공유

บทที่ 8

작가: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เนื่องจากเรื่องที่ตำหนักหย่างซิน อวี๋ผินจึงอารมณ์ขุ่นมัวอย่างยิ่ง เมื่อกลับถึงตำหนักจิ่นหวาก็อาละวาดอย่างหนัก

ชุ่ยอิงกลัวว่าอวี๋ผินจะโมโหจนล้มป่วยไป จึงทั้งปลอบทั้งเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดอวี๋ผินก็ยอมไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

น่าเสียดายที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ดันมาพบกับลี่เฟยเข้า

ไม่เพียงแต่จะไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจ แถมยังไปเจอเรื่องซวยเข้ามาอีก

ชุ่ยอิงนึกเสียใจที่พามาในตอนแรก ขณะที่กำลังร้อนใจอยู่นั้น ลี่เฟยก็ประคองมือนางกำนัลเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ แล้ว

ปิ่นระย้าทองคำประดับหยกที่ข้างขมับสั่นไหวเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของนาง ขับเน้นให้ใบหน้าที่ธรรมดาสามัญนั้นดูร้ายกาจยิ่งขึ้น

ลี่เฟยเหลือบมองอวี๋ผินที่กำลังถูกชุ่ยอิงประคองอยู่ จงใจพูดเสียงดัง “อ้าว นี่ไม่ใช่น้องหญิงอวี๋ผินจากตำหนักจิ่นหวาหรอกหรือ?”

“ได้ยินว่าเมื่อวานนี้อยู่ที่หน้าตำหนักหย่างซินถึงกับยืนไม่ตรง วันนี้กลับมีแรงออกมาเดินเล่นแล้วหรือนี่?”

เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ

ในวังจะมีความลับอะไรได้ นางแพศยานี่ต้องได้ยินข่าวลือมาแน่ ๆ ตั้งใจจะมาทำให้นางอับอาย

ลี่เฟยเป็นคนของไทเฮา แม้จะไร้ซึ่งความโปรดปรานและรูปโฉมที่งดงาม แต่ก็อาศัยไทเฮาหนุนหลังจึงทำตัวกร่างในวังหลังมานานหลายปี

แต่แล้วอย่างไรเล่า ลี่เฟยมีไทเฮาหนุนหลัง ส่วนนางก็มีเจียกุ้ยเฟยหนุนหลังเช่นกัน

อวี๋ผินไม่ยอมแพ้ สะบัดมือของชุ่ยอิงออกทันที ยืดหลังตรงแล้วแค่นหัวเราะเยาะ ในคำพูดแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยอย่างบอกไม่ถูก

“พี่หญิงลี่เฟยนี่ข่าวสารว่องไวเสียจริงนะเพคะ วัน ๆ เอาแต่หมอบอยู่ที่หน้าประตูวังคอยฟังข่าวลือ ระวังจะโดนลมพัดจนหน้าเบี้ยวไปเสียล่ะ!”

“หากว่างมากถึงเพียงนี้ สู้ไปคัดลอกพระสูตรหลาย ๆ ม้วนถวายไทเฮาไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ต้องมาคอยจ้องจับผิดคนอื่นอยู่ทั้งวัน คนที่ไม่รู้คงนึกว่าพี่หญิงอิจฉาที่ข้าได้รับความโปรดปราน!”

ลี่เฟยกับเจียกุ้ยเฟยต่อสู้กันมาสิบปี สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นเอ่ยถึงคำว่า “ความโปรดปราน”

เมื่อตอนนั้นเจียกุ้ยเฟยเคยพูดประโยคหนึ่งว่า “รูปโฉมของพี่หญิงลี่เฟยนี้ ช่วยให้ฝ่าบาททรงประหยัดเครื่องประทินโฉมไปได้เยอะเลยนะเพคะ” ทำให้นางกลายเป็นตัวตลกของทั้งหกตำหนัก

บัดนี้นังอวี๋ผินต่ำต้อยผู้นี้ก็ยังกล้ามาเหยียบย่ำจุดอ่อนของนางอีก!

ลี่เฟยหุบพัดกลมในมือลง สายตาก็พลันปรากฏความมืดมนขึ้นมาทันที

“ปากของน้องหญิงนี่ ช่างจัดจ้านยิ่งกว่าซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานเสียอีก”

นางได้ยินมาว่าอวี๋ผินมุดหัวอยู่ในครัวง่วนอยู่กับการทำอาหาร สุดท้ายก็ยกอาหารจานนี้ออกมาจนทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธ

“เกรงว่าจะไม่ใช่อาหารที่ทำให้ฝ่าบาททรงสำลัก แต่เป็นตัวเจ้าที่ทำให้ฝ่าบาททรงสำลักมากกว่ากระมัง?”

อวี๋ผินตัวแข็งทื่อ ในหูมีเสียงดังหึ่ง ๆ

เพื่อเอาใจฮ่องเต้ นางแอบเทน้ำผึ้งดอกไหวลงไปในซี่โครงครึ่งกา ใครจะรู้ว่าฮ่องเต้จะไม่โปรดกลิ่นนี้...

เรื่องนี้นางคิดจะเก็บให้เน่าตายไปในท้อง ไม่นึกว่าวันนี้จะมาเจอลี่เฟย

แผนการของนางถูกสาวไส้ออกมาจนหมดเปลือก!

“พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยเพคะ!” อวี๋ผินจิกเล็บเข้าที่ฝ่ามืออย่างแรง บนใบหน้ากลับยิ้มเย้ายวนมากขึ้น มีเพียงน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเย็นชา

“ต่อให้น้องจะย่ำแย่เพียงใด ก็ยังดีกว่าพี่หญิงอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่บ่อยครั้ง ส่วนป้ายชื่อสีเขียวที่กรมวังฝ่ายในส่งไปให้คงจะฝุ่นจับเขรอะหมดแล้ว ที่น้องยังพอมีไม้ขนไก่ดี ๆ อยู่บ้าง ให้พี่หญิงยืมไปปัดฝุ่นดีหรือไม่เพคะ?”

สีหน้าของลี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เช่นกัน นางจะได้รับความโปรดปรานหรือไม่ ถึงคราวที่อวี๋ผินจะมานินทาแล้วหรือ!

นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ บอกตัวเองให้ใจเย็น

“มิต้องหรอก แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับความโปรดปราน ก็ยังดีกว่านกกระจอกบางตัวที่คิดว่าตัวเองได้เกาะกิ่งไม้แล้วจะกลายเป็นหงส์มีฐานะสูงส่ง”

ในที่สุดอวี๋ผินก็ไม่สามารถควบคุมสีหน้าได้อีกต่อไป

ว่าใครเป็นนกกระจอก ไม่ดูหน้าตัวเองบ้างเลย!

น้ำเสียงของนางแหลมขึ้นทันที “ข้าทำไปด้วยความจริงใจ พี่หญิงเอาแต่บิดเบือนเจตนาของคนอื่นเช่นนี้ มิน่าเล่าถึงไม่เป็นที่ชื่นชอบ!”

เมื่อลี่เฟยเห็นนางไม่เกรงใจ ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน โต้กลับทันที

“จริงใจหรือ? หากจริงใจจริง ๆ เมื่อคืนคงไม่เกิดเรื่องอึกทึกครึกโครมเช่นนั้น น้องหญิงอวี๋ผิน นี่เจ้ากำลังสร้างความเดือดร้อนให้ฝ่าบาท หรือกำลังหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองกันแน่?”

อวี๋ผินถูกคำพูดของลี่เฟยทำเอาโกรธจนแทบจะพูดไม่ออก

แต่เรื่องเมื่อคืนก็นับว่านางขายหน้าจริง ๆ ยากที่จะโต้เถียงอะไรออกไปได้

นางไม่อยากจะทนอัปยศอยู่ที่นี่อีก จึงกัดฟันแล้วหันหลังจะจากไป แต่กลับถูกเสียงของลี่เฟยเรียกไว้

“น้องหญิงอวี๋ผิน อย่าเพิ่งรีบไปสิ ข้ายังอยากจะถามหน่อยว่า เมื่อคืนตอนที่เจ้าถูกฝ่าบาทไล่ออกมา รองเท้าหลุดหายไปข้างหนึ่งเลยหรือ นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“หากพี่หญิงสงสัยใคร่รู้ถึงเพียงนั้น ก็ไปเก็บเอาเองที่หน้าตำหนักหย่างซินสิเพคะ”

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น

“เจ้า!” ลี่เฟยโกรธจนปลายนิ้วสั่นเทา “ช่างปากดีเสียจริง! ข้าจะคอยดูว่า เมื่อถึงเวลาที่เจียกุ้ยเฟยปกป้องเจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าจะยังอวดดีไปได้อีกนานแค่ไหน!”

