แชร์

บทที่ 11

ผู้เขียน: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
“เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งจะผ่านอุทยานหลวงมา คนจากตำหนักเฉิงเต๋อสองสามคน ก็นั่งอยู่ในศาลานินทาหม่อมฉัน...”

อวี๋ผินพร่ำบ่นไม่หยุด เล่าเรื่องที่ได้ยินในอุทยานหลวงให้เจียกุ้ยเฟยฟัง ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า

“หม่อมฉัน... หม่อมฉันรู้สึกคับข้องใจเหลือเกินเพคะ...”

อวี๋ผินสะอื้นไห้ น้ำตาไหลพราก ปิ่นระย้าบนมวยผมนั้นสั่นไหวไปตามแรงสะอื้น

“ตอนที่ถวายตัวครั้งนั้น หม่อมฉันไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ก็จริง แต่นังพวกนั้นกลับโทษว่าการที่ฝ่าบาทไม่ยอมเสด็จมาวังหลัง เป็นความผิดของหม่อมฉันทั้งหมด ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ควันสีเขียวจาง ๆ ลอยขึ้นมาจากเตากระถางกำยาน เจียกุ้ยเฟยเอนกายอยู่บนเตียง ปลายนิ้วขยับลูกประคำไปมา แต่กลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว

วัน ๆ เอาแต่มาพูดเรื่องไร้สาระหยุมหยิมพวกนี้ น้ำตาที่สะสมมาหลายปีนี่ท่วมตำหนักฉางเล่อได้แล้ว!

“อันผินยังบอกว่าหม่อมฉันเป็นตัวซวยอีกนะเพคะ!”

อวี๋ผินกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น เล็บที่ย้อมสีชาดแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ

นางไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จมอยู่กับความอัปยศของตนเอง ร้องทุกข์กับเจียกุ้ยเฟยไม่หยุด

“เห็นได้ชัดว่าเป็นจวงฉางไจ้ที่ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ แต่กลับทำให้หม่อมฉันต้องมาทนความอัปยศโดยใช่เหตุ!”

“เหอะ”

เจียกุ้ยเฟยพลันแค่นหัวเราะเยาะออกมาเสียงหนึ่ง ลูกประคำในมือกระทบกับโต๊ะข้างเตียงเสียงดังลั่น

ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวแล้ว!

นางเหลือบมองอวี๋ผินอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือ?”

เสียงร้องไห้ของอวี๋ผินหยุดชะงักในทันที นางมองสีหน้าของเจียกุ้ยเฟยอย่างระมัดระวัง

“กุ้ยเฟย ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”

เจียกุ้ยเฟยลุกขึ้นนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นเชยคางของอวี๋ผิน ในดวงตาหงส์นั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

“หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำอวดฉลาด จะตกต่ำจนกลายเป็นตัวตลกของวังหลังได้อย่างไร!”

ในตำหนักจิ่นหวามีคนของนางอยู่ อวี๋ผินกักบริเวณเจียงหวนอย่างไร แล้วก็รีบเสนอหน้าไปหาฝ่าบาทอย่างไร นางรู้ดีแก่ใจ

แค่เจียงหวนคนเดียว ถึงแม้จะรูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง แต่ทางบ้านไม่มีอำนาจ ต่อให้มีข่าวลือว่าได้ถวายตัวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วจะเป็นอย่างไร?

แต่นังโง่ไร้หัวคิดคนนี้ วันรุ่งขึ้นก็ไปกักบริเวณเจียงหวน แถมยังเลียนแบบเจียงหวนทำอาหารให้ฝ่าบาทอีก

ไม่รู้ว่าใครให้ความมั่นใจกับนางกัน!

ตอนนี้ดีเลย ทำเรื่องฉลาดแต่กลับกลายเป็นโง่

ศัตรูของนางต่างแอบหัวเราะเยาะนางลับหลัง บอกว่านางนำคนโง่เง่าเป็นตัวตลกมาไว้ในปกครอง

แต่อวี๋ผินกลับยังกล้ามาเสนอหน้าร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้านาง คิดจะให้นางช่วยเหลือ!

