เข้าสู่ระบบเจียงหวนมองไปตามสายตาของนาง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัวคาดว่าโจวฝูคงกำลังยุ่งอยู่กับงานในบ้านสุนัข จึงไม่ได้ดูแลเจ้าหมาน้อยที่ขี้สงสัยพวกนี้ไว้ให้ดี“ใช่แล้ว” เจียงหวนนวดต้นคอที่รู้สึกปวดเมื่อย พลางยกมือขึ้นชี้บอก“ล้วนเป็นลูกหมาที่เพิ่งหย่านมได้ไม่นาน ซนมาก เจ้าตัวหูเหลืองซนที่สุดนั่นชื่อจี๋เฟิง อีกสองตัวที่ขนสีขาวหิมะทั้งตัวก็คือทาเสวี่ย ตัวที่มีขนสีเทาเหมือนก้อนเมฆก้อนน้อยๆ อยู่บนหน้าผากชื่อจุยอวิ๋น เจ้าตัวข้างหลังสุดที่ดูนิ่งๆ นั้นชื่อจิงเหวย เป็นแม่ของพวกมัน”เจียงหวนเพิ่งจะพูดจบ เหอหลิงก็กระโจนไปอยู่ตรงหน้าพวกมันเหมือนหมาตัวใหญ่อีกตัวนางย่อตัวนั่งลงอย่างระมัดระวัง ยื่นนิ้วมือออกไป จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาและอ่อนโยน“จี๋เฟิง? ทาเสวี่ย? จุยอวิ๋น? เด็กดี ให้พี่สาวดูพวกเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”หมาน้อยสามตัวยังคงมีท่าทีระแวดระวังต่อมนุษย์ที่แผ่กลิ่นอายเป็นมิตรตรงหน้าอยู่บ้าง โดยเฉพาะแม่หมาจิงเหลยทว่าความตื่นเต้นและความชื่นชอบที่บริสุทธิ์จากตัวเหอหลิงราวกับได้แพร่เชื้อใส่พวกมัน จี๋เฟิงที่ใจกล้าที่สุดลองดมนิ้วมือของเหอหลิง จมูกชื้นๆ ของมันขยับสูดดมอยู่สองสามครั้งเหอ
“พระสนม พระสนมชอบสิ่งนี้หรือไม่เพคะ? หากชอบ ข้าสอนถักได้นะเพคะ!” เสียงของเหอหลิงไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้[ฮี่ๆ ถ้าสอนพระสนมทำด้วยตัวเอง ก็จะสนิทกันมากขึ้นไม่ใช่เหรอ?][ฉันนี่ฉลาดจริงๆ ระบบ รีบชมฉันหน่อยสิ!]ระบบ : 「…ตี๊ด แจ้งเตือนการตรวจพบว่าโฮสต์กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่เป้าหมายอย่างแข็งขัน เบี่ยงเบนจากพล็อตเรื่อง」[โธ่ รู้แล้วน่า รู้แล้ว ฉันก็กำลังกอบกู้ประเทศชาติทางอ้อมอยู่ไม่ใช่รึไง!][ตีสนิทกับพระสนมไว้ ต่อไปก็จะได้มีสิทธิ์มีเสียงเวลาอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทไม่ใช่หรือไง?][นี่เขาเรียกว่ากลยุทธ์แบบอ้อม!]ระบบ : 「…」เจียงหวนได้ยินทฤษฎีของเหอหลิง คิ้วงามกระดกสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงภารกิจพิชิตใจ ถือว่าหาข้ออ้างได้ไหลลื่นทีเดียวทว่าเมื่อนางเห็นท่าทางที่ราวกับกำลังถวายสมบัติล้ำค่าของเหอหลิง หากนางบอกว่าไม่สนใจ คงจะได้เห็นเหอหลิงน้อยที่คอตกด้วยความเศร้ากระมัง“ฟังดูน่าสนใจ เจ้ายินดีสอนข้าหรือ?” เจียงหวนจงใจถาม“ยินดี! ยินดีอยู่แล้วเพคะ!” เหอหลิงได้ยินเจียงหวนตอบตกลง ก็ยิ้มกว้างทันที ราวกับกลัวว่าเจียงหวนจะเปลี่ยนใจ นางรีบล้วงไม้ถักที่มีรูปร่างเรียวยาวสองแ
เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?
หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล
ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่
[หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ







