Share

บทที่ 8

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เนื่องจากเรื่องที่ตำหนักหย่างซิน อวี๋ผินจึงอารมณ์ขุ่นมัวอย่างยิ่ง เมื่อกลับถึงตำหนักจิ่นหวาก็อาละวาดอย่างหนัก

ชุ่ยอิงกลัวว่าอวี๋ผินจะโมโหจนล้มป่วยไป จึงทั้งปลอบทั้งเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดอวี๋ผินก็ยอมไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

น่าเสียดายที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ดันมาพบกับลี่เฟยเข้า

ไม่เพียงแต่จะไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจ แถมยังไปเจอเรื่องซวยเข้ามาอีก

ชุ่ยอิงนึกเสียใจที่พามาในตอนแรก ขณะที่กำลังร้อนใจอยู่นั้น ลี่เฟยก็ประคองมือนางกำนัลเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ แล้ว

ปิ่นระย้าทองคำประดับหยกที่ข้างขมับสั่นไหวเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของนาง ขับเน้นให้ใบหน้าที่ธรรมดาสามัญนั้นดูร้ายกาจยิ่งขึ้น

ลี่เฟยเหลือบมองอวี๋ผินที่กำลังถูกชุ่ยอิงประคองอยู่ จงใจพูดเสียงดัง “อ้าว นี่ไม่ใช่น้องหญิงอวี๋ผินจากตำหนักจิ่นหวาหรอกหรือ?”

“ได้ยินว่าเมื่อวานนี้อยู่ที่หน้าตำหนักหย่างซินถึงกับยืนไม่ตรง วันนี้กลับมีแรงออกมาเดินเล่นแล้วหรือนี่?”

เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ

ในวังจะมีความลับอะไรได้ นางแพศยานี่ต้องได้ยินข่าวลือมาแน่ ๆ ตั้งใจจะมาทำให้นางอับอาย

ลี่เฟยเป็นคนของไทเฮา แม้จะไร้ซึ่งความโปรดปรานและรูปโฉมที่งดงาม แต่ก็อาศัยไทเฮาหนุนหลังจึงทำตัวกร่างในวังหลังมานานหลายปี

แต่แล้วอย่างไรเล่า ลี่เฟยมีไทเฮาหนุนหลัง ส่วนนางก็มีเจียกุ้ยเฟยหนุนหลังเช่นกัน

อวี๋ผินไม่ยอมแพ้ สะบัดมือของชุ่ยอิงออกทันที ยืดหลังตรงแล้วแค่นหัวเราะเยาะ ในคำพูดแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยอย่างบอกไม่ถูก

“พี่หญิงลี่เฟยนี่ข่าวสารว่องไวเสียจริงนะเพคะ วัน ๆ เอาแต่หมอบอยู่ที่หน้าประตูวังคอยฟังข่าวลือ ระวังจะโดนลมพัดจนหน้าเบี้ยวไปเสียล่ะ!”

“หากว่างมากถึงเพียงนี้ สู้ไปคัดลอกพระสูตรหลาย ๆ ม้วนถวายไทเฮาไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ต้องมาคอยจ้องจับผิดคนอื่นอยู่ทั้งวัน คนที่ไม่รู้คงนึกว่าพี่หญิงอิจฉาที่ข้าได้รับความโปรดปราน!”

ลี่เฟยกับเจียกุ้ยเฟยต่อสู้กันมาสิบปี สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นเอ่ยถึงคำว่า “ความโปรดปราน”

เมื่อตอนนั้นเจียกุ้ยเฟยเคยพูดประโยคหนึ่งว่า “รูปโฉมของพี่หญิงลี่เฟยนี้ ช่วยให้ฝ่าบาททรงประหยัดเครื่องประทินโฉมไปได้เยอะเลยนะเพคะ” ทำให้นางกลายเป็นตัวตลกของทั้งหกตำหนัก

บัดนี้นังอวี๋ผินต่ำต้อยผู้นี้ก็ยังกล้ามาเหยียบย่ำจุดอ่อนของนางอีก!

ลี่เฟยหุบพัดกลมในมือลง สายตาก็พลันปรากฏความมืดมนขึ้นมาทันที

“ปากของน้องหญิงนี่ ช่างจัดจ้านยิ่งกว่าซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานเสียอีก”

นางได้ยินมาว่าอวี๋ผินมุดหัวอยู่ในครัวง่วนอยู่กับการทำอาหาร สุดท้ายก็ยกอาหารจานนี้ออกมาจนทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธ

“เกรงว่าจะไม่ใช่อาหารที่ทำให้ฝ่าบาททรงสำลัก แต่เป็นตัวเจ้าที่ทำให้ฝ่าบาททรงสำลักมากกว่ากระมัง?”

