“หึ!” แพททริกสันกลอกตาอย่างเซ็งๆ รู้ว่าน้องชายกำลังจะเล่นบทดราม่า
“คือ... พอดีว่าขากลับผมไม่มีรถน่ะครับพ่อ รถผมเสีย! เลยฝากป๋าไปซ่อม พ่อจะใจดีให้ผมยืมรถไปใช้ก่อนสักคันได้ไหมครับ” เจคอปหันไป ออดอ้อนผู้เป็นบิดา
“ได้อยู่แล้วเจค ก็รถของลูกเสียนี่! ไม่ได้แข่งแพ้แล้วโดนยึดรถ ซะหน่อยจริงไหม? ฮ่าๆๆ” เลโอนาดท์ประชดคนช่างอ้อนอย่างอดไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” แพททริกสันหัวเราะชอบใจที่ผู้เป็นบิดารู้ทันน้องชาย
เจคอปกลอกตาอย่างเพลียๆ ในขณะที่ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเขากันอย่างขบขัน แต่ก็ไม่ทำให้เขายอมละความพยายามง่ายๆ
“ว่าแต่ คันไหนก็ได้ใช่ไหมครับพ่อ”
“ใช่! คันไหนก็ได้ยกเว้น Ford Mustang Hennessey คันเดียวลูก ฮ่าๆๆ” เลโอนาดท์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ” แพททริกสันยกกำปั้นขึ้นชนกับผู้เป็นบิดาอย่างถูกใจ ที่ดักทางคนเจ้าเล่ห์ได้อีกครั้ง
“โธ่! พ่ออะ ผมเล็งคันนั้นก่อนเลยนะ” เจคอปโอดครวญขึ้นทันทีที่ทุกคนรู้ทันตนไปหมดซะทุกอย่าง
มะลิฉัตรหัวเราะใส่คนที่หน้าบูดอย่างชอบใจ ก่อนจะถามไถ่เรื่องงานที่บริษัทกับโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะมีขึ้น แพททริกสันบอกรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน ที่ตั้งแต่เข้ามาในงานยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
“แพท มองหาใครเหรอลูก?” มะลิฉัตรแกล้งถาม
“เอ่อ...ผมยังไม่เห็นน้องพิมเลยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ
“อ๋อ! น้องพิมยังอยู่ข้างบนน่ะลูก สงสัยใกล้จะเสร็จแล้วมั้ง” มะลิฉัตรบอกพลางหันไปยิ้มให้สามี
“งั้นแพทขึ้นไปตามน้องเองครับ” แพททริกสันรีบอาสา
“รีบๆ ขึ้นไปเลยนะครับคุณแพททริกสัน ก่อนที่น้ำลายจะฟูมปาก ฮ่าๆๆ” คนที่แพ้พนันอดแขวะไม่ได้ หลังจากเสียอาเกร่าไปก็ดูเหมือนอะไรๆ จะดูขัดหูขัดตาไปหมด ‘หึ! ที่แท้โคแก่ก็อยากกินหญ้าอ่อน’
“ทำไมน้ำลายถึงต้องฟูมปากของฉันฮะเจค!” แพททริกสันหันมาถามด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งที่รู้ว่าน้องชายหมายถึงอะไร
“นั่นสิ! ทำไมล่ะเจค” มะลิฉัตรถามต่อด้วยความสงสัย
“แม่เคยเห็นไหมครับเวลาที่โคแก่ๆ มันอยากจะเคี้ยวหญ้าอ่อนๆ น่ะ น้ำลายมันจะฟูมปากยังไงล่ะครับ ฮ่าๆๆ” เจคอปบอกเสร็จก็หัวเราะอย่างชอบใจที่ได้เอาคืน หลังจากที่ถูกหัวเราะเยาะมานาน
‘หึ! เขาไม่โกรธให้มันเห็นหรอก ทั้งๆ ที่เขาโคตรจะซีเรียสเรื่องนี้สุดๆ เขารู้ว่าน้องชายหงุดหงิดที่เสียรถ แต่ขอโทษ...วันนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่ารออยู่’
“เจค! นี่นายเป็นวันนั้นของเดือนหรือเปล่าฮะ! ฉันแค่ 35 ไม่ใช่ 75 ซะหน่อย ที่สำคัญฉันยังหนุ่มยังแน่นและยังมีไฟ แล้วฉันก็คิดว่านายน่าจะรู้ดีนะ เพราะนายเพิ่งจะเสียอาเกร่าให้ฉัน อย่างนี้ใช่ไหมครับแม่ ที่คนไทยเขาเรียกว่าแพ้แล้วพาลน่ะครับ” แพททริกสันร่ายยาว
เลโอนาดท์และมะลิฉัตรพากันหัวเราะบุตรชายคนเล็ก ที่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมด!
“โอเคๆ ผมคงจะเป็นวันนั้นของเดือนอย่างที่ป๋าบอกน่ะแหละ เชิญเลยครับคุณแพททริกสัน เมื่อกี้บอกว่ารีบอยู่ไม่ใช่เหรอ” เจคอปรีบบอก พร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อบอกว่ายอมแพ้
แพททริกสันยกยิ้มตรงมุมปากนิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์ เพื่อหาใครบางคนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดหลายปี
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปยังห้องแต่งตัว ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก...สองปีที่ยาวนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว!
ขณะที่มะลิฉัตรเอ่ยชวนสามีและบุตรชายคนสุดท้องเข้าไปในงาน ก็พอดีกับที่เสียงเครื่องยนต์ของ Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) สีเเดงสวยเฉียบ ป้ายทะเบียน R8888 ดังกระหึ่มแล่นตรงเข้ามายังคฤหาสน์ และไม่ถึงสองนาทีก็เข้ามาจอดตรงลานน้ำพุด้านหน้า ใกล้ๆ กับที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากออร์แลนโด้ บุตรชายคนรองของตระกูล! ชายหนุ่มที่ได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งแห่งปี
“สวัสดีครับพ่อ แม่! สบายดีนะครับ” ออร์แลนโด้เอ่ยพร้อมกับสวมกอดมารดา ก่อนจะเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาต่อ
ทั้งสองกอดตอบและเอ่ยทักทายบุตรชายคนรองที่หายหน้าไปร่วม สี่เดือน
“สบายดีจ้ะ ว่าแต่ลูกผอมลงไปหรือเปล่าอลัน?” มะลิฉัตรมองบุตรชายไปมาอย่างสำรวจ
“ก็นิดหน่อยครับ ช่วงนี้ยุ่งมากครับแม่” ออร์แลนโด้ตอบยิ้มๆ
“ดูแลตัวเองด้วยนะ แม่เป็นห่วงรู้ไหม?” มะลิฉัตรยิ้มก่อนจะชวนบุตรชายและสามีเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ท่ามกลางสายตาของสาวๆ ที่หันมองตามสองหนุ่มหล่อกันเป็นแถว
แพททริกสันเดินมาถึงหน้าห้องแต่งตัวของหญิงสาว ที่ตอนนี้เขายอมรับอย่างไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป ว่าอยากเจอเธอมากขนาดไหน
ก๊อกๆๆ ซูซี่ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง รีบเดินไปเปิดประตูให้คนมาเยือน พลางคิดในใจว่าน่าจะเป็นสาวใช้ขึ้นมาตามหญิงสาว
“คร่าาาา รอแป๊บหนึ่งนะคะ” ซูซี่ลากเสียงอย่างเพลียๆ ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตูให้คนด้านนอก แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงราวกับโดนมนตร์สะกดที่สั่งให้กะเทยยืนนิ่งอยู่กับที่ หลังจากได้เห็นความหล่อเหลาคมคายของแพททริกสันชัดๆ เต็มสองตา ‘แม่เจ้า... ใครก็ได้ช่วยตบหน้าอีซูซี่ทีเถอะ! นี่มันเทพบุตรชัดๆ’
แพททริกสันเดินเบี่ยงตัวหลบสาวประเภทสองที่ยืนแข็งเป็นหินไปอย่างไม่สนใจ ทันทีที่เข้ามาในห้องก็เห็นพิมพลอยยืนก้มมองเช็กความเรียบร้อยของชุดที่ใส่อยู่ตรงกระจกบานใหญ่ ‘พระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อ เขาดูรูปเธอทุกวัน แต่พอมาเห็นตัวจริงแบบนี้ เขาชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ เธอสวยและมีเสน่ห์ เย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเจอ ที่เคยสัมผัสมา’
พิมพลอยมัวแต่สำรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย ก่อนจะออกไปยังงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของคุณมะลิฉัตรที่ด้านนอก พอเงยหน้าขึ้นมองที่กระจกก็ตกใจที่เห็นแพททริกสันยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังของเธอ
“สวัสดีค่ะน้องพิม!” แพททริกสันเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง
“พะ...พี่แพท” พิมพลอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ค่ะ! พี่เอง ออกไปได้แล้ว” ชายหนุ่มตอบแล้วหันไปเอ่ยปากไล่สาวประเภทสองที่ยืนเซ่ออยู่ตรงประตูห้อง
“ฮะ!... เอ่อ ค่ะๆ ซูซี่ขอตัวก่อนนะคะคุณพิม” ซูซี่ที่เพิ่งได้สติหลังจากที่ยืนแข็งเป็นหินไปนานรีบขอตัว แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางมึนๆ งงๆ
“สะ...สวัสดีค่ะพี่แพท...เอ่อ คือว่า...คือว่าน้องพิมกำลังจะเข้าไปในงานพอดีค่ะ” พิมพลอยหันมามองคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเธออย่างตื่นเต้น!
“น้องพิมกลัวพี่เหรอคะคนดี ดูซิ! สั่นใหญ่เลย หึๆ” แพททริกสันเอ่ยถามและขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“เอ่อ...” หญิงสาวอายหน้าแดงก่ำเมื่ออยู่ห่างจากอีกฝ่ายไม่ถึงคืบ
“คุณแม่ให้พี่ขึ้นมาตามน้องพิมน่ะค่ะ อ้อ! แล้วพี่ก็มีของจะให้เราด้วย” ชายหนุ่มบอกก่อนจะล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบสร้อยที่มีจี้เป็นคำว่า P&P โดยฝังเพชรเอาไว้ตรงส่วนหัวโค้งของตัวพีทั้งสองตัว ซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษสำหรับเธอ
หญิงสาวหน้าแดงปลั่ง ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่ออีกฝ่ายสวมสร้อยให้ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากยังต้นคอระหงอย่างแผ่วเบา
“อ๊ะ!” พิมพลอยสะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำแบบนี้กับเธอ
แพททริกสันยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างชอบใจกับท่าทางเขินอายของสาวเจ้า ก่อนจะค่อยๆ เชยคางของเธอขึ้นแล้วกดจูบเบาๆ ลงยังริมฝีปากบางอวบอิ่ม ที่เขาถวิลหามาตลอด ‘เขาเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเธอ!’
หญิงสาวที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับจูบแสนหวาน พยายามดึงสติที่ล่องลอยให้กลับมา ‘พระเจ้า! เขาทำแบบนี้อีกแล้ว!’
สองปีก่อน...
เขาจูบเธอครั้งแรกตอนงานวันเกิดของเขา หลังจากที่เขาท้าดวลเหล้ากับคาเรนเทีย สุดท้ายทุกคนต่างก็เมาจนบอดี้การ์ดต้องช่วยกันหามกลับห้อง แพททริกสันเห็นจะหนักกว่าคนอื่น คุณมะลิฉัตรเลยขอให้เธอขึ้นไปช่วยดูอีกฝ่าย ขณะที่ท่านต้องไปดู เจคอปที่เมาไม่แพ้กันในห้องถัดไป
‘พี่แพทคะ! พี่แพท! น้องพิมเข้าไปได้ไหมคะ' พิมพลอยร้องเรียกคนข้างในห้อง แต่ก็เงียบ! ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เธอจึงล้วงกุญแจที่มาดามให้มาและกำลังจะไขประตูเข้าไป แต่อยู่ๆ คนด้านในก็เปิดประตูออกมา แล้วดึงเธอเข้าไปในห้อง และตรึงแขนทั้งสองของเธอเอาไว้กับประตูห้อง เขาจู่โจมรวดเร็วไม่ให้เธอได้มีโอกาสตั้งตัวใดๆ
จูบที่รุนแรงและดุดันราวกับต้องการจะลงโทษเธอให้ขาดใจตายในตอนแรก เริ่มเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลและเนิ่นนาน จนทำให้เธอหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปหมด
จนกระทั่งมือหนาของเขาเริ่มลูบไล้บั้นท้ายของเธอไปมา เธอจึงได้สติ และทุบที่หน้าอกของเขาให้หยุดการกระทำทุกอย่าง
เขาครางในลำคอราวกับกำลังหงุดหงิดที่ถูกขัดใจ แต่ก็ยอมถอนจูบออกให้แต่โดยดี เธอรู้สึกถึงลิ้นอุ่นๆ แล้วก็กลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ร้อนแรงและความหวานปานจะขาดใจ
เธอสั่นไปหมด แข้งขาแทบจะไม่มีแรงยืน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงต่อไป
แทบจะทุกสายตาต่างพากันหันมามอง เมื่อเห็นแพททริกสันเดินโอบไหล่พิมพลอยลงมาจากชั้นVIPที่คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้ย่างกรายขึ้นไปสาวๆ ต่างตะลึงเมื่อเห็นผู้ชายที่ดูสมบูรณ์แบบ ทั้งบุคลิกที่ดูเป็นผู้นำทุกท่วงท่าของประธานใหญ่ของโรคาซานเดอร์ ผู้ชายที่ติด TOP 10ถึง5ปีซ้อน ที่เพิ่งประกาศข่าวช็อกวงการไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าเตรียมสละโสดใน อีกสามเดือนข้างหน้า จนกลายเป็นประเด็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และที่สำคัญหญิงสาวที่แพททริกสันจะแต่งงานด้วยก็คือสาวสวยเจ้าของฉายานางฟ้าเอเชีย ที่หนุ่มๆ ในมหาวิทยาลัยตั้งให้พิมพลอย สาวน้อยต่างแดนที่หุ่นแสนจะเย้ายวน ไม่ว่าจะรุ่นพี่หรือรุ่นน้องและรุ่นเดียวกัน ต่างพากันมองเหลียวหลังทุกครั้งที่เห็นเธอเดินผ่านแต่ทว่า...กลับไม่มีผู้ชาย คนไหนได้เข้าใกล้เธอ เพราะหนุ่มที่เคยตามจีบ ต่างได้รับจดหมายเตือนสั้นๆ ว่า‘R1111…เตือนครั้งแรก! ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย อย่ายุ่งกับพิมพลอย!’ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในวงสังคมชั้นสูงว่า
