตียงเสียงดังลั่น

ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวแล้ว!

นางเหลือบมองอวี๋ผินอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือ?”

เสียงร้องไห้ของอวี๋ผินหยุดชะงักในทันที นางมองสีหน้าของเจียกุ้ยเฟยอย่างระมัดระวัง

“กุ้ยเฟย ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”

เจียกุ้ยเฟยลุกขึ้นนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นเชยคางของอวี๋ผิน ในดวงตาหงส์นั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

“หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำอวดฉลาด จะตกต่ำจนกลายเป็นตัวตลกของวังหลังได้อย่างไร!”

ในตำหนักจิ่นหวามีคนของนางอยู่ อวี๋ผินกักบริเวณเจียงหวนอย่างไร แล้วก็รีบเสนอหน้าไปหาฝ่าบาทอย่างไร นางรู้ดีแก่ใจ

แค่เจียงหวนคนเดียว ถึงแม้จะรูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง แต่ทางบ้านไม่มีอำนาจ ต่อให้มีข่าวลือว่าได้ถวายตัวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วจะเป็นอย่างไร?

แต่นังโง่ไร้หัวคิดคนนี้ วันรุ่งขึ้นก็ไปกักบริเวณเจียงหวน แถมยังเลียนแบบเจียงหวนทำอาหารให้ฝ่าบาทอีก

ไม่รู้ว่าใครให้ความมั่นใจกับนางกัน!

ตอนนี้ดีเลย ทำเรื่องฉลาดแต่กลับกลายเป็นโง่

ศัตรูของนางต่างแอบหัวเราะเยาะนางลับหลัง บอกว่านางนำคนโง่เง่าเป็นตัวตลกมาไว้ในปกครอง

แต่อวี๋ผินกลับยังกล้ามาเสนอหน้าร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้านาง คิดจะให้นางช่วยเหลือ!

ใบหน้าของอวี๋ผินขาวซีดราวกับกระดาษ อ้าปากคิดจะโต้เถียง แต่คำพูดที่ริมฝีปากกลับถูกสายตาอันเย็นชาของเจียกุ้ยเฟยทำให้ต้องกลืนกลับลงไป

ในเมื่ออวี๋ผินมาขอร้องนางถึงที่แล้ว เช่นนั้นก็ดี ให้อวี๋ผินไปลองหยั่งเชิงก่อนก็แล้วกัน

เจียกุ้ยเฟยมองอวี๋ผินที่อ้ำอึ้งไม่กล้าพูดจา แล้วกวักมือเรียก

“เจ้าเข้ามานี่ ข้าจะชี้ทางสว่างให้”

อวี๋ผินรีบเข้าไปใกล้ ๆ ฟังคำกระซิบของเจียกุ้ยเฟย ใบหน้าที่เคยขาวซีดของนางก็ค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดฝาด

“หม่อมฉัน ขอบพระทัยกุ้ยเฟยที่ชี้แนะเพคะ”

อวี๋ผินคุกเข่าลงกับพื้น จิตใจที่อยากจะต่อสู้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

เจียกุ้ยเฟยแค่นเสียงเย็นชาในใจ ขี้เกียจจะมองอวี๋ผินอีกต่อไป จึงโบกมือให้นางถอยออกไป

หากไม่ใช่เพราะเก็บอวี๋ผินไว้ยังมีประโยชน์ นางคงจะไล่อวี๋ผินไปนานแล้ว

ทางด้านนี้ หลังจากที่อวี๋ผินออกจากตำหนักฉางเล่อแล้ว ก็รีบกลับไปที่ตำหนักจิ่นหวาทันที สั่งให้ชุ่ยอิงไปเรียกเจียงหวนที่ตำหนักรองฝั่งตะวันตก

ไม่นานนัก เจียงหวนกับเสี่ยวเจาก็ตามชุ่ยอิงมาถึงตำหนักใหญ่

ถึงแม้ในใจเจียงหวนจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงก้มหน้า ทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“หม่อมฉันคารวะอวี๋ผิน ไม่ทราบว่าท่านเรียกหม่อมฉันมามีสิ่งใดจะสั่งหรือเพคะ”

หลายวันนี้มานี้นางอยู่ในตำหนักรอง ไม่ได้ไปหาเรื่องใครเลย

ปกติอวี๋ผินไม่ใช่ว่าเกลียดขี้หน้านางที่สุดหรอกหรือ? อยู่ดี ๆ จะมาเรียกนางไปทำไม!