อวี๋ผินตัวแข็งทื่อ ในหูมีเสียงดังหึ่ง ๆ

เพื่อเอาใจฮ่องเต้ นางแอบเทน้ำผึ้งดอกไหวลงไปในซี่โครงครึ่งกา ใครจะรู้ว่าฮ่องเต้จะไม่โปรดกลิ่นนี้...

เรื่องนี้นางคิดจะเก็บให้เน่าตายไปในท้อง ไม่นึกว่าวันนี้จะมาเจอลี่เฟย

แผนการของนางถูกสาวไส้ออกมาจนหมดเปลือก!

“พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยเพคะ!” อวี๋ผินจิกเล็บเข้าที่ฝ่ามืออย่างแรง บนใบหน้ากลับยิ้มเย้ายวนมากขึ้น มีเพียงน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเย็นชา

“ต่อให้น้องจะย่ำแย่เพียงใด ก็ยังดีกว่าพี่หญิงอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่บ่อยครั้ง ส่วนป้ายชื่อสีเขียวที่กรมวังฝ่ายในส่งไปให้คงจะฝุ่นจับเขรอะหมดแล้ว ที่น้องยังพอมีไม้ขนไก่ดี ๆ อยู่บ้าง ให้พี่หญิงยืมไปปัดฝุ่นดีหรือไม่เพคะ?”

สีหน้าของลี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เช่นกัน นางจะได้รับความโปรดปรานหรือไม่ ถึงคราวที่อวี๋ผินจะมานินทาแล้วหรือ!

นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ บอกตัวเองให้ใจเย็น

“มิต้องหรอก แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับความโปรดปราน ก็ยังดีกว่านกกระจอกบางตัวที่คิดว่าตัวเองได้เกาะกิ่งไม้แล้วจะกลายเป็นหงส์มีฐานะสูงส่ง”

ในที่สุดอวี๋ผินก็ไม่สามารถควบคุมสีหน้าได้อีกต่อไป

ว่าใครเป็นนกกระจอก ไม่ดูหน้าตัวเองบ้างเลย!

น้ำเสียงของนางแหลมขึ้นทันที “ข้าทำไปด้วยความจริงใจ พี่หญิงเอาแต่บิดเบือนเจตนาของคนอื่นเช่นนี้ มิน่าเล่าถึงไม่เป็นที่ชื่นชอบ!”

เมื่อลี่เฟยเห็นนางไม่เกรงใจ ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน โต้กลับทันที

“จริงใจหรือ? หากจริงใจจริง ๆ เมื่อคืนคงไม่เกิดเรื่องอึกทึกครึกโครมเช่นนั้น น้องหญิงอวี๋ผิน นี่เจ้ากำลังสร้างความเดือดร้อนให้ฝ่าบาท หรือกำลังหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองกันแน่?”

อวี๋ผินถูกคำพูดของลี่เฟยทำเอาโกรธจนแทบจะพูดไม่ออก

แต่เรื่องเมื่อคืนก็นับว่านางขายหน้าจริง ๆ ยากที่จะโต้เถียงอะไรออกไปได้

นางไม่อยากจะทนอัปยศอยู่ที่นี่อีก จึงกัดฟันแล้วหันหลังจะจากไป แต่กลับถูกเสียงของลี่เฟยเรียกไว้

“น้องหญิงอวี๋ผิน อย่าเพิ่งรีบไปสิ ข้ายังอยากจะถามหน่อยว่า เมื่อคืนตอนที่เจ้าถูกฝ่าบาทไล่ออกมา รองเท้าหลุดหายไปข้างหนึ่งเลยหรือ นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“หากพี่หญิงสงสัยใคร่รู้ถึงเพียงนั้น ก็ไปเก็บเอาเองที่หน้าตำหนักหย่างซินสิเพคะ”

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น

“เจ้า!” ลี่เฟยโกรธจนปลายนิ้วสั่นเทา “ช่างปากดีเสียจริง! ข้าจะคอยดูว่า เมื่อถึงเวลาที่เจียกุ้ยเฟยปกป้องเจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าจะยังอวดดีไปได้อีกนานแค่ไหน!”