ใบหน้าของอวี๋ผินขาวซีดราวกับกระดาษ อ้าปากคิดจะโต้เถียง แต่คำพูดที่ริมฝีปากกลับถูกสายตาอันเย็นชาของเจียกุ้ยเฟยทำให้ต้องกลืนกลับลงไป

ในเมื่ออวี๋ผินมาขอร้องนางถึงที่แล้ว เช่นนั้นก็ดี ให้อวี๋ผินไปลองหยั่งเชิงก่อนก็แล้วกัน

เจียกุ้ยเฟยมองอวี๋ผินที่อ้ำอึ้งไม่กล้าพูดจา แล้วกวักมือเรียก

“เจ้าเข้ามานี่ ข้าจะชี้ทางสว่างให้”

อวี๋ผินรีบเข้าไปใกล้ ๆ ฟังคำกระซิบของเจียกุ้ยเฟย ใบหน้าที่เคยขาวซีดของนางก็ค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดฝาด

“หม่อมฉัน ขอบพระทัยกุ้ยเฟยที่ชี้แนะเพคะ”

อวี๋ผินคุกเข่าลงกับพื้น จิตใจที่อยากจะต่อสู้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

เจียกุ้ยเฟยแค่นเสียงเย็นชาในใจ ขี้เกียจจะมองอวี๋ผินอีกต่อไป จึงโบกมือให้นางถอยออกไป

หากไม่ใช่เพราะเก็บอวี๋ผินไว้ยังมีประโยชน์ นางคงจะไล่อวี๋ผินไปนานแล้ว

ทางด้านนี้ หลังจากที่อวี๋ผินออกจากตำหนักฉางเล่อแล้ว ก็รีบกลับไปที่ตำหนักจิ่นหวาทันที สั่งให้ชุ่ยอิงไปเรียกเจียงหวนที่ตำหนักรองฝั่งตะวันตก

ไม่นานนัก เจียงหวนกับเสี่ยวเจาก็ตามชุ่ยอิงมาถึงตำหนักใหญ่

ถึงแม้ในใจเจียงหวนจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงก้มหน้า ทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“หม่อมฉันคารวะอวี๋ผิน ไม่ทราบว่าท่านเรียกหม่อมฉันมามีสิ่งใดจะสั่งหรือเพคะ”

หลายวันนี้มานี้นางอยู่ในตำหนักรอง ไม่ได้ไปหาเรื่องใครเลย

ปกติอวี๋ผินไม่ใช่ว่าเกลียดขี้หน้านางที่สุดหรอกหรือ? อยู่ดี ๆ จะมาเรียกนางไปทำไม!

เมื่อเห็นว่าเจียงหวนมาแล้ว อวี๋ผินก็เชิดคางขึ้นมองนาง ท่าทางดูหยิ่งยโสโอหัง

“จวงฉางไจ้ ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงโปรดฝีมือของเจ้า เช่นนั้น เจ้าไปทำอาหารมาสักสองสามอย่าง ให้ข้าได้ลองชิมบ้าง”

เจียงหวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองบนในใจ

อวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักของนาง หลายวันมานี้นางแทบจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว อวี๋ผินจะไม่รู้ได้อย่างไร!

ตอนนี้ยังมาเรียกนางไปทำอาหารอีก นางจะเอาอะไรทำ เอาชีวิตทำหรือ?

เสี่ยวเจาเป็นคนใจร้อน ยังไม่ทันที่นายหญิงจะพูดอะไร ก็ทรุดตัวลงคุกเข่าเสียงดังตุบ

“ทูลพระสนมเพคะ ตำหนักของพวกเราจะไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว จะเอาวัตถุดิบที่ไหนมาถวายท่านได้อีก...”

สีหน้าของอวี๋ผินมืดมนลงทันที แล้วเสียงตวาดของชุ่ยอิงก็ดังตามมา

“นายหญิงของเจ้ายังไม่ได้พูดเลย เจ้าเป็นแค่บ่าวจะมาพูดแทรกทำไม!”

เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเจียงหวน

เสี่ยวเจาเด็กสาวคนนี้อะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวคือปากไวเกินไป

ถ้าอยู่ในละครวังหลัง ตอนแรกก็คงกลายเป็นตัวประกอบที่ต้องตายไปแล้ว

“เสี่ยว...”

เจียงหวนกำลังจะบอกให้เสี่ยวเจาอย่าพูด แต่เสี่ยวเจากลับกลัวว่าอวี๋ผินจะหาเรื่องเจียงหวนเพราะเรื่องนี้ จึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

“พระสนมโปรดพิจารณาด้วยเถิดเพคะ! ถังข้าวสารของนายหญิงน้อยของบ่าวว่างเปล่ามาหลายวันแล้ว แม้แต่...”

เพียะ—

เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจน อวี๋ผินชักมือกลับ ปลอกเล็บยาวแหลมคมข่วนบนใบหน้าของเสี่ยวเจา ทิ้งรอยแดงยาวไว้หนึ่งเส้น

ชุ่ยอิงตกใจจนหน้าซีด รีบเอ่ยขึ้น “พระสนมเพคะ สั่งสอนบ่าวไพร่ไยต้องให้ท่านลงมือเอง ให้พวกบ่าวทำก็ได้เพคะ ท่านอย่าให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเลยเพคะ”

ฝ่ามือของอวี๋ผินชาไปทั้งแถบ แต่นางยังไม่หายโมโห

แค่นางกำนัลตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาทำโอหังต่อหน้านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดูท่าว่าการลงโทษครั้งที่แล้วจะเบาเกินไป!