เมื่อเห็นว่าเจียงหวนมาแล้ว อวี๋ผินก็เชิดคางขึ้นมองนาง ท่าทางดูหยิ่งยโสโอหัง

“จวงฉางไจ้ ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงโปรดฝีมือของเจ้า เช่นนั้น เจ้าไปทำอาหารมาสักสองสามอย่าง ให้ข้าได้ลองชิมบ้าง”

เจียงหวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองบนในใจ

อวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักของนาง หลายวันมานี้นางแทบจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว อวี๋ผินจะไม่รู้ได้อย่างไร!

ตอนนี้ยังมาเรียกนางไปทำอาหารอีก นางจะเอาอะไรทำ เอาชีวิตทำหรือ?

เสี่ยวเจาเป็นคนใจร้อน ยังไม่ทันที่นายหญิงจะพูดอะไร ก็ทรุดตัวลงคุกเข่าเสียงดังตุบ

“ทูลพระสนมเพคะ ตำหนักของพวกเราจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว จะเอาวัตถุดิบที่ไหนมาถวายท่านได้อีก...”

สีหน้าของอวี๋ผินมืดมนลงทันที แล้วเสียงตวาดของชุ่ยอิงก็ดังตามมา

“นายหญิงของเจ้ายังไม่ได้พูดเลย เจ้าเป็นแค่บ่าวจะมาพูดแทรกทำไม!”

เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเจียงหวน

เสี่ยวเจาเด็กสาวคนนี้อะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวคือปากไวเกินไป

ถ้าอยู่ในละครวังหลัง ตอนแรกก็คงกลายเป็นตัวประกอบที่ต้องตายไปแล้ว

“เสี่ยว...”

เจียงหวนกำลังจะบอกให้เสี่ยวเจาอย่าพูด แต่เสี่ยวเจากลับกลัวว่าอวี๋ผินจะหาเรื่องเจียงหวนเพราะเรื่องนี้ จึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

“พระสนมโปรดพิจารณาด้วยเถิดเพคะ! ถังข้าวสารของนายหญิงน้อยของบ่าวว่างเปล่ามาหลายวันแล้ว แม้แต่...”

เพียะ—

เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจน อวี๋ผินชักมือกลับ ปลอกเล็บยาวแหลมคมข่วนบนใบหน้าของเสี่ยวเจา ทิ้งรอยแดงยาวไว้หนึ่งเส้น

ชุ่ยอิงตกใจจนหน้าซีด รีบเอ่ยขึ้น “พระสนมเพคะ สั่งสอนบ่าวไพร่ไยต้องให้ท่านลงมือเอง ให้พวกบ่าวทำก็ได้เพคะ ท่านอย่าให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเลยเพคะ”

ฝ่ามือของอวี๋ผินชาไปทั้งแถบ แต่นางยังไม่หายโมโห

แค่นางกำนัลตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาทำโอหังต่อหน้านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดูท่าว่าการลงโทษครั้งที่แล้วจะเบาเกินไป!

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น สั่งการว่า “ลากออกไป ตบปาก!”

สิ้นเสียง ก็มีนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาทันที หิ้วปีกเสี่ยวเจาแล้วลากออกไป

“เสี่ยวเจา!”

เจียงหวนตกใจจนหน้าซีด พยายามจะเข้าไปขวางโดยไม่รู้ตัว

หลายเดือนที่ทะลุมิติเข้ามาในนิยายนี้ แม้ว่านางจะถูกเมินเฉยและทารุณมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยเกิดเรื่องใหญ่โตถึงขั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ

พอเคยชินกับการปล่อยปละละเลยแล้ว จิตใจก็พลอยเกียจคร้านทำตัวสบาย ๆ ไปด้วย จนลืมไปว่าตนเองอยู่ในวังหลังที่พร้อมจะขย้ำคนได้ทุกเมื่อ!

เมื่อเห็นว่าครั้งนี้อวี๋ผินเอาจริง เจียงหวนก็ร้อนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

เด็กโง่คนนี้ ครั้งที่แล้วก็เจ็บตัวไปทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ทำไมยังไม่รู้จักจำอีก!

มีหรือที่อวี๋ผินจะยอมให้เจียงหวนช่วยคน สายตาฉายแววอำมหิต ตวาดเสียงกร้าว

“ใครก็ได้ ยังไม่รีบจับตัวจวงฉางไจ้ให้ข้าอีก!”

มีบ่าวไพร่เยี่ยงไร ก็มีนายหญิงเยี่ยงนั้น!

นางยังต้องการให้เจียงหวนทำงานให้นางชั่วคราว จึงยังไม่สามารถลงโทษเจียงหวนได้ ถือว่านางโชคดีไป

แต่นางกำนัลคนนี้ วันนี้นางจะต้องสั่งสอนให้ได้!

“เพคะ”

นางกำนัลอีกสองคนเดินเข้ามา ประกบซ้ายขวาคนละข้าง แล้วจับตัวเจียงหวนไว้

เจียงหวนร้อนใจจนเหงื่อท่วมตัว ในสถานการณ์เช่นนี้จะแข็งขืนไม่ได้ ต้องใช้วิธีประนีประนอม

“พระสนม เป็นเสี่ยวเจาที่ไม่รู้ความ นางก็แค่กลัวว่าจะปรนนิบัติไม่ดีพอ ทำให้พระสนมไม่พอใจ ขอให้พระสนมโปรดเมตตาด้วยเถิดเพคะ!”

นางก้มหน้าต่ำมาก ท่าทางแทบจะคุกเข่าลงไปในดิน

พยายามพูดจาอ่อนหวาน เกลี้ยกล่อมอวี๋ผิน

แต่ยังไม่ทันที่เจียงหวนจะพูดจบ น้ำเสียงที่เย็นชาไร้ความปรานีของอวี๋ผินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เอาผ้ามาอุดปากจวงฉางไจ้ไว้ ข้าไม่ต้องการให้จวงฉางไจ้พูดตอนนี้!”

เมื่อครู่ตอนที่ให้เจียงหวนทำอาหารให้นาง เจียงหวนไม่ตอบ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว!

ชุ่ยอิงเป็นคนมีไหวพริบอย่างยิ่ง รีบเอาผ้าเช็ดหน้ายัดเข้าไปในปากของเจียงหวนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงหวนคายผ้าเช็ดหน้าออกมา ยังหาเชือกมามัดไว้ด้วย

“อื้อ ๆ ...”

เจียงหวนดิ้นรนไม่หยุด แต่แขนทั้งสองข้างกลับถูกจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

ร่างเล็ก ๆ ของเสี่ยวเจาถูกลากออกไป ความตื่นตระหนกของนางอยู่ในสายตาของเจียงหวนอย่างชัดเจน ทะลวงหัวใจของนางจนเป็นรู

เมื่อเสียงของไม้ไผ่ฟาดลงบนเนื้อหนังดังขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างของเจียงหวนก็เกร็งขึ้นมาทันที

นางได้ยินเสียงกรีดร้องครั้งแรกของเสี่ยวเจาค้างอยู่ในลำคอ ดูเหมือนนางจะพยายามอดทนไม่ร้องออกมา

แต่พอถูกไม้ไผ่ฟาดลงไปอีกสองสามครั้ง เสี่ยวเจาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“อ๊า!”

เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตบหน้าเป็นระยะ ๆ

เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเสี่ยวเจา ไม่นานแก้มของนางก็บวมเป่ง

พออ้าปากกรีดร้อง ก็จะทำให้แผลฉีกขาด เลือดก็ไหลออกมาอีกครั้ง

นางกำนัลที่ลงโทษล้วนเป็นคนของอวี๋ผิน ลงมืออย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย เพียงครู่เดียว เสียงกรีดร้องของเสี่ยวเจาก็ค่อย ๆ แผ่วลง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 242