“ฮ่าๆๆๆ” มือขวาคนสนิทหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่กับคำพูดของผู้เป็นนายที่กล่าวถึงเพื่อนรักจนแทบจะหาดีไม่ได้!‘นี่บอสเขาไม่รู้ตัวเหรอว่า ตัวเองน่ะเคยเป็นยังไงมาก่อน!’“ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานต้องทำต่อ ไปก่อนนะครับบอส คุณพิมหมึกไข่นึ่งมะนาวกับต้มยำกุ้งอร่อยมากครับ” มือขวาคนสนิทที่อิ่มแล้วรีบขอตัว ก่อนที่จะได้กินยำโปรตีนของเจ้านายต่อจากกินข้าว ชายหนุ่มรีบเดินไปหอบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ เข้าไปไว้ในห้องทำงาน ทิ้งให้ ผู้เป็นนายบรรยายสรรพคุณเพื่อนรักต่อ“พี่แพทก็! คิดอะไรก็ไม่รู้ น้องพิมรักพี่แพทแค่คนเดียวค่ะ ห้ามคิดแบบนี้อีกนะคะ”หญิงสาวบอกเสร็จก็ขยับไปหอมแก้มของอีกฝ่ายเพื่อย้ำให้มั่นใจ!“จริงนะคะ” แพททริกสันยิ้มก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง“จริงค่ะ แต่น้องพิมมีเรื่องจะถามพี่แพท” พิมพลอยมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอเกือบลืมไปขึ้นมาได้“ถามอะไรคะ?” ชายหนุ่มรู้สึกเสียววูบกับสายตาที่มองมา“พี่แพททำอะไรตอนที่น้
พิมพลอยที่หาเสื้อผ้าใส่เรียบร้อยแล้ว เดินออกมาจากห้อง แต่งตัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใช่ เธอมีเรื่องต้องคุยกับพี่แพท เธอรู้ว่ารอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่หน้าอกและอีกหลายๆ ที่ มันคือรอยคิสมาร์ก! เพราะเธอเคยเห็นนีน่าหรือลิซ่าก็มีหลังจากที่ไปออกเดต แต่ของเธอมีทั้งที่หน้าอกและตามตัวอีกหลายแห่งหรือว่าเมื่อคืนเขาจะทำอะไรเธอ? เธอคิดทบทวนในใจ จนกระทั่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ก็เห็นรอยเลือดที่หยดเป็นทางพิมพลอยหัวใจกระตุกวูบขึ้นมาทันใด ‘พี่แพทจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ?’ เธอรู้สึกใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงเดินตามไปอีกห้องที่ประตูเป็นชั้นวางหนังสือเปิดทิ้งเอาไว้เธอเดินตามรอยเลือดเข้าไปจนถึงห้องน้ำ ก็เห็นชายหนุ่มนอนหลับตาแช่ในอ่างที่มีฟองสบู่ลอยอยู่เต็ม“พี่แพทคะ พี่แพทเป็นอะไรหรือเปล่า น้องพิมเห็นรอยเลือดหยดเป็นทางเลย” ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไร พิมพลอยจึงรีบเอ่ยถามออกไปแพททริกสันลืมตาขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องน้ำอย่างอึ้งๆ ‘พระเจ้า! สาบานได้ว่าตอนนี้เขาสงบแล้วแต่พอเห็นหน้าเธอปุ๊บภาพเปลือยเปล่า
“ครับ! พอดีพวกเราดื่มสังสรรค์กับคนสนิทตั้งแต่บ่าย นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้วผมอยากกลับไปอาบน้ำแล้วนอนกอดคนรักที่ห้องมากกว่า”แพททริกสันเอ่ยเสียงดังอย่างจงใจ ‘มองอะไรนักหนาวะ! บอกชัดขนาดนี้แล้วยังจะมองอยู่อีกเดี๋ยวพ่อก็ควักลูกตาทิ้งซะ’“บอสครับ คืนนี้ไปนอนที่คฤหาสน์หรือว่าเพนต์เฮาส์ครับ”จิมมี่เจมส์แกล้งเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่เคลียร์ทางกลับเพนต์เฮาส์ไว้ก่อนแล้ว ‘ไอ้หน้าจืดนี่วอนหาที่ตายจริงๆ’“บอกคนของเรา คืนนี้ฉันกับน้องพิมจะกลับไปนอนด้วยกันที่เพนต์เฮาส์” ชายหนุ่มแสร้งเอ่ย“งั้นเรากลับก่อนนะ ไปค่ะพี่แพท” พิมพลอยรีบเอ่ยลาเพื่อนอีกครั้ง แล้วดึงแขนคนขี้หึงให้ออกมาข้างนอกคลับ กลัวอีกฝ่ายจะเผลอไปต่อยเพื่อนเธอเข้า มาร์กชอบมองหน้าเธอด้วยสายตาแบบนี้ทุกครั้งที่เจอในชั่วโมงเรียน บางครั้งเธอก็จิตตกคิดว่าอีกฝ่ายเป็นโรคจิต แต่มาร์กก็ไม่ได้พูดหรือทำอะไรมากไปกว่าการมองเธอนานๆ เท่านั้น!