“เช่นนั้นก็ไม่รบกวนพี่หญิงเป็นห่วงแล้ว”

อวี๋ผินจัดปอยผมข้างหู เดินผ่านร่างของลี่เฟยไป ชายกระโปรงพัดพาลมเย็นเยียบวูบหนึ่ง

ทั้งสองแยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์ อวี๋ผินพาชุ่ยอิงกลับมาที่ตำหนักจิ่นหวาอีกครั้ง

ความอัดอั้นตันใจสุมอยู่ในอก นางทุบทำลายเครื่องกระเบื้องไปครึ่งห้อง โกรธจนกินอะไรไม่ลงแล้ว

ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักรองฝั่งตะวันตก

เจียงหวนนั่งยอง ๆ อยู่หน้าเตาไฟ ปลายนิ้วหยิบแป้งกองสุดท้ายที่เหลืออยู่ก้นถุงออกมาดู รู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

ไม่ได้รับความโปรดปรานก็ทนได้ ถูกทุบตีด่าทอก็ทนได้

แต่ไม่มีข้าวกินนี่ทนไม่ได้แล้ว!

“นายหญิงน้อย ถังข้าวสารก็ว่างเปล่าแล้วเพคะ...” เสี่ยวเจาอุ้มถังเปล่าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างอิดเอื้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์

“เสี่ยวเจา สวรรค์ จะฆ่าข้าให้ตายแล้ว”

เจียงหวนแหงนหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจ พับแขนเสื้อขึ้นอย่างยอมรับชะตากรรม เปิดโอ่งดินเผาที่มุมห้อง หยิบเนื้อหมักครึ่งชิ้นที่ห่อด้วยใบบัวออกมา พร้อมกับเด็ดต้นหอมสองสามต้นที่ปลูกไว้ในกระถางเล็ก ๆ มาด้วย

ก็คงต้องแก้ขัดไปแบบนี้ก่อน ถ้ากินไม่อิ่มก็ไม่มีแรงคิดหาวิธีแก้ไขหรอกนะ

เมื่อมองดูวัตถุดิบไม่กี่อย่างที่รวบรวมมาได้อย่างยากลำบากตรงหน้า ใบหน้าของเจียงหวนก็เต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ก่อนจะคว้ากระทะขึ้นมาแล้วเริ่มทำอาหาร

ตอนที่แป้งทอดไส้เนื้อร้อน ๆ ออกจากกระทะ เสี่ยวเจาก็ถูกกลิ่นหอมยั่วจนกลืนน้ำลาย

“หอมเหลือเกิน! หอมกว่าอาหารที่บ่าวเคยได้กลิ่นที่ห้องเครื่องเสียอีก!”

เจียงหวนกระตุกมุมปาก นึกถึงอาหารที่ห้องเครื่องยกไปถวายบนโต๊ะของฮั่วหลิน

เทียบกับของพวกนั้นแล้ว จะไม่หอมได้อย่างไร?

น่าเสียดายที่วัตถุดิบหมดเกลี้ยงแล้ว ทำให้ฝีมือของนางถูกจำกัด

“กินข้าว!” เจียงหวนถอนหายใจ วางจานแป้งทอดลงบนโต๊ะ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางคงจะต้องจัดจานให้สวยงาม แต่ตอนนี้?

เจียงหวนเหลือบมองขอบหน้าต่างที่ผุพัง ในใจหัวเราะเหอะ ๆ ช่างมันเถอะ

ไม่มีอารมณ์

สองนายบ่าวล้างมือเสร็จก็นั่งลงกินข้าวที่โต๊ะเตี้ย

แป้งที่กรอบนอกนุ่มในแตกกระจายในปาก น้ำจากเนื้อที่เค็มหอมและชุ่มฉ่ำก็ทะลักออกมาเต็มโพรงปากทันที

เสี่ยวเจาถูกความร้อนลวกจนต้องสูดปากอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ยอมคายแป้งทอดในปากออกมา

เพียงแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้วัตถุดิบหมดแล้ว สีหน้าของเสี่ยวเจาก็พลันเศร้าหมองทันที

“เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ หากสามารถซื้อวัตถุดิบเองได้โดยไม่ต้องผ่านอวี๋ผินก็คงจะดี”

“ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะได้ชิมฝีมือของนายหญิงน้อยอีกเมื่อไร”

คำพูดของเสี่ยวเจานี้กลับช่วยเตือนสติเจียงหวน

ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ในใจนางมีแผนการแล้ว

“ใครบอกว่าซื้อไม่ได้กันล่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status