    เจียกุ้ยเฟยกลับตำหนักของตนไปอย่างหงุดหงิด“นางแพศยา เจียงหวนนางแพศยานั่น ยังมีนางบ่าวเจ้าเล่ห์ข้างกายนางอีกคน พวกนางคิดว่าตนเองเป็นใคร กล้าหมิ่นเกียรติของข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะทำให้พวกนางมิได้ตายดี!”หน้าอกของเจียกุ้ยเฟยกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเพราะความโกรธขึ้งจนไม่เหลือเค้าเดิมนางกำนัลคนสนิทคุกเข่าด้วยความตกใจกลัว นางโขกหัวหลายครั้ง“พระสนมโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ พระวรกายสำคัญยิ่ง”“ระงับโทสะ? เจ้าจะให้ข้าระงับโทสะได้เช่นไร!”เจียกุ้ยเฟยหันกลับไป ปลายนิ้วแทบจะจิ้มใบหน้าของนางกำนัล“ในสายตาของฝ่าบาทมีเพียงนางจิ้งจอกตนนั้น แม้แต่นางบ่าวชั้นต่ำข้างกายนางยังกล้าชี้นิ้วบงการข้า ข้าเป็นถึงกุ้ยเฟย กลับถูกบ่าวเฒ่าคนหนึ่งทำให้พูดไม่ออก ช่างน่าอดสูยิ่งนัก!”ยิ่งคิด เจียกุ้ยเฟยก็ยิ่งโมโห นางคว้ากระถางธูปที่อยู่ข้างมือขว้างใส่นางกำนัลเพล้ง!กระถางธูปลอยเฉียดใบหูของนางกำนัล นางกำนัลตกใจตัวสั่น ทว่ายังคงฝืนปลอบใจเจียกุ้ยเฟยต่อ“พระสนม โปรดทรงสงบจิตใจก่อนเถิดเพคะ จวงเฟยผู้นั้นก็เพียงอาศัยว่ามีฝีมือการทำอาหารที่ตื้นเขินเท่านั้น ยามนี้พระองค์เชิญพ่อครัวใหญ่ฝีมือยอดเยี่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 241

    เจียงหวนเองก็ไม่นึกว่าจะพบเจียกุ้ยเฟยที่นี่ หัวใจของนางสะดุดไปชั่วขณะดีเหลือเกิน เกลียดอะไรมักเจอสิ่งนั้นนางหันไปส่งสัญญาณให้เสี่ยวเจาหยุด รักษามารยาทที่พึงมี“ถวายบังคมพระสนมเจียกุ้ยเฟย”เจียกุ้ยเฟยมิได้ตอบรับทันที นางมองพิจารณาเจียงหวนตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายก็หยุดมองที่เก้าอี้รถเข็นของนาง เผยรอยยิ้มเย็นชาชั่วร้ายที่มุมปาก“แหม นี่มิใช่น้องสาวจวงเฟยหรอกหรือ?”เจียกุ้ยเฟยลากเสียงยาวๆ แสดงถึงการเสียดสีอย่างไม่คิดปิดบัง“เจ้าเดินเหินไม่สะดวก ยังมาส่งอาหารถึงห้องทรงพระอักษรอย่างไม่ว่างเว้น ความหวังดีนี้ของน้องสาว ช่างชวนให้ซาบซึ้งยิ่งนัก”เจียงหวนลอบเบ้ปากในใจนั่งรถเข็นแล้วอย่างไรเล่า อย่างไรก็มิควรเลือกปฏิบัติต่อผู้พิการอีกอย่าง นางก็ยังดีกว่าเจียกุ้ยเฟยที่คอยแบกเครื่องประดับหัวที่มีน้ำหนักหลายสิบชั่งทั้งวันกระมัง? นางไม่เมื่อยคอบ้างหรืออย่างไรนะ?ขณะกำลังจะเอ่ยปาก เติ้งหมอม่อที่อยู่ด้านข้างพลันเดินออกมาครึ่งก้าว ก่อนจะคารวะด้วยท่าทางที่ไม่ดูเย่อหยิ่งหรือต้อยต่ำเกินไป“บ่าวถวายบังคมพระสนมเจียกุ้ยเฟยเพคะ พระสนมของเราเห็นว่าฝ่าบาททรงเหน็ดเหนื่อยจากราชกิจบ้านเมือง ซ้ำอากาศ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 240