นีน่ากับมาร์กเดินตามออกมาส่งที่หน้าคลับ ก็เห็นบูกัตติเวย์รอนสีดำเงาป้ายทะเบียน R1111 ของแพททริกสัน หญิงสาวถึงกับอ้า
แพททริกสันสั่ง Blue Lable พร้อมมิกเซอร์ ส่วนพิมพลอยสั่งเหล้าบ๊วยญี่ปุ่นที่เทเหล้าใส่น้ำแข็งก็พร้อมดื่มได้เลย (เหล้าบ๊วยมีรสชาติหอมหวาน ไม่เหมือนดื่มเหล้า เหมือนดื่มน้ำรสบ๊วยมากกว่า แต่มีทีเด็ดคือถ้ากินลูกบ๊วยที่อยู่ในเหล้าเมื่อไหร่ จะเมาสุดๆ ถึงขั้นเซนิดๆ และอาจเสียการทรงตัว)ยี่สิบนาทีต่อมา...นีรยา จอแดนและจิมมี่เจมส์ก็มาถึง สองหนุ่มดื่ม Blue Lable ตามแพททริกสัน ส่วนนีรยาดื่มเหล้าบ๊วยกับพิมพลอยตามสไตล์ผู้หญิงที่ชอบเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายพนักงานต่างทยอยเสิร์ฟของที่สั่งไปอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ทุกคนดื่มกิน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แพททริกสันก็เสนอให้เล่าเรื่องตลกๆ ที่แต่ละคนไปเจอมา พร้อมกับวางเดิมพันกันไว้ว่าถ้าเรื่องของใครเด็ดสุดจะได้เงินเดิมพัน!แล้วเรื่องเด็ดสุดที่ทุกคนต่างลงคะแนนให้ก็คือเรื่องของนีรยา ที่เจ้าตัวเล่าว่า...สมัยตอนเป็นเด็กฟันหน้าเธอหลอสามซี่ เป็นเวลาสองปีกว่าฟันใหม่ก็ยังไม่ยอมขึ้น เวลาพูดหรือยิ้มก็จะมีแต่คนหัวเราะเพราะเธอมีแต่ฟันล่างไม่มีฟันบน ตอนงานลอยกระทงนีรยาได้เป็นนางนพมาศ ผู้ใหญ่บ้านสั่งกำชับไม่ให้เธอพูดหรือยิ้มแบบเห็
ทันทีที่เข้ามาในห้อง มิเชลก็ต้องตกใจที่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของบอสใหญ่ที่เธอแอบหลงรักมานาน หันมามองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “เธอเป็นคนยกน้ำส้มมาให้คนรักของฉันใช่ไหม!” แพททริกสัน เอ่ยถาม“เอ่อ...ชะ...ใช่ค่ะ” มิเชลตอบเสียงสั่นๆ เพราะปกติเคยเจอชายหนุ่มแต่ในโหมดเย็นชาและเงียบขรึมซะมากกว่าจะเห็นในมุมที่อารมณ์ร้อนแบบนี้ “เธอใส่อะไรลงไปในน้ำส้ม?” แพททริกสันถามเข้าเรื่องอย่างไม่รีรอ“เอ่อ...เอ่อมิเชลไม่ได้ใส่อะไรลงไปเลยค่ะคุณแพท” มิเชลรู้สึกกลัว ลนลานจนเผลอเรียกประธานใหญ่ว่า คุณแพท ออกไปอย่างไม่ทันได้คิด ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มอารมณ์เดือดดาล แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี! เพราะตอนนี้เขารู้สึกเดือดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!“ใครใช้ให้เธอเรียกฉันว่าแพท! ผู้หญิงที่เรียกฉันว่าแพทได้มีอยู่สองคนเท่านั้นคือ แม่กับเมีย ซึ่งเธอไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!!