“เช่นนั้นก็ไม่รบกวนพี่หญิงเป็นห่วงแล้ว”

อวี๋ผินจัดปอยผมข้างหู เดินผ่านร่างของลี่เฟยไป ชายกระโปรงพัดพาลมเย็นเยียบวูบหนึ่ง

ทั้งสองแยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์ อวี๋ผินพาชุ่ยอิงกลับมาที่ตำหนักจิ่นหวาอีกครั้ง

ความอัดอั้นตันใจสุมอยู่ในอก นางทุบทำลายเครื่องกระเบื้องไปครึ่งห้อง โกรธจนกินอะไรไม่ลงแล้ว

ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักรองฝั่งตะวันตก

เจียงหวนนั่งยอง ๆ อยู่หน้าเตาไฟ ปลายนิ้วหยิบแป้งกองสุดท้ายที่เหลืออยู่ก้นถุงออกมาดู รู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

ไม่ได้รับความโปรดปรานก็ทนได้ ถูกทุบตีด่าทอก็ทนได้

แต่ไม่มีข้าวกินนี่ทนไม่ได้แล้ว!

“นายหญิงน้อย ถังข้าวสารก็ว่างเปล่าแล้วเพคะ...” เสี่ยวเจาอุ้มถังเปล่าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างอิดเอื้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์

“เสี่ยวเจา สวรรค์ จะฆ่าข้าให้ตายแล้ว”

เจียงหวนแหงนหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจ พับแขนเสื้อขึ้นอย่างยอมรับชะตากรรม เปิดโอ่งดินเผาที่มุมห้อง หยิบเนื้อหมักครึ่งชิ้นที่ห่อด้วยใบบัวออกมา พร้อมกับเด็ดต้นหอมสองสามต้นที่ปลูกไว้ในกระถางเล็ก ๆ มาด้วย

ก็คงต้องแก้ขัดไปแบบนี้ก่อน ถ้ากินไม่อิ่มก็ไม่มีแรงคิดหาวิธีแก้ไขหรอกนะ

เมื่อมองดูวัตถุดิบไม่กี่อย่างที่รวบรวมมาได้อย่างยากลำบากตรงหน้า ใบหน้าของเจียงหวนก็เต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ก่อนจะคว้ากระทะขึ้นมาแล้วเริ่มทำอาหาร

ตอนที่แป้งทอดไส้เนื้อร้อน ๆ ออกจากกระทะ เสี่ยวเจาก็ถูกกลิ่นหอมยั่วจนกลืนน้ำลาย

“หอมเหลือเกิน! หอมกว่าอาหารที่บ่าวเคยได้กลิ่นที่ห้องเครื่องเสียอีก!”

เจียงหวนกระตุกมุมปาก นึกถึงอาหารที่ห้องเครื่องยกไปถวายบนโต๊ะของฮั่วหลิน

เทียบกับของพวกนั้นแล้ว จะไม่หอมได้อย่างไร?

น่าเสียดายที่วัตถุดิบหมดเกลี้ยงแล้ว ทำให้ฝีมือของนางถูกจำกัด

“กินข้าว!” เจียงหวนถอนหายใจ วางจานแป้งทอดลงบนโต๊ะ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางคงจะต้องจัดจานให้สวยงาม แต่ตอนนี้?

เจียงหวนเหลือบมองขอบหน้าต่างที่ผุพัง ในใจหัวเราะเหอะ ๆ ช่างมันเถอะ

ไม่มีอารมณ์

สองนายบ่าวล้างมือเสร็จก็นั่งลงกินข้าวที่โต๊ะเตี้ย

แป้งที่กรอบนอกนุ่มในแตกกระจายในปาก น้ำจากเนื้อที่เค็มหอมและชุ่มฉ่ำก็ทะลักออกมาเต็มโพรงปากทันที

เสี่ยวเจาถูกความร้อนลวกจนต้องสูดปากอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ยอมคายแป้งทอดในปากออกมา

เพียงแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้วัตถุดิบหมดแล้ว สีหน้าของเสี่ยวเจาก็พลันเศร้าหมองทันที

“เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ หากสามารถซื้อวัตถุดิบเองได้โดยไม่ต้องผ่านอวี๋ผินก็คงจะดี”

“ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะได้ชิมฝีมือของนายหญิงน้อยอีกเมื่อไร”

คำพูดของเสี่ยวเจานี้กลับช่วยเตือนสติเจียงหวน

ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ในใจนางมีแผนการแล้ว

“ใครบอกว่าซื้อไม่ได้กันล่ะ”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 382

    เจียงหวนเห็นท่าทางสับสนมึนงงของนาง ก็รู้สึกอดขำไม่ได้การตอบสนองนี้ ช้าจนอ้อมโลกได้สองรอบครึ่งแล้วกระมังแต่ดูจากที่เปลี่ยนเรื่องพูดแล้ว แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ“อืม” เจียงหวนรับคำ “ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลินกุ้ยผิน รับสั่งให้ย้ายเข้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตะวันตก ภายหน้าเจ้าก็รักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ”“ฮือ ๆ ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระสนม”เหอหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา นางกอดแขนของเจียงหวนไว้แน่น หากไม่ใช่ว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว นางยังอยากคุกเข่าโขกหัวให้ด้วยซ้ำ“พระสนม พระสนมดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉัน… วันหน้าไม่ว่าสิ่งใดหม่อมฉันล้วนเชื่อฟังพระสนมเพคะ”เจียงหวนถูกนางกอดจนรู้สึกอึดอัด อยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิมครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายของเหอหลิงที่สั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายนางจึงกอดตอบเบาๆเหมือนปลาหมึกน้อยขี้กลัวไม่มีผิดเลยกอดแน่นขนาดนี้ กระดูกแทบจะหักอยู่แล้วแต่เห็นแก่ที่นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญหนีดีฝ่อมา ปล่อยให้กอดสักครู่ก็ได้ในขณะเดียวกัน เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยดังมาจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ฮั่วหลินสะสางเรื่องราววุ่นวายใน

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 381

    [ฮั่วถิง! เจ้าปีศาจชั่วนั่น!] เหอหลิงจมอยู่ในความอัดอั้นตันใจและความหวาดผวาอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเม็ดใหญ่ๆ พรั่งพรูไม่ขาดสาย“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงหวนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางเอ่ยหยอกล้อจากนั้นก็ตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าให้หายร้อนเล็กน้อย ก่อนจะป้อนให้นาง “มีอะไรประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดื่มยาก่อนเถิด”เหอหลิงอ้าปากอย่างว่าง่าย ยาขมๆ ไหลลงคอ ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้[ขมจัง][แต่พระสนมเป็นคนป้อน ต่อให้ขมอีกแค่ไหนก็กลายเป็นหวานแล้ว]นางดื่มยาทีละคำๆ ขณะที่น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ผสมเข้ากับยา ทั้งขมทั้งเค็มเจียงหวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ก็อดทอนถอนใจไม่ได้ร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว น้ำหูน้ำตาไหลลงมาผสมกับยาแล้ว นี่คิดจะเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพของยา’ หรืออย่างไรช่างเถิด อย่างไรก็ควรระบายออกมาบ้างหลังจากป้อนยาถ้วยหนึ่งหมดอย่างยากลำบาก สีหน้าของเหอหลิงคล้ายว่าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลทะลักออกมาจนน่ากลัวนางมองเจียงหวน ริมฝีปากสั่นเทา คล้ายมีคำพูดในใจเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงที่ใด“เอาล่ะๆ ร้องไห้จนตาบวมแล้ว เหมือนกบในอุทยานหลวงเลย”เจียงหวนวางถ้วยยาลง

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status