    หลินเจิงดำเนินการอย่างรวดเร็วมาก ใช้เวลาเพียงสองวันก็ส่งคนมาถึงตำหนักของเจียกุ้ยเฟยแล้วได้ยินว่าคนคนนี้เคยเป็นพ่อครัวใหญ่ของห้องเครื่อง และเคยรับใช้อดีตฮ่องเต้มาก่อน ชำนาญการทำอาหารในวังที่สุดเจียกุ้ยเฟยพึงพอใจอย่างมาก นางจงใจเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดกระโปรงที่หรูหรางดงาม พานางกำนัลกลุ่มหนึ่งตรงไปยังห้องเครื่องในห้องทรงพระอักษรฮั่วหลินกำลังก้มหน้าก้มตาสะสางฎีกา รอบกายแผ่กลิ่นอายเย็นชาไม่น่าเข้าใกล้ในเวลานี้เอง หวังเต๋อกุ้ยเข้ามารายงานอย่างระมัดระวัง“ฝ่าบาท พระสนมเจียกุ้ยเฟยมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”พู่กันในมือของฮั่วหลินชะงักหยุด หยดน้ำหมึกกระจายตัวเป็นวงเล็กๆ บนกระดาษฎีกาคนที่เขาไม่อยากพบที่สุดก็คือเจียกุ้ยเฟย!ฮั่วหลินวางพู่กันลง ยกมือขึ้นนวดขมับ “ให้นางเข้ามา”หวังเต๋อกุ้ยรีบออกไปถ่ายทอดคำสั่ง ไม่นาน เจียกุ้ยเฟยก็เดินเข้ามาใบหน้าของนางแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม นางคารวะฮั่วหลินอย่างอ่อนช้อย“ถวายบังคมฝ่าบาท”ฮั่วหลินไม่แม้แต่จะช้อนตาขึ้นมอง เพียงส่งเสียง ‘อืม’ เบาๆ ในจมูกเป็นการตอบรับเจียกุ้ยเฟยราวกับไม่สนใจความเย็นชาของฮั่วหลิน นางลุกขึ้นด้วยตนเอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยว่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 239

    เจียงหวนนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูท้องฟ้าด้านนอก นางกำลังคิดคำนวณเรื่องถุงหอมเมื่อเช้า“พระสนม” เสี่ยวเจายกน้ำแกงสงบจิตที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามา นางกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย “รีบดื่มเพื่อผ่อนคลายจิตใจหน่อยเถิดเพคะ”เจียงหวนเพิ่งจะรับถ้วยน้ำแกงไป เสียงฝีเท้าเร่งรีบอันคุ้นเคยระลอกหนึ่งก็ดังมาจากนอกตำหนัก นำพาแรงกดดันขุมหนึ่งเข้ามาด้วย[ผู้ใดกันมิดูตาม้าตาเรือ กล้าแตะต้องนางเช่นนี้? ข้าจะถลกหนังมันทั้งเป็น!][นางได้รับบาดเจ็บหรือไม่? จะตกใจหรือไม่นะ?]เสียงในใจที่ทั้งบันดาลโทสะและร้อนใจดังขึ้นข้างหูเจียงหวนราวกับพวงประทัดที่ถูกจุดชนวนฮั่วหลินสาวเท้ามายืนอยู่ต่อหน้านาง กวาดสายตาสำรวจเจียงหวนอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับเครื่องสแกนคุณภาพสูง[ดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไรมาก][เพียงแค่หน้าซีดเล็กน้อยเท่านั้น นางจะต้องตกใจมากแน่ๆ][พรุ่งนี้ให้นางติดตามข้าไปว่าราชการในท้องพระโรง และนอนที่ตำหนักหย่างซินเสียเลย มิให้อยู่ห่างข้าแม้แต่ก้าวเดียว ดูสิใครจะกล้าทำอะไรนางอีกหรือไม่!]กลิ่นอายอำมหิตแผ่กระจายรอบตัวเขา บรรยากาศในตำหนักราวกับหยุดชะงักไปชั่วขณะเหล่าข้ารับใช้ก้มหน้ากลั้นหายใจ ไ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 238