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น สั่งการว่า “ลากออกไป ตบปาก!”

สิ้นเสียง ก็มีนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาทันที หิ้วปีกเสี่ยวเจาแล้วลากออกไป

“เสี่ยวเจา!”

เจียงหวนตกใจจนหน้าซีด พยายามจะเข้าไปขวางโดยไม่รู้ตัว

หลายเดือนที่ทะลุมิติเข้ามาในนิยายนี้ แม้ว่านางจะถูกเมินเฉยและทารุณมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยเกิดเรื่องใหญ่โตถึงขั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ

พอเคยชินกับการปล่อยปละละเลยแล้ว จิตใจก็พลอยเกียจคร้านทำตัวสบาย ๆ ไปด้วย จนลืมไปว่าตนเองอยู่ในวังหลังที่พร้อมจะขย้ำคนได้ทุกเมื่อ!

เมื่อเห็นว่าครั้งนี้อวี๋ผินเอาจริง เจียงหวนก็ร้อนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

เด็กโง่คนนี้ ครั้งที่แล้วก็เจ็บตัวไปทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ทำไมยังไม่รู้จักจำอีก!

มีหรือที่อวี๋ผินจะยอมให้เจียงหวนช่วยคน สายตาฉายแววอำมหิต ตวาดเสียงกร้าว

“ใครก็ได้ ยังไม่รีบจับตัวจวงฉางไจ้ให้ข้าอีก!”

มีบ่าวไพร่เยี่ยงไร ก็มีนายหญิงเยี่ยงนั้น!

นางยังต้องการให้เจียงหวนทำงานให้นางชั่วคราว จึงยังไม่สามารถลงโทษเจียงหวนได้ ถือว่านางโชคดีไป

แต่นางกำนัลคนนี้ วันนี้นางจะต้องสั่งสอนให้ได้!

“เพคะ”

นางกำนัลอีกสองคนเดินเข้ามา ประกบซ้ายขวาคนละข้าง แล้วจับตัวเจียงหวนไว้

เจียงหวนร้อนใจจนเหงื่อท่วมตัว ในสถานการณ์เช่นนี้จะแข็งขืนไม่ได้ ต้องใช้วิธีประนีประนอม

“พระสนม เป็นเสี่ยวเจาที่ไม่รู้ความ นางก็แค่กลัวว่าจะปรนนิบัติไม่ดีพอ ทำให้พระสนมไม่พอใจ ขอให้พระสนมโปรดเมตตาด้วยเถิดเพคะ!”

นางก้มหน้าต่ำมาก ท่าทางแทบจะคุกเข่าลงไปในดิน

พยายามพูดจาอ่อนหวาน เกลี้ยกล่อมอวี๋ผิน

แต่ยังไม่ทันที่เจียงหวนจะพูดจบ น้ำเสียงที่เย็นชาไร้ความปรานีของอวี๋ผินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เอาผ้ามาอุดปากจวงฉางไจ้ไว้ ข้าไม่ต้องการให้จวงฉางไจ้พูดตอนนี้!”

เมื่อครู่ตอนที่ให้เจียงหวนทำอาหารให้นาง เจียงหวนไม่ตอบ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว!

ชุ่ยอิงเป็นคนมีไหวพริบอย่างยิ่ง รีบเอาผ้าเช็ดหน้ายัดเข้าไปในปากของเจียงหวนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงหวนคายผ้าเช็ดหน้าออกมา ยังหาเชือกมามัดไว้ด้วย

“อื้อ ๆ ...”

เจียงหวนดิ้นรนไม่หยุด แต่แขนทั้งสองข้างกลับถูกจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

ร่างเล็ก ๆ ของเสี่ยวเจาถูกลากออกไป ความตื่นตระหนกของนางอยู่ในสายตาของเจียงหวนอย่างชัดเจน ทะลวงหัวใจของนางจนเป็นรู

เมื่อเสียงของไม้ไผ่ฟาดลงบนเนื้อหนังดังขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างของเจียงหวนก็เกร็งขึ้นมาทันที

นางได้ยินเสียงกรีดร้องครั้งแรกของเสี่ยวเจาค้างอยู่ในลำคอ ดูเหมือนนางจะพยายามอดทนไม่ร้องออกมา

แต่พอถูกไม้ไผ่ฟาดลงไปอีกสองสามครั้ง เสี่ยวเจาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“อ๊า!”

เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตบหน้าเป็นระยะ ๆ

เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเสี่ยวเจา ไม่นานแก้มของนางก็บวมเป่ง

พออ้าปากกรีดร้อง ก็จะทำให้แผลฉีกขาด เลือดก็ไหลออกมาอีกครั้ง

นางกำนัลที่ลงโทษล้วนเป็นคนของอวี๋ผิน ลงมืออย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย เพียงครู่เดียว เสียงกรีดร้องของเสี่ยวเจาก็ค่อย ๆ แผ่วลง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 388

    เจียงหวนมองไปตามสายตาของนาง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัวคาดว่าโจวฝูคงกำลังยุ่งอยู่กับงานในบ้านสุนัข จึงไม่ได้ดูแลเจ้าหมาน้อยที่ขี้สงสัยพวกนี้ไว้ให้ดี“ใช่แล้ว” เจียงหวนนวดต้นคอที่รู้สึกปวดเมื่อย พลางยกมือขึ้นชี้บอก“ล้วนเป็นลูกหมาที่เพิ่งหย่านมได้ไม่นาน ซนมาก เจ้าตัวหูเหลืองซนที่สุดนั่นชื่อจี๋เฟิง อีกสองตัวที่ขนสีขาวหิมะทั้งตัวก็คือทาเสวี่ย ตัวที่มีขนสีเทาเหมือนก้อนเมฆก้อนน้อยๆ อยู่บนหน้าผากชื่อจุยอวิ๋น เจ้าตัวข้างหลังสุดที่ดูนิ่งๆ นั้นชื่อจิงเหวย เป็นแม่ของพวกมัน”เจียงหวนเพิ่งจะพูดจบ เหอหลิงก็กระโจนไปอยู่ตรงหน้าพวกมันเหมือนหมาตัวใหญ่อีกตัวนางย่อตัวนั่งลงอย่างระมัดระวัง ยื่นนิ้วมือออกไป จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาและอ่อนโยน“จี๋เฟิง? ทาเสวี่ย? จุยอวิ๋น? เด็กดี ให้พี่สาวดูพวกเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”หมาน้อยสามตัวยังคงมีท่าทีระแวดระวังต่อมนุษย์ที่แผ่กลิ่นอายเป็นมิตรตรงหน้าอยู่บ้าง โดยเฉพาะแม่หมาจิงเหลยทว่าความตื่นเต้นและความชื่นชอบที่บริสุทธิ์จากตัวเหอหลิงราวกับได้แพร่เชื้อใส่พวกมัน จี๋เฟิงที่ใจกล้าที่สุดลองดมนิ้วมือของเหอหลิง จมูกชื้นๆ ของมันขยับสูดดมอยู่สองสามครั้งเหอ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 387

    “พระสนม พระสนมชอบสิ่งนี้หรือไม่เพคะ? หากชอบ ข้าสอนถักได้นะเพคะ!” เสียงของเหอหลิงไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้[ฮี่ๆ ถ้าสอนพระสนมทำด้วยตัวเอง ก็จะสนิทกันมากขึ้นไม่ใช่เหรอ?][ฉันนี่ฉลาดจริงๆ ระบบ รีบชมฉันหน่อยสิ!]ระบบ : 「…ตี๊ด แจ้งเตือนการตรวจพบว่าโฮสต์กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่เป้าหมายอย่างแข็งขัน เบี่ยงเบนจากพล็อตเรื่อง」[โธ่ รู้แล้วน่า รู้แล้ว ฉันก็กำลังกอบกู้ประเทศชาติทางอ้อมอยู่ไม่ใช่รึไง!][ตีสนิทกับพระสนมไว้ ต่อไปก็จะได้มีสิทธิ์มีเสียงเวลาอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทไม่ใช่หรือไง?][นี่เขาเรียกว่ากลยุทธ์แบบอ้อม!]ระบบ : 「…」เจียงหวนได้ยินทฤษฎีของเหอหลิง คิ้วงามกระดกสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงภารกิจพิชิตใจ ถือว่าหาข้ออ้างได้ไหลลื่นทีเดียวทว่าเมื่อนางเห็นท่าทางที่ราวกับกำลังถวายสมบัติล้ำค่าของเหอหลิง หากนางบอกว่าไม่สนใจ คงจะได้เห็นเหอหลิงน้อยที่คอตกด้วยความเศร้ากระมัง“ฟังดูน่าสนใจ เจ้ายินดีสอนข้าหรือ?” เจียงหวนจงใจถาม“ยินดี! ยินดีอยู่แล้วเพคะ!” เหอหลิงได้ยินเจียงหวนตอบตกลง ก็ยิ้มกว้างทันที ราวกับกลัวว่าเจียงหวนจะเปลี่ยนใจ นางรีบล้วงไม้ถักที่มีรูปร่างเรียวยาวสองแ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status