    ดอกกุ้ยฮวาในวังเบ่งบานแล้ว กลิ่นหอมลอยอบอวลไปทั่วทั้งตำหนักเว่ยยางเจียงหวนนั่งชันคางอยู่ใต้เฉลียง สั่งการทุกคนให้เตรียมโคมไฟและแม่พิมพ์ขนมสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์เสี่ยวเจานั่งอยู่ข้างๆ นาง ในมือถือถุงหอมที่ปักไปได้ครึ่งหนึ่ง ฝีเข็มบิดเบี้ยวไม่ค่อยน่าดูนัก“พระสนม ท่านดูลวดลายนี้ใช้ได้หรือไม่เพคะ?”เสี่ยวเจายื่นถุงหอมมาให้ราวกับสมบัติล้ำค่า “บ่าวปักลายกระต่ายหยกตำยาเพคะ”เจียงหวนรับไปดู กระต่ายตัวนั้นหัวเบี้ยว ราวกับดื่มสุราจนเมามายก็ไม่ปาน กระบองตำยายิ่งบิดเบี้ยวจนชี้ขึ้นขอบฟ้าแล้วนางอดกลั้นขำไม่ได้ กล่าวหยอกเย้าว่า “นับว่ามีเอกลักษณ์ดี”เสี่ยวเจาเกาหัวอย่างเขินอาย “บ่าวฝีมือไม่ดี ปักหลายอันแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ นี่เป็นชิ้นที่นับว่าดีที่สุดแล้วเพคะ”ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน นางกำนัลน้อยคนหนึ่งยกขนมและน้ำชามา เป็นนางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเจียงหวนนางมีถุงหอมประณีตเหน็บไว้ที่เอวหนึ่งใบ ปักลวดลายดอกกุ้ยฮวาที่ดูซับซ้อน ฝีเข็มละเอียดลออ ดูก็รู้ว่ามีฝีมือด้านการเย็บปักเจียงหวนมองเห็นตั้งแต่แวบแรก “เป็นถุงหอมที่งามนัก เจ้าปักเองหรือ”ฝีมือเช่นนี้ ห่างชั้นกับเสี่ยวเจาหล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 237

    เจียงหวนมองฮั่วหลินอย่างแปลกใจ “ฝ่าบาทจะตรวจฎีกาที่นี่จริงหรือเพคะ?”ฮั่วหลินลุกขึ้น เดินตรงไปนั่งลงที่โต๊ะทรงงานตัวกว้าง“อืม ตำหนักของเจ้าเงียบสงบ เหมาะแก่การตรวจฎีกาพอดี”ไม่นาน หวังเต๋อกุ้ยได้นำขันทีน้อยสองสามคน ยกสิ่งของจำพวกม้วนฎีกา พู่กัน น้ำหมึกรวมถึงตราประทับมาวางบนโต๊ะทรงงานอย่างพินอบพิเทานางกำนัลในตำหนักเองก็ได้ยกน้ำชาและขนมว่างหน้าตาประณีตสองสามอย่างมาถวาย จากนั้นก็ถอยออกไปเงียบๆฮั่วหลินหยิบพู่กันขึ้นมา สีหน้าเคร่งขรึม เข้าสู่สภาวะสะสางราชกิจอย่างจริงจังแสงแดดส่องลอดลายฉลุบนหน้าต่างสาดลงบนใบหน้าด้านข้างของเขา ท่าทางจริงจังของเขามีรังสีน่าเกรงขามที่ชวนให้หยุดหายใจเจียงหวนมิได้รบกวนเขา เพียงหาที่นั่งอ่านตำราเงียบๆบรรยากาศในตำหนักเงียบสงบกว่ายามปกติ ทว่าความคิดของฮั่วหลินกลับมิได้จดจ่ออยู่กับราชกิจทั้งหมดหางตาของเขาเหลือบมองเจียงหวนโดยมิได้ตั้งใจ อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดจากเติ้งหมอม่อพลันหายไปในพริบตาเขาแสร้งทำเป็นเงยหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ อยากจะมองนางให้ชัดขึ้นอีกหน่อยประจวบเหมาะกับที่เจียงหวนเงยหน้าเพื่อจะยืดเส้นยืดสายสักหน่อย สายตาของทั้งคู่สบประสานกันอย่างไม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status